Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ยิว-ฮามาส ตายกันไปข้าง

ArjanPong | 30-11-2555 | เปิดดู 2942 | ความคิดเห็น 0

 

 

 

 

              หยุดยิงยิว-ฮามาส ถาวรหรือชั่วคราว?...

 

 

 

จาก น.ส.พ เดลินิวส์...

ในที่สุดอิสราเอลกับขบวนการฮามาส กลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ ตกลงหยุดยิงกันได้แล้ว โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ค่ำวันพุธที่ผ่านมา เพื่อยุติเหตุนองเลือดที่ดำเนินมาถึง 8 วันทั้งในและรอบนอกเขตฉนวนกาซา คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 160 ศพ แบ่งเป็นชาวปาเลสไตน์ไม่น้อยกว่า 155 ศพ และชาวอิสราเอล 5 ศพ บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก

โมฮัมเหม็ด คาเมล อัมร์ รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์แถลงข่าวร่วมกับฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐว่า ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาส เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลาตามข้อตกลงหยุดยิงนั้น อิสราเอลจะต้องยุติการกระทำอันเป็นปรปักษ์ต่อดินแดนทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมถึงการโจมตีเป้าหมายตัวบุคคลของฝ่ายปาเลสไตน์ ในขณะที่ ปาเลสไตน์จะต้องยุติการโจมตีด้วยจรวดและยุติการโจมตีทุกรูปแบบ ตลอดแนวพรมแดนด้านที่ติดกับอิสราเอล

จะว่าไปแล้วชนวนเหตุของศึกยิว-ฮามาสรอบนี้ มาจากนโยบายเด็ดหัวแกนนำกลุ่มหัวรุนแรงในปาเลสไตน์ การโจมตีเมืองกาซาของอิสราเอลเปิดฉากขึ้นด้วยการถล่มทางอากาศ สังหารอาเหม็ด จาบารี ผู้บัญชาการทหารของฮามาส ซึ่งถูกกล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังก่อการร้ายในอิสราเอลทั้งหมดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยกองกำลังป้อง กันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ประกาศเริ่มยุทธการ ออปเปอ เรชั่น พิลลาร์ ออฟ ดีเฟนซ์ เพื่อปกป้องพลเรือนชาวยิวจากจรวดและปืนคอที่ยิงมาจากกลุ่มติดอาวุธในเมืองกาซา

เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลบอกว่า การเริ่มยุทธการครั้งนี้ เพราะเขารับไม่ได้ต่อสถานการณ์ที่พลเมืองชาวยิวถูกคุกคามจากจรวดของกลุ่มหัวรุนแรงในปาเลสไตน์ ส่วน ฮามาส ซึ่งควบคุมฉนวนกาซาตั้งแต่ปี 2550 บอกว่า การสังหารจาบารีเป็นการเปิดประตูนรก ผู้สังเกตการณ์บางคนกล่าวว่า ปฏิบัติการโจมตีปาเลสไตน์ของอิสราเอลครั้งนี้มีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ ก่อนถึงการเลือกตั้งอิสราเอลในช่วงต้นปีหน้า แต่ผู้สันทัดกรณีบางรายเชื่อว่า ปฏิบัติการ พิลลาร์ ออฟ ดีเฟนซ์ มีเป้าหมายเพื่อทำลายแผนการของปาเลสไตน์ที่เสนอตัวขอเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติที่ไม่ใช่รัฐ

อย่างไรก็ตาม นายกฯเนทันยาฮูยืนกรานว่า เขาไม่ได้ต้องการโค่นล้มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซา แต่รัฐบาลอิสราเอลมีเป้าหมายเพื่อปกป้องพลเมืองชาวยิว และทำให้เครือข่ายก่อการร้ายในเมืองกาซาเป็นอัมพาต นายกฯเนทันยาฮูเคยประกาศเมื่อกลางเดือนว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอลโจมตีเป้าหมายที่เป็นก่อการร้ายกว่า 1,000 ครั้ง และทำสำเร็จในการทำลายอาวุธที่กลุ่มหัวรุนแรงยิงโจมตีอิสราเอล

กาซี ฮาหมัด รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของฮามาสยืนกรานว่า ฮามาสไม่ใช่ผู้รุกราน และไม่ต้องการเห็นความรุนแรงปะทุขึ้น พร้อมอ้างว่า ฮามาสตกเป็นเหยื่อของปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล แต่ฮาหมัดย้ำว่า
ฮามาสมีสิทธิในการปกป้องชีวิตของประชาชนชาวปาเลสไตน์ และจะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล หากกาซาไม่ปลอดภัย เมืองต่าง ๆ ในอิสราเอลก็จะไม่ปลอดภัยด้วยเช่นกัน

การหยุดยิงระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ได้สร้างความยินดีปรีดาให้แก่ประชาคมโลก ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ชื่นชมการทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยได้ดีของอียิปต์ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี จนทำให้อิสราเอลกับฮามาสตกลงหยุดยิง โอบามายังย้ำถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างสหรัฐกับอียิปต์ ส่วนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แถลงชื่นชมมอร์ซีเกี่ยวกับความพยายามของเขาจนบรรลุเป้าหมาย

เบื้องหลังที่นำไปสู่การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ส่วนหนึ่งมาจากประชาคมโลกกดดันรัฐบาลอิสราเอลและแกนนำฮามาสอย่างหนักให้ตกลงหยุดยิง บัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติเดินทางไปภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อส่งเสริมความพยายามของผู้นำอียิปต์และนาบิล อัล-อราบี เลขาธิการสันนิบาตอาหรับ

การหยุดยิงอิสราเอล-ฮามาสมีนัยต่อกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางหรือไม่ การเจรจาร่วม 20 ปีระหว่างอิสราเอลกับทางการปาเลส ไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ไม่สามารถทำข้อตกลงสันติภาพอย่างถาวร การเจรจารอบล่าสุดได้ล่มลงไปเมื่อปี 2553 แต่ฮามาสไม่ได้มีส่วนร่วมในการเจรจากับอิสรา เอล ฮามาสไม่ยอมรับสิทธิในการดำรงอยู่ของอิสราเอล และคัดค้านข้อตกลงออส โลปี ค.ศ. 1993 ที่ลงนามโดยองค์การปลดปล่อยปาเลส ไตน์ (พีแอลโอ)

ก่อนอิสราเอลเปิดฉากถล่มกาซาระลอกใหม่ ยิวกับทางการปาเลสไตน์มีความขัดแย้งกันอย่างหนัก การเจรจาของสองฝ่ายจบลงโดยไม่มีความคืบหน้า คณะเจรจาปาเลสไตน์ยืนกรานว่า การปลูกสร้างนิคมชาวยิวบนดินแดนยึดครองจะต้องหยุด ก่อนที่ทั้งสองตกลงรื้อฟื้นการเจรจาโดยตรงอีกครั้ง แต่คณะเจรจาอิสราเอลบอกว่า การเจรจาของสองฝ่ายไม่ควรตั้งเงื่อนไขล่วงหน้า

รัฐบาลอิสราเอลและสหรัฐไม่พอใจที่ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์มีแผนยื่นเรื่องขอเป็นสมาชิกสหประชาชาติที่ไม่ใช่รัฐต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในวันที่ 29 พฤศจิกายน ปาเลสไตน์อ้างว่า การขอเป็นสมาชิกสหประชาชาติที่ไม่ใช่รัฐจะช่วยทำให้การเจรจาสันติภาพดีขึ้น แต่อิสราเอลกับสหรัฐย้ำว่า หนทางเดียวที่จะนำพาปาเลสไตน์ไปสู่ความเป็นเอกราชคือการเจรจาโดยตรงกับอิสราเอลเท่านั้น

ประธานาธิบดีโอบามาเคยกล่าวไว้ว่า หากสถานการณ์ในเมืองกาซาอยู่ในขั้นเลวร้าย มีความเป็นไปได้ที่การเจรจาสันติภาพที่นำไปสู่การตั้งรัฐปาเลสไตน์อยู่เคียงข้างอิสราเอล จะถูกปัดออกไปให้เป็นเรื่องของอนาคต.

 

 

               

            อิสราเอล-ปาเลสไตน์ ปฐมบทแห่งความขัดแย้ง

 

 By janghuman

 

สงครามเชื้อชาติระหว่างพวกยิว (อิสราเอล) กับชาวอาหรับ ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยอดีตมาจนถึงปัจจุบัน นับเวลาได้หลายร้อยหลายพันปี ก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติลงได้เสียที ความขัดแย้งจากเดิมที่มีสาเหตุมาจากเรื่องของชาติพันธุ์ถูกขยับขยายลุกลามออกไป ทั้งเรื่องของดินแดน ผลประโยชน์ต่างๆ นานา ความขัดแย้งนี้ก่อให้เกิดหายนะอันใหญ่หลวงที่ดูเหมือนจะหาจุดสิ้นสุดไม่ได้ บางครั้งยังลุกลามไปยังบ้านเมืองใกล้เคียง จนส่งผลสะท้อนไปทั่วทั้งโลก หลายท่านอาจจะสงสัยว่าต้นเหตุใดหนอที่ก่อให้เกิดความบาดหมางกันระหว่างชนสองเผ่าพันธุ์นี้ ข้าพเจ้าจะขอย้อนความไปเมื่อครั้งอดีตเพื่อเล่าถึงต้อตอของเรื่องราว

 

เรื่องราวทั้งหมดนี้ปรากฎในพระคัมภีร์เก่า และเป็นคติความเชื่อของผู้นับถือพระเจ้าตามแต่ศาสนาของเขา ข้าพเจ้าจะพยายามเล่าอย่างเป็นกลางตามข้อมูลที่สืบค้นมา และหากมีการพาดพิงถึงกลุ่มหรือสิ่งใดที่หลายท่านนับถือ ข้าพเจ้าขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยความจริงใจในการเผยแพร่ข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทั่วไปเท่านั้น

 

god

 

 

ย้อนความไปในสมัยที่พระเจ้าสร้างโลก อดัมและเอวา คือมนุษย์ชาย-หญิงคู่แรกของโลกตามที่ปรากฎในพระคัมภีร์ ในครั้งนั้นทั้งสองยังคงอาศัยอยู่ร่วมกับสรรพสัตว์ต่างๆ ในสวนอีเดนของพระเจ้า จนกระทั่งเมื่อได้ละเมิดข้อห้ามของพระเจ้าและถูกเนรเทศลงมาอยู่บนโลกมนุษย์และขยายพงศ์พันธุ์กระจายไปทั่วแผ่นดิน

 

ในยุคนั้นแม้ว่ามนุษย์จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกแต่ยังมีความใกล้ชิดกับพระเจ้าในระดับหนึ่ง คือยังสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ จวบจนวันเวลาผ่านไป มนุษย์ที่เคยบริสุทธิ์เริ่มกระทำบาปมากขึ้นอันเป็นปรกติวิสัยของมนุษย์เอง เมื่อมีบาป ความใกล้ชิดกับพระเจ้าก็เริ่มมีช่องว่างเพิ่มมากขึ้นทุกที ๆ แต่พระเจ้าเองก็ยังคงปรากฎกายและติดต่อกับมนุษย์อยู่บ้างในบางโอกาส

 

จนเมื่อพระเจ้าเห็นว่าโลกมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยความชั่วช้าบาปหนาจนเกินอภัย พระองค์จึงมีอุบายที่จะทำลายล้างโลกเสีย แต่ทรงเห็นว่าหากทำเช่นนั้นจริงเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะไม่หลงเหลืออยู่เลย พระองค์จึงแสดงนิมิตรปรากฎให้โนอาห์เห็นและบอกแผนการณ์ให้ฟัง นั่นก็คือเหตุการณ์น้ำท่วมโลกที่เราคุ้นเคยกันดี โนอาห์ทำตามพระบัญชาของพระเจ้า นั่นจึงเป็นการปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์และสรรพสัตว์เอาไว้จากมหาพิบัตในครั้งนั้น

 

 

noahark1
ภาพเขียน Noah and his family leaving the Ark
เขียนโดย Adam Colonia ในปี ๑๖๖๓

 

 

หลังจากน้ำท่วมโลกหนนั้น โนอาห์ได้สืบทอดเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ต่อมาอีกนับพันปีจนกระทั่งถึงยุคของ อับราฮัม อับราฮัมผู้นี้ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดีและเคารพยำเกรงพระเจ้าอย่างที่สุดไม่ต่างจากโนอาห์ ครั้งหนึ่งอับราฮัมถึงกับนำอิสอัคบุตรของตนไปบวงสรวงแด่พระเจ้า (แท้จริงเป็นการลองใจของพระเจ้า) และด้วยความเคารพในพระองค์อย่างสูงสุด อับราฮัมจึงได้รับพรจากพระเจ้าอยู่เสมอ

 

เดิมทีนั้นอับราฮัมอาศัยอยู่ในดินแดนที่เรียกว่าแคว้นคันนาอัน แต่ต่อมาได้พาครอบครัวเดินทางไปตั้งรกรากใหม่ในดินแดนของประเทศอียิปต์ในปัจจุบัน อับราฮัมมีภรรยาคนหนึ่งชื่อ นางซาร่าห์ นางเป็นหญิงที่มีรูปร่างหน้าตางดงามยิ่งนัก เมื่อจะเดินทางเข้าแผ่นดินอียิปต์ อับราฮัมนัดแนะกับนางให้ปกปิดฐานะของสามี-ภรรยา เพราะเกรงว่าอาจถูกปองร้ายจากคนชั่วที่หวังจะครอบครองนาง เมื่อมาถึงอียิปต์ก็เป็นดังคาด นางซาร่าห์กลายเป็นที่หมายปองของบรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลายรวมถึงฟาโรห์ด้วย องค์ฟาโรห์ต้อนรับเลี้ยงดูอับราฮัมเป็นอย่างดีด้วยเข้าใจว่าเป็นพี่ชายของนางซาร่าห์ จนต่อมาเมื่อรู้ความจริงทั้งหมดพระองค์จึงกลับพระทัย แต่ก็ขอให้อับราฮัมอพยพออกจากอียิปต์ไปเสีย

 

 

begin02
อับราฮัมและครอบครัว เมื่อครั้งเดินทางออกจากแคว้นคันนาอัน

 

 

อับราฮัมออกเดินทางอีกครั้งมาตั้งรกรากที่เมืองเบธเอล จนได้มาพบกับ โลท หลานชายของตน ต่อมาไม่นานก็เกิดกรณีพิพาทกันระหว่างสองครอบครัวอา-หลาน เนื่องด้วยพื้นที่ปศุสัตว์ของทั้งคู่คาบเกี่ยวกัน จึงมักจะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่เนืองๆ อับราฮัมไม่ต้องการให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต จึงตกลงกับโลทหลานชายว่าจะแบ่งดินแดนกัน โดยให้หลานชายเลือกก่อนว่าจะไปทางไหน และเขาจะเป็นฝ่ายไปทางตรงข้ามเอง

 

โลท ตัดสินใจเลือกพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์บริเวณลุ่มแม่น้ำจอร์แดน หรือบริเวณประเทศจอร์แดนในปัจจุบัน พื้นที่นั้นครอบคลุมไปถึงบริเวณลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส ซึ่งครอบครัวของโลทก็คือต้นกำเนิดของชาวอาหรับที่อาศัยอยู่บนดินแดนแถบนั้นนั่นเอง

 

อับราฮัมนั้นมีบุตรชายอยู่สองคน คนหนึ่งคือ อิสอัค อันเกิดจากนางซาร่าห์ ภรรยายแสนสวย อีกคนหนึ่งคือ อิชมาเอล เกิดกับนางฮาการ์ ซึ่งเป็นทาสชาวอียิปต์ ต่อมานางซาร่าห์เกิดความระแวงกลัวว่าบุตรของนางฮาการ์จะมาแย่งชิงสมบัติของอิสอัคบุตรของตน จึงขอให้อับราฮัมขับนางและบุตรไปให้พ้นเสีย ขณะที่อับราฮัมไม่รู้จะทำอย่างไรดี พระเจ้าก็มาปรากฏต่อหน้าอับราฮัมและให้พรว่า อย่าได้กังวลไป เพราะบุตรของอับราฮัมทั้งสองต่อไปจะสืบเชื้อสายเป็นบรรพบุรุษของสองชนชาติ เขาจึงจำต้องขับนางฮาการ์ไปจากครอบครัว

 

นางฮาการ์และอิชมาเอลซัดเซพเนจรไปยังดินแดนตรงข้ามของอียิปต์ สองแม่ลูกต้องลำบากลำบนอย่างแสนสาหัส จนอิชมาเองถึงกับแสดงความน้อยอกน้อยใจที่พระเจ้าไม่เหลียวแลเขา พระองค์จึงแสดงปาฏิหารย์บังเกิดน้ำพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ พื้นที่ตรงนั้นคือบริเวณนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบียนั่นเอง ซึ่งต่อมาอิชมาเอลก็ตั้งรกรากบนดินแดนนี้และสืบลูกหลานต่อมากลายเป็นชนชาติอาหรับอีกสายหนึ่ง และสืบต่อมาจนถึงยุคสมัยของพระโมฮัมหมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม นั่นจึงหมายถึงว่าทั้งสองศาสนาต่างมีเชื้อสายสืบต่อมาจากบรรพบุรุษสายเดียวกันนั่นเอง

 

 

zpage020

 

 

กลับมาที่อิสอัคบุตรชายของอับราฮัมที่เกิดจากนางซาร่าห์ เมื่ออับราฮัมสิ้นบุญ เขาจึงเป็นผู้สืบเชื้อสายโดยตรงจากบิดา อิสอัคมีภรรยาชื่อนางรีเบก้า นางตั้งครรภ์ลูกแฝด ระหว่างที่อุ้มท้องนั้นนางได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก พระเจ้าได้บอกแก่นางว่า นางจะให้กำเนิดบรรพบุรุษของสองชนชาติ แต่ทั้งคู่จะต้องแตกแยกกัน ฝ่ายหนึ่งจะแข็งแรงกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง และพี่จะกลายเป็นผู้รับใช้น้อง

 

เมื่อคลอดออกมา คนหนึ่งมีขนทั่วตัว ได้ชื่อว่า เอซาว ส่วนคนน้องได้ชื่อว่า ยาคอบ คนพี่นั้นมีนิสัยกล้าหาญ เป็นนายพรานฝีมือดี ชอบออกล่าสัตว์ ใช้ชีวิตอยู่ในทุ่ง ขณะที่คนน้องกลับเงียบๆ ชอบอยู่กับบ้าน ช่างคิด และออกจะเจ้าเล่ห์กว่า อิสอัครักเอซาวบุตรคนโตมาก และชอบรับประทานเนื้อที่เอซาวล่ามาให้ ส่วนนางรีเบก้ากลับรักยาคอบ บุตรคนเล็กมากกว่า

 

ในพระคัมภีร์เล่าว่า วันหนึ่ง เอซาวกลับมาจากการล่าสัตว์ กำลังเหนื่อยและหิวเต็มที เห็นยาคอบกำลังปรุงอาหารอยู่ในครัว จึงเอ่ยปากของกินอาหารนั้น ยาคอบยินดียกอาหารนั้นให้แต่มีข้อแลกเปลี่ยน คือขอสิทธิ์ของการเป็นบุตรคนโตจากเอซาวพี่ชาย เอซาวที่กำลังหิวจัดจนลืมนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่าง จึงเอ่ยปากมอบสิทธิ์ของการเป็นบุตรคนโตให้แก่น้องชายแลกกับอาหารมื้อนั้น

 

ตามธรรมเนียมของยุคนั้น บุตรคนโตจะได้รับศีลรับพรจากหัวหน้าครอบครัวเมื่อถึงคราวที่หัวหน้าครอบครัวกำลังจะสิ้นบุญ ซึ่งพรในยุคนั้นยังคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับพรจากพระเจ้า จนเมื่ออิสอัครู้กำหนดวาระสุดท้ายของตนเอง จึงได้เรียกเอซาวเข้าไปพบและสั่งให้ไปล่าสัตว์นำมาปรุงอาหารให้รับประทานก่อนที่เขาจะประสาทพรให้ ซึ่งนางรีเบก้าแอบฟังอยู่อย่างเงียบๆ

 

เมื่อเอซาวออกไปล่าสัตว์ตามคำสั่งของบิดา นางรีเบก้ารีบนำเรื่องไปบอกแก่ยาคอบ ให้ยาคอบไปจับสัตว์ที่เลี้ยงไว้มาปรุงอาหารเพื่อจะได้รับพรตัดหน้าเอซาว เมื่อปรุงอาหารเสร็จแล้ว นางรีเบก้าจัดการเอาหนังสัตว์นั้นมาคลุมตัวยาคอบเพื่อให้ยาคอบมีขนรุงรังเหมือนกับเอซาว พอยาคอบนำอาหารไปให้ อิสอัคที่อายุมากแล้ว นัยน์ตาฝ้าฟางมองอะไรไม่เห็น เอื้อมมือไปจับยาคอบ เมื่อสัมผัสกับขนสัตว์ก็นึกว่าเป็นเอซาวจริง จึงรับประทานอาหารจนหมดและให้พร

 

 

begin01

 

 

“ขอพระเจ้าทรงอำนวยพรให้แก่เจ้า ทรงประทานน้ำจากท้องฟ้าให้แก่เจ้า ประทานความสมบูรณ์ของแผ่นดินให้แก่เจ้า ชนชาติทั้งหลายจะเคารพยำเกรงเจ้า เจ้าจะเป็นนายมีอำนาจเหนือพี่น้องและพวกพ้องทั้งปวง ผู้ใดสาปแช่งเจ้าก็ขอให้มันถูกสาปแช่ง ผู้ใดอำนวยพรแก่เจ้าผู้นั้นก็จะได้รับการอำนวยพรด้วย”

 

จนเมื่อเอซาวกลับมารู้ความจริงจึงเสียใจมาก ฝ่ายอิสอัคที่รู้ตัวว่าหลงกลยาคอบเสียแล้วก็ไม่รู้จะทำประการใด เพราะพรที่อำนวยแต่สิ่งดีๆ ได้มอบให้แก่ยาคอบหมดแล้ว เขาจึงให้พรอีกครั้ง

 

“เจ้าจะอาศัยอยู่บนแผ่นดินที่แห้งแล้ง แต่เจ้าจะดำรงชีวิตด้วยคมดาบ เจ้าจะรับใช้น้องเจ้า แต่วันใดที่เจ้าหลุดพ้นมันไปได้ เจ้าจะเป็นไทและเป็นใหญ่”

 

เอซาวอาฆาตยาคอบน้องชายของตนยิ่งนัก ถึงกับประกาศว่าจะต้องสังหารยาคอบให้ได้จึงจะหายแค้น ยาคอบนั้นเกรงกลัวพี่ชายจึงออกเดินทางร่อนเร่ไปยังดินแดนต่างๆ หวังจะให้ห่างจากพี่ชาย และเขาได้สืบสานวงศ์ตระกูลสืบทอดมาจนกลายเป็นชนชาติอิสราเอล หรือ ยิว ในปัจจุบัน ส่วนเอซาวนั้นคือบรรพบุรุษของชนชาติอาหรับที่อาศัยอยู่รอบดินแดนอิสราเอล และยังคงมีความเคียดแค้นชิงชังมาจนถึงปัจจุบัน

 

 

 

                  ธปท.ฟันธงเศรษฐกิจไทย ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

                      อนาคตมีแต่สดใส

 

ข่าวจากไทยรัฐ ออนไลน์...

ธปท.ฟันธงเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หลังข้อมูลภาวะเศรษฐกิจเดือน ต.ค.ปีนี้ มีสัญญาณปรับดีขึ้นเกือบทุกภาคส่วน ไม่ว่าการบริโภค รายได้เกษตรกร การลงทุน และแนวโน้มการส่งออก......

http://www.thairath.co.th/content/eco/310032

 

 

ฝีมือล้วน ๆ ทั้ง ๆ ที่ประเทศเพิ่งผ่านมหาอุทกภัยมา .......
สิ่งดี ๆ กำลังจะตามมาครับ ถ้าเสธ.อ้ายไม่แช่แข็งเสียก่อน

 

 
 

จากคุณ : อับราฮัม ลินคอล์น
เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 55 19:54:09 A:118.172.216.240 X:
   

 

 

ทุกอย่างมันเกิดจากการที่รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจที่ฐานเป็นหลัก จึงทำให้เศรษฐกิจมันหมุนเวียนจากล่างขึ้นสู่บน ทำให้เศรษฐกิจทุกภาคส่วนกระเตื้องขึ้นทุกระดับชั้น

กอปรกับการสร้างความเชื่อมั่นกับต่างประเทศอย่างขยันขันแข็ง จนทำให้นักลงทุนไม่เพียงแต่จะไม่ย้ายฐานไปยังประเทศอื่นเนื่องจากภัยน้ำท่วม ยังเพิ่มการลงทุนเข้าไปอีกด้วย

และที่นายกฯปู ไม่ต่อปากต่อคำ ทำแต่งานอย่างเดียว จึงทำให้อุณหภูมิทางการเมืองนั้นไม่สามารถถูกปั่นให้ร้อนเหมือนที่ผ่านมา จะลงมายุ่งก็ต่อเมื่อถึงคราวจำเป็นเท่านั้น เช่นการออก พรบ.มั่นคง ครั้งที่ผ่านมา

หากไม่มีคนคอยป่วน ไม่มีม็อบไร้สาระอย่างเสธ.อ้ายมาทำลายบรรยากาศการลงทุน ประเทศไทยภายใต้การบริหารของนายกฯปู เศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตหลังจากที่หยุดชะงักมาหลายปีเลยทีเดียว

หากคนไทยรักชาติจริง เอาเวลาไปทำมาหากินและรอวัดผลในการเลือกตั้งอีก 2 ปีกว่าข้างหน้าจะดีกว่า

และถ้าอยากจะให้พรรคแมลงสาบมีโอกาสที่จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของพรรคเพื่อไทย ควรจะเอาเวลาไปเร่งให้หาคนมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้แล้วนะฮ้า

จากคุณ : นางฟ้านะยะ
เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 55 20:03:03 A:171.7.49.114 X:
ถูกใจ : ธุดงค์ผ่านมา, pae2010, บอกก็ไม่รู้, Ms.bee, SamT, terminator2009, Hmao

 

ความคิดเห็น

วันที่: Tue May 14 13:25:55 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>