Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

นักรบร่วมเป็นร่วมตาย ใครจะฆ่าทิ้งลง!!

ArjanPong | 14-03-2562 | เปิดดู 1463 | ความคิดเห็น 0

 

          

                    เจ้าพระยาสุรสีห์ ขุนศึกคู่พระทัย สมเด็จพระเจ้าตากสิน 

 

          

อู่ต่อเรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่จันทบุรี ก่อนจะยกทัพบุกเข้าตีเอาคืน 

ค่ายโพธิ์สามต้น กรุงศรีอยุธยา

 

          

คืนวันเสาร์ที่ ๓ มกราคม ๒๓๐๙ พระยาตากพร้อมผู้ร่วมอุดมการณ์ประมาณ ๑๐๐๐ คน

ข้ามลำน้ำป่าสักมารวมพลที่ค่ายวัดพิชัย พอเวลาค่ำร่วมกันตั้งสัตยาธิษฐาน ร่วมเป็นร่วมตาย

ต่อพระประธานในอุโบสถวัดพิชัย ครั้นฤกษ์ดีในคืนนั้น พระยาตากควบม้านำหน้าทหารคู่ใจ

ไทยและจีน ตีฝ่าวงล้อมพม่ามุ่งออกไปทางทิศตะวันออก

 

          

                 พระบรมสาทิสลักษณ์พระเจ้าตากสิน ขณะผนวชเป็นพระภิกษุ

 

...เรื่องเก่าเล่าตำนาน...
นักรบร่วมเป็นร่วมตาย ใครจะฆ่าทิ้งลง!!
www.arjanpong.com
#เจ้าตาก #พระยาสุรสีห์ #กรุงธนบุรี
ก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก เจ้าพระยาสุรสีห์ฯรับราชการเป็นมหาดเล็กในเจ้าฟ้าอุทุมพร มีตำแหน่งเป็น นายสุดจินดา หุ้มแพร เมื่อพระเจ้าตากสินนำทหารกล้าจำนวน ๕๐๐ คนตีฝ่าวงล้อมทหารพม่าออกไปส้องสุมกำลังที่จันทบุรี นายสุดจินดาก็ลอบหนีออกมาจากกรุงเช่นกัน ไปหาพี่ชายที่เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี และตามหา นางนกเอี้ยง มารดาพระเจ้าตากสินได้ที่เมืองเพชรบุรี นำไปพบพระยาตากที่จันทบุรี และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการกอบกู้อิสรภาพ จนเมื่อพระเจ้าตากสินขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้ากรุงธนบุรีแล้ว นายสุดจินดาได้รับโปรดเกล้าฯเป็น พระมหามนตรี ตำแหน่งเจ้ากรมพระตำรวจขวา จึงได้ไปรับพี่ชายมารับราชการด้วย

สาเหตุที่เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราชมีโทษถึงตายในสมัยกรุงธนบุรีนั้น เกิดจากเจ้าพระยาสุรสีห์ฯมีเรื่องจะต้องกราบทูล จึงตามไปขอเข้าเฝ้าขณะที่พระเจ้าตากสินทรงนั่งกรรมฐานอยู่ที่พระตำหนักแพในพระบรมราชวัง โดยมีสมเด็จพระวันรัต (ทองอยู่) นั่งกำกับอยู่ด้วย พระยาพิทักษ์ภูบาลซึ่งเฝ้าอารักขาอยู่ได้โบกมือห้ามไว้ แต่เจ้าพระยาสุรสีห์ฯเข้าใจว่าโบกมือให้เข้าได้ จึงย่องเข้าไป

พระยาพิทักษ์ฯเห็นดังนั้นก็เกรงว่าตนจะมีความผิดที่ปล่อยให้ใครเข้าไปถึงพระองค์ในขณะที่นั่งกรรมฐาน แม้จะเป็นผู้ใกล้ชิดเช่นเจ้าพระยาสุรสีห์ฯก็ตาม จึงสั่งให้ทหารควบคุมตัวไว้ และค้นตัวจนทั่ว แต่ก็ไม่พบอาวุธใดๆ

สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงกริ้ว ตรัสกับเจ้าพระยาสุรสีห์ฯว่า ทำอย่างนี้จะลอบเข้ามาปลงพระชนม์หรือ ในเมื่อเป็นขุนนางผู้ใหญ่ก็ย่อมจะต้องรู้ธรรมเนียมของราชสำนักดี แต่เห็นว่าเจ้าพระยาสุรสีห์มีความดีความชอบมาก่อน จึงอนุญาตให้ลงโทษตัวเอง

เจ้าพระยาสุรสีห์ฯจึงพิพากษาตัวเองด้วยหัวใจเด็ดเดี่ยวว่า...ความผิดครั้งนี้ โทษถึงริบราชบาตร เฆี่ยนเก้าสิบที แล้วประหารชีวิต

พระเจ้าตากสินรับสั่งว่า ได้เคยปฏิญาณไว้แต่ครั้งที่เจ้าพระยาสุรสีห์ฯพาแม่ไปส่งให้ที่จันทบุรีว่า ถึงทำความผิดอย่างไรก็จะไม่ประหาร

เจ้าพระยาสุรสีห์กราบทูลว่า เมื่อไม่ประหารก็ให้เฆี่ยนหกสิบทีแล้วเอาไปขังคุกจนกว่าจะตาย

พระเจ้าตากสินก็ว่า เอาไปขังคุกไว้ตลอดชีวิต แล้วจะเอาใครไว้ใช้เล่า

พระยาสุรสีห์ก็กราบทูลอีกว่า ถ้าเช่นนั้นก็ให้เฆี่ยนหกสิบที แล้วปลดออกจากตำแหน่งลงเป็นไพร่

พระเจ้าตากสินก็รับสั่งว่า ถ้าเป็นไพร่ ก็จะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดิน มีเรื่องอะไรขึ้นมาจะปรึกษาใคร

เจ้าพระยาสุรสีห์ฯจึงกราบทูลว่า ถ้าเช่นนั้นก็ให้ลงพระอาญาเฆี่ยนหกสิบที แล้วโปรดเกล้าฯให้อยู่ตำแหน่งเดิมต่อไป

พระเจ้าตากสินจึงทรงยอมจำนน ตกลงพระราชหฤทัยลงโทษตามที่เจ้าพระยาสุรสีห์ฯพิพากษาตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ให้เจ้าพนักงานจับเจ้าพระยาสุรสีห์ฯมัดมือคร่อมกับเสา แล้วเรียกหวายจากพนักงานมาทรงเฆี่ยนด้วยพระหัตถ์เอง

เรื่องนี้เจ้าพระยาสุรสีห์ฯ เก็บความเคียดแค้นไว้ที่สมเด็จพระวันรัต ซึ่งเชื่อว่าจะต้องเป็นผู้ใส่ความจนทรงกริ้ว ฉะนั้นเมื่อผลัดแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกขึ้นครองราชย์ และเจ้าพระยาสรุสีห์ฯได้รับการสถาปนาเป็นกรมพระราชวังบวรฯ ตำแหน่งอุปราช จึงได้โอกาสชำระแค้น กราบทูลให้สึกสมเด็จพระวันรัต เฆี่ยน ๓๐๐ ที แล้วให้เอาไปประหารชีวิต

แต่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร (รัชกาลที่ ๒) ซึ่งเป็นลูกศิษย์สมเด็จพระวันรัตทูลขอชีวิตไว้ พระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ไว้ชีวิตสมเด็จพระวันรัตที่ถูกสึกมาเป็นนายทองอยู่ และถูกเฆี่ยนไปแล้ว ให้เป็นหลวงอนุชิตพิทักษ์ สังกัดกระทรวงมหาดไทย.....

Credit : ปรามินทร์ เครือทอง
https://mgronline.com/onlinesection/

ความคิดเห็น

วันที่: Sun May 05 19:21:49 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>