Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ราชันเเห่งไฟ!!

ArjanPong | 20-11-2561 | เปิดดู 1215 | ความคิดเห็น 0

 

 

*** ข่าวพลังภูผา..***
"ราชาเเห่งไฟ!!.." องค์ราชันนักรบผู้ยิ่งใหญ่!!
www.arjanpong.com
#พลังภูผา #ธรณ่สัฑฆาต

ด้วยความเคารพเเละซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ต่อดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงขอนำบางส่วนของเรื่องราวที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ในพงศาวดารของไทย มาลงไว้อีกมุมหนึ่ง ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในยุคนั้นสมัยนั้น โดยจดหมายเหตุ วัน วลิต ได้กล่าวไว้ว่า...

พวกมลายูเรียกพระองค์ว่า ราชาอภัย ส่วนชาวสยามเอ่ยพระนามว่า พระองค์ดำ ตลอดเวลาไม่ว่าจะทรงช้าง ทรงม้า ประทับเรือพระที่นั่ง หรือแม้แต่ประทับบนราชบัลลังก์เสด็จออกขุนนางก็จะทรงมีพระแสงไว้ มักจะทรงวางแล่งธนูไว้บนพระเพลาและถือพระแสงธนูไว้ในพระหัตถ์ เมื่อทอดพระเนตรเห็นบุคคลใดทำสิ่งไม่ถูกพระทัยแม้แต่เล็กน้อย จะทรงยิงลูกธนูไปที่ผู้กระทำผิดและตรัสให้ผู้นั้นนำลูกธนูกลับมาถวาย พระองค์จึงตรัสสั่งให้แล่เนื้อบุคคล (แม้แต่ขุนนาง) ที่ทำความผิดเล็กน้อย และให้ผู้นั้นกินเนื้อของตนเองต่อหน้าพระพักตร์ บางคนต้องบริโภคมูลอุจจาระของตนเอง โดยตรัสอยู่เสมอว่า

"นี่แหละ เป็นวิธีที่จะใช้ปกครองพวกเจ้าชาวสยาม ทั้งนี้เพราะเจ้าเป็นคนมีนิสัยดื้อด้านอย่างน่าชิงชัง อยู่ในภาวะที่ฟอนเฟะเหลวแหลก ข้าจะลงโทษอย่างนี้ต่อพวกเจ้าจนกว่าข้าจะดัดให้เจ้าเป็นชนชาติที่ได้รับความเคารพยกย่องนับถือ เจ้าเปรียบประดุจต้นหญ้าในท้องทุ่งอันอุดมสมบูรณ์ ยิ่งตัดให้มันสั้นเจ้าก็จะยิ่งขึ้นสวยงาม ข้าจะปรายทองคำไว้ตามท้องถนน ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ หลายๆ เดือน ถ้าใครจ้องจะเอาทองด้วยความละโมบแล้ว จะต้องถูกประหาร!"

บางครั้งในเวลาค่ำคืนยามวิกาล พระองค์จะเสด็จประทับเรือเล็ก พายขึ้นล่องไปตามลำแม่น้ำ นอกจากนี้ยังเสด็จไปกับพวกมหาดเล็กไม่กี่คนในยามวิกาลตามท้องถนน เพื่อฟังว่ามีข่าวเลื่องลืออะไรเกิดขึ้นบ้าง และจะได้ทรงทราบว่ามีอะไรดีหรือไม่ดีต่อพระองค์บ้าง พระองค์เป็นกษัตริย์แรกที่ให้ขุนนางคลานเข้าเฝ้าและให้หมอบก้มหน้าไว้ตลอดเวลา ธรรมเนียมการเข้าเฝ้านี้ยังคงถือปฏิบัติมาจนบัดนี้

อย่างไรก็ดีพระองค์ก็ไม่มีพระราชประสงค์ให้คนต่างถิ่นหรือชาวต่างประเทศต้องปฏิบัติดังนั้น ทรงโปรดชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวฮอลันดา พระองค์เป็นกษัตริย์สยามองค์แรกที่ส่งคณะทูตานุทูตและถวายพระราชสาส์นแด่ เจ้าชายมอริส แห่งราชวงศ์ออเรนจ์ ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในเมื่อทรงโปรดให้คณะทูตต่างประเทศเข้าเฝ้า จะไม่มีพระราชประสงค์ให้คณะทูตต้องเปลี่ยนแปลงประเพณีประจำชาติของตน และหันมาปฏิบัติตามแบบอย่างสยาม โดยตรัสว่า

"พวกท่านเป็นผู้แทนที่บรรดาพระเชษฐาพระอนุชาของเรา จัดส่งให้มา ดังนั้นเราจึงไม่ปราถนาให้ท่านต้องมาถวายพระเกียรติยศให้ยิ่งไปกว่านี้ หรือนบนอบยำเกรงเราให้มากเกินไปกว่าที่ท่านได้เคยถวายแก่พระเจ้าอยู่หัวของท่านเอง"

ทรงไต่ถามคณะราชทูตว่าพวกเขารู้ภาษาสยาม มอญ หรือพม่ากันหรือไม่ หากรู้ก็ให้กราบทูลกับพระองค์โดยตรง ถ้าพูดไม่ได้พระองค์จะให้ขุนนางสักคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นล่ามให้ เพื่อพระองค์จะทรงเจรจากับคณะราชทูต ได้ทรงขู่จะเอาโทษประหารแก่พวกล่ามหากบิดเบือนประโยคถ้อยคำ หรือไม่แปลให้ถูกต้อง ในยุคนี้พวกชาวต่างประเทศได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพยกย่อง มีพวกเจ้าหน้าที่นำของกำนัลมาให้พวกชาวต่างประเทศ เพื่อจะไม่ไปร้องฟ้องพวกเขาต่อพระเจ้าแผ่นดิน

พวกขุนนางอยู่กันด้วยความเกรงกลัวพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่สุด เมื่อมีรับสั่งให้เข้าไปเฝ้าก็จะจัดบ้านช่องของตนให้เรียบร้อยเสียก่อน เหมือนกับว่าตนกำลังจะไปตาย เพราะพวกขุนนางมักจะกลัวกันจนสยองเกล้าว่าไปเฝ้าแล้วจะไม่ได้กลับบ้านอีก

นี่คือบางส่วนของเรื่องราวที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ในพงศาวดารของไทย และอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไม? กรุงศรีอยุธยาจึงฟื้นกลับมาโดยเร็วและยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในประวัติศาสตร์...

Credit : 
อ้างอิง : จดหมายเหตุ วัน วลิต
ที่มา : สถาบันอยุธยาศึกษา

.............

รายการ : #ข่าวพลังภูผา #ธรณีสันฑะฆาต
Radio online : www.arjanpong.com
FM 89.75 MHz. #พระนครศรีอยุธยา 
Time : 06.00-08.00 น./17.00-19.00 น ทุกวัน 
โทร/line : 0898129392
Email : arjanpong123

ความคิดเห็น

วันที่: Sun May 19 06:25:53 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>