Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ลูกถูกหมาคนอื่นกัด

ArjanPong | 28-03-2557 | เปิดดู 2888 | ความคิดเห็น 0

 

 

                                               ลูกถูกหมา (คนอื่น)กัด

 

 

 

                                           

 

 

โดย พี่โจ  http://kodmaychawban.blogspot.com/



 
เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนเห็นคนเดินจูงสุนัขเกลื่อนไปหมด บางคนเอาสุนัขไปแปลงโฉมตัดขนเล็มขน บางคนจับมันแต่งตัวใส่กระโปรงนุ่งกางเกง ถึงกับมีร้านตัดชุดสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ แถมเวลาเจ้าของมีธุระต่างจังหวัดไม่ส่ามารถเอาสุดที่รัก(สุนัข) ไปด้วย ยังเอาสุดที่รัก(สุนัข) ไปเข้าโรงแรมสำหรับสุนัขได้ด้วย
 

แต่ก่อนหาคนอยากเรียนหมอรักษาสัตว์หรือสัตวแพทย์ลำบากเหลือเกินเดี๋ยวนี้สัตวแพทย์รายได้ดีมาก ต่างคนต่างแย่งกันเรียน เปิดคลีนิครักษาสัตว์เฉพาะสุนัขก็รวยไม่เลิกอยู่แล้ว ท่านผู้อ่านลองสังเกตดูว่า เดี๋ยวนี้โลกมันกลับตาละปัตร สายอาชีวะแต่ก่อนว่าด้วย แต่เดี๋ยวนี้จบสายอาชีวะสามารถทำเงินได้มากกว่าสายสามัญ ขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นบ้านที่คนจนเขากินกัน เดี๋ยวนี้ขึ้นภัตตาคาร ราคาแพง น้ำพริกกุ้งเสียบแต่ก่อนชาวบ้านกินกัน เศรษฐีต้องกินหูฉลาม เดี๋ยวนี้ น้ำพริกกุ้งเสียบชุดละ 60 บาท ดังนั้น หากท่านผู้อ่านคิดจะทำอะไร ลองนึกถึงเรื่องเก่า ๆ แล้วหยิบของเก่า ๆ สมัยโบราณมาทำขายดูซิ ดีไม่ดีอาจจะเป็นเศรษฐีในพริบตา
 

คุยนอกเรื่องไปเยอะแลย เรากลับมาเรื่องสุนัขของเราต่อนะครับ การเลี้ยงสุนัขบางคนเลี้ยงลูกสุนัขขนาดใหญ่ดูท่าทางน่ากลัว บางคนก็เลี้ยงสุนัขพันธุ์ล่าเนื้อ เอาดุ ๆ เข้าว่า ขโมยโจรได้ยินเสียงต้องถอยฉากก่อนว่างั้นเหอะ บางคนเลี้ยงขนาดกระเป๋า บางคนเลี้ยงขนาดรูปร่าง พันธุ์เห่ามั่งไม่เห่ามั้ง ทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่
 

วันดีคืนดี ถ้าเราเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ มันจะเข้ามาถ่ายในสนามหน้าบ้านเป็นประจำ ถ้าไม่เปิดประตูมันัก็ไม่มายุ่ง จนวันหนึ่งทนไม่ได้จึงปักป้ายว่า "ถ้าหมายเข้ามาขี้อีก หมาตาย" ปรากฎว่าน่าแปลกที่สุนัขบ้านเพื่อนบ้านมันฉลาดมาก มันอ่านป้ายรู้เรื่อง ตั้งแต่นั้นมามันไม่เคยเข้ามาถ่ายในสนามหน้าบ้านอีกเลย
 

ท่านผู้อ่าน เมื่อนึกถึงลูกอันเป็นดวงใจของเราจะตัวเล็ก ตัวใหญ่ขนาดไหน ก็ตามอาจจะเคยถูกหมาไล่งับมาบ้าง ไม่มากก็น้อย อย่างน้อยก็ถูกหมาเห่า เพียงแค่นั้นไม่เกิดปัญหามาให้เราคุยกันแน่ แต่ที่เรามาคุยกันวันนี้ เป็นกรณีที่หมามันกัด แต่ถ้าเป็นหมาของคนที่ไม่ค่อบชอบขี้หน้ากันอยู่ คงจะปรึกษาว่าทำอย่างไรที่จะเอามันเข้าคุกให้ได้ อย่าเพิ่งถึงขนาดนั้นเลย
 

ก่อนอื่นเรามาดูหลักกฎหมายกันก่อน เพราะเรื่องนี้มีกฎหมายอาญาและกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ในทางอาญา กฎหมายเขาบอกว่า " ผู้ใดควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้ายปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นเที่ยวไปโดยลำพังในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินครึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
 

เห็นไหม ยังไม่ต้องถึงไม่กัดใครเข้านะ เพียงแค่เดินไปคำรามแฮ่ ใส่คนโน้น คนนี้ เจ้าของก็นโดนแจ๊คพอต เข้าให้แล้ว คำว่าสัตว์ดุหรือสัตว์ร้าย หมายถึง สัตว์อะไรก็ได้ที่มันดุร้ายหรือมันร้าย รวมถึงหมาที่เห็นคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่เจ้าของแล้วกระโจนใส่ แต่ไม่หมายรวมถึงลูกเกเรของใครที่พอออกนอกบ้านแล้วชอบเที่ยวไปตีหัวหรือชกต่อยลูกคนอื่น เพราะเขาเป็นมนุษย์ไม่ใช่สัตว์
 

ในทางแพ่ง กฎหมายเขาบอกไว้ว่า "ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยง รับรักษาไว้แทนเจ้าของ จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหาย เพื่อความเสียหายอย่าง ใด ๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะได้พิสูจน์ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยง การักษาตามชนิด และวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้น ย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น
 

อนึ่ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้นโดยละเมิด หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่น อันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้น ๆ ก็ได้
 

ดังนั้น หากเกิดกรณีลูกของท่านถูกหมากัดคนอื่นกัด ก็คงจะต้องพูดคุยเจรจากันก่อน หากหัวหมอก็ไปแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีกับเจ้าของหมา แต่เนื่องจากเป็นความผิดลหุโทษ ตำรวจอาจเปรียบเทียบปรับได้ แต่หากท่านในฐานเป็นผู้เสียหายไม่ยอมให้เปรียบเทียบปรับ ตำรวจก็จะส่งเรื่องไปที่อัยการ แล้วอัยการก็จะไปยื่นฟ้องเจ้าของหมาที่ศาล
 

ส่วนในเรื่องการเรียกร้องค่าเสียหายหากตกลงกันได้เองก็จบกันไป แต่ขอแนะนำว่าน่าจะตกลงอะไรกันให้ทำบันทึกไว้ หากตกลงกันไม่ได้ก็ต้องไปยื่นฟ้องที่ศาลเรียกร้องค่าเสียหาย
 


แต่ก่อนจะดำเนินการตามกฎหมาย อย่าลืมล้างแผลให้ลูกด้วยสบู่ก่อนนะ แล้วพาไปหาหมอ จากนั้นก็ต้องคอยสังเกตพฤติกรรมหมาที่มากัดลูกเรา ว่ามีอาการโรคกลัวน้ำหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องรีบดำเนินการให้หมอจัดการฉีดยาแก้โรคกลัวน้ำเสียนะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                 แรมโบ้กร้าว"ปู"หลุดเก้าอี้ เเดงลุย!!

 

 

 

 

                        

      

      

 วันที่ 31 มี.ค. 57 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในคดีโครงการจำนำข้าว และหากส.ว.รับลูกถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่ง กลุ่มคนเสื้อแดงจะลุกขึ้นโต้ตอบทันที

โดยขณะนี้กำลังรับกลุ่มอาสาสมัคร ใช้ชื่อว่า กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) มีผู้เข้าร่วมประมาณ 1 พันคน และส่งไปฝึกแบบทหาร เรียนรู้การต่อสู้ เพื่อมาดูแลความปลอดภัยให้กับการชุมนุมของคนเสื้อแดง

จากนี้ทางแกนนำจะประกาศแผนดำเนินการในวันที่ 3 เม.ษ.นี้ คาดว่าการชุมนุมจะเริ่มวันที่ 5 เม.ษ. อาจเป็นที่กรุงเทพฯ และอาจปิดถนนสายหลัก ที่เชื่อมไปยังภาคอีสาน

 

  ยุทธศาสตร์...หลายกลยุทธ์
เท่าที่เห็นตอนนี้ยุทธศาสตร์...
**สู้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย**

มีการเดินหมาก...หลายกลยุทธ์
ถือว่าเป็นเรื่องที่...แนวร่วมต้องสนับสนุนและให้กำลังใจ

รัฐบาลและนายก...ใช้กลยุทธ์ช้าๆได้พร้าเล่มงาม
แกนนำ นปช.หมอเหวง ป้าธิดา สมชาย ไพบูลย์...ฯลฯ
ใช้กลยุทธ์...ตะโกนด่าหน้าค่าย ท้าทายยั่วยุ


แกนนำ นปช.
อย่างตู่ เต้นสมชาย ไพบูลย์ ฯลฯ...ใช้กลยุทธ์
ถลกหนังคนดี ตีโอบค่าย ร่ายคาถายั่วยุ...ปลุกเร้า


ส่วนแรมโบ้...ใช้กลุยุทธ์
เตรียมพร้อมล้อมอำมาตย์...การ์ดนับพัน เพื่อเตรียมประจัญบาน


นอกจากนี้...ยังมีกลยุทธ์อื่นๆอีกหลายวิธีการ
ที่เห็นๆก็คือ...มือกฎหมาย ฝ่ายประสัมพันธ์ ลั่นกลองรบ

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

กลัวซะที่ไหน .......

 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

 

!!! นายกรัฐมนตรี ควรใช้สิทธิ
ฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นจำเลย
ต่อศาลแพ่ง ฐานละเมิดสิทธิที่รวบรัด
และรีบเร่งและไม่ยอมขยายเวลาให้สิทธิ
นายกรัฐมนตรีนำพยานหลักฐาน
มาหักล้างข้อกล่าวหา ทั้งๆที่
ขยายเวลาเพียง 45 วัน


การกระทำของคณะกรรมการ ปปช.
ถือว่า เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของ
ผู้ถูกกล่าวหาตามบทบัญญัติแห่ง
รัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง
@@@

พ.ต.อ.อุดร ชาญนุวงศ์

 
 
 
 
 

“ ดิฉันเอง ก็ตั้งข้อสงสัย แต่ก็หวังว่า ป.ป.ช.คงมีคำตอบให้เรา ในเรื่องของกระบวนการความยุติธรรมต่าง ๆ ว่าได้ปฏิบัติกับเราเหมือนกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ หรือไม่ เพราะเราเห็นว่าหลาย ๆ คดีที่เราขอเร่งไป บางคดีก็เกือบจะขาดอายุความ หรือบางเรื่องขาดไปแล้ว และบางเรื่องใช้เวลานานเอกสารไม่ครบ ในขณะที่ของเราให้เวลาเพียง 15 วัน และการที่ตั้งข้อกล่าวหาก็เพียง 21 วัน และจะพยายามปฏิบัติตามกลไกกฎหมายที่มีอยู่ แต่จะได้รับความยุติธรรมตามสมควรที่จะได้รับเหมือนคนอื่นๆ คงทำให้มีความสบายใจมากขึ้น

 

กรณีคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ดิฉันถูกกล่าวหาโดยการยื่นคำร้องถอดถอนจากพรรคฝ่ายค้านส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งเป็นการกล่าวหาโดยตรงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งที่โดยกระบวนการปกติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรจะเป็นคนกลางในการพิจารณาคดีคำร้องถอดถอน

 

และเมื่อคดีนี้มีความพิเศษกว่าปกติ คือ การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กลับมาเป็นคู่กรณีเสียเองเช่นนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมิใช่คนกลางที่จะอำนวยความยุติธรรม ดังนั้น ในเบื้องต้นดิฉันขอตั้งข้อสังเกต ดังนี้

 

1. มาตรฐานของการปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้ไต่สวนคดีโดยเร็ว
และยึดหลักนิติธรรมนั้น ใช้กับบุคคลทุกกลุ่มในบรรดาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่อยู่ในระดับบริหารด้วยกันอย่างเท่าเทียม หรือมีเงื่อนไขที่จะใช้กับบุคคลหรือคณะบุคคลบางกลุ่มอย่างไม่เท่าเทียมกัน เท่านั้น ดังจะเห็นได้จากหลายเรื่อง เมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกกล่าวหา จะมีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนก่อน ซึ่งปัจจุบันแต่ละคดีไม่มีความคืบหน้า แต่ประการใด เช่น คดีสลายการชุมนุมที่ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เมื่อปี พ.ศ.2553หรือคดีทุจริตอื่น ในปี พ.ศ.2553 ก็ไม่ปรากฏว่า มีความคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วเหมือนคดีของดิฉัน

 

2. ตามบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาที่มีต่อดิฉัน ซึ่งใช้เวลาเพียง 21 วัน ในการจัดเตรียมข้อกล่าวซึ่ง
มีมากมายหลายประเด็นที่อ้างว่า มีการทุจริตและมีความเสียหาย ซึ่งหากคำนึงถึงความเป็นธรรมแล้ว จำเป็นที่ดิฉันจะได้ใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองเพื่อตรวจสอบว่า มีพยานหลักฐานใดที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้ในการกล่าวหา หรือมีข้อสงสัยที่ไม่ชัดเจน เพื่อดิฉันจะได้ชี้แจงได้ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เสียด้วยซ้ำ เรื่องนี้ ทำให้สรุปได้ชัดเจนว่า “การตรวจพยานหลักฐานในคดีนี้ ดิฉันไม่ได้รับการอำนวยความยุติธรรม” ตามสมควร

 

3. การขอเลื่อนคดีของดิฉัน มีความสมเหตุสมผลหรือไม่ และการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.
ไม่ให้ดิฉันเลื่อนคดีมีเหตุผลมากน้อยเพียงใด ในเรื่องนี้เมื่อตรวจสอบจากบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาว่า “โครงการรับจำนำข้าว” เกิดความเสียหาย โดยดิฉันรับรู้ รับทราบแล้วทำไมไม่ระงับ ยับยั้ง เพื่อยุติโครงการรับจำนำเสีย

 

เรื่องที่ดิฉันถูกกล่าวหานี้ มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพยานเอกสาร และพยานบุคคลจำนวนมากที่ดิฉันต้องรวบรวม บางรายการต้องสืบค้นจากหลายหน่วยงาน เพื่อหักล้างข้อกล่าวหา แต่หน่วยงานต่างๆมีระยะเวลาไม่เพียงพอ จึงแจ้งเหตุขัดข้องมาหลายหน่วยงาน ซึ่งดิฉัน ได้ให้ทนายความนำไปให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบถึงเหตุขัดข้อง เพื่อขอเลื่อนคดีสักระยะหนึ่ง ซึ่งจากที่ให้แล้ว 15 วัน และดิฉันขอขยายอีก 45 วันตามที่ได้ร้องขอไป

 

แต่คำขออำนวยความยุติธรรมดังกล่าว แม้สักวันเดียวยังไม่ได้รับ ทั้งๆที่ฝ่ายกรรมการ ป.ป.ช. ที่ถือเป็นคู่กรณีอ้างว่า ได้ใช้เวลาตรวจสอบเรื่องของดิฉันมาปีเศษแล้ว ทั้งๆ ที่คณะกรรมการ ปปช. ชุดใหญ่ มีมติภายใน 21 วันเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา แต่เมื่อดิฉันจะใช้เวลาตามสมควรบ้าง กลับถูกปฏิเสธความยุติธรรมจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ไต่สวน

 

ดิฉันเห็นว่า คดีนี้เมื่อตัวดิฉันมีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรี การถูกดำเนินคดีเป็นเรื่องที่สาธารณะชนทั่วไปควรต้องการรับรู้และถือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะที่จะรับรู้ทั้งฝ่ายดิฉัน และเหตุผลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเสมือนมิใช่คนกลางไต่สวนพิจารณาคดี หากแต่ถือเป็นคู่กรณีที่กล่าวหาดิฉันด้วยว่า ระหว่างการไต่สวนพิจารณาคดีของกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ไต่สวนกับดิฉันในฐานะผู้ถูกกล่าวหา มีการปฏิบัติต่อกันในการดำเนินคดีโดยถูกต้อง เที่ยงธรรมหรือไม่ มิใช่มีเจตนามากล่าวหาต่อกันว่าใครผิดใครถูก ซึ่งไม่ถูกต้อง และกรณีของดิฉันคงเป็นบทเรียนของการใช้อำนาจของแต่ละฝ่ายว่า เป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือไม่

 

แต่กรรมการ ป.ป.ช. กลับชี้แจงโดยกล่าวหาดิฉันว่า เป็นเพราะดิฉันไม่มารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเองซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก เพราะการรับทราบข้อกล่าวหา ดิฉันตรวจสอบจากบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรได้อยู่แล้ว

 

เอกสารหลายรายการที่นำไปใช้กล่าวอ้าง และพาดพิงดิฉันรวมถึงบทสัมภาษณ์ ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจของ นายวิชา มหาคุณ ที่อ้างว่าดิฉันต้องรับผิดนั้น ทำไมไม่ให้ดิฉันตรวจพยานหลักฐานก่อน เพื่อให้ดิฉันได้มีโอกาสชี้แจงให้ถูกต้องและตรงประเด็น แต่กลับอ้างว่า ไม่สามารถให้ดูเอกสารหลักฐานได้เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญกลัวจะเสียรูปคดีซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของดิฉันตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิคุ้มครอง ซึ่งดิฉันได้รับเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งแรก 49 แผ่น และในภายหลังเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาได้รับเอกสารเพิ่มเติมอีก 280 แผ่น ซึ่งนั่นหมายความว่า ดิฉันจะต้องแก้ข้อกล่าวหาหลังได้รับเอกสารทั้ง 280 แผ่นนั้นภายในเวลาเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น" Yingluck Shinawatra

 

 

 

 

 

Unofficial Translation

In consideration of the fact that the allegations made against me by both the opposition party and the NACC regarding the Rice Pledging Scheme, even though according to the Constitution the members of the NACC have the duty to act objectively when considering such a case, and given that the members of the NACC by implication (as a party which has made said allegations) can no longer act impartially while ruling on this case, I wish to submit the following observations:


1. As it is set forth in the Constitution, the stipulation that proceeding with investigations of this kind must be based on the rule of law and without any unnecessary delay applies to every group, including for those who hold the position of political executive, unless specified due to special circumstances. Thus when considering other cases in the past when past political executive have been accused, there has normally been the established of investigative sub-committees first before hearings. However progress has not been made in any of the cases made against the previous government: such as the case for causing causalities and injuries to citizens while dispersing protests in 2010, as well as other corruption cases that were filed against the government that same year.


2. According to the accusations that have been filed against me, which have only taken 21 days to prepare and file (including a substantial number of corruption allegations which require detailed evidence and supportive data), and given that it is a Constitutional right for those being accused to be treated fairly and given equal access to examine the evidence used against them, which in the end serves only to add credibility to the evidence used by prosecuting party or in this case the NACC; I have no alternative but to conclude that as far as the examination of evidence and witness in this case is concerned, I have not been treated equitably or received any justice.


3. On the charges of negligence of duty in the rice pledging scheme that I have been accused of, there are a large number of witnesses and documents that need to be collected from many different agencies. These documents and witnesses are vital for my defense of the case. However, the agencies that I need to acquire the documents could not produce and release the documents in time. Therefore, I asked my lawyers to liaise with the NACC to request for the postponement of the date in which I have to defend the case for another 45 days in addition to the 15 days that have been given.


But my request for the postponement was rejected by the NACC and not even one day extension was given, on the other hand the NACC claimed that it had over a year to examine the documents to press ahead with the charges against me. It seems to me like a denial of justice by the NACC.


As I am the Prime Minister, the public will need to be fully informed of all details of the legal case related to me. The public will also need to be informed of evidence and substance of both sides. The NACC, which is not the intermediary to the case, but the NACC and I are in fact the opposing parties in this case. Therefore, the case should proceed in a fair manner and according to due process, whereby each of the parties should refrain from accusing other parties of wrongdoing out of the boundaries of legal procedure. It would be a good example whether the stakeholders conduct their act in accordance to the rule of law and due process.

The NACC also suggested that by not attending the hearing of the legal charges in person, it is not possible for me to understand the details of the case. This is incorrect as I can examine the accusation through the written documents.


The documents that were used to file accusations against myself also included the interview by Mr. Vicha Mahakhun, given to the Than Sethakit newspaper, which mentioned that I have to take the responsibility in the rice pledging scheme. I should have been given access to necessary documents so that I can be able to present my side of the case more accurately. The NACC denied my request, suggesting that it is an important document and could affect the legal procedure. This should be seen as infringing my basic rights of a Thai citizen as stipulated in the constitution. The documents that I was initially given was only 49 pages long and last Thursday I was given additional 280 pages. This means that I will only have 3 days to examine the additional 280 pages before I must defend my case on Monday.

 

 

 

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 [​IMG]
[​IMG]

[​IMG]

    

[​IMG]

 

 

 

[​IMG]

 

 

 

 

     วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2557 เป็นวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4

 

 

                                             

 

 

 


  

 

 

 

 

 

           พระโพธิญาณมุนี (เมือง พลวฑฺโฒ) วัดป่ามัชฌิมวาส อยู่ที่ บ้านดงเมือง ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์

 

 

 

 

 

 

 

                     

 

 

 

 

 

 

 

             สมุนไพรรักษาโรคเกาต์ เพื่อล้างกรดยูริก

 

 
 
สมุนไพรรักษาโรคเกาต์ เพื่อล้างกรดยูริก หาง่าย ทำง่าย กินง่าย ไม่ต้องทรมานกับโรคเก๊าต์ ไม่ต้องเสียเงินซื้อยา
 
สูตร 1 ใบรางจืด 5 ใบ + ใบเตย 5 ใบ ต้มน้ำ 2 ลิตร ดื่มทุกวัน จะช่วยลดการเป็นเก๊าต์ – รูมาตอยด์ สูตรนี้ลดหินปูนได้ดีที่สุด
 
สูตร 2 ... มะละกอดิบ 1 ลูก เอาเมล็ดออก ไม่ต้องปลอกเปลือก ล้างให้สะอาด หั่นเป็นทอนๆ ต้มน้ำ 3 ลิตร ดื่มทุกวันอาการปวดลดลงจนหา
 
สูตร 3 ใบมะรุมสดๆ 3 ยอด ต้มน้ำ 2 ลิตร ดื่มทุกวัน ลดอาการเก๊าต์ได้
 
สูตร 4 ใบยอ 4 ใบ + มะตูมแห้ง 1 แว่นย่างไฟให้เหลือง นำมาต้มกับน้ำ 3 ขวด เคี่ยวให้เหลือ 2 ขวด ดื่มกินต่างน้ำทุกวันจนกว่าจะหาย
 
สูตร 5 น้ำมะกรูด ผสมน้ำผึ้งนิดหน่อย แล้วเอาน้ำอุ่นเติมใส่ไม่ต้องมาก หรือน้ำเย็น ผสมแล้วนำมาดื่ม ใช้เวลาประมาณเดือนครึ่ง ดื่มทุกวันช่วยบรรเทาอาการ

อาหารที่ช่วยลดอาการเก๊าต์
 
1.ใบมะรุมสด ลวกจิ้มน้ำพริก
2.ลูกเดือยต้มกับข้าวเจ้า แบบข้าวต้ม ทานบ่อย ๆ
3.ใบรางจืด + ใบเตย ต้มน้ำดื่มประจำ 4.ใบย่านางสดวันละ 10 ใบ (คั้นน้ำดื่ม) ดื่มบ่อย ๆ แต่ไม่ต้องทุกวัน

เครดิต ขอบคุณเรื่อง-ภาพ : โดย หมอปรียาภา แฟนเพจ (แพทย์แผนไทย)
 
 
 
 
 
 
                     

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เฮ้ยยยย! จ๊ากกก!

 

 

 

 

 

 ...ปริศนา “ล้มแบบไหน ?ไหถึงหัก” ! ...

ผมเอาหัวแม่เท้าก่ายหน้าผากนอนคิดมาสองวันแล้ว เรื่องเกี่ยวกับที่น้องมาร์คของผมล้มไหปลาร้าหัก เพราะปกติผมเป็นคนขี้สงสัย และค่อนข้างคิดมากเอาการอยู่แล้ว เรื่องเล็กเรื่องน้อยเป็นสงสัยไปหมด แล้วนี่ เป็นเรื่องของอดีตผู้นำฝ่ายค้าน มีประวัติบอยคอตการเลือกตั้งถึง 2 ครั้งเชียวนะ ..ทำไมจะไม่สงสัย หื๋มมมม์


ผมพยายามคิดแล้วคิดอีก เอ..ล้มยังไง อีท่าไหน ไหถึงหักได้หนอ ถึงขนาดลงทุนจำลองภาพ 3 มิติ มโนการล้มของน้องมาร์คดู เกือบทุกท่าก็แล้ว ..ไม่น่าไหหัก !

[Image: 1979532_573339759429802_397539081_n.jpg]

ปกติคนล้ม ส่วนใหญ่จะสะดุดล้มไปข้างหน้า และด้วยสัญชาตญาณแล้วขาหรือแขน จะเป็นผู้รับเคราะห์การล้มแทนร่างกายส่วนอื่น อาจแขน ขา หัวเข่าถลอกปอกเปิก หรือหักก็แล้วแต่ดวงซวยมากซวยน้อย ..ยังไงก็ไม่ถึงไห

ส่วนน้อยมาก ที่จะล้มแบบหงายตึงไปข้างหลัง ซึ่งนั่นต้องได้รับข่าวร้าย และตกใจอย่างสุดขีด ยกตัวอย่างเช่น พรเทพ ได้ข่าวว่าเพื่อนทรยศชื่อสุเทพแย่งเมียไปแล้ว แบบหน้าด้าน พรเทพ ตกใจสุดขีด..หงายหลังตึง !


การล้มของน้องมาร์ค ถึงขนาดไหหักเช่นนี้ ต้องเป็นการล้มที่รุนแรง และแปลกประหลาดที่สุดในโลก โดยที่ใบหน้า ปาก ซอกคอ หัว ไหล่ หลัง หน้าอกไม่ได้รับการกระทบกระเทือนใดๆ ..ไหหักอย่างเดียว


หากวิเคราะห์แล้ว ต้องเป็นสภาพการที่รุนแรงมาก ลักษณะไหของมาร์คต้องพุ่งตรงไปยังเบื้องหน้า ทำมุม ดิ่งไปหายังวัตถุส่วนใดส่วนหนึ่ง กระทบเข้ากับวัตถุนั้น อย่างไม่ทันระวังตัว..ไหถึงหัก


แต่อะไรเล่า ที่เป็นสาเหตุให้ไหของน้องมาร์ค พุ่งดิ่งไปเบื้องหน้า อย่างปราศจากการบังคับ ซึ่งจะต้องมีการกระทบอย่างรุนแรงมหาศาล..จนไหหัก
และที่สำคัญสุดยอด สิ่งนั้นจะต้องอยู่เบื้องหลังน้องมาร์คอย่างแน่นอน เพราะไหปลาร้าของมนุษย์อยู่เบื้องหน้า มาร์คคงต้องกำลังก้มหน้า แล้วถูกดันกระแทกอย่างรุนแรง จึงพุ่งไปข้างหน้า กระทบกับวัตถุใดๆ..ไหจึงหัก


นี่คือปริศนาที่เราท่านยังคงหาคำตอบไม่ได้ ว่าทำไมน้องมาร์คของผม จึงล้มไหหัก โดยที่ร่างกายส่วนอื่นๆไม่ได้รับอันตรายใด มาร์คกำลังก้มทำอะไร อะไรคือแรงส่งให้มาร์คพุ่งไปข้างหน้า..ผมยังคิดไม่ออก !!!
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 [​IMG]
 

 

 

[​IMG]

 

พี่ สาวคนนี้ละคะ "ผู้ยิงฟรีคิก" วันนั้นที่หน้า ปปช" โดยให้เหตุผลว่า.. มาด่าตนเสียหาย เช่น ดอกทอง และคำหยาบอีกมากมาย ปาขวดน้ำใส่หัวและนำไม้ตะพดไล่ตี "ผิดวินัยสงฆ์" ตนเลยตัดสินใจถวาย "ซ้งติง" ทำบุญ ! 5555

 
 

 

 

 

 

[​IMG]
 

 

 

 

10:01 น. เคลื่อนแล้ว!! กปปส. จากสวนลุมฯ

[​IMG]


[​IMG]

นักข่าวอิสระเพื่อประชาธิปไตย

สรุปยอดผู้ชุมนุม กปปส. 29 มี.ค.57 เวลา 10.00 รวม 21,740 คน

1.กปปส.ผ่านฟ้า(กปท.) ยอด 400 คน
2.กปปส.สะพานชมัยฯ(คปท.) ยอด 1,200 คน
3.กปปส.มท.(นปป.) เฝ้า พท.40 คน
4.กปปส.แจ้งวัฒนะ เฝ้า พท.50 คน
5.แยกสวมลุมฯ ยอด 20,000 คน
6.กปท.ที่กรมพลังงานทดแทนฯ ยอด 50 คน


มวลชน กปปส.จุดอื่นๆรวม 2,440 คน
-อนุสาวรีย์ ปชต.ยอด 40 คน
-ลานพระบรมรูป ร.5 ยอด 1,000 คน
-ขบวนแจ้งวัฒนะหน้า ป.ป.ช.ยอด 1,000 คน
-ขบวน กปปส.มท.(นปป.) ยอด 400 คน
กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มอื่นๆรวม 30 คน
-เครือข่ายชาวนาไทย 77 จว.ภายใน พณ.ยอด 30 คน
* ยอดรวมทั้งสิ้น 26,650 คน *

 

 [​IMG]
 

 

 

 [​IMG]

 

 

 

 

 

                 จุดจบ..MH370? ปล้นสะท้านโลก

 

 

 

ถ้าเป็นแบบนี้จริง...สุดโหด
สงสารผู้โดยสารมากๆ

ปฏิบัติการอุ้ม 236 ชีวิต MH370
จากข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานชัดเจนตามที่ปรากฏเป็นข่าว

1. Transponder และ ACARS ตั้งใจปิดจากใครบางคน ในห้องนักบิน เพื่อไม่ให้จับตำแหน่งของ MH 370 ตอนประมาณ 1721 z (หลัง takeoff 40 นาที)

2. เครื่องเปลี่ยนทิศบินมาทางตะวันตก

3. มีการไต่ระดับขึ้นสู่ความสูง 45,000ฟุตซึ่งเกิน Limitation ของ B777 หลังจากนั้นได้ลดระดับมาที่ 23,000 ฟุต

4. เครื่องไม่ตกกระแทก เพราะ ELT ไม่ส่งสัญญาณฉุกเฉิน

5. เครื่องไม่ตกน้ำ (ในช่วงแรก) เพราะ Black box ไม่ส่งสัญญาณฉุกเฉิน

6. ดาวเทียม 1 ดวง รับรู้สัญญาณจาก MH370 เวลาประมาณ 0011z หลังจากเหตุในข้อ 1 แล้ว เกือบ 7 ชั่วโมง

7. มีผู้โดยสาร 2 คนใช้ passport ปลอม
เรื่องเริ่มจากชาวอิหร่าน 2 นายที่ใช้ passport ปลอมถูกอุ้มโดยมือพระกาฬจากหน่วยงานลับของอเมริกัน ปลอมตัวเดินทางมากับ MH370 ซึ่งต้องการของบางอย่าง จากใครบางคนบนเครื่องนี้ ที่อันตรายต่อสหรัฐเป็นอย่างยิ่ง

8.ลูกเรือคนหนึ่ง อยู่ในทีมนี้ด้วย ทำให้สามารถ Hijack เครื่องได้โดยง่าย หลัง Takeoff มาสัก 40 นาที นักบินมาเลย์ ทั้งสองถูกทำให้สลบในพริบตาจากมือพระกาฬที่เชี่ยวชาญด้านจารกรรม ทั้งอาวุธและมือเปล่า

9.Transponder ถูกปิดลง ตามมาด้วย ACARS โดย hijacker มือพระกาฬ ซึ่ง ATC มาเลย์ทวงถามว่า ตอนนี้รับตำแหน่งไม่ได้แล้ว เครื่องมีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่ง Hijacker ตอบกลับว่า อยู่ในการควบคุมของเวียดนามแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง " All right Good night" เป็นข้อความสุดท้ายที่ส่งมาจากมือพระกาฬ หนึ่งในสองคน นี้ MH370 ถูกบังคับเลี้ยวด้วย hi bank angle มาทาง ทิศตะวันตก ไต่ขึ้น 45,000 ฟุต เพื่อหลบการชนกันกับเครื่องอื่นๆ ที่มีมากมายในบริเวณนี้ นอกจากนั้นทำให้ระบบ pressurization เกิด CABIN ALTITUDE warning ซึ่งผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดต้องนั่งกับที่ใส่หน้ากากอ๊อกซิเจน ไฟฟ้าในห้องโดยสาร ติดสว่างอย่างอัตโนมัติจากนั้น Hijacker ตัดระบบอ๊อกซิเจนของผู้โดยสารออก แล้วบังคับ outflow valve แบบ manual ให้ fully OPEN ปล่อยให้ cabin altitude ขึ้นไป 45,000 ฟุต ทำให้ผู้โดยสารทั้งหมดเสียชีวิตภายในไม่กี่วินาทียกเว้น ทีมพระกาฬ 3 คน ควบคุมเครื่องบินได้อย่างอิสระ จากนั้น ลดระดับลงมาที่ 23,000ฟุต เดินทางต่อมาอีก 4 ชั่วโมง เหนือมหาสมุทรที่ radar จับไม่ได้ จนถึงเกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรอินเดีย

10.กองกำลังลับ อีกจำนวนหนึ่งรอรับอยู่ ณ เกาะแห่งนี้ เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ทีมช่างที่เตรียมไว้ ได้ถอด ทั้ง ELT , Flight recorder และ voice recorder ออกทั้งหมด ต่อจากนั้นเครื่องบินถูกติดเครื่องอีกครั้งหนึ่ง ใช้นักบินคนเดียวที่ใส่ชุดเตรียมพร้อมเพื่อจมเครื่องลำนี้ใต้มหาสมุทรลึก เป็นการอุ้มที่สมบูรณ์แบบ สะท้านโลกยุค 2014
ปฏิบัติการสมบูรณ์แบบตามแผน เครื่องถูก takeoff จากเกาะแห่งนั้น แล้วบินต่ออีกประมาณ 2 ชั่งโมง จนน้ำมันหมด ไม่มีล่องลอยจากน้ำมันที่กระจายตัวให้เห็น เมื่อเครื่องและผู้โดยสารอีก 236 คน ถูกจมลงใต้มหาสมุทรลึก
..
11.แต่วินาทีสุดท้ายที่ไฟฟ้าดับลง เข้าสู่ระบบ แบตเตอรี่สำรอง ปรากฏว่า GPS ของเครื่องกลับมาทำงาน ping สัญญาณ กับดาวเทียมดวงหนึ่ง (อย่างไม่ตั้งใจ) ทำให้รู้ว่าเครื่องบินทั้งลำถูกอุ้ม และหายไปหลังออกเดินทางจาก กัวลาลัมเปอร์ แล้ว 7 ชั่งโมง หลังเหตุการณ์นี้คอยดูว่าใครจะเป็นแบ๊ะ แบ๊ะ แบ๊......

การวิเคราะห์จากเสธคนนึ่ง...ขอบคุุณมากมายค่ะ.

 

 


[​IMG]

 

 

 

 

 

 

 

 

                    

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

          

                      โรงพยาบาลธรรมชาติ

 

 

 

                                  

 

 

 

 

 


 

๑. ไขมันในเลือดสูง แทนที่จะหายามากินให้ปวดหัว ตับพัง ก็หากระเทียมสดมากินสักวันละ 10 กลีบกับกินหอมหัวใหญ่สดวันละครึ่งหัว

 

๒. ปวดหัว ให้หาผักคะน้าหรือปวยเล้ง (แมกนีเซียม) กินวันละ ๕ ขีด และกินปลาทูอีกวันละ ๒ ตัว (น้ำมันปลาลดการอักเสบได้) ... หรือจะชงโกโก้กินหน่อยก็ช่วยได้ค่ะ

 

๓. เป็นหวัด ไอ จามบ่อย ให้หมั่นแปรงลิ้นและกิน กระเทียม หอม พริกให้มากเข้าไว้

 

๔. ภูมิแพ้ แค่กินฝรั่งวันละ ๕ ชิ้นกับเมล็ดฟักทองวันละ ๑ กำมือ (สังกะสี)

 

๕. แพ้ฝุ่นละออง ไรฝุ่น หาโยเกิร์ตแบบรสธรรมชาติและนมเปรี้ยวไม่หวานจัดมากิน

 

๖. โรคหืดหอบ ไอเรื้อรัง กินต้มยำไก่, กินหัวหอมใหญ่ หอมแดงต้นหอม และเอาหอมซุก ไว้ใต้หมอน

 

๗. ไขข้ออักเสบ หาปลาเนื้อมันกินวันละ ๒ ขีด เช่นปลาทู, ปลาสวาย, ปลาแซลม่อน, ปลาซาร์ดีน, ปลาทูน่าหรือแม้แต่ปลากระป๋อง

 

๘. กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อยให้กินน้ำกระเจี๊ยบไม่หวานจัดวันละ ๓ มื้อ หรือน้ำแครนเบอรี่ ของฝรั่งในปริมาณเท่ากัน ( เปรี้ยวจัดมาก)

 

๙. ท้องอืด แก๊สมาก ให้กินกล้วยหักมุกปิ้งหรือขิงบ่อย ๆ

 

๑๐. ท้องผูก ชงน้ำผึ้งดื่มวันละ ๓ ช้อนโต๊ะ และให้กินน้ำมะขามต้มติด เนื้อมาก เช้า เย็น

 

๑๑. โรคกระเพาะอาหาร หากล้วยหักมุกปิ้งกิน, กินกล้วยหรือ กินผักกระหล่ำปลีให้มาก

 

๑๒. เวียนหัว คลื่นไส้ง่าย ให้หาอาหารทำจากขิงรับประทาน เช่น ปลาผัดขิง ไก่ผัดขิง, น้ำขิง, ชาขิงหรือเต้าฮวย

 

๑๓. วัยทอง วูบวาบ อารมณ์ปรวน ให้กินปลาทูน่าให้มาก และ กินเต้าหู้เหลืองวันละ ๑ แผ่น ถ้ากินเต้าหู้แล้วเบื่อให้สลับกับถั่วลิสง วันละ ๑ กำมือก็ได้

 

๑๔. หงุดหงิดง่าย ให้กินอาหารร่าเริง คือ ข้าวเหนียวดำ ข้าวโพด กลอย กล้วยหอมและปลาทูน่า

 

๑๕. กระดูกพรุน ให้กินงาดำวันละ ๔ ช้อนโต๊ะ (ได้แคลเซียมมาก) มะม่วงจิ้มกะปิ และ สับปะรด ซึ่งมีธาตุสมานกระดูดอยู่มาก( แมงกานีส)

 

๑๖. ความจำไม่ดี ให้กินปลาทูวันละ ๒ ขีด หอยแครง และหอยนางรม ซึ่งมีธาตุสังกะสีช่วยสมองได้

 

๑๗. มะเร็งเต้านม ให้กินบร็อคโคลีหรือคะน้าวันละ ๕ ขีด

 

๑๘. มะเร็งปอดทางเดินหายใจ ให้กินเสาวรส ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะขามป้อม มะละกอ มะม่วง ให้มาก เพราะวิตามินซีช่วยสมานหลอดเลือดใน ปอดได้ดี แต่ต้องระวังวิตามินเอโดยเฉพาะผู่ที่ยังสูบบุหรี่อยู่

 

๑๙. ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน กินแอปเปิ้ลเขียววันละ ๑-๒ ผล หรือน้ำแอปเปิ้ลเขียวปั่นทั้งกาก จะเป็นการล้างพิษในตัวด้วย

 

๒๐. เจ็บอก โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ กินปลาทะเล น้ำมันมะกอก เอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน ผลอโวคาโดเพราะเหล่านี้มีไขมันดีไปช่วยขับ ตะกรันน้ำมัน เก่าออกถ้าชอบดื่มชาให้หาชาเขียวสดมาชงดื่มเองวันละถ้ว

 

๒๑. ความดันสูง ต้องตัดบุหรี่และอาหารเค็ม ลองหาข้าวโอ๊ตไม่ขัดสี มากินและผักขึ้นฉ่ายสดหรือปั่นก็ได้ จะช่วยคุมความดันให้ดีขึ้น

 

๒๒. เบาหวานถามหา ให้เลี่ยงแป้งกับน้ำตาล และ กินผักเขียวจัด อย่างคะน้า บร็อคโคลี ผักโขมให้มาก ถ้าอยากหวานให้กินส้มโอ และฝรั่งเพราะ มีน้ำตาลอยู่น้อยมาก โรงพยาบาลธรรมชาติ หัวจรดเท้ารักษาเองได้ก่อนไปหาหมอ "ขอให้ทุกๆคนมีีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงๆน่ะครับ"

 

 

 

 

 

 

 

 [​IMG]
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  1. นายกฯ ตัดพ้อ ป.ป.ช.ไม่ยืดเวลาแจงจำนำข้าว ถามกลับ หากเห็นว่าผิดทำไมไม่สั่งระงับโครงการ ??

    วันนี้ (28 มี.ค. 57) ในเพจเฟซบุ๊ก @Yingluck Shinawatra ซึ่งเป็นของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อความแสดงความเห็น ถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เรียกตัวนายรัฐมนตรีไปชี้แจงเกี่ยวกับการทุจริตจำนำข้าวในวันที่ 31 มี.ค. นี้ โดยระบุว่า

    [​IMG]
  2.  

กราบเรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพ

กรณีคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ดิฉันถูกกล่าวหาโดยการยื่นคำร้องถอดถอนจากพรรคฝ่ายค้านส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งเป็นการกล่าวหาโดยตรงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งที่โดยกระบวนการปกติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรจะเป็นคนกลางในการพิจารณาคดีคำร้องถอดถอน

และเมื่อคดีนี้มีความพิเศษกว่าปกติ คือ การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กลับมาเป็นคู่กรณีเสียเองเช่นนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมิใช่คนกลางที่จะอำนวยความยุติธรรม ดังนั้น ในเบื้องต้นดิฉันขอตั้งข้อสังเกต ดังนี้

1. มาตรฐานของการปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้ไต่สวนคดีโดยเร็ว
และยึดหลักนิติธรรมนั้น ใช้กับบุคคลทุกกลุ่มในบรรดาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่อยู่ในระดับบริหาร ด้วยกันอย่างเท่าเทียม หรือมีเงื่อนไขที่จะใช้กับบุคคลหรือคณะบุคคลบางกลุ่มอย่างไม่เท่าเทียมกัน เท่านั้น ดังจะเห็นได้จากหลายเรื่อง เมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกกล่าวหา จะมีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนก่อน ซึ่งปัจจุบันแต่ละคดีไม่มีความคืบหน้า แต่ประการใด เช่น คดีสลายการชุมนุมที่ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เมื่อปี พ.ศ.2553 หรือคดีทุจริตอื่น ในปี พ.ศ.2553 ก็ไม่ปรากฏว่า มีความคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วเหมือนคดีของดิฉัน

2. ตามบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาที่มีต่อดิฉัน ซึ่งใช้เวลาเพียง 21 วัน ในการจัดเตรียมเอกสารแจงข้อกล่าวหาซึ่งมีมากมายหลายประเด็นที่อ้างว่า มีการทุจริตและมีความเสียหาย ซึ่งหากคำนึงถึงความเป็นธรรมแล้ว จำเป็นที่ดิฉันจะได้ใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองเพื่อตรวจสอบว่า มีพยานหลักฐานใดที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้ในการกล่าวหา หรือมีข้อสงสัยที่ไม่ชัดเจน เพื่อดิฉันจะได้ชี้แจงได้ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เสียด้วยซ้ำ เรื่องนี้ ทำให้สรุปได้ชัดเจนว่า “การตรวจพยานหลักฐานในคดีนี้ ดิฉันไม่ได้รับการอำนวยความยุติธรรม” ตามสมควร


3. การขอเลื่อนคดีของดิฉัน มีความสมเหตุสมผลหรือไม่
และการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ให้ดิฉันเลื่อนคดีมีเหตุผลมากน้อยเพียงใด ในเรื่องนี้เมื่อตรวจสอบจากบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาว่า “โครงการรับจำนำข้าว” เกิดความเสียหาย โดยดิฉันรับรู้ รับทราบแล้วทำไมไม่ระงับ ยับยั้ง เพื่อยุติโครงการรับจำนำเสีย

เรื่องที่ดิฉันถูกกล่าวหานี้ มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพยานเอกสาร และพยานบุคคลจำนวนมากที่ดิฉันต้องรวบรวม บางรายการต้องสืบค้นจากหลายหน่วยงาน เพื่อหักล้างข้อกล่าวหา แต่หน่วยงานต่างๆมีระยะเวลาไม่เพียงพอ จึงแจ้งเหตุขัดข้องมาหลายหน่วยงาน ซึ่งดิฉัน ได้ให้ทนายความนำไปให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบถึงเหตุขัดข้อง เพื่อขอเลื่อนคดีสักระยะหนึ่ง ซึ่งจากที่ให้แล้ว 15 วัน และดิฉันขอขยายอีก 45 วันตามที่ได้ร้องขอไป

แต่คำขออำนวยความยุติธรรมดังกล่าว แม้สักวันเดียวยังไม่ได้รับ ทั้งๆที่ฝ่ายกรรมการ ป.ป.ช. ที่ถือเป็นคู่กรณีอ้างว่า ได้ใช้เวลาตรวจสอบเรื่องของดิฉันมาปีเศษแล้ว ทั้งๆ ที่คณะกรรมการ ปปช. ชุดใหญ่ มีมติภายใน 21 วันเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา แต่เมื่อดิฉันจะใช้เวลาตามสมควรบ้าง กลับถูกปฏิเสธความยุติธรรมจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ไต่สวน

ดิฉันเห็นว่า คดีนี้เมื่อตัวดิฉันมีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรี การถูกดำเนินคดีเป็นเรื่องที่สาธารณะชนทั่วไปควรต้องการรับรู้และถือเป็น ประโยชน์ต่อสาธารณะที่จะรับรู้ทั้งฝ่ายดิฉัน และเหตุผลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเสมือนมิใช่คนกลางไต่สวนพิจารณาคดี หากแต่ถือเป็นคู่กรณีที่กล่าวหาดิฉันด้วย

ว่า ระหว่างการไต่สวนพิจารณาคดีของกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ไต่สวนกับดิฉันในฐานะผู้ถูกกล่าวหา มีการปฏิบัติต่อกันในการดำเนินคดีโดยถูกต้อง เที่ยงธรรมหรือไม่ มิใช่มีเจตนามากล่าวหาต่อกันว่าใครผิดใครถูก ซึ่งไม่ถูกต้อง และกรณีของดิฉันคงเป็นบทเรียนของการใช้อำนาจของแต่ละฝ่ายว่า เป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือไม่

แต่กรรมการ ป.ป.ช. กลับชี้แจงโดยกล่าวหาดิฉันว่า เป็นเพราะดิฉันไม่มารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเองซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ยาก เพราะการรับทราบข้อกล่าวหา ดิฉันตรวจสอบจากบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรได้อยู่แล้ว

เอกสารหลายรายการที่นำไปใช้กล่าวอ้าง และพาดพิงดิฉันรวมถึงบทสัมภาษณ์ ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจของ นายวิชา มหาคุณ ที่อ้างว่าดิฉันต้องรับผิดนั้น ทำไมไม่ให้ดิฉันตรวจพยานหลักฐานก่อน เพื่อให้ดิฉันได้มีโอกาสชี้แจงให้ถูกต้องและตรงประเด็น แต่กลับอ้างว่า ไม่สามารถให้ดูเอกสารหลักฐานได้เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญกลัวจะเสียรูปคดี

ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของ ดิฉันตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิคุ้มครอง ซึ่งดิฉันได้รับเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งแรก 49 แผ่น และในภายหลังเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาได้รับเอกสารเพิ่มเติมอีก 280 แผ่น ซึ่งนั่นหมายความว่า ดิฉันจะต้องแก้ข้อกล่าวหาหลังได้รับเอกสารทั้ง 280 แผ่นนั้นภายในเวลาเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น...............

 

 

 

 

" ปปช ก็ขึ้นชื่อได้ว่าเลือกปฏิบัติ เพราะคดีระบายข้าวของรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์เกิดก่อนนานมาก จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการบังคับคดีทำอะไรเลย ส่วนความผิดของอีกฝ่ายรีบทำอย่างเร็ว ซึ่งสิ่งนี้มันจะเป็นข้อครหาต่อไป เพราะท่านเป็นคนที่ต้องสะสางคนผิด ซึ่งไม่ว่าบุคคลหรือกลุ่มคนนั้นจะเป็นใคร กฎก็ต้องเป็นกฏ เเต่ท่านเลือกที่จะใช้กฏอย่างเร่งด่วนกับเเค่คนบางกลุ่ม เเถมบางทียังพูดใส่อารมณ์ยังกะเป็นคู่ความซะเอง ซึ่งไม่ใช่จรรยาบรรณที่ดีขององค์กรด้านการตรวจสอบระดับชาติ เมื่อประชาชนรู้สึกว่ามันเป็นสองมาตรฐาน ความเป็นเอกภาพก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เเล้วมันก็จะระอุเป็นเชื้อไฟต่อไป..........."

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 [​IMG]
 
 
 
 
 
 
 

 

 

 

 

 

 

 

[​IMG]

 

 

 

 

 

ความคิดเห็น

วันที่: Thu Mar 28 22:24:00 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>