Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

สุดยอดผลไม้บำรุงเลือด

ArjanPong | 07-12-2555 | เปิดดู 2771 | ความคิดเห็น 0

 

 

 

 

• สุดยอด 5 ผลไม้บำรุงเลือด
+โพสต์เมื่อวันที่ : 21 พ.ย. 2555


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

.....สุดยอด 5 ผลไม้บำรุงเลือด (สุขกายสบายใจ)
Fruitful Tips เรื่อง : สุธารัชฏ์ รัตนารามิก

"ผลไม้ช่วยดูแลผิวพรรณ" ประโยชน์ของผลไม้อาจไม่ใช่เพียงบำรุงผิวพรรณ แต่ยังช่วยบำรุงเนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของเราให้แข็งแรงอีกด้วย ซึ่งความจริงแล้วอาหารหมวดผลไม้ก็สามารถให้สารอาหารหลัก เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก รวมถึงกรดอะมิโนจำเป็นต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับอาหารในหมวดข้าว แป้ง และไขมัน สำหรับ Fruitful Tips ฉบับนี้ขอเน้นผลไม้ที่ดีต่อเซลล์เม็ดเลือดแดงของเรา ซึ่งเป็นปัจจัยภายในที่ทำให้สาว ๆ ดูเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก

"ฮีโมโกลบิน" มาจากการรวมตัวกันของธาตุเหล็ก และโปรตีน

ฮีม คือ องค์ประกอบของธาตุเหล็ก ทำหน้าที่ดักจับออกซิเจนจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
โกลบิน คือ โปรตีน ทำหน้าที่ผลิตเลือดจากสายพันธุกรรมของเรา

ธาตุเหล็กสำคัญต่อเลือด

เลือดที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเราขึ้นอยู่กับปริมาณฮีโมโกลบิน ซึ่งฮีโมโกลบินเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์เม็ดเลือดแดง สาเหตุที่เลือดเป็นสีแดงก็เพราะในฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) มีสารประกอบสีแดงอยู่เป็นส่วนใหญ่ และมีองค์ประกอบของธาตุเหล็กอยู่ประมาณร้อยละ 65-67

ดังนั้นจึงถือได้ว่าร่างกายของเราสามารถสร้างธาตุเหล็กขึ้นมาเองตามธรรมชาติ และจะถูกร่างกายนำไปสร้างเป็นโปรตีนเพื่อไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเราควรมีประมาณฮีโมโกลบินประมาณ 20-30 ล้านล้านเซลล์จึงจะถือว่าอยู่ในระดับปกติ ดังนั้นหากจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตฮีโมโกลบินก็ควรบำรุงร่างกายด้วยอาหารที่ มีธาตุเหล็กในปริมาณที่เหมาะสมนั่นคือประมาณ 15 มิลลิกรัมต่อวัน

อาการเมื่อปริมาณฮีโมโกลบินในร่างกายต่ำ

สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณีคือ

กรณีไม่ร้ายแรง อาการกรณีนี้สามารถดีขึ้นจนหายไปเอง หากได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ หรือบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะเข้าสู่ร่างกาย เช่น เหนื่อยล้า หายใจถี่ ใจสั่น ปวดศีรษะ มึนงง เป็นลม มือเท้าเย็นเจ็บบริเวณหน้าอก ไม่มีสมาธิ เบื่ออาหาร และสีผิวเปลี่ยนไปเป็นขาวซีด จนม่วงคล้ำดูไม่มีน้ำมีนวล

กรณีเป็นโรคทางพันธุกรรม กรณีนี้ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากมีระยะการเจริญพันธุ์ของโรคและอาการแฝง เช่น โรคธาลัสซีเมีย (โรคเลือดจาง) อาจมีอาการแฝงคือ อะเนเมีย (Anemia) หรือภาวะร่างกายสร้างฮีโมโกลบินผิดปกติ เป็นต้น

5 ผลไม้ที่ดีต่อระบบการไหลเวียนโลหิต


 

       

 

 

ทับทิม
 



1.ทับทิม

ผลการวิจัยในสหรัฐพบว่า ทับทิมสามารถรักษาผู้ป่วยเบาหวานได้ด้วยคุณสมบัติช่วยกักเก็บเซลล์เม็ดเลือด แดง โดยให้ผู้ป่วยเบาหวานจำนวน 10 คนดื่มน้ำทับทิมคั้นสดวันละ 1 แก้ว (6 ออนซ์) เป็นเวลา 3 เดือน ผลคือร่างกายมีระดับอินซูลินในกระแสเลือดลดลง ระบบไหลเวียนโลหิตเป็นปกติขึ้น อาการมึนงง อ่อนเพลีย และผมร่วงลดลง อีกทั้งผิวพรรณก็สดใสขึ้นกว่าเดิม

 

แก้วมังกร
 


2.แก้วมังกร

อุดมด้วยโปรตีนจึงช่วยเติมร่องรอยผิวให้ดูเรียบตึง ผลการวิจัยพบว่า แก้วมังกรเนื้อแดงดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต และมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือด นอกจากนี้ไฟเบอร์ในผลแก้วมังกรยังช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงบริเวณช่องคลอด บรรเทาอาการตกขาวที่ผิดปกติ (มีสีเหลืองปนหนอง ปนเลือดและมีกลิ่นเหม็น)

 

สตรอเบอร์รี่
 


3.สตรอว์เบอร์รี่

ด้วยคุณสมบัติของวิตามินซีที่อุดมอยู่ในผลสตรอว์เบอร์รี ช่วยบำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดง เมล็ดเล็ก ๆ ที่อยู่ในเนื้อสตรอว์เบอร์รีช่วยลำเลียงออกซิเจนในกระบวนการขจัดเลือดเสีย จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Chemistry พบว่าอาสาสมัครผู้บริโภคสตรอว์เบอร์รีสดทุกวันประมาณ 2 ถ้วยตวงติดต่อกันนาน 1 เดือน มีผลการตรวจเลือดพบว่าเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นอย่างเป็นปกติมากขึ้นคือ 4, 8, 12, 16 เซลล์จึงส่งผลให้ผิวพรรณภายนอกดูเรียบเนียนเปล่งปลั่งขึ้น

 

กล้วย
 


4.กล้วย

ด้วยคุณสมบัติของแร่ธาตุแมกนีเซียมที่อุดมอยู่ในกล้วย ช่วยบำรุงผิวที่ขาวซีดให้กลับมาเปล่งปลั่งดูมีเลือดฝาด จากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ใน American Journal of Epidemiology เผยว่าการบริโภคกล้วยเป็นประจำทุกวันส่งผลต่อสุขภาพเลือดคือ ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคลูคีเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) โดยเฉพาะในเด็กช่วงอายุ 0-2 ปี


 

แตงโม
 



5.แตงโม

จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเนราดาในสหรัฐเผยว่า หากบริโภคแตงโมเพียงครึ่งผลต่อวันดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต เพราะกรดอะมิโนอาร์จีโนน์ (Arginine) ที่ร่างกายเปลี่ยนให้เป็นสารในตริกออกไซด์ (Nitric oxide) ทำให้เลือดสมบูรณ์ขึ้นถึงร้อยละ 22 จึงช่วยป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย และภาวะหลอดเลือดแข็งตัว

ไม่ใช่แค่ธาตุเหล็กและโปรตีนเพียงเท่านั้นที่จะช่วยให้อวัยวะภายในของเราผลิต เลือดได้อย่างเป็นปกติ แต่ยังมีวิธีที่ง่าย ๆ อีกสองสิ่งคือ การดื่มน้ำเปล่าให้บ่อยครั้งในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยให้เลือดของเราไม่ มีลักษณะข้นเหนียวจนเกินไปด้วย นอกจากนี้ยังต้องทำกายบริหารทุกวัน เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนอยู่ตลอด เพียงเท่านี้ก็ช่วยปกป้องร่างกายของเราให้ห่างไกลปัญหาสุขภาพทั้งในระยะสั้น และระยะยาวได้แล้ว


 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ฉบับ 08 ตุลาคม 2554

 

 

 

 

 

จากข้อเขียนคุณ อับราฮัม ลินคอร์น

 

รถไฟความเร็วสูงมาแล้ว ซึ่งสายแรก เปิดประมูลปี 2556 vote ติดต่อทีมงาน

-เส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่ (680 กม.) กำหนด 2 แนวทางคือ วิ่งด้วยความเร็ว 250 กิโลเมตร/ชม. และแนวทางที่สอง วิ่งด้วยความเร็ว 300 กม./ชม. โดยจะใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการประมาณ 3 แสนล้าน

-เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย (615 กม.) กำหนดให้วิ่งด้วยความเร็ว 250 กม./ชม.งบประมาณเกือบ 2 แสนล้าน คิดค่าบริการต่อ 1 เที่ยว 1,537 บาท ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง มีค่าโดยสารประมาณ 2.1 บาท ต่อกม.ต่อคน

ส่วนอัตราค่าบริการ หากวิ่งด้วยความเร็ว 250 กม./ชม. คาดว่าจะคิดกิโลเมตรละ 2 บาท 10 สตางค์ต่อ 1 กิโลเมตร ส่วนวิ่งด้วยความเร็ว 300 กม./ชม.จะคิดค่าบริการ 2 บาท 50 สตางค์

เบื้องต้น ทางจีนเสนอให้ไทยก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายแรกก่อนคือเส้นทางจาก กรุงเทพ — ภาชี(อยุธยา) รวมระยะทาง 54 กิโลเมตร เพื่อเป็นโครงการนำร่องก่อนเพื่อทดสอบระบบและจะใช้รองรับการจัดงานไทยแลนด์ เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ซึ่งจะใช้ระยะเวลาเดินทาง ประมาณ 10 นาที คิดค่าบริการที่ 135 บาท โดยคาดว่าจะมีการประมูลราคาผู้รับเหมาในในไตรมาสที่ 3 ปี 2556


ที่มา http://www.ryt9.com/s/iqry/154559

 

 

 

 

 
 

 

รถไฟความเร็วสูง'กม.ละ2.50บาท

จีนเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-เชียงใหม่
ความเร็วสูงสุด 300 กม.ต่อชม. งบลงทุน 3 แสนล้านบาท
ค่าโดยสารอยู่ที่กม.ละ 2.5 บาทต่อคน ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.
                                                                                                                                                                                                 

เรื่องรถไฟไทย พูดไปก็ยืดยาว....
รถไฟไทยเกิดก่อนญี่ปุ่น 10 ปี แต่ตอนนี้ตามญี่ปุ่นไม่ทัน

เรื่องรางรถไฟก็เป็นมหากาพย์ ผลประโยชน์ไม่ลงตัว ทะเลาะกันไม่เลิก

ระหว่างรางรถไฟ Standard Gauge กว้าง 1.435 เมตร ที่วื่งฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตะวันออก ไปภาคเหนือ ภาคอีสาน

กับทางรถไฟ Metre Gauge กว้าง 1.000 เมตร ที่วิ่งฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตะวันตก ไปภาคใต้

ตอนนี้เราจะเอารถไฟความเร็วสูงมาวิ่ง ถ้าใช้ของจีนก็ 1.435 เมตร แต่วิ่งได้เฉพาะภาคเหนือและอีสานเท่านั้น

ภาคใต้ต้องเปลี่ยนรางจาก 1.000 เมตร เป็น 1.435 เมตรก่อน ถึงจะใช้ได้

หรือไม่ก็ต้องซื้อ่รถไฟจากอังกฤษ หรือฝรั่งเศส เพราะใช้วิ่งบนราง 1.000 m.

เมื่อเราเข้าสู่ AEC แล้ว สัญญาทาส ที่ทำสมัยยุตล่าอาณานิคม ควรยกเลิกได้แล้ว
ทางรถไฟที่จะเชื้อม พม่า ลาว เขมร มาเลเซีย ควรปรับให้เหมือนกันได้แล้ว หรือปรับให้เป็น รางรถไฟร่วมซะ จะทำให้ระบบรางเชื่อมต่อถึงกันหมด เข้าสู่ยุทธศาสตร์ Trans Asea โดยไทยเป็น Centre ได้อย่างสมบูรณ์

ดีใจที่โครงการเดินหน้า แต่ปัญหาเรื่องรางต้องแก้ไข

ส่วนการทำธุรกิจ ต้องเป็นแบบร่วมทุน รัฐบาล 51% เอกชน 49 % เรื่องราคาค่าโดยสารต้องเหมาะสม รัฐตวบคุมได้ ส่วนหนึ่งทำให้มีกำไรในเชิงธุรกิจ อีกส่วนหนึ่งเป็นการสงเคราะห์ประชาชน ครับ

 

 
 

ความคิดเห็น

วันที่: Thu May 09 22:39:56 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>