Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

วิธีการป้องกันแก้ไขการถูกข่มขืน

ArjanPong | 01-04-2557 | เปิดดู 2943 | ความคิดเห็น 0

 

                             การป้องกันตนเองจากการตกเป็นเหยื่อในคดี "ข่มขืน"

 

 

   

                                          


 

พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ วปอ.51

ในสภาพสังคมปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในยุคโลกาภิวัฒน์ ทำให้สังคมไทย ที่ส่วนใหญ่เคยเป็นสังคมชนบท ต้องกลายมาเป็นสังคมเมือง การเอื้อเฟื้ อ ช่วยเหลือ อาทร ภายในชุมชนสังคมมีน้อยลงในขณะที่ชุมชน สังคมมีค่านิยมทางวัตถุเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่ความเสื่อมของศีลธรรมมากขึ้นไปด้วยปัญหาของผู้หญิงหรือแม้กระทั่งเด็ก ถูกล่วงละเมิดทางเพศในสังคมไทย เป็นปัญหาที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะเป็นเพราะก้าวหน้าของการสื่อสารติดต่อกันด้วยระบบอินเตอร์เน็ต มีการเล่นเกมส์บนอินเตอร์เน็ตคล้ายของจริง ทำให้ภาพลามกปรากฏ เผยแพร่ได้ง่าย ทั้งในรูปของอินเตอร์เน็ตและแผ่นซีดี ซึ่งมีขายไปทั่วทุกตลาดหรือการนำภาพโป๊ ที่แอบถ่ายเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ตเผยแพร่สู่สาธารณชนทำได้ง่ายขึ้น เช่น เมื่อเดือนกันยายน 2551 นักร้องสาวโฟร์และมดถูกแอบถ่ายคลิปวิดีโอขณะเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น

 

แล้วถูกนำเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ตทำให้เด็กและเยาวชนถูกมอมเมา และเป็นตัวเร่งให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศทั้งในแง่ของผู้ถูกกระทำและผู้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศที่พบมากและเป็นภัยสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้หญิงทั่วไปมากที่สุดก็คือการข่มขืนกระทำชำเรา แต่เดิมนั้น ความผิดฐาน ข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญานั้นหมายความถึง การที่ชายได้ใช้อวัยวะเพศของตน ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของฝ่ายหญิงโดยที่ฝ่ายหญิง(ที่ไม่ใช่ภรรยาของตน) ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือสำคัญผิดว่าชายนั้นเป็นบุคคลอื่น (แต่เติมผู้ชายข่มขืนกระทำชำเราภรรยาของตนได้โดยไม่ผิดกฎหมาย)

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2550 ได้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 275 ซึ่งเป็นความผิด ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ให้กว้างขวางกว่าเดิม การข่มขืนกระทำชำเราตามความผิดที่แก้ไขใหม่นี้หมายถึงการกระทำของหญิงหรือชายก็ได้ ที่ได้ทำต่อเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน โดยฝ่ายที่ถูกกระทำไม่สามารถขัดขืนได้หรือเข้าใจผิดว่าเป็นคนอื่น เพื่อเป็นการสนองความใคร่ของผู้กระทำโดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำ กระทำกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่นแต่ในบทความนี้ จะจำกัดการเสนอการป้องกันตนเองของผู้หญิง จากการถูกชายข่มขืนกระทำชำเรา ด้วยการใช้อวัยวะเพศ ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของหญิงผู้ถูกกระทำ ซึ่งเป็นปัญหาของการล่วงละเมิดทางเพศ ที่พบมากที่สุด ในสังคมไทย โดยตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือน กันยายน 2551ทั่วทั้งประเทศไทย มีผู้หญิงที่ถูกข่มขืนกระทำชำเรามาแจ้งความกับตำรวจ เป็นจำนวนถึง 3,575 คน



ผลการวิจัย และทฤษฎีการเกิดอาชญากรรม

จากผลการวิจัยและผลงานทางวิชาการทางด้านอาชญาวิทยา ที่ได้ศึกษาความผิดเกี่ยวกับข่มขืนการกระทำชำเรานั้น จะเกิดขึ้นได้ ก็โดยใช้หลักทฤษฎีการเกิดอาชญากรรมตามสถานการณ์ มาเป็นแนวทางในการศึกษา จะทำให้สามารถวิเคราะห์สาเหตุการเกิด และนำไปสู่การหาทางป้องกันแก้ไข ไม่ให้เกิดการกระทำความผิดได้อย่างเป็นหลักทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีอาชญากรรมตามสถานการณ์ (SITUATION THEORY) นั้น มีหลักการว่า การจะเกิดอาชญากรรมได้ จะต้องมีองค์ประกอบสามประการ คือ เหยื่อ (ผู้ถูกกระทำ) คนร้าย และ โอกาส ที่มีความเหมาะสม ถูกตามเวลา หากปัจจัยของ เหยื่อ คนร้าย และโอกาส ไม่มีความเหมาะสมกันทางด้าน ศักยภาพ และเวลาแล้ว การกระทำผิดหรืออาชญากรรมก็จะไม่เกิดขึ้นในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรานั้น ได้มีผลการวิจัยผู้หญิง ที่มีโอกาสจะเป็นเหยื่อในการถูกข่มขืนกระทำชำเราไว้ว่า มีลักษณะอย่างไร โดยส่วนมากทั้งการวิจัยในประเทศไทย และการวิจัยในต่างประเทศ มักจะใช้แบบสัมภาษณ์ผู้ต้องขังในเรือนจำ ที่ถูกตัดสินให้จำคุกในความผิดฐานข่มขืน และมักจะสอบถามควบคู่ไปกับ โอกาส หรือเวลาที่เหมาะในการกระทำการข่มขืนกระทำชำเรา

 

โดยสถาบันวิจัยสังคม แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ได้วิจัยค้นพบว่า การที่ผู้หญิงแต่งกายยั่วยุอารมณ์ทางเพศ อยู่ในที่เปลี่ยว มีโอกาสถูกข่มขืนถึง 70% ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยสำรวจของ Robert R Hazelwood แห่งสถาบันฝึกอบรมแห่ง FBI สหรัฐอเมริกา ได้ทำร่วมกับ Janet Warren แห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียร์ ตีพิมพ์ในหนังสือ DEVIANT AND CRIMINAL SEXUALITY ตีพิมพ์เมื่อปี 1993 ได้ผลการวิจัยสำรวจว่าสถานที่ และอายุ ของเหยื่อ มีผลต่อโอกาสการที่คนร้ายจะเลือกข่มขืนกระทำชำเราถึง 55%



ประเภทของคนร้ายที่กระทำการข่มขืนกระทำชำเรา

จากการแยกแยะลักษณะของคนร้ายที่เป็นชาย ได้ข่มขืนกระทำชำเราหญิงที่เป็นเหยื่อทางเพศ สามารถแบ่งได้ตามแรงจูงใจและลักษณะการทำผิดในการข่มขืนกระทำชำเราได้ดังนี้

1 ) ทำผิดหลังหรือก่อนข่มขืน (Felony rape) คือมีการทำผิดอย่างอื่นด้วยเช่น ปล้นทรัพย์แล้วข่มขืน
2 ) พวกโรคจิตก่อกวน (Nuisance offence) คือพวกที่ชอบเข้าไปข่มขืนในบ้าน หอพักเป็นต้น
3 ) ข่มขืนคนในครอบครัว (Domestic sexual assault) เช่นพ่อข่มขืนลูก เป็นต้น
4 ) บุคคลที่คุ้นเคย (Social acquaintance rape) ซึ่งมักเป็นคนที่รู้จักกัน เมื่อสบโอกาส จึงทำการข่มขืน เช่น คนข้างบ้านที่ไว้ใจกัน ปล่อยให้เข้ามาในบ้านแล้วอยู่ตามลำพัง จึงข่มขืน เป็นต้น
5 ) สมภารกินไก่วัด (Subordinate rape) เช่นข่มขืนชำเราผู้ใต้บังคับบัญชา ลูกศิษย์ เป็นต้น
5 ) ซาดิสซ์ (Sadistic rape) เป็นพวกโรคจิต ที่เห็นความเจ็บปวดในทางเพศแล้วมีความสุข
7 ) ลักพาแล้วข่มขืน (Abduction rape) เป็นกรณีคนร้ายฉุดพาขึ้นรถแล้วนำไปข่มขืน เช่นรถตู้
8) แก๊งค์ข่มขืน (Formal gang sexual assault) เป็นลักษณะองค์กรอาชญากรรมในการค้าประเวณีข้ามชาติหรือค้ามนุษย์
9) กลุ่มวัยรุ่นฉุดคร่า (Informal gang sexual assault) เป็นกลุ่มวัยรุ่น ที่อาจคึกคะนอง หรือมั่วสุมสิ่งเสพติดแล้วสบโอกาส เห็นเหยื่อที่เหมาะโอกาส จึงลงมือฉุดคร่า ข่มขืนกระทำชำเรา

การป้องกันแก้ไขปัญหาการถูกข่มขืนกระทำชำเรา

การป้องกันแก้ไขปัญหาการถูกข่มขืนกระทำชำเรา แยกพิจารณาได้ 2 ขั้นตอน คือ

1) ขั้นตอนการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุข่มขืนกระทำชำเรา
2) ขั้นตอนการเผชิญเหตุการณ์จะถูกข่มขืนกระทำชำเรา

จากบทความทางวิชาการทางด้านอาชญาวิทยาหลายเรื่อง ได้แนะนำว่า การแก้ไขปัญหาในขั้นตอนเผชิญเหตุการณ์จะถูกข่มขืนนั้น เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยง และมักไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการที่จะป้องกันแก้ไขให้ผู้หญิงรอดพ้นจากเหตุการณ์นั้นได้อย่างปลอดภัย เนื่องจาก มีปัจจัยที่ต้องนำพิจารณาในการแก้ไขปัญหาภายใต้ภาวะวิกฤติบีบคั้น ซึ่งผู้ที่ไม่เคยฝึกมาก่อน จะไม่มีความสามารถหรือทักษะที่จะจัดการแก้ไขปัญหาได้ โดยมีปัจจัยหรือตัวแปรที่จะต้องดำเนินการให้เหมาะสมเมื่อจะถูกข่มขืนกระทำชำเราคือ

1 ) เวลาและสถานที่ การจะถูกข่มขืนในห้องน้ำโรงภาพยนตร์ กับในซอยเปลี่ยว ย่อมมีความแตกต่างกันในการใช้วิธีการแก้ไข เช่นในห้องน้ำอาจใช้การตะโกนร้องให้คนช่วย แต่ในซอยเปลี่ยวแม้ใช้นกหวีดที่ผู้หญิงเตรียมติดตัวไว้เป่ายามฉุกเฉิน ก็ไม่แน่ว่าจะมีโอกาสเป่ าหรือไม่ หรือถ้าเป่ าได้แล้วจะมีใครได้ยินหรือไม่

2 ) ความแข็งแรงของผู้หญิงที่เป็นผู้จะถูกข่มขืน หากผู้หญิงที่ถูกข่มขืนมีความสามารถในการวิ่งเร็วหลบหนีได้ หรือเป็นนักยูโด ทีมชาติหรือเป็นมือปื น ที่มีความชำนาญในการยิงต่อสู้ ก็น่าเชื่อว่าจะแก้สถานการณ์ การจะถูกข่มขืนได้

3) ลักษณะจำนวน และอาวุธคนร้าย หากผู้หญิง เพียงคนเดียว เดินในซอยเปลี่ยว ไปพบคนร้ายแบบแก็งค์วัยรุ่น มีหลายคน และมีอาวุธปืน แม้ผู้หญิงที่จะเป็นเหยื่อการจะถูกข่มขืนจะเก่งเพียงใด มีอาวุธปืนที่ใช้ได้ดีเพียงใด ก็เป็นเรื่องที่จะแก้ไขปัญหาลำบาก

จากตัวแปรข้างต้น การจะแก้ไขปัญหาในสถานการณ์การจะถูกข่มขืน ว่าจะใช้วิธีการใด จึงเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงตัวแปรดังกล่าว และใช้ให้เหมาะสม ซึ่งในทางวิชาการทางด้านอาชญาวิทยาแล้ว ไม่แนะนำที่จะเสนอแนะวิธีการใด ที่เป็นสูตรสำเร็จ หรือวิธีการสำเร็จรูป ที่แก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างครอบจักรวาล หรือที่สามารถเผชิญหน้ากับคนร้ายได้ทุกรูปแบบ หรือประเภทของคนร้ายที่จะมาข่มขืน ดังนั้นในทางวิชาการทางด้านอาชญาวิทยา จึงเน้นในการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดสถานการณ์การจะถูกข่มขืนขึ้น โดยใช้ทฤษฎีสถานการณ์ (SITUATION THEORY) เป็นแนวทางป้องกันปัญหา คือ

1 ) การลดช่องโอกาส เช่น ไม่ไปในที่เปลี่ยว หากจำเป็นต้องไป ก็ต้องมีเพื่อนร่วมทางที่พอเหมาะกับเหตุร้ายที่อาจเกิดขื้น การแต่งกายของผู้หญิงไม่ยั่วยุ มีความรัดกุม ถอดยาก หรือถ้าหากคนร้ายที่มีศักยภาพที่จะข่มขืน เป็นคนรู้จักคุ้นเคย วิธีการป้องกันก็ไม่ควรไปในที่ลับตากับบุคคลดังกล่าวตามลำพังหรือการที่จะไม่นั่งรถแท็กซี่เพียงคนเดียว เป็นต้น

2 ) เพิ่มความแข็งแรงให้กับผู้หญิงที่จะเป็นเหยื่อ เช่น ให้ผู้หญิงพกอุปกรณ์ป้องกันตัวเมื่อคราวจำเป็น เช่นนกหวีด สเปรย์พริกไทย กรรไกร ร่มกันแดด หรือฝึกการต่อสู้ป้องกันตัว

3 ) การควบคุมคนร้ายผู้เสี่ยงต่อกระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา เป็นหน้าที่ของชุมชน และสังคมทุกส่วน ในการกวดขันไม่ให้วัยรุ่นจับกลุ่มมั่วสุม รวมถึงเสนอกฎหมายในการ จัดทำฐานข้อมูลผู้กระทำผิดทางเพศ (SEX OFFENDER REGISTRATION ACT) แบบในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีการจัดทำฐานข้อมูลผู้เคยกระทำผิดทางเพศ ไว้ ให้สาธารณชนเข้าถึงข้อมูล เพื่อช่วยกันระมัดระวังจับตาดูเพราะว่าผู้กระทำผิดทางเพศส่วนใหญ่ ได้รับโทษจำคุกไม่นาน เมื่อพ้นโทษมาแล้วมักกระทำผิดอีกและมักทำผิดไม่ไกลจากที่พักอาศัย โดยเฉพาะคนร้ายโรคจิต

สรุปวิธีการป้องกันแก้ไขการถูกข่มขืน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แนะนำ วิธีการป้องกันแก้ไขปัญหาการถูกข่มขืนไว้ 10 ประการ คือ

1 ) อย่านุ่งกระโปรงสั้น การแต่งกายต้องรัดกุม ไม่โป๊ เกินไป
2) อย่าดื้อรั้นลองยา หมายถึงกรณี ยาเสพติด หากเพื่อนนำมาให้ลองแล้วใจอ่อนจะเป็นปัญหา
3 ) อย่าพึ่งพาคนแปลกหน้า คนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนมาเกี้ยวพาราสีหรือ ทำทีเป็นแนะนำช่วยเหลือ
4 ) อย่าคบหาเพื่อนไม่ดี ส่วนมาก เพื่อนที่ไม่ดี มักจะนำสิ่งที่ไม่ดีมาให้
5 ) อย่าหลีกหนีพ่อแม่ ยุคนี้เด็กสาวมักจะ "โตเกินวัย” กับพ่อแม่ก็มักจะไม่ได้มีเวลาใกล้ชิด
6 ) อย่าพ่ายแพ้ความฟุ่มเฟือย หญิงจำนวนมากอาจต้องจำใจ "ขายตัว-ขายยาเสพติด” เพื่อแลกเงิน
7 ) อย่าเฉื่อยแฉะเที่ยวเตร่ ควรมีผู้ใหญ่ในครอบครัวร่วมไปด้วย ยิ่งเป็นการ เที่ยวกลางคืน
8 ) อย่าเกเรไม่กลับบ้าน การที่หญิงสาวไปนอนค้างอ้างแรมเป็นเรื่องเสี่ยงอย่างยิ่ง
9 ) อย่าเผาผลาญเงินทอง
10) อย่ามัวแต่มองเพื่อนชาย เด็กสาวที่ให้ความสำคัญกับเพื่อนชาย มักเสียตัวโดยไม่เต็มใจ คุณผู้หญิงหรือผู้ปกครอง ควรนำมาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จะได้ป้องกันแก้ไขปัญหาการถูกข่มขืนกระทำชำเรา เพื่อที่จะได้ไม่เป็นรอยแผลใจไปตลอดชีวิต เพราะถูกคนร้ายข่มขืนกระทำชำเรา 

 

 

 

 

 

 

 

แนวทางปฏิบัติ ในคดีข่มขืน

 

 

 

 

 

ไม่แน่ว่าเรื่องนี้อาจเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวเรา และหากเราเกิดโชคร้ายต้องพบกับเรื่องแบบนี้ เราจะทำอะไรได้บ้าง ศึกษาไว้ไม่เสียหายค่ะ...



การช่วยเหลือตนเองเบื้องต้นก่อนตัดสินใจดำเนินคดี


ในระหว่างเกิดเหตุควรพยายามตั้งสติให้ได้ หากไม่มีทางเลือก ที่ดีไปกว่าการรักษาชีวิตไว้ก่อนแล้ว จำเป็นต้องโอนอ่อนผ่อนตาม ก็ควรจะยอมไปก่อน เพื่อหาทางหลบหนีเอาตัวรอดเมื่อมีโอกาส
พยายามหาทางออกจากจุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุด (โดยเฉพาะกรณีที่ถูกขัง) เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องต่อไป

เมื่อออกจากจุดเกิดเหตุสิ่งแรกที่ควรทำคือ หาผู้ช่วยเหลือที่ ใกล้ชิดที่สุด โดยเฉพาะถ้าคิดว่าตนเองไม่อาจทำอะไรต่อไปได้เอง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือมีอาการบาดเจ็บมาก

รีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาบาดแผล, ตรวจเชื้อกามโรค, โรค เอดส์, ป้องกันการตั้งครรภ์ และเพื่อตรวจหาหลักฐาน เช่น น้ำเชื้ออสุจิ, ร่องรอยการร่วมประเวณี, ขน, ผม, เป็นต้น รวมทั้งการหาสารประเภทยานอนหลับ หรือแอลกอฮอล์ในร่างกายสำหรับรายที่ถูกวางยาหรือมอมเหล้า เบียร์ ดังนั้นเพื่อให้ได้ประโยชน์ในการเก็บพิสูจน์หลักฐาน จึงไม่ควรเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ หรือชำระล้างสิ่งใด ๆ จากร่างกายก่อนพบแพทย์

รีบแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เพราะยังสามารถบอก รูปร่างหน้าตา จดจำลักษณะของผู้กระทำผิด ในกรณีเป็นคนแปลกหน้า เพื่อจะจับตัวผู้กระทำผิดให้ได้เร็วก่อนจะหลบหนีไป และต้องแจ้งความ ณ สถานีตำรวจซึ่งอยู่ในท้องที่เกิดเหตุ และจดจำชื่อ-ที่อยู่ของพยานในเกตุการณ์ให้ได้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ในการติดตามมาเป็นพยานและในการดำเนินคดี


การร้องเรียนทางวินัย

ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดรับราชการ ลูกจ้างประจำ หรือเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ อาจารย์มหาวิทยาลัย กิจการเอกชนต่าง ๆ รวมทั้งผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ ที่มีองค์กรดูแลควบคุมจรรยาบรรณ เช่น แพทย์สภา, สภาทนายความ, ทันตสภา, วิศวกรสภา เป็นต้น ผู้เสียหายสามารถร้องเรียนต่อหน่วยงานเหล่านี้ได้ ซึ่งอาจจะมีผลให้ต้องไล่ออก, ปลดออก, ลดขั้นเงินเดือน, ตัดเงินเดือน หรือภาคทัณฑ์ความประพฤติไว้


เพราะนอกจากจะเป็นการลงโทษผู้กระทำความผิดได้ทางหนึ่งแล้ว ยังเป็นประโยชน์ในด้านพยานหลักฐานต่าง ๆ เมื่อผู้เสียหายนำคดีขึ้นสู่ศาล หรือแม้ในชั้นศาล พยานหลักฐานจะอ่อนจนไม่อาจลงโทษผู้กระทำผิดได้ เช่น คดีขาดอายุความ มีการถอนคำร้องทุกข์ยอมรับค่าเสียหาย การข่มขืนผู้เสียหายจริง จะมีผลในด้านความก้าวหน้าของหน้าที่การงาน ของผู้กระทำผิดได้ทางหนึ่ง


การแจ้งความร้องทุกข์


นอกจากจะมีการลงบันทึกประจำวันแล้ว สำหรับกรณีที่รู้ตัวผู้กระทำผิด ผู้เสียหายจะต้องระบุตัวผู้กระทำผิด ว่าต้องการให้เอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษด้วย มิใช่แจ้งไว้เพื่อมิให้คดีขาดอายุความ หรือแจ้งไว้เป็นหลักฐาน จะไปตกลงค่าเสียหายกันก่อน เพราะเท่ากับยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์ และควรขอคัดลอกบันทึกประจำวันการแจ้งความไว้ด้วย เพื่อป้องกันได้ว่ามีการลงบันทึกประวันจำไว้จริง

ในกรณีที่เป็นผู้เยาว์ คือ อายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องให้พ่อหรือแม่เป็นผู้พาไป ถ้าพ่อแม่ไม่ได้จดทะเบียน ต้องให้แม่เป็นผู้พาไป ถ้าเด็ก ๆ ไม่มีพ่อแม่ต้องให้ญาติพาไป


อายุความ


สำหรับคดีที่ผู้ถูกข่มขืนอายุเกิน 15 ปี จะต้องมีการแจ้งความหรือฟ้องคดีภายในกำหนด 3 เดือน นับแต่วันเกิดเหตุ มิฉะนั้นจะถือว่าคดีขาดอายุความ

กรณีต่อไปนี้ ไม่อยู่ในอายุความ 3 เดือน สามารถแจ้งความได้แม้เกิน 3 เดือน
- ผู้ถูกข่มขืน ได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือตาย
- ผู้ข่มขืนมีมากกว่า 2 คน อันเป็นการโทรมหญิง
- มีอาวุธปืน ใช้ขู่บังคับ หรือแสดงให้เห็นในขณะกระทำความผิด
- ผู้ข่มขืนเป็นพ่อ ปู่ ตา ทวด หรือ ครูอาจารย์


อย่างไรก็ตามสำหรับรายที่สามารถแจ้งความได้แม้เกิน 3 เดือน แต่อาจจะมีปัญหาในเรื่องของพยานหลักฐานที่หาไม่ได้แล้ว หรือการจดจำพยานหลักฐานต่าง ๆ เช่น วันเวลาที่เกิดเหตุ หรือรูปพรรณสัณฐานคนร้ายในกรณีที่เป็นคนแปลกหน้า ฯลฯ


ทางที่ดีที่สุด จึงควรแจ้งความในทันทีที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิของผู้ถูกข่มขืน และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้



การยอมความ


คดีข่มขืนที่ต้องแจ้งความ หรือฟ้องคดีภายใน 3 เดือน เป็นคดีที่สามารถตกลงประนีประนอมยอมความกันได้ ซึ่งการยอมความนั้นจะมีบันทึกหรือเป็นหนังสือหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้นการที่จะตกลงรับเงินชดใช้ค่าเสียหายและมีพยานบุคคลเห็น ก็ถือว่าเป็นการยอมความแล้ว ไม่สามารถจะเปลี่ยนใจภายหลังได้อีก จึงต้องคิดให้รอบคอบเพราะค่าเสียหายเพียงน้อยนิดก็ถือว่าเป็นการยอมความแล้ว


ทางที่ดีเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาในภายหลัง จึงควรไปตกลงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรับค่าเสียหายก่อนทำบันทึกตกลงยอมความ หากยังไม่ได้เงินค่าเสียหายครบถ้วนที่ตกลงกันไว้ ไม่ควรทำบันทึกไว้ก่อน เพราะในคดีข่มขืน แม้ผู้เสียหายไม่ตกลงยอมความ ผู้เสียหายก็ยังมีสิทธิที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหาย โดยฟ้องเรียกในทางแพ่ง ได้อยู่แล้ว


ในกรณีที่ผู้เสียหายอายุไม่เกิน 15 ปีและยินยอมให้กระทำชำเราโดยความเต็มใจ เช่น การหนีตามผู้ชาย หรือหลงเชื่อว่าผู้ชายจะพาไปอยู่กินฉันผัวเมีย หากพ่อแม่ไปพบและเอาตัวเด็กผู้หญิงกลับมาบ้าน และแจ้งความดำเนินคดีกับชายที่มาหลอกลูกสาวไป ในข้อหากระทำชำเราโดยเด็กหญิงยินยอม และข้อหาพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร แม้จะมีช่องทางช่วยเหลือฝ่ายชาย ให้ไม่ต้องโทษในคดีอาญา โดยการร้องขอต่อศาลคดีเด็กและเยาวชน ขอจดทะเบียนสมรส ถ้าหากเด็กอนุญาต ฝ่ายชายสามารถนำทะเบียนสมรสมาแสดงต่อศาลอาญาจะทำให้ไม่ต้องถูกลงโทษในคดีกระทำชำเราได้ ส่วนข้อหาพรากผู้เยาว์ในกรณีที่ได้ความว่า ฝ่ายชายไม่มีภริยามาก่อน ศาลมักจะใช้ดุลพินิจในการรอการลงโทษ เป็นการช่วยให้ฝ่ายชายไม่ต้องรับโทษในการพาเด็กหญิงหนีตาม


ดังนั้นหากพ่อแม่ฝ่ายหญิงเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่า ฝ่ายชายไม่ได้จริงใจในการจะรับผิดชอบเด็กหญิง แต่ทำไปเพื่อให้หลุดพ้นจากคดีอาญาไปก่อน แล้วค่อยหาทางเลิกกับเด็กในภายหลัง และตัวเด็กหญิงเองก็ยังอยู่ในวัยต้องศึกษาเล่าเรียน เพื่อหาความรู้ในการประกอบอาชีพของตัวเองในวันข้างหน้า ทั้งยังด้อยวุฒิภาวะในการที่มีครอบครัวในขณะนั้น แม้จะมีกฎหมายเปิดช่องให้ฝ่ายชายทำเช่นนั้นได้ก็ตาม พ่อแม่ก็สามารถที่จะคัดค้านแถลงต่อศาลที่ฝ่ายชายไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสที่ศาลเด็กได้ รวมทั้งแถลงต่อศาลในคดีอาญาว่าประสงค์จะให้ฝ่ายชายได้รับการลงโทษ เพื่อให้การคุ้มครองแก่เด็กหญิง ซึ่งยังไม่มีวุฒิภาวะ พอปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2879/2540 ที่มีความเห็นออกมาคุ้มครองเด็กหญิง


หากยังมีข้อสงสัยหรือต้องการความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ติดต่อไปที่ คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 2822690, 2825296

 

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

น้ำเต้าหู้ 1ถุง ไม่ใส่น้ำตาล ไม่เย็น ไม่ร้อน บวกกับมะนาว1ลูกแล้วคนให้ เข้ากัน ลักษณะของ น้ำเต้าหู้จะเปลี่ยนไปเป็นไขขุ่น คล้ายซีลีแลค หรือ คล้ายๆ วุ้นเละๆ หรือ โจ๊ก
หน้าตาจะไม่สวยแต่คุณค่าสูง นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย จักษุแพทย์ โรงพยาบาลเอกชัย จ.สมุทรสาคร ได้แนะนำคนไข้ดื่มน้ำนมถั่วเหลือง + ผสมน้ำมะนาวอาหารเสริมอายุวัฒนะสรรพคุณโดยรวม..เป็นอาหารเสริมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพของร่างกายสมอง และสายตา หากดื่มเป็นประจำทุกวัน มีสรรพคุณที่โดดเด่นดังต่อไปนี้ คือ


1.ช่วยให้ระบบเส้นเลือดฝอยทั่วร่างกาย มีความยืดหยุ่นดี ไม่เปราะหรือแตกง่าย ดังนั้น คนที่มีปัญหาเส้นเลือดฝอยเปราะ แตกง่าย และมีเลือดออกตามร่างกาย เช่น เลือดออกที่ใต้เยื่อบุตาขาว หรือในผู้หญิงที่มักจะเกิดรอยจ้ำ เขียวช้ำเวลาถูกกระทบกระแทก หรือในผู้สูงอายุที่มักจะมีเลือดออกใต้ผิวหนัง ก็ช่วยให้ดีขึ้น และยังเชื่อว่าสามารถป้องกัน
โรคเส้นเลือดในสมองตีบตัน
หรือแตกได้เช่นกัน
(ป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต)


2.ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรง ต้านทานโรคติดเชื้อได้ดี ไม่เจ็บป่วยง่าย เช่น ในคนที่เป็นโรคเริมที่ริมฝีปากหรือบริเวณอวัยวะเพศ จะช่วยลดหรือหยุดการกำเริบซ้ำได้ หรือในรายที่ภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี เป็นไข้ ไอ เจ็บคอบ่อยๆ ก็จะช่วยให้อัตราการป่วยลดลงได้เช่นกัน


3.ช่วยส่งเสริมระบบไหลเวียน
เลือด ทำให้อวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานได้เต็มที่ สมองแจ่มใส ไม่มึนงง ร่างกายสดชื่น
(ผู้สูงอายุที่มีอาการมึนงง เซื่องซึม และเดินเซ จะเห็น การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นชัดเจน ) สามารถทนต่อการทำงานตรากตรำที่ต้องอดหลับอดนอนได้ดี
ขึ้น เช่น นักเรียน นิสิต
นักศึกษา ที่ต้องคร่ำเคร่ง ใช้สมองทบทวน ตำราใกล้สอบ หรือ ผู้ที่ต้องทำงาน หรือขับรถทางไกลในเวลาค่ำคืนเป็นประจำ


4.ช่วยให้เนื่อเยื่อต่างๆของร่างกาย แข็งแรง สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี บาดแผลทุกชนิดจะหายเร็วขึ้น และช่วยให้รากผมแข็งแรง บรรเทาปัญหาผมร่วงในหญิง
วัยทองได้


5.เมื่อสุขภาพโดยรวมดีขึ้น ก็จะทำให้สมรรถภาพทางเพศดี ตามไปด้วย


6.จากคุณสมบัติต่อต้านอนุมูล
อิสระ (Antioxidant) ของวิตามินซีในมะนาว และสารไอโซฟลาโวนในถั่วเหลือง ทำให้เชื่อได้ว่า การดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นประจำ อาจจะป้องกันโรคมะเร็ง ได้อีกด้วย
หมายเหตุ...>>>


สูตรอาหารเสริมอายุวัฒนะ
ดังกล่าว ผ่านการเก็บข้อมูล และพิสูจน์จากผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปีมีความประสงค์ที่จะเผยแพร่
เป็นวิทยาทาน เพื่อสุขภาพที่ดีของมวลมนุษย์ชาติได้จดอนุสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์ สินทางปัญญาเอาไว้แล้ว หากผู้ใดนำสูตรดังกล่าวไปทำ
ประโยชน์ทางธุรกิจ โดยไม่ได้
รับอนุญาติ จะต้องถูกดำเนินคดี ตามกฎหมาย...⭕

⭕.....Be Healthy.....
7 ข้อคิด พลิกชีวิตให้เป็นสุข

1.อดีตเป็นอย่างไรไม่สำคัญ อย่าปล่อยให้มันมาทำร้าย
ปัจจุบันก็พอ
2.คนอื่นจะมองคุณอย่างไรก็
ช่างเขา ไม่ใช่เรื่องของเราซะหน่อย
3.เวลารักษาทุกสิ่ง ให้เวลาซักนิด แล้วมันจะผ่านไป
4.ความสุขไม่ใด้เกิดจากใคร คุณสุขได้เพราะใจคุณเอง


5.อย่าได้เปรียบเทียบชีวิตของ
คุณกับคนอื่น เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าชีวิตเค้าผ่านอะไรมาบ้าง
6.อย่าคิดมากไป เพราะบางครั้งการไม่รู้อะไรอาจดีกว่า
7.ยิ้ม ยิ้ม และ ยิ้ม ทุกปัญหาบนโลกใบนี้ไม่ใช่ปัญหาของคุณเพียงคนเดียว หลับตา
ขยันทำสมาธิทุกต้นชั่วโมงครั้งระ 2 นาที ทำให้ได้ทุกชั่วโมงเราจะอยู่กับตัวเองอย่างมีความสุข...รักนะ
แชร์ไปให้คนที่คุณรักได้นะ
(love..love...love...love)(glad)

 

 

 

 

 

 

 

นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีไปแล้ว ใครจะมาสั่งให้พ้นอีกไม่ได้

 

 

ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องของนายไพบูลย์ นิติตะวันกับคณะไว้พิจารณา เพราะ


1.นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีไปแล้วเมื่อมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 ธันวาคม 2556 จึงไม่มีเหตุที่จะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยได้อีกว่านายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีเพราะเหตุได้กระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 268...

 

2. การที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เป็นการใช้อำนาจบริหารในการแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีอำนาจออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงได้ทุกตำแหน่ง แต่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนและกระบวนการตามที่กฎหมายว่าด้วยข้าราชการพลเรือนและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ การที่นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งโยกย้ายนายถวิล จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงฯมาเป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นตำแหน่งระดับเดียวกัน จึงมีอำนาจกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

 

3. การใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีออกคำสั่งย้ายนายถวิล จึงมิใช่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงอำนาจการแต่งตั้งโยกย้ายของผู้อื่นซึ่งต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบกับมาตรา 266 แต่อย่างใด เพราะเป็นการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีเอง หาได้ก้าวก่ายแทรกแซงอำนาจตามกฎหมายของบุคคลอื่นแต่อย่างใดไม่

 

4. ตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่ให้เพิกถอนคำสั่งย้ายนายถวิล มิได้เป็นการเพิกถอนเพราะเหตุนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจก้าวก่ายหรือแทรกแซงอำนาจการสั่งแต่งต้ังโยกย้ายของบุคคลอื่นซึ่งต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 แต่เป็นการวินิจฉัยว่าการออกคำสั่งของนายกรัฐมนตรีให้โยกย้ายนายถวิลมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการใช้ดุลพินิจในการใช้อำนาจโยกย้ายที่ไม่ชอบด้วยกระบวนการและขั้นตอนตาใที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยข้าราชการพลเรือนและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมิได้แสดงเหตุผลให้ชัดแจ้งว่าทำไมจึงมีความจำเป็นต้องโยกย้ายนายถวิลออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ

 

5. คำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดในเรื่องนี้มีปัญหาเกี่ยวกับความถูกต้องชอบธรรมของกระบวนการชี้ขาดตัดสินคดี เพราะประธานศาลปกครองสูงสุดใช้อำนาจสั่งให้นำคดีเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ และตุลาการซึ่งเป็นองคณะและเจ้าของสำนวนรวม 8 คน มีความเห็นแย้งกับความเห็นของที่ประชุมใหญ่ และได้ทำความเห็นแย้งคัดค้านไว้
สรุป การที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรีไม่เข้าข่ายเป็นการต้องห้ามตาม รธน. มาตรา 268 ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีจึงไม่สิ้นสุดลงตาม รธน. มาตรา 182(7) ดังที่นายไพบูลย์ นิติตะวันกับพวกอ้างในคำร้อง และไม่ว่ากรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีอำนาจตามมาตรา 182 วรรคสาม ที่จะวินิจฉัยได้ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 182 วรรคสามดังกล่าว


เพราะความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงนับแต่วันที่ได้มีการประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 9 ธันวาคม 2556 นั้นแล้ว (รธน.มาตรา 180(2)) จึงไม่มีความเป็นรัฐมนตรีที่จะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าได้สิ้นสุดลงตามมาตรา 182 วรรคสามอีกหรือไม่แต่อย่างใด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                                                             Zhuge Liang.jpg

 

     

เสนาธิการแห่งจ๊กก๊ก
เกิด พ.ศ. 724
ถึงแก่กรรม พ.ศ. 777 (อายุ 53 ปี)
สถานที่ถึงแก่กรรม ทุ่งอู่จั้งหยวน
ผู้ดำรงตำแหน่งคนถัดไป

 

 

จูกัดเหลียง (อังกฤษ: Zhuge Liang; จีนตัวเต็ม: 諸葛亮; จีนตัวย่อ: 诸葛亮; พินอิน: Zhūge Liàng) หรือ ขงเบ้ง (孔明, พินอิน: Kǒngmíng) เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก นอกจากนี้ยังมีฉายาอื่นเช่น มังกรหลับ (臥龍先生) หรือ (伏龍) เป็นนักการเมืองสมัยปลายราชวงศ์ฮั่นของจีน หรือในสมัยหลังราชวงศ์ฮั่นหากกล่าวอ้างอิงตามประวัติศาสตร์

 

จูกัดเหลียงดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านการยุทธนาการของพระเจ้าเล่าปี่ในตำแหน่งสมุหนายกและผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งจ๊กก๊ก รวมทั้งมีความสามารถในด้านการเมือง การทูต นักปราชญ์ วิศวกรและได้ชื่อว่าเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นที่สำคัญ โดยคิดค้นหมั่นโถว หน้าไม้กล โคมลอยและระบบชลประทาน

 

ศิลปินมักวาดภาพให้จูกัดเหลียงสวมชุดยาวแบบนักปราชญ์ สวมหมวก และถือพัดขนนกกระเรียน (บ้างก็ว่า ขนนก ขนห่าน) อยู่ในมือเสมอ

 

 

 

 

                                             

 

 

หมั่นโถวสีขาว

 

กล่าวกันว่าในประเทศจีนยุคสมัยสามก๊ก เมื่อคราวเบ้งเฮ็ก ผู้ปกครองทางตอนใต้ของจ๊กก๊กคิดกบฏ ขงเบ้งจึงต้องยกทัพลงมาปราบ ขงเบ้งรบกับชาวม่านมีชัยแต่ก็เสียใจมากเพราะได้เข่นฆ่าชีวิตมนุษย์ไปจำนวนมาก วิญญาณเหล่านั้นร้องครำครวญและสำแดงลมวิปริตขณะที่ทัพขงเบ้งจะข้ามสะพานลกซุย

 

เบ้งเฮ็กจึงแนะนำขงเบ้งให้ทำพิธีเซ่นไหว้ตามธรรมเนียมม่าน แต่ต้องฆ่าคน 50 คนมาทำการเซ่นไหว้ ขงเบ้งไม่อยากฆ่าคนเพิ่มจึงปั้นแป้งสาลีเป็นรูปหัวคนยัดไส้ด้วยเนื้อวัวเนื้อม้าแล้วเอาไปนึ่ง ขงเบ้งแนะนำชาวม่านว่าเซ่นไหว้ครั้งต่อไปให้ใช้แป้งยัดไส้นี้เถิดอย่าได้ฆ่าคนอีกต่อไปเลย

 

 


ตำราพิชัยสงครามขงเบ้ง ว่าด้วยแม่ทัพ


"การดูคน ว่าด้วยกลวิธีในการดูคนเจ็ดประการ" ดังนี้


อันการที่จะรู้ลักษณะนิสัยของคนนั้น หาได้ยากในการพิจารณาไป

เพราะความดีชั่วมีความแตกต่าง ส่วนลักษณะท่าทางก็มีความผิดแผกกันอย่างมากมาย


โดยบางคนภายนอกดู อ่อนโยน ... แต่ความจริงเป็น คนกลิ้งกลอก

โดยบางคนภายนอกดู สุภาพ ... แต่ความจริงเป็น คนหลอกลวง

โดยบางคนภายนอกดู กล้าหาญ ... แต่ความจริงเป็น คนขี้ขลาด

โดยบางคนภายนอกดู ทุ่มเท ... แต่ความจริงเป็น คนไม่มีความภักดี




ทว่า การดูคนจะมีอยู่ เจ็ด วิธี คือ

หนึ่ง ... ยุแหย่ด้วยเรื่องดีร้าย แล้วสังเกตดูซึ่ง "ปณิธาน" (ปณิธาน หมายถึง ความตั้งใจจริงที่จะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ จนไม่เห็นสิ่งอื่นมีค่าควรแก่การสนใจอีก และอีกความหมายหนึ่ง ปณิธาน คือ จุดมุ่งหมาย อุดมการณ์ เป้าหมาย ความคาดหวัง ที่เรากำหนดและต้องการให้เกิดขึ้น )

สอง ... บริภาษให้อับจน แล้วสังเกตดูซึ่ง "ปฏิภาณ"

สาม ... สอบถามซึ่งกลยุทธ์ แล้วสังเกตดูซึ่ง "ปัญญา"

สี่ ... บอกกล่าวซึ่งเคราะห์ภัย แล้วสังเกตดูซึ่ง "ความกล้า"

ห้า ... มอมเมาด้วยสุรา แล้วสังเกตดูซึ่ง "อุปนิสัย"

หก ... ผูกมัดด้วยอามิส แล้วสังเกตดูซึ่ง "ความสุจริต"

เจ็ด ... มอบหมายภารกิจให้ทำในเวลาที่จำกัด แล้วสังเกตดูซึ่ง "สัจจะ"




คนหลายคนมีบุคลิกภาพภาคนอกดีเลิศประเสริฐศรี แต่จิตใจกลับคับแคบ เน่าเฟะ

ผู้นำหลายคนดูคนเหล่านี้ไม่เป็น จะเป็นอันตรายในอนาคต

ท่านขงเบ้งเขียนไว้หลายพันปีแล้วสำหรับกลวิธีดูคน

ปัจจุบันกลวิธีเหล่านี้ก็ยังใช้ได้อยู่ไม่เสื่อมคลาย




ขอบคุณหนังสือดีดีๆ
ขงเบ้ง. (อมร ทองสุก, ผู้แปล). ตำราพิชัยสงครามขงเบ้ง. ปทุมธานี : ชุณหวัตร, 2550.

 

 

 

                   

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                ตำนานน่ากลัวในนิยายที่กลายเป็นเรื่องจริง

 

 

 

 

 

 

 

 

เฟรดดี้ ครูเกอร์ เป็นสัตว์ประหลาดสมมุติที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์สยองขวัญครั้งแรกในชื่อนิ้วเขมือบ A Nightmare on Elm Street (1984) โดยรูปร่างของมันเป็นปีศาจ ที่ร่ายกายที่เห็นเนื้อหนังไหม้ไฟ ใส่ชุดสีแดง ลายทางสีดำ ใส่หมวกเหมือนขอทาน มาพร้อมกับกรงเล็บเหล็กยาวแหลมเหมือนใบมีดโกนที่นิ้ว มีนิสัย อารมณ์ขันอยู่ตลอดเวลา และเกลียดที่จะเห็นคนอื่นมีความสุข โดยมันมีความสามารถพิเศษคือมันสามารถ เข้าไปในความฝันของคนอื่นได้ และมันจะหลอกหลอนหรือฆ่าเจ้าของฝันจนตาย หากเจ้าของความฝันหนี มันไม่พ้นจะไม่มีโอกาสตื่นในโลกแห่งความจริงอีกเลย โดยวิธีป้องกันมีทางเดียวเท่านั้นคือการถ่างตาไม่ ให้นอนหลับ

 

เฟรดดี้มีประวัติไม่แน่นอนเพราะเปลี่ยนไปเรื่อย แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเขาตายเพราะถูกเผาทั้ง เป็น และเฟรดดี้ได้กลายเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์ตลอดกาลในจิตใจของคนอเมริกันและคน ทั่วโลกติด อันดับต้นๆ และภาพยนตร์ที่มีเฟรดดี้ปรากฏก็มีมากมายหลายภาค จนมันได้กลายเป็น “แฟรนไชส์” ที่ฮิตติด อันดับเรื่อยมา เฟรดดี้เป็นผลงานของ เวส คราเวน(Wes Craven) โดยแรงบันดาลใจของเขานั้นคือเขาไปเจอ บทความหนึ่งเกี่ยวกับโรคชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในแถบบ้านเรานั่นก็คือ “โรคไหลตาย” ซึ่ง มันเป็นโรคลึกลับ ชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นที่คนถึงแก่ความตายอย่างปัจจุบันทันด่วน

 

คือก่อนเข้านอนปกติ พอเช้ากลับพบว่าเสีย ชีวิตโดยไม่ลืมตาตื่นดูโลกอีกเลย โรคนี้เป็นที่ฮือฮามาก ในอเมริการู้จักโรคนี้เมื่อทศวรรษที่ 1970 ในกลุ่ม อพยพชาวกัมพูชาที่ลี้ภัยมายังประเทศสหรัฐเป็นจำนวนมาก และหนังสือพิมพ์ยุคนั้นได้ตีข่าวว่ากลุ่มชาว อพยพกัมพูชาปฏิเสธในการนอนหลับ เพราะไม่อยากเจอฝันร้ายที่เกิดจากประสบการณ์เขมรแดงเรือง อำนาจหลอกหลอน ไม่เพียงเท่านั้นหลายคนที่นอนหลับได้เสียชีวิตระหว่างนิทรา ซึ่งในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ การแพทย์ไม่เคยเจออาการชนิดนี้มาก่อน โดยสาเหตุของอาการชนิดนี้ไม่แน่ชัดว่าเกิดมาจากสาเหตุใดกันแน่ ทั้งๆ คนที่เกิดอาการยังเป็นคนหนุ่ม(อายุระหว่าง 19-57 ปี) ร่างกายแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ มาก่อน

 

 

 

โรคไหลตาย...

 

ช่วงที่เสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องผีแม่ม่ายกำลังกระหึ่มนั้น การล้มตายโดยไม่ทราบสาเหตุยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในหลายจังหวัดของภาคอีสาน ผู้ตายทุกคนเข้านอนตามปกติก่อนเกิดเหตุ แต่พอเช้ามาพบว่าตายเสียแล้ว ชาวบ้านเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ไหลตาย

โรคหรืออาการไหลตายเป็นโรคที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเกิดจากเหตุลึกลับ และเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ แต่ความจริงแล้วมีสาเหตุทางการแพทย์สองอย่าง คือ

-การบริโภคอาหารที่มีสารพิษวันละเล็กละน้อยในทำนองสะสมจนเกิดเป็นพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจ

-การขาดสารอาหารที่เป็นวิตามินบี ๑ อย่างรุนแรงเฉียบพลันขนาดที่ทำให้คนแข็งแรงเกิดความอ่อนเพลียและอยากนอน พอหลับแล้วก็หัวใจวายตายเกือบจะทันที

โรคไหลตายจึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับภาวะทุพโภชนาการและสุขนิสัยการกินที่ผิด ความรู้ความเข้าใจแบบนี้จะช่วยให้เรากำหนดชะตาชีวิตของเราเองได้โดยไม่ต้องไปกลัวผีสางแม่นางโกงที่ไหนเลย

ที่มา วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.)

 

 แหล่งของวิตามินบี 1

ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินบี 1 ได้ จำเป็นต้องได้จากอาหารแหล่งอาหารที่มีวิตามินบี 1 มากได้แก่

จากสัตว์ : เนื้อหมู, ปลา, ไก่, ตับ, ไข่

จากพืช : ถั่วเมล็ด, เมล็ดข้าว ( whole grains)

ในอาหารจำพวกผักและผลไม้ ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณของไธอะมินน้อย แต่ถ้าคิดจากที่กินในแต่ละวันแล้ว ร่างกายก็จะได้รับไธอะมินพอประมาณ

 

ชนิดของอาหาร

ปริมาณวิตามินบี 1 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม

เนื้อหมู, สด

0.69

หมู, ตับ

0.40

เนื้อวัว, สด

0.07

วัว, ตับ

0.32

ไก่, เนื้อ

0.08

ไก่, ตับ

0.36

ปลาดุก

0.20

ปลาทู, นึ่ง

0.09

ไข่เป็ดทั้งฟอง

0.28

ไข่ไก่ทั้งฟอง

0.15

ข้าวกล้อง, หอมมะลิ

0.55

ข้าวเจ้า, ซ้อมมือ

0.34

ข้าวมันปู

0.46

ข้าวเหนียว

0.08

ข้าวเหนียวดำ

0.55

งาขาว, คั่ว

0.83

งาดำ, อบ

0.75

ถั่วเหลือง, ดิบ

0.73

ถั่วเขียว, ดิบ

0.38

ถั่วแดง, ดิบ

0.73

ถั่วแระ, ต้ม

0.31

 

 

การเก็บรักษาคุณค่าทางอาหาร

 

ไธอะมินจะสูญเสียคุณค่าทางอาหารได้ ถ้าขณะที่ปรุงอาหารด้วยการให้ความร้อนเมื่อมีน้ำอยู่ด้วย พบว่า ในการหุงข้าวที่ซาวน้ำทิ้งหลายๆ ครั้ง แล้วหุงโดยไม่เช็ดน้ำ จะทำให้สูญเสียไธอะมินประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำจะยิ่งทำให้การสูญเสียไธอะมินมากขึ้นอาจสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการหุงข้าวโดยไม่มีการซาวน้ำทิ้งเลยและหุงแบบไม่เช็ดน้ำจะช่วยเก็บรักษาไ ธ อะมินไว้ในเมล็ดข้าว ได้ดี

 

• การย่างหรืออบ ( broiled or roasted) พวกเนื้อสัตว์อาจสูญเสียไธอะมินไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่การต้มหรือลวกเนื้อแล้วทิ้งน้ำไปจะทำให้เสียวิตามินสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ากินทั้งเนื้อและน้ำด้วยจะสูญเสียวิตามินไปประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น

 

• การต้มผักในน้ำน้อยๆ ให้สุกโดยเร็ว จะสูญเสียวิตามินน้อยกว่าการต้มนานๆ ในน้ำมากๆ ไม่ว่า จะเป็นวิตามินบี หรือ ซี

 

 

                          

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

[​IMG]

 

 

 

 

สำนักพระพุทธศานาลั่น "พุทธะอิสระ" ไม่ใช่พระอุปัชฌาย์ บวชเณรไม่ได้ มีความผิดถึงต้องสึกจากพระ




[​IMG]

 
 

[​IMG]
 

การเลือกข้างก็บ่งบอกแล้วว่าคุณคือใคร...เพราะหัวใจขององค์กรกลางคือความถูกต้อง ควาจริง ความสงบและยุติธรรมในสังคม

 

 

 

[​IMG]

 

 

 

 

 

แดงปะทะเดือดกปปส.หน้ารพ.นางรอง เจ็บ 1



เครือข่ายแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)บุรีรัมย์ และกลุ่มขบวนการคนอีสาน ปกป้องประชาธิปไตยจ.บุรีรัมย์กว่า 300 คน ได้เคลื่อนขบวนรถติดเครื่องขยายเสียงพร้อมถือป้ายที่มีข้อความต่อต้านเผด็จ การ การปฏิวัติรัฐประหารและป้ายสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไปตามถนนสายต่าง ๆในเขตเทศบาลเมืองนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์

อย่างไรก็ตามเมื่อขบวนมวลชนของนปช.เคลื่อนมาถึงบริเวณหน้าโรงพยาบาลนางรอง ตั้งอยู่ถนนทางหลวงหมายเลข 24 สายโชคชัย- เดชอุดม ในเขตเทศบาลเมืองนางรอง ก็ได้เผชิญหน้ากับเครือข่าย กปปส.บุรีรัมย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าหน้าที่ แพทย์พยาบาลในโรงพยาบาลนางรอง ประมาณ 50 คนที่ออกมาแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์โดยการเป่านกหวีด และโบกธงชาติไทยเพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ และสนับสนุนการปฏิรูปที่หน้าโรงพยาบาลเป็นประจำจนเกิดการตะโกนด่าทอ และโต้เถียงกันไปมาขึ้น

จากนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นชายฉกรรจ์ 2-3 คน ใช้ผ้าปิดบังอำพรางใบหน้าตา ซึ่งมากับกลุ่ม นปช.ได้เข้าไปปลดรื้อป้ายสนับสนุนการปฏิรูปการเมือง ก่อนการเลือกตั้ง และป้ายที่มีข้อความว่า"คนนางรอง คนไทยหัวใจไทย ไม่ยอมให้ใครมาแบ่งแยกแผ่นดินไทยเด็ดขาด"ที่กลุ่มแพทย์ พยาบาล และ กปปส.ได้ติดไว้ริมรั้วด้านหน้าโรงพยาบาลนางรองสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่ม กปปส.ที่ไม่ยอมให้รื้อปลดป้าย จนเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกับกลุ่ม นปช.ทั้งได้เกิดการชกต่อยใช้ด้ามธงฟาดตี พร้อมทั้งปาขวดน้ำ และขวดแก้วใส่กัน เป็นเหตุให้กลุ่มกปปส.ที่เป็นผู้หญิงถูกเศษขวดแก้วกระเด็นใส่ขาได้รับบาด เจ็บ 1 ราย ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรองจะเข้ามาระงับเหตุและกันคนทั้งสองกลุ่มแยกออกจากไป

ทั้งนี้กลุ่ม นปช.ยังได้อ่านแถลงการณ์พร้อมนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีเผาโลงศพขององค์กรอิสระ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านองค์กรอิสระดังกล่าวด้วย

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความสนใจให้กับประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาบนถนน สายดังกล่าวรวมถึงประชาชนและผู้ป่วยที่เดินทางมาใช้บริการที่โรงพยาบาล นางรองต่างพากันมายืนดู ทั้งสองฝ่ายได้เกิดการเผชิญหน้ากันประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนต่อมากลุ่ม นปช.ก็ได้เคลื่อนขบวนกลับ จึงไม่มีเหตุรุนแรงบานปลายขณะที่ กปปส.ก็ได้นำป้ายที่ถูกปลดรื้อไปกลับมาติดไว้หน้าโรงพยาบาลเหมือนเดิม



[​IMG]


[​IMG]
 

 

 

 


 

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Mar 29 16:21:46 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>