Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

โอวาทปฎิโมกข์

ArjanPong | 24-02-2556 | เปิดดู 2920 | ความคิดเห็น 0

 

                                       

 

 

วันมาฆบูชา วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ "หัวใจพระพุทธศาสนา" ในปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ “มาฆะ” เป็นชื่อเรียกของเดือน ๓ ส่วนคำว่า “มาฆบูชา” ย่อมาจากคำว่า “มาฆปุรณมีบูชา” แปลว่า\“การบูชาพระในวันเพ็ญ เดือน ๓” ดังนั้น วันมาฆบูชาจึงตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ (หรือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ในปีอธิกมาส) ถือเป็น “วันจาตุรงคสันนิบาต”

 

นับจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มาเป็นเวลา ๙ เดือน เมื่อถึงวันเพ็ญกลางเดือน ๓ พระองค์ได้เสด็จไปประทับ ณ เวฬุวนาราม เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ครั้งนั้นได้มี พระอรหันต์ จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งแบ่งเป็นพระอรหันต์ที่อยู่ในคณะของพระอุรุเวลกัสสปเถระ พระนทีกัสสปเถระ และพระคยากัสสปเถระ รวม ๑,๐๐๐ รูป กับพระอรหันต์ที่อยู่ในคณะของพระสารีบุตรเถระและพระโมคคัลลานะ เถระ ๒๕๐ รูป รวมทั้งสองคณะเป็น ๑,๒๕๐ รูป ได้พร้อมกันไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

การมา ประชุมใหญ่ของพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าในครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์มหัศจรรย์ในสมัยพุทธกาล จึงเรียกเหตุการณ์ในคราวนั้นว่า “จาตุรงคสันนิบาต” แปลว่า“ความประชุมประกอบด้วยองค์ ๔" ในอรรถกถา ทีฆนขสูตร ได้แสดงไว้ว่า องค์ ๔ คือ พระสาวกที่มาประชุมกันเป็นมหาสันนิบาต นั้นคือ

 

๑. พระสงฆ์ จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในที่ต่าง ๆ เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เวฬุวันวนาราม กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ

 

๒. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป เหล่านั้น ล้วนเป็นพระอรหันต์ และได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา

 

๓. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป เหล่านั้น ต่างมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมาย

 

๔. วันเพ็ญเดือนมาฆะ”คือวันเพ็ญกลางเดือน ๓ เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนา อันเป็น“หัวใจของพระพุทธศาสนา” คือ “โอวาทปาติโมกข์” และ วันมาฆบูชา ในอีก ๔๕ พรรษา ต่อมาพระบรมศาสดาได้ทำการ “ปลงมายุสังขาร” ณ ปาวาลเจดีย์ เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ซึ่งการปลง มายุสังขารของพระบรมศาสดาในครั้งนี้ ก็ทำให้อีก ๓ เดือนต่อมา พระพุทธองค์ก็เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ในวันวิสาขบูชา 

 

โอวาทปาติโมกข์ “หัวใจพระพุทธศาสนา”

 

“๏ สพฺพปาปสสฺ อกรณ ํ การไม่ทำบาปทั้งปวง

๏ กุสลสฺสูปสมฺปทา การทำความดีให้ถึงพร้อม

๏ สจิตฺต ปริโยทปน การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว”

 

เมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงประกาศพระพุทธวาทะดังกล่าวแล้ว ก็ได้ตรัสต่อไปอีกหนึ่งคาถากึ่งว่า

 

“๏ ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา ๏ นิพพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา ๏ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต“ ๏ สพฺพปาปสสฺ อกรณํ ๏ กุสลสฺสูปสมฺปทา ๏ สจิตฺต ปริโยทปนํ ๏ อนูปฆาโต ๏ ปาติโมกฺเข จ สํวโร ๏ มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ๏ ปนฺตญฺจ สยนาสํ ๏ อธิจตฺเต จ อาโยโค ๏ เอตํ พุทธาน สาสนํ”

 

“ขันติคือความอดทนเป็นตบะอย่างยิ่ง บรรพชิตคือนักบวช ผู้ยังทำร้ายผู้อื่นอยู่ ผู้เบียดเบียนผู้อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย การไม่ทำบาปทั้งปวง การยังกุศลให้ถึงพร้อม การทำจิตของตนให้ผ่องใส นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

 

การไม่กล่าวร้าย ๑ การไม่ทำร้าย ๑ ความสำรวมในพระปาติโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร ๑ ที่นอนที่นั่งอันสงัด ๑ การประกอบความเพียรในอธิจิต ๑ ธรรมหกอย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.”

 

พระโอวาทในข้อนี้ เป็นเหมือนคำอธิบายประกอบของโอวาทที่เป็นหลัก ๓ ข้อดังกล่าว มีข้อสังเกตคือในเวลานั้น พระพุทธเจ้า ยังไม่ได้ทรงบัญญัติพระวินัยปาติโมกข์ ฉะนั้นที่ตรัสให้สำรวมในพระปาติโมกข์ จึงมีความหมายคือ ปาติโมกข์ที่เป็นตัวแบบฉบับ อันควรทีสมณะจะพึงปฏิบัติโดยทั่วไป พระโอวาททั้งหมดนี้เรียกว่า พระโอวาทปาติโมกข์ ปาติโมกข์ที่เป็นโอวาทพระพุทธเจ้า ได้ตรัสแก่พระอรหันต์ทั้งนั้น จึงมิได้มุ่งที่จะอบรมให้ท่านบรรลุมรรคผล แต่ว่ามุ่งที่ จะวางแนวพระพุทธศาสนา

 

เบื้องต้นก็ชี้ถึง วาทะของพระพุทธะ ๓ ข้อต่อมาก็วางหลักปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างกว้าง ๆ ไว้ ๓ ข้อ และมีคำอธิบายประกอบ อีกเล็กน้อย ท่านแสดงว่าในวันอุโบสถวันพระจันทร์เพ็ญ และวันพระจันทร์ดับ (วันพระข้างขึ้น ๑๕ ค่ำ และข้างแรม ๑๕ ค่ำ)พระพุทธเจ้าได้ประทับเป็นประธานหมู่พระสงฆ์ แล้วก็ทรงแสดงพระโอวาทปาติโมกข์ขึ้นด้วยพระองค์เองทุก ๑๕ วัน แปลว่า ทรงทำอุโบสถร่วมด้วยภิกษุสงฆ์แล้วก็เรียกว่า ปาริสุทธิอุโบสถ คือ เป็นอุโบสถที่บริสุทธิ์ พระพุทธเจ้าก็ทรงบริสุทธิ์ พระสงฆ์ก็บริสุทธิ์

 

จนถึงมีเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมามีเล่าไว้ในบาลีวินัย (วิ.จุลฺล. ๗/๒๘๓/๔๔๗-๘; ขุ.อุ. ๒๕/๑๕๐/๑๑๖.)ว่าพระสงฆ์มา ประชุมพร้อมกันแล้ว พระพุทธเจ้าก็ไม่เสด็จลงมา จึงถึงเวลา ๑ ยาม พระอานนท์ก็ไปทูลเตือนว่า ยามหนึ่งแล้วพระมานั่งรอ อยู่นานแล้ว ขอให้เสด็จลงทรงสวดปาติโมกข์ พระพุทธเจ้าก็ไม่เสด็จลง ครั้นถึงยามที่ ๒ พระอานนท์ ก็ไปทูลเตือนอีก พระพุทธเจ้าก็ไม่เสด็จลง ครั้นถึงยามที่ ๓ พระอานนท์ก็ไปทูลเตือนอีก พระพุทธเจ้าก็ไม่เสด็จลง แต่ว่าในยามที่ ๓ นี้ได้มี พระพุทธดำรัสว่า บริษัทไม่บริสุทธิ์ คือว่ามีพระทุศีลมาปนอยู่ด้วยพระโมคคัลลานะจึงได้เที่ยวตรวจดู เมื่อไปพบภิกษุที่ทุศีล ก็บอกให้ออกไปจากที่ประชุม ผู้นั้นก็ไม่ยอมออกไปต้องฉุดแขนออกไป แต่ก็สว่างเสียแล้ว พ้นเวลาที่จะทำอุโบสถก็เป็นอันว่า ในอุโบสถนั้นไม่ได้ทำ(การสวดปาติโมกข์)

 

พระพุทธเจ้าจึงทรงปรารภเรื่องนี้้(วิ.จุลฺล. ๗/๒๙๒/๔๖๖) ตรัสให้พระสงฆ์ยกเอา พระวินัยที่ทรง บัญญัติขึ้นไว้ มาสวดเป็นปาติโมกข์แทน และให้พระสงฆ์สวดกันเองพระพุทธเจ้าไม่เสด็จมาทำ อุโบสถร่วมด้วยอีกต่อไป เพราะฉะนั้น จึงมีการยกเอาวินัยขึ้นสวดเป็นปาติโมกข์ทุก ๆ ๑๕ วัน สืบต่อมาจนบัดนี้ ปาติโมกข์ที่ยกเอาพระวินัยขึ้นสวดนี้ เรียกว่า วินัยปาติโมกข์ (ซึ่งก็คือ คัมภีร์รวมวินัยสงฆ์ ๒๒๗ ข้อ ซึ่งต้องสวดทบทวนในที่ประชุมสงฆ์ หรือการลงอุโบสถทุก กึ่งเดือนในวันพระ)

 

 

 

*****************************************************************

 

 

 

   

 

 

 

 

“ขวัญชัย”ตบหน้า “ผบ.ตร.”สั่งแต่งตั้งตำรวจได้ทั่วประเทศ?

5 โพสต์ / ใหม่ 0
ข้อความล่าสุด

“ขวัญชัย”ตบหน้า “ผบ.ตร.”สั่งแต่งตั้งตำรวจได้ทั่วประเทศ?

 

ผลพวงจาก “แดง”ฟัด “แดง” ถึงขั้น “ขวัญชัย ไพรพนา”ประธานชมรมคนรักอุดร และประธานชมรมคนรักภาคอีสาน ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับ “ธิดา ถาวรเศรษฐ” ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ หรื นปช. อันมีชนวนเหตุมาจากการขบเขี้ยวแย่งกันใหญ่

กำลังกลายเป็นชนวนไป “เผา”สำนักงานตำรวจแห่งชาติไหม้เกรียมแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ที่บอกว่าเผาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่การเข้าไปเผาสถานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่ถนนพระราม 1 เหมือนตอนเผาบ้านเผาเมืองช่วงการชุมนุม แต่เป็นการเผาภาพพจน์องค์กรตำรวจที่ตกต่ำในสายตาชาวบ้านอยู่แล้วให้แหลกเป็นจุณเข้าไปอีก

เพราะการระบายความอัดอั้นตันใจเคล้าน้ำตาของ “ขวัญชัย” ต่อผู้สนับสนุนที่ไร่มุกเดือน จ.ลำพูน เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา เนื้อหานอกจากการระบายความรู้สึกไม่พอใจธิดาและแกนนำนปช.หลายๆคน รวมทั้งบ่งบอกว่าตัวเองเป็นคนเซนทีฟ แคร์ความรู้สึกคนดูไบแล้ว บางช่วงบางตอน “ขวัญชัย”ก็โชว์เพาเวอร์ตัวเองให้ผู้สนับสนุนรู้ว่าข้าก็ใหญ่ไม่แพ้ใคร กลายเป็นเนื้อหาที่สะท้อนกลับไปตั้งคำถามต่อองค์กรตำรวจว่าใช่อย่างที่”ขวัญชัย”พูดจริงหรือไม่ อย่างไร

“...ทุกวันนี้ถ้าไม่มีตำรวจดูแลจะเอาเงินจากไหนไปดูแล ผู้กำกับเมืองอุดร ผู้การเมืองอุดร ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนมาเอ็นเตอร์เทน ...ผกก.มุกดาหารก็น้องผมผมส่งไปเอง ....ยโสธร ผู้การฯฉลอง ผมเป็นคนเซ็นต์รับรองเอง เป็นน้องเป็นนุ่ง แต่โดนภาพเสื้อน้ำเงินโดนเตะไปอยู่จเร มาขอฟอกตัวเอง มาขอหนังสือฟอกตัวผมหาดูไบ ผมเซ็นต์รับรองให้ เลยออกจากจเรไปเป็นผู้การยโสธร ....ตำรวจอุดรจังหวัดของผม ดูไบจะเปลี่ยนผู้การอุดรฯต้องถามผมก่อน...”

หากถอดเนื้อหาตามถอยกระทงความอย่างที่ “ขวัญชัย”พูดไว้เช่นนี้ ถ้าเป็นจริงก็ต้องบอกว่า “ขวัญชัย”ไม่ทำธรรมดา สามารถชี้เป็นชี้ตาย ชี้ให้ตำรวจระดับ “นายพล”โยกย้ายไปไหนก็ได้ ตามที่ตัวเองต้องการ รวมทั้งมีตำรวจคอยดูแลเรืองเงินเรื่องทองใช้จ่ายอย่างสบายมือ

ทั้งที่ตามพระราชบัญญัติ(พรบ.)ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ลักษณะ 6 ระเบียบข้าราชการตำรวจ หมวด 2 การบรรจุ การแต่งตั้งและการเลื่อนขั้นเงินเดือน มาตรา 51 (6) ตำแหน่งผู้บังคับการ และพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศพันตำรวจเอก ซึ่งได้รับอัตราเงินเดือนพันตำรวจเอก(พิเศษ) หรือพลตำรวจตรี

มาตรา 54 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่มาตรา 44(5)(ตำแหน่งรองผู้บัญชาการ)ลงมาและเป็นการแต่งตั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือในกองบัญชาการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(1) การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 44(5) และ(6)(ตำแหน่งผู้บังคับการ) ในสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคัดลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจในสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเสนอ ก.ตร.(คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง

ในกรณีเป็นการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในกองบัญชาการที่สังกัดสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับฟังข้อเสนอแนะของผู้บัญชาการที่เกี่ยวข้องด้วย

(2) การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 44(5) และ(6) ในกองบัญชาการที่มิได้สังกัดสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการคัดลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจในกองบัญชาการนั้นเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาเสนอ ก.ตร. ให้ความเห็นชอบก่อนแล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง

ในกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเห็นว่า การคัดเลือกของผู้บัญชาการตามวรรคหนึ่งยังไม่เหมาะสม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะทำความเห็นพร้อมข้อเสนอแนะและเหตุผลเสนอ ก.ตร. พ่อประกอบการพิจารณาด้วยก็ได้

ตรวจทุกตัวอักษรตามพรบ.ตำรวจแห่งชาติฉบับนี้ ไม่มีมาตราไหน หรือข้อใด ที่เขียนไว้ว่าต้องได้รับความเห็นชอบจาก “ขวัญชัย” หรือจาก “คนดูไบ” ตามที่ “ชวัญชัย”พูดไว้

จะเป็นการพูดโอ้อวด โชว์พรรคพวก หรือแสดงบารมีตัวเองอย่างไร แต่สิ่งที่ “ขวัญชัย”พูดออกมาก็สร้างความเสื่อมเสียต่อการบริหารงานบุคคลภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสื่อมเสียต่อภาพพจน์องค์กรตำรวจ ที่อาจทำให้สังคมมองได้ว่า

การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจไม่ได้อยู่ที่ผลงาน หรือหลักเกณฑ์ข้อกำหนดตามกฎตามระเบียบ แต่เป็นการฝากฝั่งจากพวกพ้อง จากผู้มีอำนาจ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านับตั้งแต่ “ขวัญชัย”โอ้อวดทำลายภาพพจน์องค์กรตำรวจ โดยเฉพาะในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายเสียป่นปี้เช่นนี้ แต่ผ่านมานับตั้งแต่ “ขวัญชัย”พูดไว้เมื่อวันที่ 11 ก.พ. จนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งเดือน

ก็ไม่เห็นมีผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.คนปัจจุบัน รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผบช. หรือโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือตำรวจหน้าไหนออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกู้ภาพพจน์ตำรวจ หรือดำเนินการสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อคนที่พูดพล่อยๆเช่นนี้

ซึ่งดูจะต่างจากกรณีมีการพาดพิงถึงพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. จากพรรคเพื่อ

ไทย เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดร่างขอบเขตของงาน(ทีโออาร์) โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ที่กำลังมีปัญหาเรื่องการโกงกินกันอยู่ ทั้งพล.ต.อ.อดุลย์ หรือโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่างดาหน้าออกมาแก้ต่างแทน ยืนยันพล.ต.อ.พงศพัศไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถึงขนาดออกเป็นแถลงการณ์การันตีความบริสุทธิ์ให้พล.ต.อ.พงศพัศ

เช่นเดียวกับการพาดพิง อดีตผบ.ตร.อาจีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ออกมาพาดพิงถึง พล.ต.อ.อดุลย์ ก็ออกมาแสดงท่าทางขึงขังไม่พอใจ “ธาริต เพ็งดิษฐ” อธิบดีดีเอสไอ ด้วยข้ออ้างว่าเป็นการกระทำที่ทำให้ภาพพจน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียงหาย เป็นการทำลายองค์กรตำรวจ

แต่พอเรื่องนี้ที่ “ขวัญชัย”ออกมาพูดชี้ซ้ายชี้ขวาแต่งตั้ง ผู้การฯจังหวัดได้เอง กลับไม่เห็นพล.ต.อ.อดุลย์ออกมาดำเนินการสิ่งใด หรือออกมาปกป้องรักษาพจน์องค์กรตำรวจเหมือนอย่างที่ออกมาประกาศว่ารักองค์กร

หรือคำพูด “ขวัญชัย”ที่เชื่อมโยงคนดูไบสั่งแต่งตั้งตำรวจได้จะเป็นเรื่องจริง จน “พล.ต.อ.อดุลย์”น้ำท่วมปากพูดไม่ออก

ความคิดเห็น

วันที่: Mon May 20 01:00:26 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>