Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

พระมาลัยโปรดสัตว์

ArjanPong | 08-12-2556 | เปิดดู 4460 | ความคิดเห็น 0

 

                 พระมาลัย

 

 

 

      พระมาลัยเป็นเรื่องที่พระภิกษุชาวสิงหลแต่งขึ้น
     เมื่อประมาณ  พ.ศ. ๙๐๐ เศษ กล่าวถึง พระอรหันต์
   องค์หนึ่งซึ่งมากด้วย  ศีล  สมาธิ  ปัญญา  กมลจิตสงบจากกิเลส
        ที่มีนามว่าพระมาลัยเทวเถระ

       * เรามีกรรมเป็นของตน *
               เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด 
                     มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด
                       *กรรมดีก็ตาม  กรรมชั่วก็ตาม   เราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น*


 

 

 

 









 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

วรรณกรรมเรื่องพระมาลัย ซึ่งปรากฏในประเทศไทยยังมีความเป็นมาที่ไม่แน่นอน โดยมีข้อสันนิษฐานว่า น่าจะได้เค้าโครงเรื่องมาจากเรื่อง “มาลัยวัตถุ” ที่ปราชญ์ชาวลังกาแต่งไว้เป็นภาษาบาลี ผู้แต่งน่าจะเป็นพระภิกษุ ในรัชสมัยของพระเจ้าปรักกมพาหุ ในพุทธศตวรรษที่ ๑๗ แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเรื่องพระมาลัยนี้ถูกแต่งขึ้นในลังกา เพราะไม่ปรากฏคัมภีร์นี้เลยในลังกา แต่เค้าโครงเรื่องจูลคัลละในคัมภีร์สหัสสปกรณ์ของลังกา ซึ่งแต่งเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๔ ได้กลายมาเป็นเค้าโครงของเรื่อง มาเลยยเทวัตเถรวัตถุ ของพม่า จึงมีข้อสันนิษฐานแย้งอีกว่า น่าจะได้เค้าโครงเรื่องมาจากเรื่อง “มาเลยยเทวัตเถรวัตถุ” ซึ่งถูกแต่งขึ้นในประเทศพม่า โดยภิกษุชาวพม่า ระหว่างปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย ๒ ทางด้วยกันคือ ทางล้านนาไทย ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ – ๑๘ ทางสุโขทัยประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๙ – ๒๐

 

แต่ก็มีข้อสังเกตว่า ไม่ปรากฏหลักฐานต้นฉบับคัมภีร์มาเลยยเทวัตเถรวัตถุในประเทศพม่าเลย จากข้อมูลตรงนี้จึงสันนิษฐานได้ว่า เรื่องพระมาลัยที่แต่งขึ้นในประเทศพม่านั้น อาจจะเป็นผลงานทางวรรณกรรมสั้นๆ ที่เรียนว่า “พระสูตร” จึงมีการใช้คำว่า พระมาลัยสูตร เป็นลำดับต่อมา ดังที่ เปลื้อง ณ นคร ได้กล่าวไว้ว่า “พระมาลัยสูตร นี้นับว่าเป็นเรื่องที่มีสิริมงคลเช่นเดียวกับเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก....” จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จึงไม่สามารถที่จะสรุปประวัติความเป็นมาของวรรณกรรมเรื่องนี้ได้

 

ความแพร่หลายของเรื่อง
   เรื่องพระมาลัยนี้มีแพร่หลายในประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยปรากฏเป็นวรรณกรรมบ้าง เป็นบทสวดบ้าง ที่เป็นวรรณกรรมนั้น คือ พระมาลัยคำหลวง เป็นพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศฯ จารไว้ในสมุดข่อยเป็นอักษรไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และอีกเรื่อง คือ ไตรภูมิพระร่วง ซึ่งพระธรรมราชาลิไทยได้ทรงระบุไว้ในคาถานมัสการบานแผนกว่า “ในปาเลยยกะก็มีบ้าง” เข้าใจว่า คำว่า ปาเลยยกะ นั้น อาจหมายถึง พระมาเลยยกะหรือเรื่องพระมาลัยนั่นเอง ส่วนที่เป็นบทสวดนั้นจะถูกจารไว้ในสมุดข่อยบ้าง ในใบลานบ้าง ด้วยตัวอักษรของแต่ละท้องถิ่น เป็นอักษรไทยบ้าง อักษรธรรมบ้าง ภาษาที่ใช้ในการจารเป็นภาษาโบราณ และอักขรวิธี ก็เป็นแบบโบราณ เช่น ในภาคใต้มีการจารไว้ในสมุดข่อยด้วยอักษรขอมหรืออักษรไทย ที่เรียกว่า “บุด” และได้มีผู้ปริวรรตเป็นอักษรไทย แล้วเรียกว่า “พระมาลัยคำกาพย์” ในภาคอีสานมีการจารด้วยอักษรธรรมไว้ในใบลานแล้วเรียกว่า “มาไลยหมื่น มาไลยแสน” ส่วนทางภาคเหนือก็มีการจารไว้ในใบลานเช่นเดียวกันกับทางภาคอีสาน แต่เรียนว่า “ฏีกาพระมาลัย”

 


   เรื่องพระมาลัยนั้นนอกจากจะมีความแพร่หลายในประเทศไทยดังกล่าวแล้ว ยังมีเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศใกล้เคียงที่นับถือพระพุทธศาสนา เช่น พม่า ลาว และเขมร อีกด้วย ชื่อที่ใช้เรียกก็มีความคล้ายกัน คือ ในประเทศพม่า เรียวง่า “เซียงมาเลเบี้ยว” แปลว่า กาพย์พระมาลัย (เซียง แปลว่า พระ, มาเล แปลว่า มาลัย, เบี้ยว แปลว่า กาพย์) ในประเทศลาว เรียกว่า “มาลัยหมื่น มาลัยแสน” เช่นเดียวกับทางภาคอีสานของไทย และประเทศเขมรใช้ชื่อภาษาบาลีตามต้นฉบับตัวเขียนว่า “มาเลยฺยเทวตฺเถรวตฺถุ” เนื้อหาของพระมาลัยในแต่ละประเทศที่กล่าวมานั้นเป็นไปในทำนองเดียวกัน

 


   สำนวนต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น  จะแตกต่างกันเพียงชื่อที่ใช้เรียก การใช้ถ้อยคำภาษาและรูปแบบของคำประพันธ์เท่านั้น แต่เค้าโครงของเรื่องยังเหมือนเดิม คือ กล่าวถึง นรก สวรรค์  บาป บุญ คุณ โทษ และพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ เพื่อเป็นสื่อให้ผู้ฟัง หรือผู้อ่านได้เข้าใจถึงกรรมดี กรรมชั่ว ผลของกรรม การทำบุญ ทำทาน อานิสงส์ของการทำบุญ ทำทาน และการปฏิบัติเพื่อให้ได้เกิดในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรยในอนาคตอิทธิพลของเรื่อง

 


   เรื่องพระมาลัยมีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อความเชื่อของคนไทยในเรื่อง นรก สวรรค์ บาป บุญ คุณ โทษ คือเชื่อว่า เมื่อทำบาปก็จะได้รับผลตอบแทนที่ไม่ดีคือตกนรก ส่วนเมื่อทำบุญ ทำทานอันเป็นความดีก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดีคือได้ขึ้นสวรรค์ เป็นต้น เช่นเดียวกับเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง แต่เรื่องพระมาลัยสามารถเข้าถึงชาวบ้านได้มากกว่า เพราะเรื่องพระมาลัยมีการนำมาสวดในงานพิธีต่างๆ เช่น พิธีแต่งงานตอนเจ้าบ่าวไปนอนเฝ้าหอ และใช้สวดหน้าศพ   นอกจากความเชื่อในเรื่องดังกล่าวแล้ว เรื่องพระมาลัยยังมีอิทธิพลต่อคนไทยในเรื่อง พระศรีอาริย์ หรือพระศรี-อาริยเมตไตรยเป็นอย่างมากอีกด้วย

 

ความจริงแล้วเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระศรีอาริย์นั้น ได้มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏกก่อนหน้าที่จะมีเรื่องพระมาลัยเกิดขึ้น คือ ปรากฎอยู่ในจักกวัตติสูตร หมวดทีฆนิกาย ปาฏิกวรรคว่า “ภิกษุทั้งหลาย เมื่อมนุษย์มีอายุขัย ๘๐,๐๐๐ ปี พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ....” แต่ในพระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวถึงเกณฑ์ในการทำบุญต่าง ๆ ที่ปรากฎในเรื่องพระมาลัยนั้นคงจะเกิดจากความคิดหรือจินตนาการของผู้ประพันธ์เอง เพ่ะที่จะเบี่ยงเบนความคิดเดิมที่มุ่งทำบุญเพื่อให้ถึงพระนิพพานมาเป็นการมุ่งทำบุญเพื่อให้ได้เกิดในยุคพระศรีอาริย์ แล้วจึงเข้าถึงพระนิพพานในภายหลัง ดังนั้น คนทั้งหลายจึงนิยมทำบุญกุศลตามที่เรื่องพระมาลัยได้กำหนดไว้ เช่น การฟังเทศน์มหาชาติอันประกอบด้วยคาถา ๑,๐๐๐ ให้จบภายในหนึ่งวัน การฟังเทศน์มหาชาติจึงเป็นประหนึ่งว่า เรือที่นำคนที่ต้องการไปเกิดในยุคของพระศรีอาริย์ให้ถึงฝั่ง และถือเป็นประเพณีอันสำคัญอีกด้วย

 


เพราะอิทธิพลดังกล่าวมาจึงเป็นเหตุให้นิยมสร้างเป็นหนังสือไว้ตามวัดต่าง ๆ เพื่ออุทิศผลบุญให้แก่ญาติที่ล่วงลับไป และด้วยเชื่อที่ว่าการสร้างหนังสือพระมาลัย หรือสมุดพระมาลัย ก็เหมือนกับได้สร้างพระธรรมไว้ในพระพุทธศาสนาด้วย จะได้รับกุศลผลบุญเป็นอย่างมาก อนึ่งในหนังสือพระมาลัยทุกเล่มจะจารพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ไว้ต้อนต้นของหนังสือด้วย ไม่แปลกที่คนทั่วไปจะเรียกหนังสือพระมาลัยว่า “คัมภีร์พระมาลัย”   

 

 

 

 

ประติมากรรมและจิตรกรรม "พระมาลัย" ที่เห็นกันทั่วไปในปางโปรดสวรรค์ เป็นคติความเชื่อมาจากเรื่องที่พระภิกษุชาวสิงหลแต่งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 900 เศษ กล่าวถึงพระอรหันต์องค์หนึ่งซึ่งมากด้วยศีล สมาธิ ปัญญา กมลจิตสงบจากกิเลส ที่มีนามว่า "พระมาลัยเทวเถระ"



พระมาลัยเป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์มาก เคยไปโปรดสัตว์ในนรก และเทศน์สั่งสอนคนทั่วไปให้ปฏิบัติดีเพื่อหลีกเลี่ยงนรก วันหนึ่งพระมาลัยรับดอกบัวจากชายยากจนไปบูชาพระเจดีย์จุฬามณีในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้สนทนากับพระอินทร์ และได้ถามพระอินทร์ถึงเรื่องการประกอบกรรมดี การบำเพ็ญกุศลต่างๆ



การสนทนานั้นมี พระศรีอาริยะ ร่วมสนทนาและไต่ถามความเป็นไปของโลกมนุษย์ พระศรีอาริยะได้เทศนาว่า พระองค์จะเสด็จมาประพาส ศาสนาของพระพุทธองค์สิ้นสุด 5,000 ปีแล้ว ผู้จะเกิดในศาสนานี้ได้ต้องทำบุญฟังเทศน์มหาชาติ 1,000 จบ ได้ทั้ง 13 กัณฑ์ เป็นต้น เมื่อหมดศาสนาของพระองค์จะเกิดกลียุค อายุคนทั้งโลกจะสั้นมากเพียง 5-10 ปีเท่านั้น ครั้นผ่านกลียุคจะเกิดความอุดมสมบูรณ์ทั่วไป ในระยะนี้เองที่พระศรีอาริยะจะมาโปรดให้ทุกคนทำความดี

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 




พระมาลัยนำสารดังกล่าวและเรื่องราวจากที่เคยเดินทางไปโปรดสัตว์มาเล่าให้ทุกคนฟัง โดยแบ่งออกเป็น 4 ภาค คือ 1.ภาคท่องนรก 2.ภาคท่องแดนมนุษย์ 3.ภาคท่องแดนสวรรค์ และ 4.ภาคท่องแดนศาสนาพระศรีอาริย์



สำหรับปางพระมาลัยโปรดสวรรค์ กล่าวกันว่า สร้างขึ้นตามคติเรื่องมาลัยสูตร อันเป็นพระสูตรนอกพระไตรปิฎก สันนิษฐานว่าแต่งขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศพม่า เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 16-18



มีเรื่องราวกล่าวถึงพระมาลัยเทวเถระ ชาวลังกาทวีป เป็นผู้ทรงฤทธิ์ มักไปโปรดสัตว์ในนรกและสวรรค์ ครั้งหนึ่งเหาะไปไหว้พระเจดีย์จุฬามณีในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้พบสนทนาธรรมกับพระอินทร์และพระศรีอริยเมตไตรยบรมโพธิสัตว์
 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 




จากนั้นได้นำเทวโองการจากพระศรีอาริยเมตไตรยมาแจ้งแก่มนุษย์ถึงวิธีจะบังเกิดในศาสนกาลของพระองค์ อันเป็นยุคที่เต็มไปด้วยความสุขสมบูรณ์ต่างๆ ด้วยเหตุที่พระมาลัยเป็นผู้ปลดเปลื้องสัตว์ให้พ้นจากนรกไปสู่สวรรค์และนำทางไปสู่โลกอุดมคติในภายภาคหน้า พระมาลัยจึงได้รับความนิยมนับถืออย่างมากมายแต่โบราณกาล



ลักษณะพระมาลัยโปรดสวรรค์ สร้างขึ้นเป็นรูปพระภิกษุ (ไม่มีเกตุมาลาและรัศมี) นั่งขัดสมาธิราบ ครองจีวรห่มเฉียง เปิดบ่าขวา ปิดบ่าซ้าย มีแถบสังฆาฏิพาดเหนือบ่าซ้าย คาดผ้ารัดอก หัตถ์ขวาไพล่มาวางคว่ำบนตักข้างซ้าย หัตถ์ซ้ายชี้ไปยังด้านข้างเฉียงบน



มีลีลาอ่อนหวานแบบนาฏลักษณ์ จับเรื่องตามที่พระมาลัยเหาะไปบูชาพระเกศธาตุเจดีย์ ได้พบและสนทนาธรรมกับพระอินทร์ถึงกุศลกรรมของเหล่าเทพยาดาผู้เหาะมายังเบื้องบนอากาศเพื่อเสด็จมาสักการะพระจุฬามณี เป็นแก่นปรัชญาของเรื่องเรื่องพระมาลัยสูตร ที่มุ่งหมายแสดงกรรมดีและผลของกรรมดีเป็นสำคัญ



ประติมากรรมพระมาลัยโปรดสวรรค์ เดิมอาจสร้างขึ้นเป็นประติมากรรมชุด ประกอบด้วยประติมากรรมรูปอื่นๆ เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหา อาทิ รูปพระอินทร์ พระศรีอริยเมตไตรย และพระเกศแก้วจุฬามณี



ดังประติมากรรมซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้หล่อใส่พระไว้ยังพระวิหารวัดอรุณราชวราราม ปรากฏในหมายรับสั่งรัชกาลที่ 3 ว่า หล่อรูปพระเจ้าตัดเกศ (แทนพระจุฬามณีเจดีย์) พระมาลัย พระศรีอริยเมตไตรย และพระอินทร์ ซึ่งเห็นได้ว่าหล่อเป็นประติมากรรมชุดพระมาลัยเสด็จไปนมัสการพระจุฬามณี



ทั้งนี้ ประติมากรรมพระมาลัยโปรดเกล้าฯให้หล่อขึ้น อาจมีรูปแบบเดียวกันกับพระมาลัยปางโปรดสวรรค์องค์นี้ก็เป็นได้

 

 

หลักคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา


     หลักธรรมสำคัญของพระพุทธศาสนา ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ได้แก่


          ๑. การไม่ทำความชั่ว 
               หลักธรรมที่พึงให้คนละเว้นจากความชั่วมีหลายประการ เช่น ศีล ๕ ทุจริต ๓ อบายมุข ๔ เป็นต้น เบญจศีลหรือศีล ๕  หมายถึง ข้อควรละเว้น ๕ ประการ มีดังนี้
               ๑. งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
               ๒. งดเว้นจากการลักทรัพย์
               ๓. งดเว้นจากการผิดลูกเมียผู้อื่น
               ๔. งดเว้นจากการพูดปด
               ๕. งดเว้นจากการเสพสิ่งเสพติดให้โทษ

          ๒. การทำความดีให้ถึงพร้อม 
               ในทางพระพุทธศาสนา การที่คนเราละเว้นจากการทำความชั่วเพียงอย่างเดียวนั้นไม่พอ เราจะต้องทำความดีควบคู่ไปด้วย หลักธรรมที่สอนให้เราทำความดีในพระพุทธศาสนามีหลายประการ เช่น เบญจธรรม สุจริต ๓ มงคล ๓๘ ประการ เป็นต้น
เบญจธรรม หรือ ธรรม ๕ หมายถึง ข้อควรปฏิบัติ ๕ ประการ มีดังนี้
               ๑. มีความเมตตากรุณา
               ๒. ประกอบอาชีพสุจริต
               ๓. มีความสำรวมในกาม
               ๔. พูดความจริง
               ๕. เป็นผู้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
               นอกจากนี้ ยังมีหลักธรรมที่ควรปฏิบัติอื่น ๆ อีก เช่น
               -  ความกตัญญูกตเวที คือ การนึกถึงบุญคุณผู้อื่นที่มีต่อตนเอง และรู้จักตอบแทนบุญคุณนั้น
               -  ความสามัคคี คือ การร่วมแรงร่วมใจ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการทำงาน
               -  ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คือ การแสดงน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ ลดความเห็นแก่ตัวของตนเอง อันจะนำไปสู่ความสงบสุขในสังคม

          ๓. การทำจิตใจให้บริสุทธิ์ 
               เป็นการฝึกควบคุมจิตใจของตนให้จดจ่อแน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนเกิดสมาธิในแนวทางของพระพุทธศาสนาถือว่า จิตที่มีสมาธิ คือ จิตที่มีพลัง และมีความบริสุทธิ์ผ่องใส ซึ่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาปัญญา เพื่อให้เกิดความหลุดพ้นจากความทุกข์

 

 
 

 

 
 
 

 

 

 

 

 

 

 

******************************************

 

 

 

 

   

 

 

    “ นายกฯ..ร้องไห้ ” ... เขียนให้เอาไปคิดกัน

อย่ามั่นใจนัก ว่าจะเปลี่ยน ประเทศไทย ไปไว้ใน "ระบอบที่คนเดียวบัญชา" ได้ตาม
ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ "แกนนำคนดี โกงที่เขาแพง" ... ประกาศบนเวทีว่าจะฟื้นฟู
ระบอบ…ก่อน พศ.2475 นั้น

ผบ.ทบ. ยื่นข้อเสนอให้เทพเทือกลี้ภัย ในระหว่างการหารือ ที่บ้าน ร.1รอ. มี ป๊อก-ประวิตร-ตู่-เทพเมือก ..

 

 

 

 

กำลัง วงศ์เทวัน + หน่วยรบพิเศษ สายยุดยายเที่ยง ที่เตรียมไว้ยึดอำนาจ ...
โดยข้ออ้าง รัฐบาลรักษาการหมดความชอบธรรมในการบริหารฯ

จะถูกยัน โดยหน่วย ทหารราชวัลลภฯ อัตรากองพลน้อย ที่ติดอาวุธประสิทธิภาพสูง ผ่านการฝึกฝน
มาอย่างดีเยี่ยมจากหน่วยรบพิเศษอันดับหนึ่ง ของหลายประเทศ และกำลังอีก ครึ่งหนึ่งของกองทัพไทย
กองทหารอาสานอกราชการ
+ ตร. 90% อาทิ ตำรวจพลร่ม, ตชด., คอมมานโดกองปราบ, นปพ.ภูธร จว.,
หน่วยปฏิบัติการพิเศษ และ ตำรวจคอมมานโด 4 หน่วย สามารถสนธิกำลัง ความคล่องตัว ประกอบด้วย

                                หน่วยอรินทราช 26 จาก บช.น.
                                หน่วยนเรศวร 261 จาก บช.ตชด.
                                หน่วยสยบไพรี จาก บช.ปส.
                                หน่วยสยบริปูสะท้าน (กองปราบปราม) จาก บช.ก.

ยังไม่นับรวม ฝ่ายพลเรือน เช่น อส.มหาดไทย และ จนท.รักษาป่า กรมป่าไม้ทั่วประเทศ
และที่ ลืมเสียมิได้

กองร้อยคีย์บอร์ดที่ ๑  กองพันรบพิเศษยุทธวิธีเทคนิคส่งทางอากาศที่ ๑
กองรบน้อย รบพิเศษคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ตที่ ๑ กองกำลังแดงไซเบอร์

 

      

 

 

แผน ที่จะให้ ตุลาการศาล รธน. ยุบพรรคคู่แข่งซ้ำซาก โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย”
เพื่อเบนกระแส ”ไทยเฉย” นั้นอย่าหวัง เพราะ ตลก.เฮงซวย พวกนี้จะเป็นกลุ่มแรกที่โดน..(ไม่บอก)..
เก็บกวาด


                      photo Clip_4_zps7aef691f.jpg

    

 

    ... สหรัฐอเมริกา กท.ต่างประเทศ แถลงการณ์เห็นชอบด้วยระบอบ ปชต.เลือกตั้ง ,
        ... จีน สนับสนุนรัฐบาลรักษาการ
        ... เยอรมัน เน้นการเจรจาในกรอบรัฐธรรมนูญเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
        ... นิวซีแลนด์ ให้ทุกฝ่ายเคารพกระบวนการประชาธิปไตยเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการเลือกตั้ง
        ... แคนาดา เรียกร้องให้ทุกฝ่าย เข้าร่วมในวิถีประชาธิปไตย ที่ชอบธรรม และยึดหลักนิติธรรม
        ... ไม่รวม อาเซียน ทุกประเทศ

 


                                           
 

ทั้งโลก ล้อมกรอบเข้ามา โดยมี มหาอำนาจระดับหนึ่ง และ มหาอำนาจเอเซีย ส่งคำเตือน
มาแล้ว ประชาคมยุโรป จ้องตาไม่กระพริบ เตรียมบอยคอต หากแข็งขืนใช้กำลังทหารยึดอำนาจ

 


                                  
 

 

จะบอกว่า นายกฯ เธออัดอั้นจนถึงที่สุด ต่อไปก็เตรียมพบกับ “นางสิงห์ร้าย” ได้เลย

เตือนมายัง ประชาชนผู้บริสุทธ์ให้เตรียมรับมือ "การก่อวินาศกรรม" นับจากนี้เพื่อสร้าง
เสริมสอดประสาน ให้ทหารออกมา โดยกลุ่มวางแผนเดียวกับที่ล้มรัฐบาลเลือกตั้ง โมเดล
คล้ายช่วง ที่มีการวางระเบิด เคาร์ดาวน์ทั่ว กทม. ในหลายปีที่ผ่านมา

 

                                   

 

 

   สุดท้าย.. หากพลาดพลั้ง ทานฤทธา “เผด็จการเทวดา” ไม่ไหว
ก็เตรียมตัวเตรียมใจ พบกับ...
มหากาพย์ “หนึ่งนครา สองรัฐถา"... รัฐบาลพลัดถิ่น นะเจ้าครับ

 

 

                                 ................................. รุ่งศิลา’ สุดซอย
                                                                 ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๖

 

 

 

*************************** 

 

 

 

 

ทีมชาติไทย


 

 

ฟุตบอลทีมชาติไทยโดนทัพนักเตะจากทีมชาติฟิลิปปินส์ ทีมประเทศเพื่อนบ้าน แซงหน้าขึ้นไปรั้งเป็นอันดับที่ 1 ของภูมิภาคอาเซียนเรียบร้อยแล้ว หลังร่วงลงมาอยู่ในอันดับที่ 143 โดยทีมเบอร์หนึ่งของเอเชียยังคงเป็นทีมชาติญี่ปุ่น ต่อไปโดยมี อิหร่าน ตามมาเป็นอันดับ 2 ส่วนทีมฟุตซอลไทยตกมารั้งอันดับ3 เอเชีย

สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) มีการจัดอันดับโลกของบรรดาทีมฟุตบอลทั่วโลก ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา อันดับของทีมชาติไทย ซึ่งเพิ่งบุกไปแพ้ อิหร่าน 1-2 ในศึกเอเชี่ยนคัพ รอบคัดเลือก กลุ่ม บี ที่ เตหะราน เมื่อวันอังคารที่ 15 ตุลาคม ตกลงมาอยู่อันดับที่ 143  มี 181 คะแนนทำให้ทีมช้างศึกร่วงจากบัลลังค์เบอร์ 1 ของอาเซียนเป็นที่เรียบร้อย เมื่อถูกทีมชาติฟิลิปปินส์ ที่มี 213 คะแนน ขยับแซงไปรั้งอยู่ในอันดับ 137 ของโลก

สำหรับทีมเบอร์ 1 ของ ทวีปเอเชีย ยังเป็น ญี่ปุ่น ที่รั้งอันดับ 44 ของโลก มี 634 คะแนน โดยมี อิหร่าน(49), อุซเบกิสถาน(55), เกาหลีใต้(56) และออสเตรเลีย(57) ไล่หลังอยู่ในอันดับท๊อปไฟว์ตามลำดับ

ขณะเดียวกันอันดับของทีมฟุตซอลทีมชาติไทย โดยการจัดอันดับทางเว็บไซด์ futsalworldranking.beล่าสุดก็ร่วงจากอันดับที่ 16ลงมาอยู่ในอันดับที่ 17 ของโลก และเป็นอันดับที่ 3 ของเอเชีย ตามหลัง อิหร่าน กับ ญี่ปุ่น ที่ทำคะแนนอยู่ในอันดับ 7 และ 9 ของโลก
- See more at: http://sports.bugaboo.tv/watch/86588/อันดับฟีฟ่า_ไทยหล่นเบอร์1อาเซียน_โดนฟิลิปปินส์แซง.html#sthash.teXvB48B.dpuf

 

 

  “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ลั่นวางแผนเด็ดมั่นใจเจาะแนวรับนักเตะ "อิเหนา" อินโดนีเซีย วันที่ 12 ธ.ค.นี้ได้แน่นอน ส่วนเกมการเล่นใช้ระบบ 4-4-3 เหมือนเดิม ประกาศขอเก็บ 3 แต้ม เพื่อหนทางเข้ารอบต่อไปสดใส


    ความเคลื่อนไหวของนักเตะฟุตบอล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่มีโปรแกรมแข่งขันรอบแรก สายบี นัดที่ 2 เจอกับอินโดนีเซีย ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคมนี้ เวลา 16.30 น. ที่สนามตุ๊วันนะ สเตเดี้ยม กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า โดยเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา นักเตะไทยได้มีการฝึกซ้อมตามปกติ ที่สนามอองซาน โดยเน้นการขึ้นเกมและยิงประตูเป็นหลัก โดยการซ้อมวันนี้นักเตะทุกคนลงซ้อมครบ สภาพความฟิตพร้อมสมบูรณ์ทุกตำแหน่ง


    “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่นัดแรกเราเอาชนะติมอร์ เลสเต มาได้แล้ว ความมั่นใจมีมากขึ้น ในนัดที่ 2 นี้ถือว่าเป็นเกมที่เราต้องการเก็บ 3 แต้มให้ได้แน่นอน ถึงแม้นักเตะอินโดนีเซียจะชนะกัมพูชา 1-0 มา แต่ดูฟอร์มแล้วไม่หนักใจเท่าไหร่ ดูแล้วนักเตะอินโดนีเซียมีจุดเด่นที่เกมริมเส้น 2 ข้าง และนักเตะอินโดฯ มีความสามารถเฉพาะตัวที่ดี แต่เขามีจุดอ่อนให้เห็นตรงแดนกลางกับแผงแนวรับเสมอๆ ตลอดเกม ซึ่งดูแล้วเราสามารถเจาะเกมรับของนักเตะอิเหนาได้ไม่ยากแน่นอน แม้ว่าผู้เล่นอินโดนีเซียบางคนจะโอนสัญชาติมาจากเนเธอร์แลนด์และโปรตุเกสก็ตาม แต่ไม่ได้สร้างความหวาดหวั่นให้กับเราแม้แต่นิดเดียว เป้าหมายของเราเกมนี้คือการเก็บ 3 แต้มเพื่อการันตีเข้ารอบต่อไปให้ได้


    “แผนการเล่นนัดนี้เราจะเล่นระบบ 4-3-3 เหมือนเดิมที่เราถนัด แต่จะเน้นเกมรุกมากขึ้น โดยเกมนี้จะปรับเปลี่ยนนักเตะเพียงแค่ตำแหน่งเดียว เพื่อรักษาความสมดุลส่วนใหญ่ของทีมไว้ ด้วยการปรับเอา ชาริล ชัปปุยส์ ที่มีจุดเด่นเรื่องเกมบุก จะลงสนามแทน ธนบูรณ์ เกศารัตน์ ที่นัดแรกเล่นเกมรับ ซึ่งการเจอกับนักเตะอินโดนีเซียถือเป็นนัดสำคัญ เป็นศึกหนักทุกนัดที่เจอกัน โดยเฉพาะเกมนี้มีผลต่อการเข้ารอบรองด้วย หากเราคว้าเพิ่ม 3 แต้มได้ จะมีเพิ่มเป็น 6 คะแนน โอกาสเข้ารอบมีสูง โดยเราตั้งเป้าจะเก็บชัยชนะได้หลังจากเห็นฟอร์มของนักเตะอินโดนีเซียมาแล้ว และเชื่อว่าแข้งไทยมีศักยภาพเหนือกว่า”


    “นอกจากนั้นยังได้กำชับนักเตะให้ระมัดระวังการเข้าปะทะหนักๆ เพราะเกมถัดไปจะพบกับเจ้าภาพพม่า ซึ่งหากพลาดท่าโดนใบแดงจะชวดลงสนามนัดต่อไปได้ โดยเฉพาะเกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ที่มีใบเหลืองติดตัว หากได้รับใบเหลืองเพิ่มอีก 1 ใบ จะติดโทษแบนทันที แต่นัดนี้จะไม่ดร็อปเกริกฤทธิ์แน่นอน เพราะเป็นนักเตะที่เล่นเกมรุกริมเส้นฝั่งซ้ายได้ดี” กุนซือใหญ่กล่าว

 

รอนาน 44 ปี คอยตั้งแต่ตี 4 บัตรถูกมาก


    ในส่วนของพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากชาวพม่ามากมายที่จะมาจับจองหาซื้อบัตรที่สนามวันนะ ติกคิ ที่หน้าประตู 4 บางคนมารอตั้งแต่ตี 4 ก่อนที่จะเปิดทำไอดีการ์ด ทำให้บรรยากาศในช่วงเช้าค่อนข้างชุลมุน เนื่องจากบางคนไม่ต่อแถวและเดินเข้าไปลัดคิวด้านหน้า ทำให้วุ่นวายไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ทางการพม่าได้ควบคุมสถานการณ์ได้ ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อาวุธสงครามครบมือ ก่อนที่ประชาชนจะยอมยืนรอคิวกันตามลำดับร่วม 3,000 คน ขณะที่ด้านนอกของสนามมีการนำสินค้าที่ระลึกและอุปกรณ์เชียร์ที่ตกแต่งด้วยลายธงชาติมาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากตั้งแต่เริ่มการแข่งขันแล้ว โดยทางพม่าได้ทำเป็นไอดีการ์ดให้ผู้ชมเข้าชมสนาม รวมทั้งมีการสแกนที่ไอดีการ์ดก่อนให้เข้าไปภายในสนามด้วย


    สำหรับบัตรเข้าชมการแข่งขันนั้น แบ่งเป็นบัตรเหมารวม 2,500 จ๊าด หรือ 3 เหรียญสหรัฐอเมริกา คิดเป็นเงินไทยถ้าเป็นชาวพม่า 75 บาท ส่วนชาวต่างชาติเกือบ 100 บาท แต่สามารถดูได้ 32 ชนิดกีฬา ยกเว้นพิธีเปิด-ปิด และฟุตบอล วันละ 2,000 ใบ เริ่มขายตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. จนถึงวันที่ 20 ธ.ค. เข้าชมการแข่งขันตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น. จะหมดเวลาจำหน่าย
 

 

ฟุตบอล ซีเกมส์2013 ทีมชาติไทย


 

 

ผลฟุตบอลชาย ซีเกมส์2013 ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 4-1



ผลฟุตบอลชาย ซีเกมส์2013 นัดที่2กลุ่มB ทีมชาติไทย ชนะ อินโดนีเซีย 4 ประตูต่อ 1 โดยได้ประตูจาก ปกเกล้า อนันต์ นาทีที่1 อดิศักดิ์ ไกรษร นาทีที่18 ประวีณวัชร์ บุญยงค์(จุกโทษ) นาทีที่50 และ  ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์  นาทีที่ 80 อินโดนีเซีย ได้ 1 ประตูจาก อันดรี้ นาทีที่ 91

สำหรับรายชื่อนักเตะทีมชาติไทยที่ลงในนัดนี้มี กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ,อาทิตย์ ดาวสว่าง , ประวีณวัชร์ บุญยงค์, สกลวัชร์ สกลหล้า ,ธีราทร บุญมาทัน (กัปตันทีม), ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ , ปกเกล้า อนันต์ , ชาริล ชัปปุยส์ , เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ,ปกรณ์ เปรมภักดิ์, อดิศักดิ์ ไกรษร

แข่งสองนัดไทยเก็บ6คะแนนเต็มขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มคะแนนเท่ากับ เมียนมาร์  ส่วนโปรแกรมนัดต่อไป ไทย พบ เมียนมาร์ วันเสาร์ที่14 ธันวาคม 2556 เวลาประมาณ 19.15 น.

BUGABOO NEWS



ฟุตบอล ซีเกมส์2013 ไทย

 

- See more at: http://sports.bugaboo.tv/watch/95239/ผลฟุตบอล_ซีเกมส์2013_ไทย_4_1_อินโดนีเซีย.html#sthash.BC1soN4N.dpuf

 

 

 

 

 โดย หลวงวิจิตรวาทการ

            ประวัติซีเกมส์

กีฬาซีเกมส์ (Southeast Asian Games หรือ SEA Games)

 

เป็นการแข่งขันกีฬาของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 11 ประเทศ โดยจัดขึ้น 2 ปีต่อ 1 ครั้ง การแข่งขันดำเนินตามกฎข้อบังคับของสมาพันธ์กีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Games Federation) โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee หรือ IOC) และสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (Olympic Council of Asia)แต่เดิมเรียกกีฬาซีเกมส์ว่า กีฬาแหลมทอง จนกระทั่งปี 2520 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ซีเกมส์ เหมือนในปัจจุบัน

ประวัติ

กีฬาซีเกมส์ นั้นเดิมเรียกว่า กีฬาแหลมทอง (Southeast Asian Peninsular Games) หรือ เซียปเกมส์ (SEAP Games) ครั้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) ประเทศสมาชิกในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เข้าร่วมแข่งขัน กีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 3 ณกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และได้จัดประชุมตกลงที่จะก่อตั้งองค์กรการกีฬาขึ้น

 

กีฬาแหลมทองนั้นได้รับการเสนอแนวคิดจากหลวงสุขุมนัยประดิษฐ และยังเป็นผู้ก่อตั้งองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งก็คือ การกีฬาแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งต่อมาได้เป็นรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ข้อเสนอ นั้นมีอยู่ว่า การจัดการแข่งขันกีฬาจะช่วยสนับสนุนความร่วมมือ ความเข้าใจ และความสัมพันธ์ในบรรดาประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

ประเทศไทย, เมียนมาร์, มาเลเซีย , ลาว, เวียดนาม และกัมพูชา (และสิงคโปร์มาร่วมในภายหลัง) ถือเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง ประเทศ เหล่านี้มีความตกลงร่วมกันที่จะจัดการแข่งขันกีฬาขึ้นแบบสองปีครั้ง และได้จัดตั้งคณะกรรมการสหพันธ์กีฬาแหลมทองขึ้น (SEAP Games Federation Committee)

 

กีฬาแหลมทองครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 12 - 17 ธันวาคม พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) โดยมีเจ้าหน้าที่ และนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 527 คน จากประเทศไทย, เมียนมาร์, มาเลเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม และลาว โดยมีกีฬาทั้งหมด 12 ชนิด

 

ในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 8 เมื่อ พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) สมาพันธ์กีฬาแหลมทองมีมติให้รับประเทศอินโดนีเซีย

 

และฟิลิปปินส์เข้าร่วมเป็นสมาชิกแข่งขันด้วย และได้บรรจุเข้าเป็นประเทศสมาชิกแข่งขันอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) และในปีเดียวกันนั้นสมาพันธ์ฯ ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นสมาพันธ์กีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Games Federation หรือ SEAGF) และเรียกการแข่งขันว่า ซีเกมส์ (Southeast Asian Games) ประเทศบรูไนนั้นได้เข้าร่วมแข่งขันในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 10 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศติมอร์ตะวันออกเป็นประเทศล่าสุดที่เข้าร่วม การแข่งขันซีเกมส์ โดยเข้าแข่งขันครั้งแรกในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 22 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

 

 

ครั้งที่ การแข่งขัน เจ้าภาพ(เมือง/ประเทศ) หมายเหตุ
1 กีฬาแหลมทอง 1959 (พ.ศ. 2502) กรุงเทพมหานคร ไทย  
2 กีฬาแหลมทอง 1961(พ.ศ. 2504) ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์  
3 กีฬาแหลมทอง 1965(พ.ศ. 2508) กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย  
4 กีฬาแหลมทอง 1967(พ.ศ. 2510) กรุงเทพมหานคร ไทย  
5 กีฬาแหลมทอง 1969 (พ.ศ. 2512) ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์  
6 กีฬาแหลมทอง 1971 (พ.ศ. 2514) กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย  
7 กีฬาแหลมทอง 1973 (พ.ศ. 2516) สิงคโปร์ สิงคโปร์  
8 กีฬาแหลมทอง 1975 (พ.ศ. 2518) กรุงเทพมหานคร ไทย  
9 กีฬาซีเกมส์ 1977 (พ.ศ. 2520) กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย  
10 กีฬาซีเกมส์ 1979 (พ.ศ. 2522) จาการ์ตา อินโดนีเซีย  
11 กีฬาซีเกมส์ 1981 (พ.ศ. 2524) มะนิลา ฟิลิปปินส์  
12 กีฬาซีเกมส์ 1983 (พ.ศ. 2526) สิงคโปร์ สิงคโปร์  
13 กีฬาซีเกมส์ 1985 (พ.ศ. 2528) กรุงเทพมหานคร ไทย  
14 กีฬาซีเกมส์ 1987 (พ.ศ. 2530) จาการ์ตา อินโดนีเซีย  
15 กีฬาซีเกมส์ 1989 (พ.ศ. 2532) กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย  
16 กีฬาซีเกมส์ 1991 (พ.ศ. 2534) มะนิลา ฟิลิปปินส์  
17 กีฬาซีเกมส์ 1993 (พ.ศ. 2536) สิงคโปร์ สิงคโปร์  
18 กีฬาซีเกมส์ 1995 (พ.ศ. 2538) เชียงใหม่ ไทย (ครั้งแรกที่เมืองเจ้าภาพไม่ใช่ เมืองหลวง)
19 กีฬาซีเกมส์ 1997 (พ.ศ. 2540) จาการ์ตา อินโดนีเซีย  
20 กีฬาซีเกมส์ 1999 (พ.ศ. 2542) บันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไน  
21 กีฬาซีเกมส์ 2001 (พ.ศ. 2544) กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย  
22 กีฬาซีเกมส์ 2003 (พ.ศ. 2546) ฮานอย โฮจินมินซิตี้ เวียดนาม  
23 กีฬาซีเกมส์ 2005 (พ.ศ. 2548) มะนิลา ฟิลิปปินส์ (หลายเมือง โดยมีมะนิลา เป็นศูนย์กลาง)
24 กีฬาซีเกมส์ 2007 (พ.ศ. 2550) นครราชสีมา ไทย (ในปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) ประเทศสิงคโปร์ขอถอนตัวเนื่องจากสถานที่ไม่พร้อม)
25 กีฬาซีเกมส์ 2009 (พ.ศ. 2552) เวียงจันทน์ ลาว  
26 กีฬาซีเกมส์ 2011 (พ.ศ. 2554) จาการ์ตา อินโดนีเซีย

 

 

 

 **********************************

 

 

 

 

   'นิวัฒน์ธำรง'ยันมีเงินจ่ายจำนำข้าวชาวนา

 
 
 
 
 
"นิวัฒน์ธำรง" ยัน มีงบประมาณจ่ายเงินจำนำข้าวให้เกษตรกรอย่างแน่นอน เพราะได้อนุมัติงบ เพื่อดำเนินการไปแล้ว 2.7 แสนล้านบาทคาด สิ้นปีคืนเงินขายข้าวได้ 1.8 แสนล้านบาท

 

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า มีงบประมาณจ่ายเงินจำนำข้าวให้เกษตรกรอย่างแน่นอน ซึ่งได้มีการหารือกับกระทรวงการคลัง และทาง ธ.ก.ส.แล้ว แต่ยอมรับว่าอาจมีปัญหาล่าช้าในช่วงต้นฤดู เพราะต้องจัดการข้าวเก่าในโกดังให้เรียบร้อยก่อน แต่ขณะนี้ได้ทยอยออกใบประทวนใหม่ให้เกษตรกรนำไปขึ้นเงินอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่า เกษตรกรจะได้รับเงินจากจำนำข้าวในโครงการครบทุกบาททุกสตางค์ เนื่องจากรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณดำเนินการไว้เรียบร้อยแล้ว 2.7 แสนล้านบาท แต่สิ่งที่ยังเป็นห่วงในตอนนี้ คือ การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งโครงการแทรกแซงราคา ไม่สามารถนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ทัน โดยต้องรอดูสถานการณ์ว่า หากเกษตรกรเดือดร้อนมาก ก็จะนำเรื่องไปหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ว่าจะสามารถอนุมัติงบประมาณเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรได้หรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลรักษาการมีอำนาจจำกัด

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สามารถดำเนินการระบายข้าวได้แล้ว ประมาณ 3 ล้านตัน ซึ่งภายในสิ้นปีนี้จะสามารถคืนเงินกลับเข้าคลังได้รวม 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งการทำสัญญาซื้อขายข้าวทุกสัญญาที่ผ่านมา ทำด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน และข้าราชการประจำมีข้อมูลอยู่แล้ว หากหน่วยงานใดต้องการข้อมูลตรวจสอบ ก็สามารถขอข้อมูลได้ทันที พร้อมยืนยันว่า เข้ามารับแหน่งด้วยมือเปล่า ก็จะกลับไปด้วยมือเปล่า ซึ่งงานที่ต้องฝากให้รัฐบาลใหม่ดูแล คือ ปัญหาค่าครองชีพ และการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งตนมีความเป็นห่วงมาก

 


TechnoCMS

 

 

มันพูดเอาฮาป่าวเนี่ย...

 

ซึ่งการทำสัญญาซื้อขายข้าวทุกสัญญาที่ผ่านมา ทำด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน และข้าราชการประจำมีข้อมูลอยู่แล้ว หากหน่วยงานใดต้องการข้อมูลตรวจสอบ ก็สามารถขอข้อมูลได้ทันที พร้อมยืนยันว่า เข้ามารับแหน่งด้วยมือเปล่า ก็จะกลับไปด้วยมือเปล่า ซึ่งงานที่ต้องฝากให้รัฐบาลใหม่ดูแล คือ ปัญหาค่าครองชีพ และการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งตนมีความเป็นห่วงมาก

 

พอเค้าถามหาสัญญา มันบอกเป็นความลับ

พอเค้าถามราคา มันก็บอกเป็นความลับ

พอเค้าถามว่า...ฯลฯ  มันก็บอกเป็นความลับ

แล้วให้เค้าไปตรวจสอบอะไรรึ....

 

 

 

 

นายกฯ แถลงเชิญทุกฝ่ายร่วมเวทีปฏิรูปประเทศ 15 ธ.ค.นี้

 
 

เชียงใหม่ 12 ธ.ค.-"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี แถลงพร้อมหารือทุกฝ่าย เพื่อปฏิรูปประเทศให้เป็นรูปธรรม ทำคู่ขนานไปกับการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 โดยมอบหมาย "ธงทอง" ปลัดสำนักนายกฯ เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมเวทีประชุมหารือวันอาทิตย์ที่ 15 ธ.ค.นี้ ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์

เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งและการชุมนุมทางการเมืองต่อเนื่องมาระยะหนึ่ง เป็นเหตุให้ทุกฝ่ายมีความกังวลใจและห่วงใยในอนาคตของบ้านเมืองร่วมกันนั้น รัฐบาลเองในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบการบริหารราชการแผ่นดิน ได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาความสงบเรียบร้อย ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมที่จะเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็น หรือร่วมเวทีหารือเพื่อแสวงหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย จากการติดตามข่าวสารที่ปรากฏต่อสาธารณชน เป็นที่เห็นได้ชัดว่ามีความพยายามขององค์กรต่างๆ ที่จะเปิดพื้นที่หรือเวทีสำหรับการพูดคุยตามแนวทางสันติวิธี เพื่อให้ได้แนวทางการปฏิรูปประเทศไทยในวันข้างหน้า

เมื่อได้มีการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แล้ว ควรจะได้มีการหารือร่วมกันระหว่างทุกฝ่ายบนพื้นฐานของสันติวิธีคู่ขนานกันไป โดยควรมีการแสวงหาข้อตกลงร่วมกันว่า ในอนาคตหลังจากการเลือกตั้งแล้วจะมีแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยที่เป็นรูปธรรมอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน รัฐบาลได้พิจารณาความเห็นดังกล่าว ประกอบกับข้อมูลข่าวสารและข้อเสนอที่หลายฝ่ายในสังคมไทยกำลังช่วยกันระดมความคิดเพื่อให้เราสามารถก้าวเดินต่อไปได้

รัฐบาลยินดีที่จะอำนวยความสะดวกเพื่อให้เกิดเวทีดังกล่าว โดยได้มอบหมายให้นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รับไปดำเนินการเบื้องต้นเพื่อเชิญชวนภาคส่วนต่างๆ ที่เป็นตัวแทนของพรรคการเมือง ภาคเอกชนและภาคธุรกิจ ภาคราชการ สถาบันการศึกษา ภาคสังคม ภาคประชาชน ทุกกลุ่มการเมืององค์กรต่างๆ และนักกฎหมาย นักวิชาการที่มีความหลากหลาย รวมถึงสื่อมวลชนเข้ามาร่วมหารือทางออกตามแนวทางที่เป็นไปได้ ทั้งนี้ ขอเชิญประชุมหารือร่วมกันในวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2556 เวลา 9.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

รัฐบาลหวังว่าหลังจากการประชุมร่วมหารือกันในลักษณะที่เปิดใจกว้างเช่นนี้ เชื่อว่าจะมีข้อเสนอที่ชัดเจนเพื่อให้ทุกฝ่ายในสังคมไทยได้มองเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาประเทศในอนาคตต่อไป.-สำนักข่าวไทย
 

 

                         

 

 

 

 

 

 

*************************

 

 

 

 

ไทย-ลาว ถือฤกษ์ดี 11-12-13 เปิดสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4

 

 

                              


 

สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ
 
สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ
 


 

 

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ชมรมท่องเที่ยวอำเภอเชียงของ

          ลาว-เชียงราย เตรียมพร้อม ถือฤกษ์ดี วันที่ 11 เดือน 12 ปี 2013 ทำพิธีเปิดสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ โดยสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ เป็นองค์ประธาน

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (11 ธันวาคม 2556) จะมีพิธีเปิดโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ที่จังหวัดเชียงราย อย่างเป็นทางการ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานพิธีเปิด ร่วมกับ ฯพณฯ บุนยัง วอละจิต รองประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

          ทั้งนี้ บริเวณโดยรอบนั้นมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวความเป็นมาของโครงการก่อสร้างสะพาน ขณะที่ในตัวเมืองเชียงของก็ได้มีการติดธงชาติลาวและธงตราประจำพระองค์สมเด็จพระเทพฯ ไว้โดยรอบ

          โดย นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวเชิญชวนผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนหน่วยงานทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย ร่วมเฝ้ารับเสด็จ เวลา 08.00 น. และร่วมพิธีเปิดในเวลา 10.00 น. จากนั้นเฝ้าส่งเสด็จ ในเวลา 13.30 น. ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยพร้อมเพรียงกัน

          สำหรับสะพานมิตรภาพ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งของประเทศไทย ลาว และจีนตอนใต้เข้าด้วยกัน ภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ใช้วงเงินค่าก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 1,570 ล้านบาท

          ล่าสุด เวลาประมาณ 10.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานร่วมพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เชียงของ-ห้วยทราย ร่วมกับนายบุนยัง วอละจิต รองประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พร้อมกับทอดพระเนตรนิทรรศการข้ามพรมแดน มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงาน




 

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
 



 

สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ
 
สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ

สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ
 
สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ
 


 

สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ
 
สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ
 



 

 

สื่อนอกรายงานเส้นทางใหม่ ปลุกไทยเป็นฮับจีน-อาเซียน

 

 

 

 

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า ในขณะที่คลื่นมหาชนยังคงชุมนุมประท้วงทางการเมืองกันในกรุงเทพฯ จนกระทั่งเศรษฐกิจไทยที่มีอาการสั่นคลอนอยู่แล้ว ถึงกับทรุดฮวบลงนั้น อีกด้านหนึ่งก็มีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงประเทศอีกขั้น เพื่อที่จะก้าวไปสู่การเป็นมหาอำนาจทางการค้าของภูมิภาค
 
โดยในวันเดียวกันนี้ เป็นวันแรกที่ขบวนรถบรรทุกจะได้ใช้เส้นทางสะพานข้ามแม่น้ำโขง ที่เชื่อมเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่างจีนกับอาเซียน ผ่านลาว ช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนที่สูงถึงกว่า 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้สูงขึ้นไปอีก
 
ทั้งนี้มูลค่าการค้าดังกล่าว มาจากการรวบรวมของศูนย์ข้อมูลเศรษฐกิจ "วินด์ อินฟอร์เมชั่น" ของจีน ซึ่งระบุด้วยว่า มูลค่าการค้าดังกล่าว สูงกว่ามูลค่าการค้าเมื่อปี 2545 ถึงกว่า 6 เท่าตัว ส่วนสะพานข้ามโขงแห่งนี้ คือสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 ที่รัฐบาลไทย-จีน ร่วมกันออกทุนดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ด้วยงบประมาณทั้งสิ้นเกือบ 50 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,500 ล้านบาท ระยะทางทั้งสิ้นไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร
 
สะพานแห่งนี้จะช่วยสานก่อเส้นทางสายไหมเส้นใหม่ จากมณฑลยูนนานของจีน ล่องใต้ผ่านลาวลงไปถึงมาเลเซียและที่เลยไกลออกไป ขณะเดียวกัน ธุรกิจการค้าในจังหวัดเชียงรายอันเป็นจุดต่อเชื่อมสะพานฝั่งไทยจะได้รับอานิสงค์เบื้องต้น ในฐานะประตูเส้นทางการค้าใหม่
 
นายพัฒนา สิทธิสมบัติ นักธุรกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายกล่าวว่า สะพานแห่งนี้ยังช่วยประทับตราจังหวัดลงในแผนที่สากล และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้เศรษฐกิจของจังหวัด มีช่องทางขยายตัวได้มากขึ้นไปอีก นอกเหนือจากที่ได้ขยายตัวมากถึง 4 เท่าตัวภายในระยะ 8 ปีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลไทยด้วย

 

 

 

*************************************************

 

 

 

 

                                               รูปภาพ

 

 

 

 

 
สุพจน์ อุตรศักดิ์ ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร กับคนมีความรู้ระดับนี้ ไม่ใช่แค่อธิการคนนี้เท่านั้น คนที่เชื่อว่าเป็นกูรู การตลาด อย่างนาย(นาง)เสรี ยังพูดอย่างนี้เหมือนกัน ทำให้นึกถึงอาฟริกาใต้ที่คนหยิบมือเป็นเจ้าของทรัพยากรส่วนใหญ่ของประเทศ มีฬ
โอกาสมากกว่าคนส่วนใหญ่ รู้สึกหวงแหนหากจะต้องกลายเป็นเสียงส่วนน้อย จึงทำทุกวิถีทางที่จะเอาเปรียบคนสาวนมาก กระทั่งการละเมิดสิทธิคนอื่น ขนาดเอาชีวิตก็ยังมี
ไม่ทราบว่าท่านคิดได้นานรึยัง ทำไมตอนร่างรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่เอาหลักการนี้ใส่เข้าไปเสียละครับ จะได้ไม่ต้องมาฉีกรัฐธรรมนูญที่ตนเองมีส่วนร่วมสร้างมากับมือ แล้วถ้าท่านสอนเด็กตกลงกันแล้วว่าเกรด A คะแนนที่ 80 ขึ้นไป พอถึงปลายเทอมบอกว่ามันวัดความเก่งไม่ได้ ต้อง เปลี่ยนเป็น 95 ขึ้นไปเท่านั้นจึงจะถือว่าเก่ง ท่านว่าเด็กเขาจะเชื่อท่านและยอมท่านไหมครับ ตอบปัญหาง่ายให้ได้ก่อน
 
 
Fina ValcaNo ผมตอบให้ท่านได้เลย ทำไมนำหลักการนี้ไปใช้ในต่างประเทศแล้วได้นักการเมืองดีๆ ตอบ เพราะว่าเค้ายอมรับไง ไม่ว่าผลเลือกตั้งจะได้คนตามที่คนหวังไว้หรือไม่ ผลก็คือเค้ายอมรับไงครับท่าน จากการเลือกตั้ง ที่เสียงประชาชนทั้งประเทศตัดสิน ประชาชนคนไทยก็มีความคิดนะครับ แยกออกอันไหนดีไม่ดี ใช้ว่าเงินจะซื้อเสียงได้คนทั้งประเทศ บางคนซื้อได้แต่ผมเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศซื้อเสียงไม่ได้ครับ เค้าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเค้า ทางออกของประเทศคืออะไร ก็การเลือกตั้งไงคัรบแล้วก็ต้องยอมรับ

 

 

 
Nick Chanisorn อยากเรียนถามด้วยว่าท่าน อ.สมบัติ คิดว่าตัวเองควรจะมีกี่เสียง?
 

 

 

รูปภาพของ หนุ่มตัวร้าย คุณนายน่ารัก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                  สุเทพ ปราศรัย อ่อนลงเยอะ
 
 
 
หลังจากไม่มีใครยอมมารายงานตัว
ขนาดขอให้เสื้อแดงไปร่วมชุมนุมกับพวกเขา
และบอกพยายามติดต่อ ผบ ทบ และ ผบ สูงสุด ขอเข้าพบ
แต่ยังติดต่อไม่ได้

สุเทพบอกได้ติดต่อกับ ผบตร และ ผบเหล่าทัพต่างๆมาแล้ว
เพื่อขอเข้าพบ ทุกคนบอกยินดี

แต่ล่าสุด ผบ เหล่าทัพทุกเหล่าทัพ ได้ตกลงส่งตัวแทนมาพบสุเทพ
เพื่อรับฟัง ตัวจริงไม่มา

แวว หายนะ ของม๊อบ มวลเหล่ามหาโจร กำลังมาถึงแล้ว
หาก ตำรวจ ทหาร ยังยืน และนิ่ง ไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของโจร

วันพรุ่งนี้ สุเทพบอกจะไปพบผบ ตร ผบเหล่าทัพ
ด้วยตัวเองและทีมงาน 40 คน


คอยดูว่า ทหาร ตำรวจ จะยืนตรงไม่สุงสิง ไม่สังฆกรรมกับโจร
อย่างที่ว่าไหม


ประเทศจะมีทหารของชาติประชาชนจริงๆ และยังรักษาวินัย
และจะทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาคือรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และนายกรัฐมนตรีไหม


และจะคอยดูกึ๋นของระบบยุติธรรมไทยว่าจะยังมีความศักดิ์สิทธิ์ไหม


ล่าสุด ทนายนกเขาหล้งจากทราบว่า ผบ ตร ไม่ยอมให้พบ
ได้ประกาศให้ผู้ชุมนุม 10.00 น ให้บุกเข้ารื้อและไล่ตำรวจออกจากทำเนียบ

พรุ่งนี้น่าจะเป็นวันเผด็จศึกพวกกบฎเสียที

 

 

 

 

 

ที่มาของภาพยิ้มทั้งน้ำตา ของ นายกปู ที่โดนเละ แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม



Image has been scaled down 28% (599x392). Click this bar to view original image (826x540). Click image to open in new window.
[Image: image-CDCD_52A82B28.jpg]



 

 

 

ดูกันให้ชัดๆวินาทีหลังจากที่เจ๊ปูว์ร้องไห้ผ่านสื่อเเล้วเกิดอะไรขึ้น ที่มา : http://youtu.be/WMeXEFriO_4

หลังจากนั้นก็ได้เกิดกระแส ดราม่าอย่างหนักหน่วงบนโลกไซเบอร์...โอ้วแม่จ้าว เจ๊ปูว์แกได้รับรางวัลตุ๊กตาทองแน่ๆ ไหนว่าร้องไห้ไง ลับหลังไปกลับยิ้มแป้นเลย....แต่แล้วก็..

ถามจากพรรคพวกเพื่อนนักข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังบอกว่า คนถามท่านนายกฯ คำถามนี้คือ พี่ดัท ASTV รีบไปขอโทษนายกฯ โดยพูดไล่หลังท่านนายกฯ ไปว่า " ท่านนายกฯ โกรธไหมค่ะ" ท่านนายกฯ หันมายิ้มทั้งน้ำตาเหมือนบอกว่า "ไม่โกรธ"


ที่มา
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=...=1&theater

 

 

 

 

***********************************

 




 

 

    

 

 

 

     ประเทศพม่ากับการเป็นเจ้าภาพ ซีเกมส์ ครั้ง ที่ 27

 

 

 


 

 

 

เป็นอีกหนึ่งมหกรรมกีฬาของชาวอาเซียน ที่ 2 ปี มีครั้งหนึ่ง สำหรับกีฬาซีเกมส์ ครั้งนี้ เวียนมาถึงครั้งที่ 27 แล้วสำหรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2013 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11-22 ธ.ค.2556 ซึ่งทางสหพันธ์กีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กำหนดให้พม่าเป็นเจ้าภาพ หลังจากว่างเว้นมายาวนานถึง 44 ปี
โดยกำหนดจัดขึ้นที่เนปีดอ เมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศพม่า พร้อมด้วยอีก 2 เมือง คือ ย่างกุ้งและมัณฑะเลย์  ซึ่งตอนนี้มี 11 ประเทศเข้าแข่งขัน ได้แก่ ไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ลาว, พม่า, กัมพูชา, บรูไน, ติมอร์ตะวันออก



ในนสมัยที่ยังเป็นกีฬาแหลมทอง พม่า เคยเป็นเจ้าภาพมาแล้วสองครั้ง ในปี 1961(2504) กับ 1969(2512) ซึ่งทั้งสองสมัยพม่าเป็นเจ้าเหรียญทอง และในปี 2013(2556) พม่าได้กลับมาเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ และเป็นที่น่าจับตามองอีกเช่นกันว่า พม่าคงอยากจะเป็นเจ้าเหรียญทองอีกครั้ง ถึงขนาดตัดกีฬาสากลบางชนิดและกีฬาที่พม่าเชื่อแน่ว่าไม่น่าจะได้เหรียญทองออก พร้อมเพิ่มกีฬาพื้นบ้านเข้าไปอีกเพียบ



ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ครั้งนี้ สรุปลงตัวมาแล้วว่า มีการชิงชัยทั้งหมด 33 ชนิดกีฬารวมทั้งหมด 460 เหรียญทอง แบ่งเป็นกลุ่ม 1 กีฬาบังคับมี 2 ชนิด คือ ว่ายน้ำ และกรีฑา กลุ่ม 2 กีฬาสากลที่มีในเอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิก 23 ชนิด ได้แก่  บิลเลียด-สนุกเกอร์, เรือแคนู, เรือกรรเชียง, จักรยาน, ขี่ม้า, ฟุตบอล-ฟุตซอล, ตะกร้อ, บาสเกตบอล, เทเบิลเทนนิส, เรือใบ-วินด์เซิร์ฟ, แบดมินตัน, ยิงปืน, มวยปล้ำ, ยิงธนู, เทควันโด, มวยสากล, วอลเลย์บอล, ยกน้ำหนัก, วูซู, ยูโด, กอล์ฟ, ฮอกกี้, คาราเตโด และกลุ่ม 3 กีฬาพื้นบ้าน 8 ชนิดกีฬา ได้แก่ คือ มวย, เรือยาวประเพณี, ปันจักสีลัต, เปตอง, เคมโป, โววีนัม, เพาะกาย, หมากรุกสากล ส่วนชินลอน กีฬาประจำชาติพม่า จัดรวมอยู่ในเซปักตะกร้อ



และแน่นอนประเทศอาเซียน อย่างเช่น  มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะสิงคโปร์ ที่ส่งหนังสือไปต่อว่าต่อขานโดยตรงเลยทีเดียว ไม่เว้นแต่ประเทศไทย ที่ขอส่งจดหมายร้องเรียนไปยังประเทศพม่าด้วยเช่นกัน


 
งานนี้ ต้องติดตามดูต่อไปว่า กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่พม่า เป็นเจ้าภาพ จะออกมาในรูปแบบไหน โดยเฉพาะโอกาสที่ไทยจะเป็นเจ้าเหรียญทอง ดูแนวโน้มแล้วเป็นสิ่งที่ยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ




 

ประเทศพม่ากับการเป็นเจ้า

 

 


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
เฟซบุ๊ก Welcome to Xxvii SEA Games 2013 Nay Pyi Taw, Myanmar

          เปิดประตูประเทศอีกครั้ง สำหรับประเทศพม่าที่ขอโชว์ศักยภาพต้อนรับประชาคมอาเซียน...ด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ณ กรุงเนปิดอว์ ในระหว่างวันที่ 11-22 ธันวาคม 2556 ที่จะถึงนี้ หลังจากที่เว้นวรรคการเป็นเจ้าภาพมานานถึง 44 ปีเลยทีเดียว...

          แต่ทั้งนี้ ยังไม่ทันจะเริ่มโค้งแรกในการเตรียมตัวการแข่งขันใด ๆ บรรดาประเทศเพื่อนพ้องก็อดหวั่นใจไม่ได้ เพราะล่าสุดมติที่ประชุมซีเกมส์ ระบุมาแล้วว่า กีฬาที่จะต้องชิงชัยกันนั้น มีทั้งหมด 33 ชนิด 459 เหรียญทอง โดยประเทศพม่าได้ทำการตัดกีฬาสากลอย่างเช่น เทนนิส, เทเบิลเทนนิส, แบดมินตัน, ยิมนาสติก และฮอกกี้ แถมยังเพิ่มกีฬาพื้นบ้าน และกีฬาที่ไม่ได้อยู่ในธรรมนูญซีเกมส์หลายชนิดยัดเยียดในการแข่งขันครั้งนี้ เหลือกีฬาสากลเพียง 17 ชนิดเท่านั้น และแน่นอนประเทศอาเซียน อย่างเช่น  มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะสิงคโปร์ ที่ส่งหนังสือไปต่อว่าต่อขานโดยตรงเลยทีเดียว ไม่เว้นแต่ประเทศไทย ที่ขอส่งจดหมายร้องเรียนไปยังประเทศพม่าด้วยเช่นกัน

          สำหรับกีฬาที่โดนผลกระทบกันอย่างถ้วนหน้า นั่นก็คือ กีฬาเทนนิส ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมที่พูดได้ว่าไม่มีซีเกมส์ครั้งไหนไม่จัดการแข่งเทนนิสเลยสักครั้ง ส่วนประเทศไทยนั้น ก็ออกปากกร้าวว่าจะขอแชมป์เทนนิสซีเกมส์ 2013 ให้ได้ แต่เจ้าภาพกลับบอกว่า ยังไม่พร้อมเรื่องสนามเทนนิส แถมยังไม่มีความรู้เทคนิคเกี่ยวกับกีฬาชนิดนี้ งานนี้ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ในฐานะนายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย ก็ถึงกับปรี๊ดแตก วิ่งวุ่นให้ทางพม่าทบทวนให้เอากีฬาเทนนิสมาบรรจุในการแข่งขันซีเกมส์ให้ได้

          ขณะที่ประเทศเวียดนามกลับเห็นด้วยในการใส่กีฬาพื้นบ้านเข้าไปซะอย่างนั้น โดยระบุว่า ในเมื่อเราจะเป็นประชาคมอาเซียน เหล่าสมาชิกอาเซียนก็ควรจะแข่งขันกีฬาพื้นบ้านเป็นหลักมากกว่า
 
          ส่วนกีฬาอาเซียนนั้น เจ้าภาพได้บรรจุดไว้ 8 ชนิด คือ เพาะกาย, เรือประเพณี, หมากรุกสากล, ปันจักสีลัต, โววีนั่ม, เปตอง, มวยไทย และโชรินจิ-เคมโป เอ้า! จะเข้าทางประเทศไหนบ้างก็คงต้องลุ้นกันต่อไป สำหรับกีฬาที่ชื่อไม่คุ้นหู อาทิ โววีนั่ม เป็นศิลปะการป้องกันตัวของประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นการผสมผสานกีฬาหลายชนิด ทั้งเทควันโด มวยไทย มวยจีน วูซู แม้แต่การรำกระบอง เป็นกีฬาที่สามารถใช้มือและศอกได้ เตะหน้าได้ แต่ต้องใส่นวม และห้ามเตะต่อยขา, กีฬา ปันจักสีลัต เป็นศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เท้าเปล่า เน้นลีลาสวยงามเพื่อให้ได้คะแนน และ โชรินจิ-เคมโป เรียกสั้น ๆ ว่า เคมโป  เป็นศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่งของญี่ปุ่น มีรากฐานจากมวยจีน เทควันโด ยูโด และคาราเต้ 

          ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่ากีฬาพื้นบ้านจะเน้นศิลปะการต่อสู้จำนวนมาก แน่นอนต้องส่งผลดีต่อประเทศเจ้าภาพที่จะมีโอกาสโกยเหรียญทองเข้าประเทศ นอกจากนี้ ประเทศที่ได้ประโยชน์อีกต่อหนึ่งก็คือ เวียดนาม และอินโดนีเซีย

          ส่วนประเทศไทยนั้น คงก็ต้องทำใจยอมรับ เพราะไทยนั้นเป็นตัวเต็งทั้งเทนนิส และยิมนาสติก แต่กลับไม่ได้ลงแข่งในศึกครั้งนี้ แถมยังต้องมาฟิตซ้อมแข่งกีฬาพื้นบ้านอีก... ศึกซีเกมส์ครั้งนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด ไม่ใช่ความเก่งของนักกีฬา แต่เป็นเรื่องกติกามากกว่า เพราะไม่รู้ว่าพม่าจะยึดกติกาสากล ให้เป็นกติกาพื้นบ้านหรือเปล่า...
 

 

 
 
 
 
 
 
******************************
 
 
 
 
 
 
Published on Dec 9, 2013

รักษาการนายกฯตอบคำถามที่ถามว่า "เคยถามผู้ชุมนุมบ้างไหมว่ามีเหตุผลอะไรมา­ไล่ตระกูลชินวัตรออกจากประเทศไทย"

 
 
 
 
 
 
 
 
    
 
 
   
 

 

เห็นทวิตเตอร์สิริโซค บอกว่า ปชป. มีมติลาออกทั้งพรรค  ผมก็ว่าดีครับ พรรคการเมืองพรรคนี้ไม่ได้ยืนอยู่บนเส้นทางประชาธิปไตย ก็ไม่ควรอยู่ในสภาอีกต่อไป

 

สมัยที่นายชวนเป็นรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น พรรคความหวังใหม่ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นั้นก็เคยลาออกทั้งพรรค โดยไม่มี สส.ฝ่ายค้านในสภา แต่รัฐบาลนายชวนก็ไม่ได้ยุบสภา และเป็นรัฐบาลต่อจนครบเทอม ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร

 

รัฐธรรมนูญปี 2550 การลาออกและบอยคอตเลือกตั้งจะไม่ทำให้รัฐสภาถึงทางตัน เพราะในกฎหมายเลือกตั้งนั้น แม้จะมีบทบัญญัติว่า หากเขตใดมี คนสมัคร สส.คนเดียวต้องได้คะแนน 20% ไม่อย่างนั้นต้องเลือกตั้งใหม่ในเขตนั้น และหาเลือกตั้งครั้งที่ 3 ก็มีคนเดียวให้ผู้สมัครคนั้นได้เป็น สส.เลย หรือเขตใดไม่มีผู้สมัคร ก็ให้ กกต.ประกาศรับสมัครใหม่ จนกว่าจะได้ตัว สส.

 

ดังนั้นในทางกฎหมาย จึงไม่มีทางตันกับการบอยคอตเลือกตั้งใน รธน.ปี 2550

 

ก็เป็นเรื่องที่พรรคเล็กๆ ก็จะได้เกิดต่อไปละครับ อาจมีความวุ่นวายจากการก่อกวนของ ปชป. ประขาขนก็ต้องอดทน

 

เพราะหากเราไม่ยึดถือกติกา บ้านเมืองก็ไม่มีทางออก เพราะหากฝ่ายอำมาตย์ได้อำนาจด้วยวิธีนี้ ล้มรัฐบาลได้ด้วยวิธีนี้คนอีกฝั่งก็ไม่ยอมแน่นอน และคนเหล่านี้เป็นเสียงส่วนใหญ่ ดังนั้น ประเทศไทยก็เกิดทางตันและเข้าสู่สงครามกลางเมืองแน่นอน

ดังนั้น นายกฯปูและรัฐบาลต้องไม่หวั่นไหวกับเกมกดดันนี้ ต้อง "สงบนิ่ง" ไม่อ่อนตาม ปล่อยให้เกมนี้มันด้วนไป หากทหารจะทำรัฐประหาร ประชาชนก็จะสู้ จนถึงที่สุด ดังนั้นการยืนหยัดต่อไปเรื่อยๆ ไม่สนใจแรงบีบ สถานการณ์มันก็ไม่มีอะไร

ก็แค่พรรคฝ่ายค้านพรรคใหญ่ลาออกหมดสภา แต่ระบบก็ยังมีพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ และไม่ถึงทางตัน

 

 

 


Pavin Chachavalpongpun


ไม่ต้องการชี้นำอะไรนะครับ แต่ผมได้กลิ่นตุๆ ว่า มันจะเกิดการนองเลือดเร็วๆ นี้...


พรรคประชาธิปัตย์ลาออกยกทีม กลไกประชาธิปไตยต้องสะดุด กติกาทางกฏหมายใช้ไม่ได้กับหัวหน้าม๊อบ... ที่สำคัญ พระราชดำรัสที่ให้สามัคคีก็หมดมนต์ขลัง...


 ...ตอนนี้การเมืองเป็นเกียร์ว่าง ใครเหยียบเครื่องก่อนถึงก่อน... ใครอยู่กรุงเทพฯ โปรดระวังตัวด้วยครับ ด้วยความปรารถนาดีจริงๆ 

 

 

 

พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ 

 

การที่สส.ปชป.ลาออกทั้งพรรค ตาม "สัญญาณ" ที่ได้รับมา ก็เพื่อบีบให้นายกฯยิ่งลักษณ์ยุบสภา แล้วก็บอยคอยเลือกตั้ง มุ่งสร้างสูญญากาศทางการเมืองให้จงได้ เมื่อไม่มีสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็จะเหลือแต่วุฒิสภา ซึ่งตามบทบัญญัติ รธน. จะถือว่า วุฒิสภาทั้งหมดเป็นรัฐสภา จนกว่าจะมีการเลือกตั้งสภาผู้แทนชุดใหม่ (แต่ก็จะไม่มีเลือกตั้ง)


แต่เมื่อปชป.ลาออก แถมบอยคอยเลือกตั้ง ปปช.เงื้อดาบฟันนายกฯยิ่งลักษณ์และครม.ทั้งคณะในคดีต่าง ๆ ที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีสภาผู้แทน ไม่มีรัฐบาล มีแต่วุฒิสภาทำหน้าที่รัฐสภา ก็กลายเป็นความชอบธรรมที่วุฒิสภาจะอ้าง ม.7 เสนอให้ตั้งนายกฯ "คนกลาง" และรัฐบาลใหม่ที่ไม่เป็นไปตามรธน.50 เอง


คราวนี้ พวกเผด็จการถึงกับลงทุน "ฉีก" รธน.50 ของตัวเอง แปรรูปเป็นเผด็จการเต็มรูป เพื่อขจัดตระกูลชินวัตร พรรคเพื่อไทย และจัดการกับคนเสื้อแดงทั่วประเทศ ในคราวเดียว โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านจากนานาประเทศที่สนับสนุนนายกฯยิ่งลักษณ์!!!


นายกฯยิ่งลักษณ์ต้องไม่ยุบสภา ไม่ลาออก เราจะไม่เป็นฝ่ายยุบสภา แล้วเปิดเงื่อนไขให้พวกเผด็จการใช้เป็นข้ออ้างอย่างเด็ดขาด! ถ้าพวกนั้นอยากได้เผด็จการเต็มรูป ก็ต้องให้พวกนั้นลงมือยุบเลิกทั้งสภาและครม. ด้วยตัวเองโดยใช้ ปปช. ตุลาการ หรือทหาร! อยากได้ก็ต้องทำเอง เราจะไม่ใส่พานให้!

 

 

 

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล



ถ้า ปชป เอง, กองทัพ และราชสำนัก ต้องการเสี่ยงเห็นสังคมไทยพุ่งสู่ทิศทางกลียุค ซึ่งจะนำความหายนะมาให้ทุกฝ่าย

 ก็เชิญเดินหน้าหรือสนับสนุนสิ่งที่ กปปส และบัดนี้ ปชป กำลังทำไปให้สุดเลย

แต่สิ่งที่พวกนี้ทำ เป็นความเพ้อฝัน หวังจะเปลี่ยนโครงสร้าง และดุลย์อำนาจอย่างพลิกคว่ำจากเดิมโดยทันที ซึ่งไม่มีทางทำสำเร็จ ...


พวกคุณต้องเลือกเอาว่าจะก้าวสู่เหวของความหายนะ หรือจะหาทางช่วยกันรั้ง ดึงการเมืองให้กลับสู่ทิศทางปกติ แล้วจะต่อสู้ ช่วงชิงที่มั่นการเมือง ก็ทำกันไปแบบปกติ

 

 

 

 

 

 

*******************************

 

 

ความคิดเห็น

วันที่: Thu May 09 15:02:24 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>