Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

อาหารตามสั่ง ขึ้นราคาอย่างตามใจ

ArjanPong | 01-11-2556 | เปิดดู 3948 | ความคิดเห็น 0

 

 

 

     อาหารตามสั่ง ขึ้นราคาอย่างตามใจ

 

 

 

 

 

จากกรณีที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ประกาศขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม LPG กก.ละ 50 ส.ต. ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าอาหาร จานละ 2-63 ส.ต. โดยกรมการค้าภายในเชื่อว่า ไม่น่าจะกระทบต่อค่าอาหารและค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะผู้นิยมบริโภค อาหารจานด่วน Mthai ข่าวภาคซ่าส์สัปดาห์นี้ จึงหยิบประเด็น อาหารจานด่วน มาเล่าสู่กันฟัง

 

 

 

อาหารจานด่วน (Fast Food) เป็นอาหารที่ปรุงสุกภายในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าจานด่วนแบบฝรั่งก็คงจะเป็นพวกเคเอฟซี เบอเกอร์  แต่ถ้าอาหารจานด่วนแบบไทยๆก็คงจะหนีไม่พ้น ข้าวราดแกง อาหารตามสั่งจำพวก ผัดกะเพรา ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวผัดไท ราดหน้า ผัดซีอิ๋ว ซึ่งใช้เวลาปรุงไม่เกิน 10 นาทีก็พร้อมรับประทาน

 

 

อาหารตามสั่ง ขึ้นราคา

 

 

ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดเผยรายะเอียดเกี่ยวกับต้นทุนของอาหารจานด่วนยอดนิยมของคนไทย มีข้อมูลดังนี้

-  ข้าวราดแกงไก่  หากจำหน่ายจานละ 30 บาท จะมีสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบ 13.47 บาท แบ่งเป็น ต้นทุนจากค่าแรง ค่าเช่าพื้นที่ ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง ค่าก๊าซและอื่นๆ 8.94 บาท กำไรผู้ประกอบการ 7.59 บาท

-   ข้าวกะเพราหมู+ไข่ดาว ต้นทุนวัตถุดิบ 19.49 บาท

-   อาหารอื่นๆ หากขายจานละ 30 บาท มีต้นทุนเพียง 21.43 บาท ส่วนที่เหลือ 8.57 บาทเป็นกำไร โดยต้นทุนแบ่งเป็นต้นทุนวัตถุดิบ 13.49 บาท ในจำนวนนี้เป็นค่าข้าว 3.67 บาท เนื้อหมู 8.20 บาท ผัก 0.64 บาท น้ำมันพืช 0.21 บาท เครื่องปรุง 0.77 บาท ค่าใช้จ่ายอื่น 7.94 บาท ในจำนวนนี้เป็นค่าแรง 3 บาท ค่าแก๊ส 1 บาท ค่าเช่า 2 บาท ค่าน้ำค่าไฟ ค่าขนส่ง 1.94 บาท และกำไร 8.57 บาท

นอจากนี้ยังมีการสำรวจจัดอันดับ 5 อาหารจานด่วนที่คนไทยชอบทานมากที่สุด ได้แก่

อันดับ 1 ข้าวผัดกะเพรา นับรวมทุกชนิดเนื้อหมู หมึก กุ้ง เนื้อ ไก่ หมูกรอบ

อันดับ 2  ข้าวผัด หมู หมึก กุ้ง

อันดับ 3 ผัดซีอิ๋ว

อันดับ 4 ผัดผัก นับรวมผัดคะน้า ผัดผักรวม ผัดผักบุ้ง กะเฉดไฟแดง

อันดับ 5 ผัดน้ำพริกเผา

อย่างไรก็ตาม หากจะบอกว่าข้าวจานหนึ่งขายได้กำไรไม่เท่าไหร่ ยิ่งก๊าซหุงต้มเพิ่มราคา ค่าขนส่งแพงขึ้นแต่ใช่ว่ากรมการค้าภายในจะอนุญาตให้ร้านอาหารตามสั่งขึ้นราคาได้ตามใจเพราะราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2 บาท ซึ่งทางผู้ค้าน่าจะรับไหว และเมื่อมองในความเป็นจริง อาหารตามสั่งเวลาขึ้นแล้วจะไม่มีลง ขึ้นต่อครั้ง 5 – 10 บาท ซึ่งก็น่าคิดนะว่าพอวัตถุดิบหรือราคาต้นทุนลดลงทำไมอาหารตามสั่งราคาไม่ลดลงบ้าง เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ข้าวผัดกะเพราจานละ 15 บาท 5 ปีที่แล้วข้าวผัดกะเพาจานละ 20 บาท รวมไข่ดาวเป็น 25 แต่ปัจจุบันจะหาราคาข้าวแบบนี้ยังหายาก อย่างเก่งคงประมาณเฉลี่ย 30 -35 บาท ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจสำหรับผู้บริโภค และแม่ค้าผู้แบกรับภาระค่าต้นทุนที่กำลังจะเพิ่มขึ้นด้วย ทาง Mthai ข่าวภาคซ่าส์ก็อยากจะช่วยบอกให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนด้วย 

 

 

 

 **********************************

 

 

 

 

 

“10 สถานที่เสี่ยงมลพิษ” มากที่สุดในโลก-เตือนกระทบ

 

ประชากร 200 ล้านคน

 

 

 

 

ย่าน Agbogbloshie ในกรุงอักกรา เมืองหลวงของสาธารณรัฐกานา เป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงมลพิษมากที่สุด เนื่องจากเป็นแหล่งรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ใหญ่อันดับ 2 ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก

 

 

เอเอฟพี - สถาบันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเผยแพร่รายนาม 10 สถานที่เสี่ยงมลพิษมากที่สุดในโลก พร้อมเตือนว่าประชากรโลกหลายร้อยล้านคนกำลังใช้ชีวิตอยู่ในความเสี่ยง วานนี้ (4)
       
       ริชาร์ด ฟุลเลอร์ ผู้อำนวยการสถาบันแบล็กสมิธ ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ ประเมินว่า “ประชากรโลกกว่า 200 ล้านคนเสี่ยงที่จะมีปัญหาสุขภาพ เนื่องจากมลพิษในประเทศกำลังพัฒนา”
       
       สถาบันแบล็กสมิธ ร่วมกับ กรีน ครอสส์ สวิตเซอร์แลนด์ ได้จัดพิมพ์รายนาม “สถานที่ที่มีมลพิษร้ายแรงที่สุดในโลก” 10 อันดับแรก โดยสรุปจากผลประเมินความเสี่ยงกว่า 2,000 กรณีใน 49 ประเทศ
       
       ย่าน Agbogbloshie ในกรุงอักกรา เมืองหลวงของสาธารณรัฐกานา ถูกจัดเป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงมลพิษมากที่สุด เนื่องจากเป็นแหล่งรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ใหญ่อันดับ 2 ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก
       
       ทุกๆ ปี กานาจะนำเข้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสองราว 215,000 ตันจากประเทศแถบยุโรปตะวันตก และตัวเลขนี้ก็มีแนวโน้มจะเพิ่มอีกเท่าตัว ภายในปี 2020
       
       ปัญหาสำคัญจากกระบวนการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ในกานาก็คือ การเผาทำลายสายเคเบิลเพื่อเอาลวดทองแดงที่อยู่ภายใน ซึ่งสายเคเบิลอาจมีส่วนประกอบของโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว เป็นต้น
       
       รายงานชิ้นนี้ระบุว่า จากการสุ่มตรวจตัวอย่างดินบริเวณย่าน Agbogbloshie พบว่ามีโลหะอันตรายปนเปื้อนเกินมาตรฐานถึง 45 เท่า
       
       “ขยะอิเล็กทรอนิกส์กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ มันเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน เพราะทุกคนล้วนอยากมีคอมพิวเตอร์, แล็ปท็อป และอุปกรณ์ทันสมัยอื่นๆ ดังนั้นผมคิดว่าสิ่งที่เราเห็นในวันนี้เป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น” แจ็ก คาราวาโนส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจากสถาบันแบล็กสมิธให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

 

 

เจ้าหน้าที่กลุ่มกรีนพีซสวมชุดป้องกันขณะสำรวจสารพิษที่ถูกปล่อยลงสู่แม่น้ำซิตารุม ในจังหวัดชวาตะวันตกของอินโดนีเซีย (แฟ้มภาพ)

 

สถานที่อื่นๆ ซึ่งมีชื่อติดโผมลพิษเป็นครั้งแรกในปีนี้ ได้แก่ ที่ราบลุ่มแม่น้ำซิตารุมในจังหวัดชวาตะวันตกของอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรอยู่อาศัยประมาณ 9 ล้านคน และยังมีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่ราว 2,000 แห่ง
       
       ชาวบ้านยังคงใช้น้ำจากแม่น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และเพาะปลูกข้าวเป็นหลัก แต่จากการตรวจสอบพบว่าแม่น้ำสายนี้เต็มไปด้วยสารพิษ เช่น อะลูมิเนียม และแมงกานีส และเมื่อสุ่มตรวจด้วยมาตรฐานน้ำดื่มก็พบว่า มีปริมาณสารตะกั่วเกินกว่ามาตรฐานน้ำดื่มของสหรัฐฯ กว่า 1,000 เท่า
       
       กาลิมันตัน ซึ่งเป็นดินแดนของอินโดนีเซียบนเกาะบอร์เนียว ก็ถูกจัดเป็นพื้นที่เสี่ยงมลพิษจากการขุดหาแร่ทองคำด้วยวิธีพื้นบ้าน โดยนักขุดทองส่วนใหญ่จะใช้สารปรอทในกระบวนการสกัดทองคำ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้โลหะหนักชนิดนี้แพร่กระจายออกไป
       
       ย่าน Hazaribagh ในเมืองหลวงของบังกลาเทศก็เป็นอีกหนึ่งจุดเสี่ยง โดยแต่ละวันโรงงานฟอกหนังราว 270 แห่งจะปล่อยน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารก่อมะเร็งโครเมียม 6+ ราวๆ 22,000 ลูกบาศก์ลงสู่แม่น้ำบุรีคงคา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของกรุงธากา และเป็นแหล่งน้ำกินน้ำใช้ของพลเมือง
       
       สถานที่อื่นๆ ซึ่งถูกจัดเป็นพื้นที่เสี่ยงมลพิษมากที่สุดเช่นกัน ได้แก่ สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ในไนจีเรีย, ที่ราบลุ่มแม่น้ำมาตันซา-ริอาชูเอโลในอาร์เจนตินา, โรงไฟฟ้าเชอร์โนเบิลในยูเครน, เมือง Norilsk และ Dzershinsk ในรัสเซีย และเมืองคับเวในแซมเบียซึ่งมีการทำเหมืองตะกั่ว
       
       จีนและอินเดียซึ่งเคยติดโผสถานที่เสี่ยงมลพิษมากที่สุดในโลกเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ไม่มีชื่อในลิสต์สำหรับปีนี้

 

 

                         มารู้จัก..ขยะอิเล็คทรอนิกส์ ( e-waste)

  เทวารักษา เครือคล้าย
นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ
เจริญชัย จิรชัยรัตนสิน
วิศวกรปฏิบัติการ 

                                

 

 

 

     

 

     ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-waste
           
คือขยะที่เกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ประกอบด้วย พีซี จอมอนิเตอร์ และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งมีส่วนผสมของโลหะมีพิษชนิดต่างๆ อยู่ในตัว อาทิ สารตะกั่ว สารปรอท และแคดเมียม รวมทั้งสารเคมีอีกสารพัดชนิด และจะ เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างรุนแรงทันที หากมีโอกาสเข้าไปปะปนอยู่ในสิ่งแวดล้อม เมื่อมีการนำขยะเหล่านี้ มาทิ้งบนพื้นดิน อันตรายจากสารพิษที่ได้จากการเผา หรืออันตรายจากการนำพีซีมาแยกชิ้นส่วนด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง

ขยะดังกล่าวไม่อาจสูญสลายไปตามธรรมชาติได้ และถูกจัดว่าเป็น “ขยะพิษ” ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ มี ดังนี้

        1. ตะกั่ว (Lead) 

            เป็นโลหะที่ใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ใช้ฉาบจอแก้ว พิษของตะกั่วจะทำลายระบบประสาท ต่อมไร้ท่อ ไต ระบบเลือด และการพัฒนาสมองของเด็ก พิษเรื้อรังของตะกั่ว จะค่อยๆ แสดงอาการออกมา ภายหลังจากได้รับสารตะกั่วทีละน้อยเข้าสู่ของเหลวในร่างกาย และค่อยๆสะสมในร่างกาย

    2. หลอดรังสีแคโทด (Cathode Ray Tube : CRT)

            หลอดภาพเครื่องรับโทรทัศน์ และจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ ยังใช้ตะกั่วในการบัดกรีส่วนประส่วนประกอบอิเล็กโทรนิคส์ต่างๆ บนแผงวงจรไฟฟ้า

    3. แคดเมียม (Cadmium)

        พบในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น วัสดุกึ่งตัวนำ (Semiconductors) อุปกรณ์ตรวจจับอินฟราเรด (Infrared Detectors) หลอดภาพรุ่นเก่า เป็นต้น แคดเมียมเป็นสารที่มีพิษอย่างเฉียบพลัน ต่อทางเดินหายใจ ทำให้เกิดปอดอักเสบรุนแรง ไตวาย ไตถูกทำลาย มีโปรตีน ในปัสสาวะ ร่างกายขับกรดอะมิโน กลูโคส แคลเซียม และฟอสเฟตในปัสสาวะมากขึ้น ทำให้เกิดเป็นนิ่วในปัสสาวะได้ โรคปวดกระดูก โรค อิไต-อิไต ปวดสะโพก (Hip Pain) ปวดแขน ขา (Extremity Pain) มีวงแหวนแคดเมียม (Yellow Ring) ปวดกระดูก (Bone Pain) ปวดข้อ (Joint Pain) มีความผิดปกติที่กระดูกสันหลัง ทำให้มีลักษณะเตี้ย หลังค่อม 


 


  

      4. ปรอท (Mercury)

        ถูกใช้ในชิ้นส่วนไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น เทอร์โมสตัท (Thermostat) รีเลย์ แบตเตอรี่ สวิตช์ขนาดเล็กบนแผงวงจรอุปกรณ์ตรวจวัด (Measuring Equipment) ปรอทเมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะไปทำอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งได้แก่ สมอง และไขสันหลัง ทำให้เสียการควบคุมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว ของแขน ขา การพูด และยังทำให้ระบบประสาทรับความรู้สึกเสียไป เช่น การได้ยิน การมองเห็น

        5. โบรมีน (Bromine)

        โบรมีน เป็นสารก่อมะเร็ง และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี และรูปทรงของกล้ามเนื้อหัวใจ สามประกอบโบรมีน ใช้เป็นตัวหน่วงการลุกติดไฟ (Brominated Flame Retardants, BFRs) ของตัวตู้คอมพิวเตอร์ และแผงวงจร หมึกพิมพ์ เป็นสารก่อมะเร็ง และสารประกอบฟอสเฟตที่ใช้เคลือบภายนอกหลอดภาพ CRT มีความเป็นพิษสูงเพราะมีส่วนผสมของ แคดเมียม สังกะสี และวานาเดียม เป็นต้น 

        6. คลอรีน (Chlorine)

        คลอรีนปรากฏอยู่ในพลาสติก พีวีซี ซึ่งก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งไดออกซิน เมื่อพลาสติกถูกเผา สารเคมีชนิดนี้มีผลต่อระบบหายใจ ระคายจมูก และทำให้เคลือบฟันผุ

 

 



            

        ยูเอ็น ประมาณว่า ในอีกไม่นาน ขยะอิเล็กทรอนิกส์โลกจะมีไม่ต่ำกว่า 40 ล้านตัน ปัญหานี้ จะยิ่งเลวร้ายลงอีก หากไม่ใส่ใจแก้ไขอย่างจริงจัง ขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ จะทวีความรุนแรง ไม่เพียงก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จึงเป็นที่มาให้ยูเอ็น ริเริ่มโครงการบรรเทาปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ (Solving the E-Waste Problem:StEP) เพื่อรณรงค์ การลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ภายใจ้ความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีบริษัทด้านไอที หลักๆ ที่เข้าร่วมเช่น ไมโครซอฟท์ อีริคสัน ฮิวเลตต์ – เเพคการ์ด (HP) และเดลล์ เพื่อสร้างมาตรฐานการรีไซเคิลอุปกรณ์ ให้เป็นมาตรฐานโลก และขยายอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ให้ยาวนานขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 **********************************

 

 

 

 

                                          วีรกรรมขุนรองปลัดชู

 

 

 





 

 

 

 

ประวัติขุนรองปลัดชู หัวหน้ากองอาทมาต ๔๐๐ คน กรมการเมืองวิเศษไชยชาญ กับวัดสี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

วัดสี่ร้อย ในอดีต ล่วงมาถึงปี พ.ศ. 2303 พระเจ้าอลองพญากษัตริย์พม่า ได้ให้มังระ ละมังฆ้อนนรธาราชบุตรยกทัพมาตี เมืองมะริดของไทยซึ่งอยู่ในความปกครองของกรุงศรีอยุธยาในครั้งนั้นขุนรองปลัดชูกรมการเมืองวิเศษไชยชาญซึ่งเป็นผู้ทรงวิทยาคม แก่กล้า ชำนาญในการรบด้วยดาบสองมือ มีลูกศิษย์มากมาย จึงได้รวบรวมชาววิเศษไชยชาญ จำนวน 400 คน เข้าสมทบกับ กองทัพของพระยารัตนาธิเบศร์ โดยใช้ชื่อว่า “ กองอาทมาต ”
พระยารัตนาธิเบศร์ ยกกองทัพไปตั้งที่เมืองกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้สั่งให้ขุนรองปลัดชูคุมกองอาทมาต ไปตั้ง สกัดกองทัพพม่าที่อ่าวหว้าขาว ตั้งอยู่เหนือที่ว่าการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบันนี้ พอกองทัพพม่ายกทัพผ่านมา ขุนรองปลัดชูจึงคุม ทหารเข้าโจมตีรบด้วยอาวุธสั้นถึงตะลุมบอน ถึงแม้ทหารของไทยจะน้อยกว่า แต่ก็ฆ่าฟันพม่าล้มตายเป็นจำนวนมาก การต่อสู้ผ่านไป

1 คืน ถึงเที่ยงวัน รุ่งขึ้นก็ยังไม่สามารถเอาชนะพม่าได้ เพราะพม่ายกทัพหนุนเข้ามาช่วยอีก ด้วยกำลังที่น้อยกว่าจึงเหนื่อยอ่อนแรง ในที่สุดก็ถูกพม่ารุกไล่โจมตีแตกพ่ายยับเยิน แต่ทหารกองอาทมาต มีวิชาอาคมแก่กล้า ฟันแทงไม่เข้า ทหารพม่าจึงไสช้างเข้าเหยียบย่ำทหารกองอาทมาตตายเป็นจำนวนมาก ที่เหลือก็ถูกไล่ลงทะเลจมน้ำตายไปก็มาก ในที่สุด ขุนรองปลัดชู พร้อมด้วยทหารกองอาทมาตแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ จำนวน 400 คน ก็เสียชีวิตด้วย ฝีมือของพม่า

ชาววิเศษไชยชาญ เมื่อทราบข่าวก็โศรกเศร้าเสียใจ จึงได้แต่ภาวนาขอบุญกุศลที่ได้สร้างสมไว้จงเป็นปัจจัยส่งผลให้ดวง วิญญาณของทหารกล้าได้ไปสู่สุคติ ความเงียบเหงาวังเวงเกิดขึ้น หมดกำลัง ใจในการทำมาหากิน ไม่มีอะไรดีไปกว่าการร่วมกันสร้างสิ่งต่างๆไว้เป็นที่ระลึกถึงผู้พลีชีพด้วยการสร้างวัดสี่ร้อย ในปี พ.ศ.๒๓๑๓ ใช้ชื่อสี่ร้อยตามจำนวนกองอาทมาตสี่ร้อยคนที่ไม่ได้กลับมา เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่อนุชน รุ่นหลังของชาวเมืองวิเศษไชยชาญ เพื่อเป็นการย้ำเตือนความทรงจำให้ระลึกถึงบรรพบุรุษที่พลีชีพ เพื่อปกป้องปฐพีถึงกับเสียชีวิต โดยชื่อว่า วัดสี่ร้อย ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาประชาชนทั่วไป

ต่อมาเจ้าอาวาสในขณะนั้นก็ได้สร้างเจดีย์ ไว้เป็นที่รวบรวมดวงวิญญาณของ ชาวแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ ที่เสียชีวิตจำนวน 400 คน

หลังจากพม่าผ่านอ่าวหว้าขาวไปได้ ก็ไม่มีเมืองใดขัดขวางพม่า พากันยอมแพ้ทั้งหมด พม่าถึงกรุงศรีอยุธยาโดยง่าย ตั้งทัพที่วัดหน้าพระเมรุ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพระราชวังโบราณ (วัดพระศรีสรรเพชญ์) โดยมีแม่น้ำกั้นอยู่ พม่ายิงปืนใหญ่เข้าพระราชวังจนถูกยอดของพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์หักลง พระเจ้าอลองพญาฮึกเหิม จึงลงมาจุดยิงปืนใหญ่ด้วยตนเอง ด้วยบารมีของ "พระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ" พระประธานในวัดที่ยังอยู่จนถึงปัจจุบัน (ความเชื่อ) ช่วยปกปักรักษาบ้านเมือง จึงเกิดปืนใหญ่ระเบิดใส่พระเจ้าอลองพญาบาดเจ็บสาหัส ต้องเลิกทัพ เดินทางกลับพม่า โดยพระเจ้าอลองพญาสวรรคตบริเวณด่านแม่ละเมาในเขตแดนไทย (ปัจจุบันเป็นบริเวณอุทยานแห่งชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จังหวัดตาก)

สงครามครั้งเสียกรุงครั้งที่สอง เป็นสงครามคนละครั้งกับครั้งนี้ โดยปี ๒๓๐๘ พม่ายกทัพมาใหม่ และสามารถพิชิตอยุธยาสำเร็จเมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ เกิดวีรกรรมชาวบ้านค่ายบางระจันในศึกครั้งนี้ โดยมีชาวบ้านจากวิเศษชัยชาญไปร่วมรบเช่นกัน ถึงกับมีผู้กล่าวว่า "ถ้าไม่มีวีรกรรมขุนรองปลัดชู ก็คงไม่มีวีรกรรมของชาวบ้านบางระจัน"

ต่อมาถึงสมัยหลวงพ่อบุญ เป็นเจ้าอาวาสวัดสี่ร้อย ได้นับถือหลวงพ่อปั้นเจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาก เมื่อหลวงพ่อปั้นได้มาเยี่ยมชาวสี่ร้อย และปฏิบัติกิจนิมนต์เป็นประจำ หลวงพ่อปั้นเป็นพระภิกษุที่มี ความเมตตาสูง เป็นที่เคารพรักของชาวสี่ร้อยเป็นอย่างมาก ได้เห็นว่าชาวสี่ร้อยมีความเคารพรักท่าน ตลอดจนชาวสี่ร้อยเลื่อมใสใน บวรพุทธศาสนา หลวงพ่อปั้นจึงได้ชวนหลวงพ่อบุญและชาวสี่ร้อยสร้างพระพุทธรูปเพื่อไว้เป็นที่สักการะบูชาแทนพระเจดีย์

ในขณะนั้นชาวสี่ร้อยมีความเลื่อมใสจึงพากันไปนมัสการหลวงพ่อใหญ่วัดป่าเลไลยก์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประจำ เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลาและลำบากในการเดินทางไปนมัสการ จึงได้ตกลงกันสร้างหลวงพ่อใหญ่ขึ้น โดยจำลองแบบมาจาก ปางป่าเลไลยก์ วัดป่าเลย์ไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรีมาประดิษฐาน ณ วัดสี่ร้อย

นับว่าเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น โดยมีนายวาด นิลมงคล ในสมัยนั้นดำรงตำแหน่งรับราชการเป็นเสมียนตรา เป็นผู้บริหาร จัดการ การก่อสร้าง บอกบุญผู้มีจิตศรัทธา ได้ร่วมกันสละทรัพย์ แก้ว แหวน เงินทอง มีคณะช่างก่อสร้างชื่อนายมาตร สุขมนัส นายผล รัตนเสถียร ใช้เวลาก่อสร้างถึง 16 ปี ทำการพุทธาภิเษกยกรัศมีเบิกพระเนตร ติดอุณาโลม ในปี พ.ศ. 2475 พร้อม บรรจุวัตถุมงคล หลวงพ่อบุญ มอบให้พระยงค์ เพิ่มพูนและพระใน นำวัตถุมงคลไปบรรจุโดยใช้เชือกผูกหย่อนลงทางพระเศียร พระศอ และยกรัศมีทั้งสามปิด

งานประจำปีของวัดสี่ร้อย ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 12 ประชาชนทั่วสารทิศจะมานมัสการหลวงพ่อใหญ่ ขอโชคลาภต่างๆนานา ใครมีทุกข์ร้อนประการใดก็มาบอกเล่าหลวงพ่อใหญ่ และมักมีการแก้บนด้วยพลุและละคร ปัจจุบันนี้วัดสี่ร้อยเป็นหนึ่งในแหล่ง ท่องเที่ยวของจังหวัดอ่างทอง



ขอบคุณข้อมูลจาก


http://www.maameu.ath.cx/forum/index.php?topic=8918.0

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

************************************************

 

 

 

 

              กินหนังไก่ ขาหมู รักษาเบาหวาน ลดอ้วน??

 

 


 
 
 
 
 
 
 
 
โดย นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล 

"ขาหมู หนังไก่ กินไปเลยนะ ทั้งรักษาเบาหวานและลดน้ำหนักได้" ผมบอกกับสมาชิกที่มากันเต็มพิกัดเพื่อเข้าเวิร์กช็อป 1 วัน ณ บัลวี สำหรับใครต่อใครที่ต้องการควบคุมเบาหวานและลดน้ำหนักด้วยสูตรการล้างพิษตับอ ่อน"เหวอ...จะเป็นไปได้ยังไง" หลายเสียงถามกันเซ็งแซ่ เหมือนคนดูรอบสนามมวย เวลาที่กรรมการผู้ตัดสินยกมือให้นักมวยนอกสายตาเป็นฝ่ายชนะ ค้านสายตาผู้ชม เพราะใครๆ ก็ถูกสอนกันมากว่า 40 ปีที่บอกว่า ถ้าใครอ้วน ไขมันสูง เบาหวานต้องงดกินหนังเป็ดหนังไก่ งดกินคากิหรือขาหมูที่แสนโปรดปราน เพราะทั้งแคลอรีสูง ทั้งไขมันสูง ด้วยคำสั่งสอนที่ฝังหัวมาว่าไขมันจากสัตว์เป็นอันตรายกับสุขภาพ จะทำให้อ้วน ทั้งอ้วนในและอ้วนนอก 

อ้วนภายในก็คือคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งจะตามมาด้วยโรคหัวใจ ความดันเลือดสูงอ้วนภายนอกก็คือโรคอ้วน ตามด้วยเบาหวาน และอื่นๆ อีกสารพัดด้วยเหตุฉะนี้น้ำมันหมู หนังหมู หมูสามชั้น ขาหมูคากิ จึงถูกขึ้นบัญชีดำทางสุขภาพ แล้วพลอยพาลพาโลไปถึงหนังไก่ หนังเป็ด ใครกลัวอ้วน กลัวคอเลสเตอรอลเวลากินไก่ก็ต้องเลาะหนังทิ้งแต่ผมกำลังประกาศกับผู้รักสุขภ าพที่กำลังต้องการรักษาเบาหวาน ลดอ้วนว่าให้กินหนังไก่ ขาหมู นอกจากรักษาเบาหวานแล้ว ยังหุ่นดี ลดน้ำหนักได้อีกด้วย 


"จริงนะคะ จะบอกให้" คุณทิพวัลย์ยืนยัน คุณทิพวัลย์เป็นสมาชิกตัวอย่างที่ผมเชิญมาเพื่อเป็นกำลังใจกับผู้รักสุขภาพท ี่มาเวิร์กช็อป เธอลดน้ำหนักไป 10 ก.ก. ใน 6 เดือน และลดอินซูลินที่ฉีดรักษาเบาหวานของเธอจากวันละ 40U. จนไม่ต้องฉีดเลย ลดยาเบาหวานวันละ 4 เม็ดเหลือเม็ดเดียว และลดไตรกลีเซอไรด์จาก 253 ม.ก.% --> เป็น 163 ม.ก.% โดยทิ้งยาลดไขมันไปหมดสิ้นตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา"เมื่อคุณหมอบรรจบบอกดิฉันให้กินขาหมู เวลากินไก่ก็ไม่ต้องเลาะหนังทิ้ง ดิฉันก็ไม่เชื่อเหมือนพวกคุณนี่แหละค่ะ เพราะหมอคนอื่นห้ามเราไปซะหมดทุกอย่าง จนคนเป็นเบาหวานอย่างดิฉันไม่รู้จะกินอะไรเลย ครั้นเมื่อโดนฉีดยากินยา ก็เกิดอาการหิว คว้าอะไรได้ก็กิน ในเมื่อไม่ให้กินหมูไก่ ดิฉันก็เหลือแต่กินผลไม้ และแอบกินขนมบ้าง ให้อภัยตัวเองไปทุกที เบาหวานก็ยิ่งขึ้น ตัวก็ยิ่งอ้วน" เธอกล่าว "แต่สูตรล้างพิษตับอ่อนกินหนังไก่ ขาหมูได้ค่ะ"" 

แต่ผมขออย่างหนึ่งว่า คุณต้องงดแป้งข้าวทุกชนิด ขนมและรวมไปถึงผลไม้ด้วย ห้ามกินเด็ดขาด มันคือตัวยักษ์ตัวมารที่ทำลายสุขภาพของพวกเรา เพราะทุกวันนี้เราอ้วน ไตรกลีเซอไรด์สูง คอเลสเตอรอลก็สูงตาม แล้วก็เบาหวานกัดกิน ก็ด้วยการกินคาร์โบไฮเดรต โดยมัวแต่กลัวกินเนื้อกินไขมันนั่นเอง เรียกว่ากำหนดมิตรศัตรูผิดหมด เห็นมิตรเป็นศัตรู เห็นศัตรูเป็นมิตร" การที่คนสมัยนี้เราต่างกำหนดมิตรศัตรูไม่แจ่มชัดก็เพราะการโฆษณาชวนเชื่อผิด ๆ เรื่องนี้มันล้ำลึกมีมาตั้งแต่เมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว 

ส่งโดย: พชทปี 24 
สถานะ: Executive Member 
จำนวนความเห็น: 3020 

171.98.249.*

« ความเห็นที่ #4 เมื่อ: 09/14/13 เวลา 14:11:52 » 

ผมขอย้อนเล่าให้ฟังอีกสักครั้งกล่าวคือ :มีการศึกษาที่เรียกว่า การศึกษาฟรามิงแฮม ซึ่งสถาบันโรคหัวใจแห่งชาติสหรัฐอเมริการิเริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1960 โดยมีสมมติฐานว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจหลอดเลือด เช่น ระดับคอเลสเตอรอลและระดับ LDL-Chol การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา น้ำหนักตัว เบาหวาน โรคเกาต์ เป็นต้น การออกกำลังกาย และระดับ HDL-Chol ลดอัตราเสี่ยงนี่คือจุดเริ่มต้นของการปลุกผีคอเลสเตอรอล แล้วไขมันสัตว์ก็เป็นแหล่งคอเลสเตอรอลจึงเป็นปิศาจสุขภาพนี่น่ากลัวไปด้วย ก่อเกิดเป็นกระแสสูงของการไม่กินน้ำมันหมู หนังหมู คากิ ถ้าใครกินไก่ก็ต้องเลาะหนังไก่ทิ้งไป 

เหตุการณ์ผ่านไป 40 ปีมีการประชุมนานาชาติเมื่อ ค.ศ.1999 จึงมีผู้วิจารณ์การศึกษาฟรามิงแฮมว่า"แม้ฟรามิงแฮมจะพบความสัมพันธ์ของคอเลส เตอรอลกับโรคหัวใจในคนหนุ่มและชายวัยกลาง แต่ไม่พบข้อเท็จจริงนี้ในผู้สูงอายุและในผู้หญิง และแม้แต่ในคนหนุ่มกับชายวัยกลาง การวิจัยก็ไม่สามารถพิสูจน์ต่อถึงความสัมพันธ์ของโรคหัวใจพวกเขากับคอเลสเตอ รอลในอาหารที่กินเข้าไป ว่าจะสัมพันธ์โดยตรงหรือไม่แท้ที่จริงแล้วการวิจัยทางคลินิกหลายชิ้นยังไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่า ไขมันอิ่มตัวในอาหารเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ" 

แสดงว่าการอ้างงานวิจัยฟรามิงแฮมมารณรงค์ต่อต้านอาหารไขมันจากสัตว์ ล้วนเป็นเรื่องด่วนสรุป และตีความเกินจริงแถมมีข้อสังเกตอีกว่า แม้การศึกษาฟรามิงแฮมจะพบปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจหลอดเลือด เช่น ภาวะขาดการออกกำลังกาย ความอ้วน ความเครียด การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ซึ่งล้วนได้รับการพิสูจน์ว่ามีความสำคัญ 

แต่ "ด้วยเหตุผลที่ลับลวงพราง" ข้อสรุปกลับมาเน้นที่เรื่องของคอเลสเตอรอลอย่างจริงจัง พูดกันตรงๆ ก็คือ ถ้าโจมตีเรื่องคอเลสเตอรอลก่อโรคหัวใจ ไขมันจากสัตว์พาโรคอ้วนและไขมันเลือดสูง จะมีธุรกิจที่ขายดีคือ ยาลดไขมันกับธุรกิจน้ำมันพืช สองปัจจัยนี้จึงถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นรณรงค์จนเวอร์ แต่ในวงการไม่ยักจะมียาชนิดไหนกินแล้วขยันออกกำลังกาย ชนิดไหนกินแล้วไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ จึงไม่มีธุรกิจที่จะมาโปรโมตปัจจัยอื่นๆ เหล่านี้เหตุฉะนี้พวกเราซึ่งรับข้อมูลข่าวสารจึงแยกมิตรแยกศัตรูผิดๆ พากันเลาะหนังไก่ทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย 


ส่งโดย: พชทปี 24 
สถานะ: Executive Member 
จำนวนความเห็น: 3020 

171.98.249.*

« ความเห็นที่ #5 เมื่อ: 09/14/13 เวลา 14:13:40 » 

ด้วยเหตุนี้ ใครที่เป็นเบาหวานและพอมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้างลองตรองดูเถอะว่า น้ำตาลในเลือดของเราสูงขึ้นเพราะอะไร?นั่นก็เพราะอาหารคาร์โบไฮเดรตแท้ๆ ทีเดียว แต่อาหารไขมัน โปรตีน และพืชผัก ไม่ได้เป็นเหตุปัจจัยโดยตรงของการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือด ดังนั้น ถ้าเราจะงดกินแป้งข้าว แล้วหันมากินให้อิ่มท้องด้วยเนื้อสัตว์กับผัก และถ้าจะเติมไขมันในอาหารบ้างก็ไม่ได้ผิดกติกาอะไร แต่ต้องเน้นไว้ ณ ที่นี้ว่า เป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นเบาหวานที่เกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่ สัมพันธ์กับอาหารการกิน ส่วนเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งต้องพึ่งพาอินซูลิน และเกิดขึ้นในวัยเยาว์นั้น มีความซับซ้อนกว่านี้มาก ยังไม่ควรใช้วิธีนี้สำหรับคนอ้วน แม้ว่าอาหารไขมันจะมีแคลอรีมากกว่าอาหารประเภทแป้ง 


แต่ก็ต้องรู้อย่างหนึ่งว่า ปัจจัยหลักที่คนอ้วนผิดพลาดอยู่ทุกวันนี้ เกิดจากการกินแป้งข้าว ขนม และผลไม้เป็นส่วนใหญ่ ขอเพียงแต่คนอ้วนเลิกกินคาร์โบไฮเดรต งดหวาน เลิกกินผลไม้ ก็เท่ากับขจัดศัตรูตัวร้ายต่อความอ้วนของตัวเองไปแล้วครั้นหันมากินหมู ไก่ ไข่ ปลา กับผัก ความอ้วนก็จะลดเอาๆ อย่างน่าพึงพอใจปัญหามีอยู่ว่า เวลาที่เรางดแป้งซึ่งเป็นอาหารชนิดที่พร้อมเป็นพลังงานแก่เราได้รวดเร็วที่ส ุด คนคุมอาหารสูตรนี้มักจะหิวบ่อย ยิ่งถ้าคนที่มีความคิดว่า การลดความอ้วนต้องคุมอาหารแบบอดๆ อยากๆ ด้วยความเคยชินเก่า ก็มักจะรู้สึกผิดถ้ามื้อไหนกินอิ่มมากสักหน่อย ครั้นพอเปลี่ยนสูตรอาหารแล้วยังกินอย่างประหยัดถ้อยประหยัดคำต่อไป บ้างก็เน้นกินแต่ผักสลัด เนื้อสัตว์ไม่ยอมกิน คนเหล่านี้มักจะเกิดอาการหิวขึ้นมาระหว่างมื้อ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะขโมยกินขนมหรือกินผลไม้ อันเป็นการกินนอกลู่นอกทาง ทำให้คุมอาหารไม่สำเร็จ 

ทางออกของเรื่องนี้ก็คือ ต้องล้างสมองตัวเองว่า เนื้อสัตว์กินดี ไขมันกินได้ อาหารสูตรนี้ไม่ใช่เน้นให้กินแต่ผัก แต่มีสัดส่วนให้กินเนื้อ 1 ส่วน กินผัก 2 ส่วน จึงเป็นหน้าที่ของตัวเองที่ต้องเตรียมอาหารเนื้อสัตว์ให้มากพอที่จะกินอิ่มแ ละโดยเฉพาะอย่างยิ่งมื้อเย็นต้องกินอาหารมันๆ จึงจะอยู่ท้อง ถ้ากินแต่สลัดมื้อเย็น กลางดึกก็ต้องตื่นขึ้นมาแอบเปิดตู้เย็นกินขนมอย่างแน่นอนผมจึงมักเน้นย้ำกับ ใครที่รักจะล้างพิษตับอ่อนว่า "ต่อไปนี้หนังไก่อย่าเลาะทิ้งแล้วนะครับ ขาหมูก็กินได้ ขาหมูพะโล้กินแล้วลดน้ำหนักด้วยสำหรับคนอ้วนทั่วไป ส่วนคนที่เป็นเบาหวาน ระวังความหวานในน้ำพะโล้ ผมแนะนำให้กินต้มยำขาหมูไปเลย อิ่มอร่อยและหายอ้วน หายเบาหวานครับ" "...อย่างนี้ได้เฮ...รึเปล่า" ปรากฏสมาชิกที่มาร่วมเวิร์กช็อปเฮฮาไปตามๆ กัน 

เขียนโดย นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล 
(พิมพ์เผยแพร่ใน :มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 6-12 กันยายน 2556)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
******************************
 
 
 
 

 

 

                      ปลดณัฐวุฒิ

 

 

 

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ให้สัมภาษณ์ “มติชนออนไลน์” ถึงกรณีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเชีย อัพเดท ปรับผังรายการใหม่ฉับพลัน โดยไม่มีรายการ “ประชาชน 3.0” ที่ดำเนินรายการโดย นายสมบัติ รวมทั้งรายการที่ดำเนินไปโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ (รายการอยากมีเรื่อง (ให้คิด), นายจตุพร พรหมพันธุ์ (รายการชูธง) และนางธิดา โตจิราการ (รายการเหลียวหลังแลไปข้างหน้าเพื่อประชาธิปไตย) อีกต่อไป

นายสมบัติกล่าวว่า ได้รับแจ้งจาก ผอ.สถานีว่าปัจจุบันมีความขัดแย้งกันและตอบโต้กันไปมา 2 ฝ่ายซึ่งไม่มีประโยชน์ ดังนั้น ต้องปรับรายการดังกล่าวออก เพื่อกลับไปเริ่มต้นใหม่ เพื่อยุติความขัดแย้ง ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นเกมที่จะผลักดันให้ไกลกันขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้เป็นปมประเด็น ซึ่งรายการที่โดนปรับออกไม่ได้มีรายการของตนเพียงคนเดียว แต่รายการของนายณัฐวุฒิ นายจตุพร และนางธิดา ซึ่งมีแนวคิดไม่ยอมรับนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ก็โดนปรับออกด้วย

ในวันพรุ่งนี้ (4พ.ย.) จะไม่มีรายการของตนเองออกอากาศทางช่องเอเชียอัพเดทแล้ว แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะจะนำเทปรายการล่าสุด ตอนสัมภาษณ์นางธิดา มาเผยแพร่ทางยูทูบ อีกทั้งก่อนที่จะเริ่มต้นไปจัดรายการให้สถานีเอเชียอัพเดท ตามการชักชวนของ ผอ.สถานี ก็เล่นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ มีช่องทางสื่อสารกับสาธารณะอยู่แล้ว จึงไม่ได้หนักใจอะไร

เมื่อถามว่าคาดหมายล่วงหน้าว่าจะถูกปรับออกจากผังหรือไม่ นายสมบัติกล่าวว่า เป็น 1 ในการคาดการณ์ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง มีความเป็นไปได้ แต่ไม่คิดว่าจะกล้า ทั้งนี้ อยากฝากไปยังพรรคเพื่อไทย และทางสถานีเอเชียอัพเดทว่า ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่าเรายังอยู่ในขบวนประชาธิปไตยหรือเปล่า ยังเชื่อสถานีปลายทางประชาธิปไตยอยู่ไหม
 

 

 

อย่าคิดมากครับ เค้ากะลังเล่นลิเกกันครับ

เล่นกันให้เนียนๆ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นคำตอบสุดท้าย

 

ถ้า สว. ตลก. ผ่าน 

แสดงว่า เกี้ยเซี้ย

ถ้าไม่ผ่าน แสดงว่าทักกี้พลาดเอง หรือ ไม่ก็ถูก ขันทีโกง

ถ้ามีไม้อื่นที่เราคิดไม่ถึงแก้ได้ แสดงว่าทักกี้โคตรเก่ง ...........................

 

 

 

 

 

 

 [Image: 1002299_642611332418735_1701679409_n.jpg] 

 

 

 

 

 

 

 

************************************

 

 

 

 

สลด! ผู้อพยพไนเจอร์ “ขาดน้ำ” ตายในทะเลทราย 87 ราย ก่อนถึงที่หมายไม่กี่ กม.

 

 

 

 

 

 

 

                                       ทะเลทรายซาฮารา บริเวณที่พบศพผู้อพยพชาวไนเจอร์ ที่ตั้งใจจะมุ่งหน้าไปแอลจีเรีย

 

 

 

 

 เอเอฟพี – พบศพของผู้อพยพ 87 ราย ในทะเลทรายทางเหนือของไนเจอร์วานนี้ (30 ต.ค.) โดยแหล่งข่าวระบุว่าพวกเขาเสียชีวิตจากอาการขาดน้ำ ในจุดที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่กิโลเมตรจากพรมแดนของแอลจีเรีย อันเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเขา
       
       แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงรายหนึ่งระบุว่า พบร่างของชาย 7 คน หญิง 32 คน และเด็กอีก 48 คนเพิ่มเติม จากที่ก่อนหน้านี้ได้พบศพของผู้หญิงและเด็กหญิงรวม 5 ราย ทั้งนี้คนทั้งหมดเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อต้นเดือนตุลาคม ภายหลังที่ในช่วงปลายเดือนกันยายน พวกเขาพยายามเดินทางไปให้ถึงแอลจีเรีย ทว่าไม่สำเร็จ
       
       อัลมุสตาฟะ อัลฮอเซน จาก “อักฮีร์อินมัน” องค์การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของไนเจอร์ ได้ออกมายืนยันยอดผู้เสียชีวิต และเล่าสิ่งที่เขาเห็นขณะพบศพ
       
       “ศพมีสภาพเน่าเปื่อยแล้ว และดูน่ากลัวมาก” เขากล่าว “เราพบพวกเขาเป็นกลุ่มเล็กๆ อยู่กระจัดกระจายกันออกไปในรัศมี 20 กิโลเมตร ส่วนใหญ่จะเจอใต้ต้นไม้หรือไม่ก็กลางแดด บางกลุ่มเป็นแม่กับลูกๆ และบางกลุ่มก็มีแต่เด็กๆ” อัลฮอเซนกล่าว
       
       ศพของพวกเขาได้รับการฝังตามประเพณีของศาสนาอิสลาม “เมื่อมีการพบศพแล้ว” อัลฮาเซนกล่าวเสริม
       
       ทางการไนเจอร์แถลงเมื่อวันจันทร์ (28) ว่าผู้อพยพหลายสิบคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก เสียชีวิตเพราะขาดน้ำในทะเลทรายซาฮาราตอนต้นเดือนนี้
       
       ด้านแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงคนหนึ่งระบุว่า เครื่องยนต์ของพาหนะสองคันที่ผู้อพยพเหล่านี้นั่งมาเกิดขัดข้อง โดยคันหนึ่งเครื่องเสียในพื้นที่ซึ่งอยู่ห่าง 83 กิโลเมตร จากอาร์ลิต เมืองทางภาคเหนือของไนเจอร์ อันเป็นจุดที่พวกเขาเดินทางออกมา ขณะที่อีกคันหนึ่งขัดข้องในบริเวณที่อยู่ห่างจากอาร์ลิตมา 158 กิโลเมตร
       
       แหล่งข่าวผู้นี้ยังรายงานด้วยว่า “เครื่องยนต์ของรถคันแรกขัดข้อง รถอีกคันหนึ่งจึงเลี้ยวรถกลับไปอาร์ลิตเพื่อหาอะไหล่มาซ่อม โดยได้ผู้โดยสารของตัวเองลงจากรถจนหมด แต่แล้วรถคันที่สองก็เกิดเครื่องดับเหมือนกัน คาดว่าผู้อพยพอยู่ในทะเลทรายเป็นเวลา 7 วัน โดยในวันที่ 5 พวกเขาเริ่มออกจากรถคันที่เครื่องดับอยู่เพื่อไปหาบ่อน้ำ”
       
       อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่าในที่สุดแล้ว มีผู้รอดชีวิต 21 คน โดยในจำนวนนั้น คือชายคนหนึ่งที่เดินเท้ากลับไปถึงเมืองอาร์ลิต และผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ได้รับความช่วยเหลือจากคนที่ขับรถผ่านมาในทะเลทรายพอดี แล้วพาเธอไปส่งในเมืองเดียวกัน ขณะที่อีก 19 คนเดินทางไปถึงเมืองตอมันราสิตของแอลจีเรีย แต่ก็ถูกส่งกลับไปไนเจอร์อีก

 

 

 

   

 

 

 

 

 รู้จัก....ไนเจอร์ แผ่นดินกลางทะเลทราย และสายน้ำแห่งชีวิต

 

.......ผมว่ามีประเทศไม่กี่ประเทศในแอฟริกาหรอกครับ ที่เรา ๆ จะให้ความสำคัญหรือสามารถไปแสวงหาผลประโยชน์ได้( ในที่นี้คือรัฐบาล ) ขนาดว่าจะรู้จักชื่อทั้งหมดกว่า ๕๓ ประเทศก็ยากเต็มที ....จะเดินทางไปเจริญสัมพันธ์ด้วยไม่ต้องพูดถึง....

..... วันนี้ขออนุญาตแนะนำเพื่อนร่วมโลกให้รู้จักอีกประเทศนะครับ.....ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีแต่ทะเลทรายและภูเขาที่แห้งแล้ง ...แต่สวรรค์ก็ไม่โหดร้ายครับ ณ ที่นี้ยังมีแม่น้ำไนเจอร์ ตัดผ่านประเทศดั่งสายเลือดของชาติที่หล่อเลี้ยงประชาชนมายาวนาน.....สาธารณรัฐไนเจอร์

..... ไนเจอร์ ประเทศที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางกว่า ๑ ล้าน ๒ แสนตารางกิโลเมตรเศษ ตั้งอยู่ตอนกลางของทวีปแอฟริกาครับ แวดล้อมด้วยประเทศใหญ่น้อยมากมายหลายประเทศ( จริง ๆ ก็ใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ) ....ทางเหนือก็ติดกับแอลจีเรียและลิเบีย ทางตะวันออกติดกับสาธารณรัฐชาด ทิศตะวันตกติดประเทศมาลี และทิศใต้ติดประเทศไนจีเรีย .....ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเบนินและบูร์กินา ฟาโซ...

...... คำว่า Niger ซึ่งเป็นชื่อประเทศเราอาจแปลกใจว่าถ้าเป็นชาวไนเจอร์จะเรียกว่าไง เขาเรียกว่า Nigerien ครับต่างจากประเทศไนจีเรีย ที่ประชาชนของเขาคือไนจีเรียน.....ประเทศนี้มีประชากรแค่ ๑๔ ล้านคนเมื่อเทียบกับเนื้อที่ของประเทศที่กว้างใหญ่กว่าไทยมาก...ภาษาราชการใช้ภาษาฝรั่งเศส, ฮาวซา และดเจอร์มา มีประชาชนชาวไนเจอเรียนนับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดกว่าร้อยละ ๘๐ ที่เหลือก็ความเชื่อและศาสนาคริสต์.....

......มีเมืองหลวงของประเทศชื่อ นีอาเม( Niamey ) อยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศครับ....มีเมืองสำคัญ ๆ อยู่หลายแห่งเช่นเมืองซินเดอร์, เมืองมาราดี, เมืองตาฮัวและเมืองอากาเดซ

.................................................................................................

ในภาพ : แสดงเขตการปกครองและแผนที่ของประเทศไนเจอร์

 

 

การเมือง การปกครอง....

.... ปัจจุบันไนเจอร์ปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ มาจากการเลือกตั้งทั่วไป อยู่ในตำแหน่งคราวละ ๕ ปี และสามารถอยู่ในวาระติดต่อกันได้ ๒ สมัย และมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ที่มาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดีซึ่งจะแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันด้วย...แต่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา....ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐไนเจอร์สามารถประกาศยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้.....

.... ฝ่ายนิติบัญญัติ รัฐสภา (National Assembly) แบบสภาเดียว (Unicameral) ประกอบด้วยสมาชิก ๘๓ คน มาจากการเลือกตั้งทั่วไป อยู่ในตำแหน่งคราวละ ๕ ปี

ไนเจอร์หลังจากได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๐๓ ...ผ่านการมีประธานาธิบดีมาแล้ว ๗ คน นายกรัฐมนตรี ๑๕ คน....ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศชื่อ ฮามานี ดิโอรี...

.....มีการลอบสังหารประธานาธิบดีโดยบอดี้การ์ดส่วนตัว ประธานาธิบดีอิบราฮิม บาเร ไมนาสซารา ถูกบอดี้การ์ดส่วนตัวลอบสังหารที่สนามบิน ในกรุงนีอาเม วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๔๒ และเกิดการก่อรัฐประหาร

.....มีประธานาธิบดีที่มาจากการรัฐประหารในระยะเวลาสั้น ๆ ภายหลังอดีตประธานาธิบดีไมนาสซาราถูกลอบสังหาร ได้แก่ อดีตประธานาธิบดี ดจิบริล ฮิลมา ฮามิดู ( ๙-๑๑ เมษายน ๒๕๔๒ )

.... ภายหลังดอดา มัลลาม แวงเก ได้เข้ารักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีไนเจอร์กระทั่งมีการเลือกตั้งใหม่ ...

..... พันเอกทันด์จา มามาดู ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่และในปี ๒๕๔๗ ก็ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งเป็นสมัยที่สองกระทั่งปัจจุบัน....

- นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ฯพณฯ เซย์นี  อูมารู

- ประธานรัฐสภาคนปัจจุบัน ฯพณฯ อุสมาเน มาฮามาเน

- คณะรัฐมนตรีปัจจุบัน ๓๒ กระทรวง ที่สำคัญ ๆ ได้แก่
         
       ๑. ฯพณฯ ไอชาตู มินดาอูดู ซูเลย์มาเน รมว.การต่างประเทศ

       ๒. ฯพณฯ อาลี ไซย์นี ลามิเน รมว.การคลังและเศรษฐกิจ

       ๓. ฯพณฯ ดจิดา ฮามาดู รมว.กลาโหม

       ๔. ฯพณฯ อัลบาเด อาบูบา รมว.มหาดไทย

...............................................................................................

ในภาพ : ประธานาธิบดีคนแรกของไนเจอร์ ฮามานี ดิโอรี

 

 

 

: ภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจ

.... ไนเจอร์เป็นประเทศที่ยากจนที่สุดและมีหนี้สินมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง (HIPC) จากการจัดอันดับของสหประชาชาติ ไนเจอร์พึ่งพาการส่งออกแร่ยูเรเนียม แต่ความผันผวนของราคายูเรเนียมในตลาดโลกส่งผลกระทบต่อรายได้ของไนเจอร์อย่างมาก ไนเจอร์เป็นประเทศไม่มีทางออกทะเล และประสบปัญหาภัยแล้ง จึงส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร นอกจากนี้ เกษตรกรรมของไนเจอร์ยังได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ขยายของทะเลทราย (desertification) อีกด้วย....

.... ปัจจุบัน ไนเจอร์กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของฝูงตั๊กแตนในปี ๒๕๔๗ ซึ่งทำลายพืชผลเสียหายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังประสบปัญหาโรคระบาดด้วย ซึ่งสหประชาชาติ ได้ให้ความช่วยเหลือไนเจอร์อย่างเร่งด่วน โดยได้บริจาคข้าว ๑๕,๐๐๐ ตัน และองค์การอนามัยโลก หรือ ฮู ได้บริจาคยาด้วยเช่นกัน ความช่วยเหลือของสหประชาชาติ คิดเป็นมูลค่าประมาณ ๓๐.๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ...

อุตสาหกรรมที่สำคัญของไนเจอร์

       การทำเหมืองยูเรเนียม ซีเมนต์ อิฐ วัสดุสิ่งทอ อุตสาหกรรมอาหาร เคมีภัณฑ์ โรงฆ่าสัตว์ และสบู่

ทรัพยากรธรรมชาติ

       ยูเรเนียม ถ่านหิน แร่เหล็ก ดีบุก ฟอสเฟต ทอง ยิปซั่ม เกลือ ปิโตรเลียม

- ค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ....แร่ยูเรเนียม ปศุสัตว์ ถั่วฝักยาว และหัวหอม
- ค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ....อาหาร เครื่องจักรกล ยานพาหนะและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ธัญพืช
- ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ....ฝรั่งเศส ไนจีเรีย สหรัฐฯ และสวิสเซอร์แลนด์
- ตลาดนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ....ฝรั่งเศส โกตวัวร์ ไนจีเรีย และจีน

หน่วยเงินตรา ...ไนเจอร์ใช้สกุลเงิน Communaute Financiere Africaine Franc (XOF) (527.47 XOF = 1 USD) ...เมื่อกับไทยก็คงประมาณ ๑๖ XOF = ๑ บาทไทย สกุลเงินนี้ใช้ในอีกหลายประเทศได้แก่ เบนิน, บูร์กินา ฟาโซ, โกตดิวัวร์, กินี-บิสเซา, มาลี, เซเนกัลและโตโก

 

ความสัมพันธ์ด้านการฑูตและการต่างประเทศ.....

..... ไนเจอร์ดำเนินนโยบายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ในทางปฏิบัติมีนโยบายที่สอดคล้องกับกลุ่มประเทศตะวันตก เดิมไนเจอร์มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีนแต่เมื่อ ๓๐ ก.ค. ๒๕๓๕ ไนเจอร์ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ทำการประท้วงอย่างรุนแรงและประกาศตัดความสัมพันธ์กับไนเจอร์ในทันที...

..... ไนเจอร์มีความสัมพันธ์ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจอย่างแน่นแฟ้นกับไนจีเรียซึ่งเป็นเพื่อนบ้านทางใต้ เนื่องจากจำเป็นต้องอาศัยไนจีเรียเป็นทางออกสู่ทะเล แม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีภาษาราชการที่แตกต่างกัน แต่ผูกพันกันด้วยภาษาฮาวซา อันเป็นภาษาท้องถิ่นเดียวกัน

ราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐไนเจอร์สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๒๕ ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศค่อนข้างห่างเหิน ไทยมอบหมายให้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส เป็นจุดติดต่อของไนเจอร์ ฝ่ายไนเจอร์ไม่ได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตไนเจอร์ประจำประเทศใดดูแลไทย และทั้งสองฝ่ายไม่เคยมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน ....

 

 

 

 
 

 

 

 
 

 

 

 

 
 

 

 

 
 

 

 

 

 
 

 

 

 

 

 

 

ความคิดเห็น

วันที่: Thu May 09 10:50:09 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>