ถ้าไม่อยากให้ลูกติดเกมส์

ArjanPong | 08-04-2556 | เปิดดู 2591 | ความคิดเห็น 0

เเก้วสุดท้ายนะ...

....พอก่อนนะ ไม่ไหว ใจจะขาด

ก็เล่นฟาด ซะพุงกาง ไม่จางหาย

เห็นภาพซ้อน เบลอๆ เผลอตาลาย

กระสับกระส่าย ตายไหมหนอ? ขอเเก้วเดียว

....อย่าบังคับ ชนเเก้ว เดี๋ยวเเต๋วเเตก

เมาเเล้วเเหก ปากก้อง ร้องหวาดเสียว

ไม่ไหวเเล้ว เเก้วนี้ ซี้เเน่เชียว

สักประเดี๋ยว นอนเเหกขา ตาล่องลอย(เเน่ๆเลย).......

****************************************

*************************************************

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- อาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2556 00:00:46 น.

คอลัมน์: พบหมอศิริราช: ไม่ควรทำ...ถ้าไม่อยากให้ลูกติดเกม

ปัจจุบันเด็กกับคอมพิวเตอร์และการเล่นเกม ดูจะเป็นของคู่กัน ที่นับวันจะแยกกันยาก ปัญหานี้พ่อแม่หรือผู้ปกครองสามารถช่วยแก้ไขได้ ด้วยการไม่ทำสิ่งเหล่านี้

1.ไม่ตั้งกติกาก่อนซื้ออุปกรณ์เล่นเกมให้ การที่ผู้ปกครองซื้ออุปกรณ์เล่นเกมให้ลูก โดยไม่ได้มีการตั้งกติกาการเล่นเอาไว้ก่อนล่วงหน้า เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ผู้ปกครองควรมีการสร้างกติการ่วมกันกับเด็กก่อนว่า เด็กสามารถเล่นเกมได้วันไหนบ้าง เวลาไหนบ้าง เล่นได้ครั้งละไม่เกินกี่ชั่วโมง ตั้งแต่เวลาใดถึงเวลาใด ก่อนจะเล่นจะต้องรับผิดชอบทำการบ้านให้เสร็จเรียบร้อยก่อน หากไม่รักษากติกาจะต้องถูกทำโทษอย่างไร (แนะนำให้ใช้วิธีงดเกม หรือลดเวลาในการเล่นเกมลง) จะเป็นการยากมากที่จะมาตั้งกติกากันภายหลัง หลังจากที่ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว

2.ใช้เกมเป็นเสมือนพี่เลี้ยงเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองที่งานยุ่งอาจจะคิดว่าการให้เด็กอยู่บ้านเล่นเกม หรือไปอยู่ร้านเกมน่าจะปลอดภัย ตัวเองจะได้มีเวลาส่วนตัวเพื่อไปทำอย่างอื่น ขอบอกว่าความคิดนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง หลายครอบครัวกว่าที่พ่อแม่จะรู้ตัว ลูกก็ติดเกมงอมแงมไปเสียแล้ว

3.ดีแต่บ่น แต่ไม่เคยเอาจริง สิ่งที่พ่อแม่มักจะทำเสมอแต่เป็นวิธีที่ไม่เคยได้ผล คือ การดีแต่บ่น เช่น "เล่นนานไปแล้ว" "เลิกได้แล้วนะ" "เมื่อไหร่จะเลิก ซักที" การพูดบ่อยๆ นอกจากจะไม่ค่อยได้ผลแล้ว ยังทำให้ลูกเกิดความรู้สึกว่า "บ่นอีกแล้ว...รำคาญ" ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ จะทำให้ลูกไม่อยากคุยและไม่อยากเจอหน้าพ่อแม่ เพราะคิดว่าจะต้องโดนดุ การพูดน้อยแต่ทำจริงตามกติกาที่ตกลงกันไว้เป็นวิธีที่ได้ผลดีกว่า เสมอครับ

4.ใจอ่อน ธรรมชาติของเด็กมักจะชอบต่อรองกับพ่อแม่เสมอเมื่อหมดเวลาเล่น โดยมักจะพูดว่า "แป๊บนึง...ขออีก 10 นาทีน่า จะจบเกมแล้ว" ไปๆ มาๆ 10 นาทีที่ว่าก็อาจลากยาวเป็นครึ่งชั่วโมง หรือหลายชั่วโมงเลยก็เป็นได้ ซึ่งพอต่อรองได้ครั้งหนึ่งก็มักจะมีครั้งต่อๆ ไป เพราะเด็กเค้ารู้ว่าพ่อแม่ไม่เอาจริง การใจอ่อนอย่างนี้ไม่ได้มีผลเสียกับเรื่องเล่นเกมเท่านั้นนะครับ แต่จะมีผลต่อกฎเกณฑ์ทุกอย่างในบ้าน ถ้าลูกรู้ว่าคุณจะใจอ่อนแล้ว เป็นเรื่องยากที่เขาจะทำตามกฎกติกาที่วางไว้ เพราะคิดว่าจะมาต่อรองเอาทีหลังได้ ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อการรักษาระเบียบวินัยในตัวเองของเขาในระยะยาว

5.ไม่เสมอต้นเสมอปลาย คุณอาจเคร่งครัดต่อกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ได้ แต่ก็เป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว เช่น ตั้งกฎว่าอย่าเล่นเกมเกิน 2 ชั่วโมง แต่ก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ซึ่งอาจเป็นเพราะความใจอ่อนของคุณ หรือความที่คุณไม่มีเวลา สุดท้ายแล้วกฎเกณฑ์เหล่านั้นก็จะไร้ความหมาย ไม่ต่างกับการใจอ่อนยอมให้ทุกครั้งเลยครับ

6.ความขัดแย้งกันเองระหว่างผู้ปกครอง เมื่อลูกขอเล่นเกม คุณแม่อาจจะไม่ให้ แต่คุณพ่ออาจตามใจ เวลาเกิดความขัดแย้งกันอย่างนี้ เด็กๆ ก็มักเลือกเข้าข้างฝ่ายที่ให้ประโยชน์กับเขามากที่สุด ซึ่งอาจพัฒนากลายเป็นปัญหาความสัมพันธ์ได้ เช่น เขาอาจรู้สึกว่าแม่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เป็นศัตรูกับเขาไปเลย ในเรื่องนี้พ่อแม่ควรมีจุดยืนร่วมกันนะครับ ว่าจะวางกฎกติกาของบ้านอย่างไร และตัวเด็กๆ เองก็ต้องมีส่วนร่วมในการวางกฎกติกาด้วยนะครับ

7.ละเลยการทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว หลายครอบครัวที่มีลูกติดเกม พบว่ามักจะเป็นครอบครัวที่พ่อ แม่ ลูก อยู่กันคนละทิศละทาง ต่างคนต่างอยู่ แต่ละคนง่วนอยู่กับสิ่งที่ตัวเองสนใจ ไม่ค่อยได้มีการทำกิจกรรมสนุกสนานด้วยกัน ดังนั้นพ่อแม่ควรส่งเสริมให้ลูกมีกิจกรรมทำยามว่าง เป็นกิจกรรมที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินไม่แพ้การเล่นเกม หรือมากกว่าการเล่นเกม ซึ่งควรเป็นกิจกรรมที่ลูกชอบ และสามารถร่วมกันทำกิจกรรมนั้นๆ ได้ทั้งครอบครัว เพื่อเป็นการสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อ แม่ ลูก ลองทำดูนะครับ บนพื้นฐานของเมตตา กรุณา และความอดทน

**************************************************

สุดท้าย การเป็นครัวของโลก ก็เหลือแค่ความฝัน ที่ล่องลอย

8 เมษายน 2556 เวลา 12.10 น. ข่าวเศรษฐกิจช่อง 3

รายงานข่าวแจ้งมาว่า บริษัท ซีพี ไปเปิดโรงงานผลิตอาหารฮาราลสำหรับชาวมุสลิม ในประเทศมาเลเซีย เพื่อส่งออกไปยังประเทศมุสลิมทั่วโลก

ประเทศไทยเอง ในสมัยนายกทักษิณ ก็เคยมีนโยบายสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก และเป็นแหล่งผลิตอาหารฮาราลให้ชาวมุสลิม แต่ด้วยการเมืองที่เอาแต่กัดกัน ทำให้โครงการต่างๆ และนโยบายต่างๆ หลายๆ อัน ที่ทักษิณเคยคิดและเสนอเอาไว้ กลายเป็นหมันและเหลือแค่ความฝันเท่านั้น และหลายๆ โครงการก็โยกย้ายไปทำในประเทศอื่นๆ แทน เพราะคนไทยมัวแต่กัดกันไม่เลิกเสียที....ภูมิใจกันจนเรือหาย

โดย คุณศิลาแรง พันทิปบอร์ด

เป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆครับ จขกท. คุณศิลาแรง ในความเป็นจริง ในเรื่องอุตสหกรรมการผลิตอาหาร
มาเลเซียไม่มีศักยภาพใดที่เทียบไทยได้เลย แต่มาเลเซียมีข้อได้เปรียบ ในการเป็นสมาชิกของ OIC
ซึ่งเป็นองค์กรณ์ของประเทศมุสลิม ดังนั้นความเชื่อมั่นในเรื่องของเครื่องหมายฮาลาล จึงเป็นข้อได้เปรียบข้อหนึ่งในเรื่องนี้
ในสมัยนายกฯทักษิณมีนโยบายที่จะพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ให้เป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารฮาลาล
แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่การพัฒนาเพื่อส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นในเครื่องหมายฮาลาลของไทย

หลังจากเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหารเป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก ตลาดฮาลาลเป็นตลาดที่ใหญ่มากน่าสนใจมากๆ
ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลจะประสพความสำเร็จในการแก้ปัญหาจชต.โดยเร็ว นโยบายดังกล่าวนี้ควรได้รับการสนับสนุน
ฟื้นฟูอีกครั้งในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนี้ หากดำเนินพร้อมไปกันกับนโยบายทางการทหาร
น่าจะเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งได้อีกทางหนึ่ง หากประชาชนอยู่ดีกินดี มีทางเลือกในการทำมาหากินเพิ่มขึ้น คงไม่มีใครอยากจะมีชีวิตอยู่บนความขัดแย้งไปตลอดหรอกครับ

หากเราลองมองย้อนไปยังจุดเริ่มต้นความขัดแย้งตั้งแต่สมัยคุณทักษิณ
เหตุการณ์ต่างๆมันเริ่มขึ้นหลังจากที่รัฐบาลมีนโยบาย พัฒนา 3 จชต.เป็นศูนย์ฮาลาล
ทุกอย่างกำลังดำเนินไปเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ก็มามีเหตุการณ์ปล้นปืนแล้วมีต่อๆมาเรื่อยๆ น่าคิดมากนะครับ????

กลุ่ม CP ถอนทุนทุกอย่างออกในไทยสักครึ่งนึงก็ดีนะครับ ให้คนอื่นทำบ้าง ครองตลาดมากไป...

ปฐพีสีฟ้า

*************************************************