Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

สมน้ำหน้า

ArjanPong | 19-05-2556 | เปิดดู 3344 | ความคิดเห็น 0

 

 

 

 

 

                                 สมน้ำหน้า...

 

 

 

 

 

 

 

                   พระอาทิตย์ทรงกลด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
 
 
 
ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด

 

ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด (อังกฤษ: Sun halo) มีลักษณะเป็นภาพสะท้อนพระอาทิตย์หลายๆ ดวงซ้อนกัน มีขนาดโตกว่าปกติ มีรัศมีสีรุ้งโดยรอบ ดวงที่อยู่ตรงกลางมีความสดใสมากที่สุด

 

สาเหตุการเกิด

 

ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด เกิดขึ้นจากบรรยากาศของโลกในชั้นโทรโพสเฟียร์ (Troposphere) ซึ่งเป็นบรรยากาศชั้นล่างสุด และเป็นที่อยู่ของกลุ่มเมฆจำนวนมาก มีอากาศเย็นจัดตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น จนทำให้ละอองน้ำในอากาศ ณ เวลานั้นๆ แข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งอนุภาคเล็กๆ จำนวนมหาศาลลอยอยู่บนท้องฟ้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และส่องแสงทำมุมกับเกล็ดน้ำแข็งได้อย่างเหมาะสม จะเกิดการหักเหและการสะท้อนของแสง ทำให้เกิดเป็นแถบสีรุ้ง (spectrum) คล้ายการเกิดรุ้งกินน้ำหลังฝนตกขึ้น

 

ส่วนแสงสีที่ตามองเห็นนั้น จะขึ้นกับการทำมุมของแสงอาทิตย์และเกล็ดน้ำแข็ง แต่โดยทั่วไปเรามักจะเห็นเป็นแสงสีเหลืองอ่อนๆ มากที่สุด ถ้าเกิดจากการสะท้อนของแสงจะปรากฏเป็นสีเขียว แต่ถ้าเกิดจากการหักเหของแสงจะเป็นสีแดงเพลิงในตอนกลาง และเป็นสีน้ำเงินปนแดงตามขอบนอก

 

ขนาดของพระอาทิตย์ทรงกลดจะมีขนาดแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนมากจะมีขนาดเฉลี่ย 30 องศา โดยการลากเส้นตรง 2 เส้น มาบรรจบกันที่ดวงตาผู้มอง ได้แก่ เส้นตรงที่ลากจากกึ่งกลางของปรากฏการณ์มาที่ตาผู้มอง และเส้นตรงที่ลากจากขอบของปรากฏการณ์มาที่ดวงตาผู้มอง

 

บางครั้งเกล็ดน้ำแข็งของละอองไอน้ำเหล่านี้ จะทำหน้าที่หักเหทางเดินของแสงอาทิตย์ และก่อให้เกิดภาพขยายขึ้น เช่นเดียวกับที่กระจกหรือเลนส์นูนทำให้เกิดภาพขยาย

 

 

 ความถี่ในการเกิด

 

อาทิตย์ทรงกลด

 

ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดไม่สามารถคาดการณ์การเกิดล่วงหน้าได้ แต่ก็ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย พบได้มากในปีที่มีฝนหลงฤดู จึงทำให้มีความชื้นในอากาศมากตามไปด้วย จะเกิดมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว ซึ่งมีความชื้นจากฝนมาก เวลาที่เหมาะสมได้แก่ ช่วงก่อน 10 โมงเช้าจนถึงเที่ยงเศษๆ ซึ่งเกล็ดน้ำแข็งยังไม่ละลาย แต่เมื่อเลยเที่ยงวันไปแล้ว โอกาสที่จะเกิดพระอาทิตย์ทรงกลดแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะเกล็ดน้ำแข็งจะได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์มากจนละลายหมดไป ในวันที่เกิดพระอาทิตย์ทรงกลดจะเป็นวันที่อากาศไม่ร้อนจัด ไม่มีฝนตกปุบปับอย่างแน่นอน เว้นแต่จะมีลมพายุพัดเมฆฝนจากที่อื่นมา

ความเชื่อของคนไทย

คนไทยนับถือดวงอาทิตย์เป็นเทวดาเบื้องบนองค์หนึ่ง สังเกตจากการเรียกนำหน้าว่า “พระ” ส่วนกลดก็ถือเป็นของสูงสำหรับพระ เช่น กลดของพระธุดงค์ ปรากฏการณ์นี้จึงเปรียบได้กับกลดของพระที่กำลังถูกล้อมรอบไว้ด้วยแสงของดวงอาทิตย์ไว้นั่นเอง จึงถือเป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ เป็น “มหิธานุภาพ” ของดวงอาทิตย์ มีความหมายในทางที่ดี มีมงคลแก่ทุกคนบนโลก

ในวันที่เกิดพระอาทิตย์ทรงกลดจะเป็นวันที่อากาศไม่ ร้อนจัด ไม่มีฝนตกปุบปับอย่างแน่นอน เว้นแต่จะมีลมพายุพัดเมฆฝนจากที่อื่นมา จึงสามารถจัดกิจกรรมหรือประเพณีในวันที่มีพระอาทิตย์ทรงกลดได้ดี

 

 

******************************************

 

 

 

 

 รูปภาพ : ทำไมการแกว่งแขน กับการว่ายน้ำ จึงป้องกันโรคร้ายได้มากมาย
เราเคยนำเสนอเรื่องการแกว่งแขนรักษาโรคภัยได้มาแล้ว เพราะอะไร วันนี้มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์จาก Dr. Kimberly Kaye มาบอกเล่าให้เข้าใจพร้อมกับประโยชน์ของการว่ายน้ำ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลกับการไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองในร่างกาย ส่งผลให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายมีสมดุล ป้องกันโรคร้ายได้อย่างคาดไม่ถึง
บทความของ Dr. Kimberly Kaye แปลโดย Wellness 2012
คำว่าระบบน้ำเหลืองนั้นหมายรวมถึง ม้าม ต่อมทอนซิล ต่อมไธมัส ต่อมน้ำเหลืองต่างๆ น้ำเหลือง ท่อน้ำเหลือง นับเป็นระบบที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อทำความสะอาด ชำระล้างของร่างกาย อันจำเป็นต่อ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เยียวยาความเจ็บป่วย
เพราะระบบน้ำเหลืองมีหน้าที่ขนถ่ายของเสีย พิษที่สะสมในร่างกาย เศษของเซลล์ที่ตายแล้ว ออกไปกำจัดยังอวัยวะที่รับผิดชอบและขับออกไปจากร่างกาย นอกจากนี้ยังมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือดขาว แอนตี้บอดี้ ของระบบภูมคุ้มกัน ตลอดระยะทางของท่อน้ำเหลืองจะมีต่อมน้ำเหลืองอยู่เป็นระยะๆเพื่อช่วยกรองสารเเปลกปลอม เชื้อโรคที่มีอันตราย
ตับเป็นอวัยวะที่ทำงานควบคู่ไปกับระบบน้ำเหลือง โดยตับมีหน้าที่สร้างน้ำเหลืองเป็นส่วนมาก และตับก็อาศัยน้ำเหลืองนี่เองขนส่งสารอาหารที่ย่อยแล้วจากตับและลำไส้เล็กไปส่งต่อให้กับเซลล์และอวัยวะต่างๆ ม้ามเป็นอวัยวะขนาดใหญ่ที่สุดของระบบน้ำเหลือง มีหน้าที่กรองและกำจัดเซลล์เม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ และเป็นอวัยวะที่มีบทบาทสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ใครก็ตามที่ผ่าตัดเอาม้าม ต่อมทอนซิล ต่อมไธมัสออกไป จะติดเชื้อได้ง่ายขาดภูมิต้านทาน
หากการไหลเวียนของน้ำเหลืองติดขัด จะทำให้ต่อมน้ำเหลืองบวม อักเสบ บริเวณที่น้ำเหลืองไหลเวียนและสังเกตได้ชัดเจนได้แก่ ลำคอ หลังใบหู ท้ายทอย หน้าอก รักแร้ใต้หัวไหล่ ท้องแขน หน้าท้องกึ่งกลางระหว่างหน้าอกกับสะดือ บริเวณขาหนีบ
เนื่องจากน้ำเหลืองไม่มีปั๊มเหมือนระบบเลือดที่มีหัวใจเป็นปั๊ม ดังนั้นการกระตุ้นให้น้ำเหลืองไหลเวียนดีขึ้นจึงต้องพึ่งพิงการออกกำลังกาย และการหายใจให้ลึกๆ เป็นหลัก เพื่อเขย่ากระตุ้นการไหลเวียนน้ำเหลืองด้วยการขยับกล้ามเนื้อ และกระบังลม
การเต้นกระโดดบน trampoline ดูจะเป็นวิธีการที่กระตุ้นน้ำเหลืองได้่ทั่วร่างกาย หากเต้นไม่ได้ก็อาจใช้วิธีกัวซา (Gua Sha) การนวดด้วยน้ำมัน การนวดแผนไทย
ใครก็ตามที่มักมีอาการ ผิวซีด ซูบซีด หลงๆลืมๆ ติดเชื้อบ่อยๆ เป็นหวัดเจ็บคอเสมอๆ เริ่มมีเซลลูไลท์เพิ่มมากขึ้น ให้สงสัยระบบน้ำเหลืองติดขัด ไหลเวียนไม่ดี ทั้งนี้็็ก็เข้าใจได้ไม่ยากนักเพราะของเสีย ขยะมีพิษตกค้างสะสมนั่นเอง
อย่าละเลยอาการน้ำเหลืองติดขัด โดยไม่ได้รักษาเพราะ นานวันเข้าพิษร้ายอาจทำให้ล้มหมอนนอนเสื่อด้วยโรคมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง
ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมารณรงค์ให้ออกกำลังกายด้วยการแกว่งแขนโดยอ้างว่าลดพุงได้อีกด้วย หลายคนแปลกใจว่าเกี่ยวกันตรงไหน? ทั้งที่การแกว่งแขน (แบบตำราแพทย์แผนจีนที่ใช้กันมานับพันปี) บางคนถึงกับหัวเราะเยาะว่าเว่อร์เกิ้น
ใต้หัวไหล่ที่เรียกว่ารักแร้นั้นคือชุมทางของต่อมน้ำเหลืองเบ้อเริ่ม
บริเวณขาหนีบนั่นก็ชุมทางของต่อมน้ำเหลืองขนาดใหญ่
การขยับหัวไหล่และรักแร้ของการแกว่งแขนก็ดี
การว่ายน้ำที่ขยับทั้งหัวไหล่และขาหนีบก็ดี
ล้วนแล้วแต่เป็นการออกกำลังให้ต่อมน้ำเหลืองขยับเพิ่มการไหลเวียนน้ำเหลืองจึงไม่ใช่ของเล่นๆธรรมดาๆ
เครดิต: เรียบเรียงจาก บทความที่เเปลเรียบเรียงโดย Wellness 2012  เขียนโดย Dr. Kimberly Kaye Castaneda
ภาพ: ขอบคุณภาพ จาก women.thaiza.com และ ภาพจาก อินเตอร์เน็ต โดยนำมารวมกันเป็นภาพเดียว พร้อมคำบรรยาย
*********** **************** **************
แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ
ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

 

 

 ทำไมการแกว่งแขน กับการว่ายน้ำ จึงป้องกันโรคร้ายได้มากมาย
เราเคยนำเสนอเรื่องการแกว่งแขนรักษาโรคภัยได้มาแล้ว เพราะอะไร วันนี้มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์จาก Dr. Kimberly Kaye มาบอกเล่าให้เข้าใจพร้อมกับประโยชน์ของการว่ายน้ำ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลกับกา...รไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองในร่างกาย ส่งผลให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายมีสมดุล ป้องกันโรคร้ายได้อย่างคาดไม่ถึง

บทความของ Dr. Kimberly Kaye แปลโดย Wellness 2012
คำว่าระบบน้ำเหลืองนั้นหมายรวมถึง ม้าม ต่อมทอนซิล ต่อมไธมัส ต่อมน้ำเหลืองต่างๆ น้ำเหลือง ท่อน้ำเหลือง นับเป็นระบบที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อทำความสะอาด ชำระล้างของร่างกาย อันจำเป็นต่อ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เยียวยาความเจ็บป่วย

เพราะระบบน้ำเหลืองมีหน้าที่ขนถ่ายของเสีย พิษที่สะสมในร่างกาย เศษของเซลล์ที่ตายแล้ว ออกไปกำจัดยังอวัยวะที่รับผิดชอบและขับออกไปจากร่างกาย นอกจากนี้ยังมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือดขาว แอนตี้บอดี้ ของระบบภูมคุ้มกัน ตลอดระยะทางของท่อน้ำเหลืองจะมีต่อมน้ำเหลืองอยู่เป็นระยะๆเพื่อช่วยกรองสารเเปลกปลอม เชื้อโรคที่มีอันตราย

ตับเป็นอวัยวะที่ทำงานควบคู่ไปกับระบบน้ำเหลือง โดยตับมีหน้าที่สร้างน้ำเหลืองเป็นส่วนมาก และตับก็อาศัยน้ำเหลืองนี่เองขนส่งสารอาหารที่ย่อยแล้วจากตับและลำไส้เล็กไปส่งต่อให้กับเซลล์และอวัยวะต่างๆ ม้ามเป็นอวัยวะขนาดใหญ่ที่สุดของระบบน้ำเหลือง มีหน้าที่กรองและกำจัดเซลล์เม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ และเป็นอวัยวะที่มีบทบาทสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ใครก็ตามที่ผ่าตัดเอาม้าม ต่อมทอนซิล ต่อมไธมัสออกไป จะติดเชื้อได้ง่ายขาดภูมิต้านทาน

หากการไหลเวียนของน้ำเหลืองติดขัด จะทำให้ต่อมน้ำเหลืองบวม อักเสบ บริเวณที่น้ำเหลืองไหลเวียนและสังเกตได้ชัดเจนได้แก่ ลำคอ หลังใบหู ท้ายทอย หน้าอก รักแร้ใต้หัวไหล่ ท้องแขน หน้าท้องกึ่งกลางระหว่างหน้าอกกับสะดือ บริเวณขาหนีบ

เนื่องจากน้ำเหลืองไม่มีปั๊มเหมือนระบบเลือดที่มีหัวใจเป็นปั๊ม ดังนั้นการกระตุ้นให้น้ำเหลืองไหลเวียนดีขึ้นจึงต้องพึ่งพิงการออกกำลังกาย และการหายใจให้ลึกๆ เป็นหลัก เพื่อเขย่ากระตุ้นการไหลเวียนน้ำเหลืองด้วยการขยับกล้ามเนื้อ และกระบังลม

การเต้นกระโดดบน trampoline ดูจะเป็นวิธีการที่กระตุ้นน้ำเหลืองได้่ทั่วร่างกาย หากเต้นไม่ได้ก็อาจใช้วิธีกัวซา (Gua Sha) การนวดด้วยน้ำมัน การนวดแผนไทย

ใครก็ตามที่มักมีอาการ ผิวซีด ซูบซีด หลงๆลืมๆ ติดเชื้อบ่อยๆ เป็นหวัดเจ็บคอเสมอๆ เริ่มมีเซลลูไลท์เพิ่มมากขึ้น ให้สงสัยระบบน้ำเหลืองติดขัด ไหลเวียนไม่ดี ทั้งนี้็็ก็เข้าใจได้ไม่ยากนักเพราะของเสีย ขยะมีพิษตกค้างสะสมนั่นเอง

อย่าละเลยอาการน้ำเหลืองติดขัด โดยไม่ได้รักษาเพราะ นานวันเข้าพิษร้ายอาจทำให้ล้มหมอนนอนเสื่อด้วยโรคมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง

ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมารณรงค์ให้ออกกำลังกายด้วยการแกว่งแขนโดยอ้างว่าลดพุงได้อีกด้วย หลายคนแปลกใจว่าเกี่ยวกันตรงไหน? ทั้งที่การแกว่งแขน (แบบตำราแพทย์แผนจีนที่ใช้กันมานับพันปี) บางคนถึงกับหัวเราะเยาะว่าเว่อร์เกิ้น

ใต้หัวไหล่ที่เรียกว่ารักแร้นั้นคือชุมทางของต่อมน้ำเหลืองเบ้อเริ่ม
บริเวณขาหนีบนั่นก็ชุมทางของต่อมน้ำเหลืองขนาดใหญ่

การขยับหัวไหล่และรักแร้ของการแกว่งแขนก็ดี
การว่ายน้ำที่ขยับทั้งหัวไหล่และขาหนีบก็ดี

ล้วนแล้วแต่เป็นการออกกำลังให้ต่อมน้ำเหลืองขยับเพิ่มการไหลเวียนน้ำเหลืองจึงไม่ใช่ของเล่นๆธรรมดาๆ


เครดิต: เรียบเรียงจาก บทความที่เเปลเรียบเรียงโดย Wellness 2012 เขียนโดย Dr. Kimberly Kaye Castaneda
ภาพ: ขอบคุณภาพ จาก women.thaiza.com และ ภาพจาก อินเตอร์เน็ต โดยนำมารวมกันเป็นภาพเดียว พร้อมคำบรรยาย

 

 


*********** **************** **************

 

 

 

'ชูชาติ' ซัด 'แม้ว แหลกลางกรุง สไกป์หลอกเสื้อแดง...ทุกเรื่อง!

 
 
 
นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว Chuchart Srisaeng จับผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี สไกป์ มาที่เวที ครบรอบ 3 ปี สลายม็อบเสื้อแดง ที่ระบุว่า ประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย ยังไม่มีความเป็นธรรม ศาลไม่มีอิสระ หรือช่วยกันรักษาประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

โดย นายชูชาติ หยิบเหตุผลที่ทักษิณ พูดกลางเวทีเสื้อแดง มาอธิบายหักล้างอย่างละเอียดยิบ ดังนี้

....เมื่อคืนวันที่ 19 พฤษภาคม 2556 ทักษิณได้สไกป์เข้ามาคุยกับคนเสื้อแดงซึ่งมารำลึกถึงความหลังในการยึดสี่แยกราชประสงค์ไว้เป็นดินแดนอิสระครบรอบ 3 ปี มีสาระสำคัญบางตอน.....
....อยากกลับบ้านมาก แต่ถ้าบ้านเมืองได้ประชาธิปไตย มีความเป็นธรรม ไม่กลับก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็สู้กันต่อไป ขอพี่น้องอย่าทิ้งผม พรรคเพื่อไทย เราต้องสามัคคีกัน วันหนึ่งจะมาร่วมกันทำงานใหญ่สักครั้งถ้าจำเป็น เพื่อช่วยกันรักษาประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ประชาธิปไตยที่มีความเป็นธรรม ประชาธิปไตยที่องค์กรอิสระที่เป็นอิสระ ขอให้องค์กรอิสระมีจิตใจมีอิสระเสียที ถ้าศาลไม่มีอิสระ ยอมหักวิชาที่เรียนมา บางคนเป็นอาจารย์สอนอย่างปฏิบัติอย่าง อยากเห็นบ้านเมืองกลับไปสู่ความยุติธรรม

....ถ้าสรุปคำกล่าวของทักษิณดังกล่าวก็เห็นได้ว่า ตามความคิดของทักษิณนั้น
......ประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย
......ประเทศไทยไม่มีความเป็นธรรม
......ศาลเป็นองค์กรอิสระ
......ศาลไม่มีอิสระ
......ต้องช่วยกันรักษาประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

......ที่ว่าประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย ก็สงสัยว่าไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน อย่างไร รัฐธรรมนูญปี 2550 ถ้าเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญปี 2540 แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับ สิทธิเสรีภาพของประชาชน กับการมีส่วนร่วมของประชาชน มีบทบัญญัติให้สิทธิและคุ้มครองประชาชนดีกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ที่ทักษิณว่าไม่เป็นประชาธิปไตยอาจเป็นเพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 มีบทบัญญัติให้รัฐบาลถูกตรวจสอบจากฝ่ายค้าน องค์กรอิสระและประชาชนได้มากกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540
 
ถ้าทักษิณยังจำได้ว่า หลังจากพรรคพลังประชาชนชนชนะการการเลือกตั้งและนายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2551 ทักษิณเดินทางกลับมากราบพระแม่ธรณีที่สนามบินสุวรรณภูมิ และได้เข้าสู้คดีที่ดินรัชดาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในขณะนั้นทักษิณไม่เคยพูดว่า ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย บริวารทั้งหลายก็ไม่เคยมีใครพูดว่าประเทศไทยไม่เป็นประซาธิปไตย แต่เมื่อบริวารไม่สามารถวิ่งเต้นให้สินบนองค์คณะผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีดังกล่าวได้ ทักษิณจึงหลอกศาลขออนุญาตไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิค 2008 ที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจัดการแช่งขันแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย
 
หลังจากศาลมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีและต่อมาสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วนั่นแหละ กลุ่มคนเสื้อแดงที่ทักษิณให้การสนับสนุนจึงมีนวกรรมหลอกประชาชนให้มาชุมนุมอ้างว่า เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย และกดดันให้นายอภิสิทธิ์ลาออกจากนายกรัฐมนตรีหรือยุบสภาเพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ คำกล่าวของทักษิณที่ว่าประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย หากมีก็ไม่ใช่เป็นเพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่เป็นเพราะการกระทำของรัฐบาลปัจจุบันที่ทักษิณเป็นผู้ตั้งขึ้นมานั่นแหละ ที่ชัดเจนที่สุดก็คือการมีกองกำลังคนเสื้อแดงไว้คอยกดดัน ข่มขู่ รังควาน ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ซึ่งไม่มีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยของประเทศใดในโลกนี้กระทำกัน

ที่มา:http://www.naewna.com/politic/52514

 

"รัฐธรรมนูญปี 2550 ถ้าเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญปี 2540 แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย" ???????????
ปี 40 สว เลือกตั้งทั้งหมด
ปี 50 สว เลือกตั้งครึ่งหนึ่ง แต่งตั้งครึ่งหนึ่ง


ทางที่ดีถ้านายชูชาติ ศรีแสงมั่นใจว่ารธน.ฉบับนี้เป็นประชาธิปไตยๆพอๆกับฉบับก่อน ก็ควรตอบคำถามให้ได้ว่าไปสนับสนุนให้มหารฉีกรธน.ฉบับเดิมทำไม เพราะเมื่อเขียนใหม่ก็ไม่ได้ให้สิทธิประชาชนเพิ่มขึ้น (ความจริงต้องบอกว่าน้อยลงเสียด้วยซ้ำ)

อีกอย่าง หากจะอ้างว่ารธน.ฉบับนี้เป็นประชาธิปไตยพอ แล้วทำไมจำนวนสว. และที่มาขององค์กรอิสระ ถึงได้จำกัดให้ประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการสรรหา ถ้าตอบได้ถึงค่อยไปว่าทักษิณ

 

ผมเรียนอีกครั้งครับว่า

ไม่ใช่เฉพาะคนไทยส่วนใหญ่ที่เชื่อทักษิณ
คนอีกหลายประเทศในโลกใบนี้ก็เชื่อครับ
ทุกวันนี้ยังมีคำเชิญให้อดีตนายกฯทักษิณไปพูดให้คนในประเทศเขาฟัง หลายรัฐบาลให้เกียรติทักษิณมากพอควร
ยังไม่นับเพื่อนฝูงระดับชนชั้นนำของโลก ที่มีทั้งปธน นายกฯ เจ้าชาย ฯลฯ

มีเครดิตน่าเชื่อถือมากกว่าอดีตนายกฯชายคนนึงที่ดีแต่พูดไหมครับ

 

********************************************

 

 

 

'ขวัญชัย'แฉ'แม้ว'บ่น นปช.-พท.บางส่วนไม่อยากให้กลับบ้าน

 
 
 

 

 

 

 

 

 

 

   

 

 

 

 

 

 

 

 

วันนี้ 21 พ.ค.56 นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เปิดเผยถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สไกป์มายังเวทีชุมนุมนปช.ที่แยกราชประสงค์ และย้ำถึงพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ของนายวรชัย เหมะ ส.ส.เพื่อไทย หลายครั้งนั้น โดยตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงอยากวัดใจแกนนำคนเสื้อแดงว่า จะมีใครออกมาพูดอะไรบ้าง ส่วนตัวนั้น ไม่เห็นด้วยที่จะนิรโทษกรรมประชาชนก่อน เพราะต้องเอา "ขุน" กลับมา ไม่ใช่ "เบี้ย"


นายขวัญชัย กล่าวต่อว่า เหตุที่แกนนำนปช. และส.ส.เพื่อไทยบางส่วน ไม่สนับสนุนร่างพรบ.ปรองดอง ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ให้นิรโทษกรรมทุกกลุ่มรวมแกนนำ เนื่องจากไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาไทย เพราะหากพ.ต.ท.ทักษิณกลับมา ก็จะมาจัดระเบียบอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งจะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้เสียผลประโยชน์ " ท่านทักษิณ บ่นกับผมเสมอ ว่าพวกนั้น ไม่อยากให้ท่านกลับ "


นายขวัญชัย กล่าวต่ออีกว่า ส่วนงานวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ ที่จะชูธงพา พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านนั้น นายขวัญชัย แฉว่า มีส.ส.อุดรธานี มาขอเงิน ร.ต.อ.เฉลิม เพื่อจะช่วยขนคนมาร่วมงาน แต่ตนเองบอกกับ ร.ต.อ.เฉลิมว่า ไม่ต้องให้ เดี๋ยวจะจัดการเอง เพราะพวกนั้นไม่มีมวลชนจริง มีแต่มาหลอกต้ม ทั้งนี้ ยอมรับว่า ร.ต.อ.เฉลิมอาจยังไม่มั่นใจว่า จะมีมวลชนมาร่วมเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนตัวขอยืนยันว่า "อย่างต่ำ 5 หมื่นคนแน่นอน".....................

 

 

 

ตอแหลแล้วครับคุณขวัญชัย

ที่ประชาชนไม่อยากให้นิรโทษแกนนำ ไม่ใช่เพราะไม่ต้องการให้ทักษิณกลับบ้าน

แต่ทนไม่ได้ที่คนสั่งฆ่าประชาชน จะได้รับส่วนบุญไปด้วยตะหาก

คนอย่างขวัญชัย สะติสะตัง ควรจะมีมากกว่านี้

 

'ขวัญชัย'แฉ'แม้ว'บ่น นปช.-พท.บางส่วนไม่อยากให้กลับบ้าน

 

ทัีกษิณหมายถึงใคร ยังไม่รู้ตัวอีก

ใช่...ถ้ากลับมาแล้วจะเอาเหตุผลอะไรมาหาเงินได้อีกล่ะ ก็จบเห่น่ะสิ

 

 

***************************************

 

 

 

 

 

 

 

[IMG]

 

 

สาวเสี่ยงคุก 10 ปีปรับ 1ล้าน พกสเปรย์..ป้องกันตัว

สาวๆ หลายคนที่พกสเปรย์พริกไทย หรือสเปรย์อื่นใดที่มีจุดประสงค์เพื่อใช้ป้องกันตัว
ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ เนื่องจากอุปกรณ์ป้องกันตัวชนิดนี้ถือเป็นวัตถุอันตราย
ใครมีไว้ในครอบครองถือว่า ผิดกฎหมาย มีโทษสูงสุดจำคุกเป็นเวลา 10 ปี ปรับ 1 ล้านบาท
ซึ่งอัตราโทษดังกล่าวสูงกว่ามียาบ้าไว้ในครอบครอง !!

"เอิร์น" หญิงสาววัย 25 ปี พนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง มีที่พักอาศัยอยู่ในย่านสุขุมวิท
นิยมพกพาสเปรย์ป้องกันตัวไว้ติดกระเป๋าเป็นประจำ บอกว่า
ไม่รู้มาก่อนว่า การพกพาสเปรย์ป้องกันตัวติดกระเป๋าไว้จะผิดกฎหมาย
มีโทษหนักและรุนแรงกว่าการครอบครองยาเสพติดอย่างยาบ้าเสียอีก
จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพิจารณาข้อกฎหมายเสียใหม่ เพราะโดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า อุปกรณ์ชนิดนี้มีประโยชน์

"ทุกวันนี้เสี่ยงนะ ผู้หญิงมีความเสี่ยงสูง เราตกเป็นเป้าของมิจฉาชีพที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวซวย
มีสเปรย์ป้องกันตัวไว้ก็เพื่อป้องกันตัวเอง คนร้ายคุกคามมาจะได้หยิบมาใช้ป้องกันตัวเองได้
ที่สำคัญคือมันไม่รุนแรงจนทำให้ใครเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสอย่างอุปกรณ์ชนิดอื่น
แค่เพียงทำให้แสบตาและรบกวนระบบทางเดินหายใจ เพียง 5 นาทีก็หาย
เป็นเพียงอุปกรณ์ที่ยับยั้งคนร้ายเพื่อชะลอเวลาให้เราหนีแค่นั้น" เอิร์น ให้ข้อมูล

เช่นเดียวกับ "จ๋า" พนักงานออฟฟิศสาววัย 27 ปี มีที่พักอยู่ในย่านหัวหมาก
ไม่รู้ว่าการครอบครองสเปรย์ป้องกันตัวผิดกฎหมาย ยอมรับว่า
พกติดตัวเป็นประจำเพราะไม่มั่นใจสถานการณ์ในแต่ละวันว่าจะตกเป็นเหยื่อของคนร้ายเมื่อไหร่
และคิดว่าอุปกรณ์ป้องกันตัวชนิดนี้ไม่รุนแรง อย่างมีด หรือแม้กระทั่งปืน
อยากให้มีการอนุญาตครอบครองหรือพกพาโดยไม่ผิดกฎหมาย

สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมผลิตภัณฑ์สเปรย์ป้องกันตัว
จึงมอบหมายให้ รศ.ดร.ศรีสมบัติ โชคประจักษ์ชัด อาจารย์ภาควิชาสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
พร้อมคณะซึ่งประกอบด้วย รศ.ดร.ธัญธร อินศร ดร.เพชรรัตน์ ไสยสมบัติ
นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง ศึกษาวิเคราะห์แนวทางที่เหมาะสมในการควบคุมผลิตภัณฑ์สเปรย์ป้องกันตัว

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นักวิชาการชุดนี้ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย
เจ้าหน้าที่คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) องค์กรสิทธิสตรี องค์กรคุ้มครองผู้บริโภค
หน่วยงานด้านความมั่นคง มาให้ข้อมูลเพื่อพิจารณาเสนอผู้เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดเป็นนโยบายต่อไป

นายน้ำแท้ กล่าวว่า จากการศึกษาข้อมูลการใช้สเปรย์ป้องกันตัวในต่างประเทศพบว่า
มีทั้งที่กำหนดให้เป็นวัตถุผิดกฎหมาย และไม่ผิดกฎหมาย
บางประเทศเช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย และแคนาดา ห้ามมีไว้ในครอบครองทั่วไป ยกเว้นเพื่อการป้องกันตัว
ขณะที่ในสหรัฐ มีความหลากหลายตามนโยบายของแต่ละรัฐ
อย่างที่นิวยอร์ก สเปรย์ป้องกันตัวไม่เป็นสินค้าควบคุม ซื้อขายได้
ขณะที่ในไทยสเปรย์ป้องกันตัวถูกจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4
มีคุณสมบัติขัดขวางระบบการทำงานของร่างกายเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันตัวหรือทำร้ายผู้อื่น
ซึ่งตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 มาตรา 43 วรรคหนึ่ง ห้ามผลิต นำเข้า หรือมีไว้ในครอบครอง
หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้านตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้
กระทรวงสาธารณสุขได้รับหนังสือจากประชาชนเสนอให้แก้ไขผ่อนปรน
กฎหมายในการควบคุมสเปรย์ป้องกันตัว โดยให้เหตุผลว่า
เป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวช่วยให้ผู้หญิงพกพาเพื่อป้องกันสวัสดิภาพของตัวเองได้
เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาอาชญากรรมและภัยคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ประกอบกับอุปกรณ์ชนิดนี้ปัจจุบันมีการจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย
มีการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันตัวให้ผู้หญิงพกพา
มีการโฆษณาในสื่อมวลชนอย่างแพร่หลาย ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐ
เช่นตำรวจ และผู้คุมเรือนจำ ก็มีอยู่ในครอบครอง จนเกิดความลักลั่นในการปฏิบัติ
ทั้งที่มีกฎหมายห้าม แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย

สอดคล้องกับ พ.ต.ท.โชติวิเชียร วิเชียรโชติ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยผู้หญิง
ยอมรับว่า แต่ละปีมีผู้หญิงตกเป็นเหยื่อของคนร้าย ทั้งเรื่องทรัพย์สิน และคุกคามทางเพศไม่น้อยกว่า 2-3 หมื่นราย
ส่งผลให้มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยจำเป็นต้องหามาตรการป้องกันตัวเอง
โดยเลือกใช้สเปรย์ป้องกันตัว เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นอุปกรณ์ที่ปลอดภัยต่อตัวเองมากที่สุด
แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าผิดกฎหมายมีโทษหนักจำคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้านบาท ซึ่งโทษดังกล่าวมากกว่าการครอบครองยาบ้า

"ผู้หญิงเขาเห็นว่าสเปรย์ป้องกันตัวน่าจะปลอดภัยที่สุด เหมาะกับพวกเขา
เพราะหากไปใช้มีดหรือปืนก็เกรงว่าคนร้ายจะแย่งชิงแล้วกลายเป็นอาวุธให้คนร้ายใช้ทำร้ายตัวเองได้ง่าย
ที่สำคัญคือปัจจุบันหาง่าย ราคาไม่แพงมาก พกพาสะดวก" พ.ต.ท.โชติวิเชียร กล่าว

พ.ต.ท.โชติวิเชียร แสดงความเห็นด้วยว่า สภาพปัญหาอาชญากรรมในปัจจุบัน
จำเป็นที่ผู้หญิงต้องมีการเตรียมการในการป้องกันตัวเอง
โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าสเปรย์ป้องกันตัวเป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่เหมาะกับผู้หญิง
แต่เมื่อกลับมาดูข้อกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบันแล้วเห็นว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
จึงอยากให้มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม โดยอาจปรับลดสเปรย์ป้องกันตัวจากวัตถุอันตรายประเภท 4
ให้เหลือเพียงแค่วัตถุควบคุม เพราะอุปกรณ์ชนิดนี้ไม่มีอันตรายรุนแรง
เพียงทำให้แสบตา ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจชั่วขณะ ไม่สามารถทำให้ใครเสียชีวิตหรือบาดเจ็บรุนแรงได้

"ข้อกังวลว่าหากปล่อยให้มีการครอบครองสเปรย์ป้องกันตัวได้อาจกลายเป็นช่องทางให้คนร้ายใช้เป็นอาวุธได้นั้น
ผมเชื่อว่าคนร้ายเขาไม่สนใจเรื่องอาวุธหรือกฎหมายหรอก เขาพร้อมจะก่อเหตุทุกเมื่อที่มีโอกาส
อาวุธใดๆ เขาก็ใช้ได้ ขนาดปืนที่นำมาใช้เขาก็ไม่ใช้ปืนเถื่อน
ที่สำคัญสเปรย์ป้องกันตัวประสิทธิภาพก่อเหตุน้อยคนร้ายเขาไม่นิยมใช้หรอก
เพราะเขาใช้มีด หรือปืนจะเอื้ออำนวยต่อการก่อเหตุได้มากกว่า" พ.ต.ท.โชติวิเชียร แสดงความเห็น

ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ จะถูกนักวิชาการชุดนี้ประมวลและ
เสนอต่อผู้มีอำนาจในสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาพิจารณาเพื่อกำหนดเป็นนโยบายต่อไป
หลังจากนี้จะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนทั่วไปอีกหลายครั้ง
แต่ในห้วงเวลาการศึกษาและยังไม่มีการแก้กฎหมาย
บุคคลที่มีสเปรย์ป้องกันตัวไว้ในครอบครองพึงระวัง
เพราะหากถูกจับกุม จะมีโทษหนักถึงจำคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้านบาท

อันตรายจาก...สเปรย์พริกไทย

"สเปรย์พริกไทย" รู้จักในชื่อ OC spray
ซึ่งมาจาก “Oleoresin Capsicum” (น้ำมันจำพวกพริก) เป็นสารทำให้ระคายเคือง น้ำตาไหล เจ็บปวด
หรือตาบอดชั่วคราว ใช้เพื่อควบคุมการจลาจลฝูงชน และการป้องกันตัวเอง
ซึ่งการออกฤทธิ์ของสเปรย์พริกไทย ทำให้เกิดการอักเสบทันที ตาจะปิดลง
น้ำหูน้ำตาไหล หายใจลำบาก และไอ ระยะเวลาของผลที่ได้เกิดขึ้นกับความเข้มข้นของสเปรย์
แต่จะกินเวลาเฉลี่ย 30 นาที ถึง 45 นาที ในรายที่แพ้จะกินเวลานานเป็นชั่วโมง

สเปรย์พริกไทย เป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวที่ได้รับความนิยมเพื่อการป้องกันตัวของผู้หญิงมาเป็นเวลานาน
เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวที่หยุดคนร้ายและมีระยะเวลาเพียงพอในการหนีเอาตัวรอด
ส่วนคนร้ายที่จะนำสเปรย์พริกไทย มาใช้จู่โจมผู้อื่นนั้นยาก เนื่องจากผู้ฉีดจะต้องหนีไปอีกทาง
หากจะวิ่งไล่ฉีดผู้อื่น คนร้ายก็จะโดนสเปรย์พริกไทยไปด้วย !!

 

พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 มาตรา 43 วรรคหนึ่ง ห้ามผลิต นำเข้า หรือมีไว้ในครอบครอง
หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4
เมื่อรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบได้ประกาศระบุวัตถุใดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ให้ผู้ผลิต
ผู้นำเข้า หรือผู้มีไว้ในครอบครองปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ และ
ให้นำมาตรา 41 มาใช้บังคับโดย อนุโลม

สํานักควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย
วัตถุอันตรายชนิดที่ 4 (ห้ามผลิตนําเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครอง)
สารเคมีที่มีเหตุผลการห้ามใช้อื่นๆเช่น

สารเคมีที่ห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ที่นํามาใช้เพื่อ
ขัดขวางระบบการทํางานของร่างกายเป็นการชั่วคราว

7 เมษายน พ.ศ. 2535-24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535
รัฐบาล พลเอกสุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี

ที่มีกูรูกฎหมายอำมาตย์ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ รองนายกรัฐมนตรี

......พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ให้ไว้ ณ วันที่๒๙ มีนาคม พ.ศ. 2535......เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ......นายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี....

 

*******************************************

 

ความคิดเห็น

วันที่: Thu May 09 04:10:52 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>