Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ความสยองของ"ลัดดาเเลนด์

ArjanPong | 21-03-2562 | เปิดดู 1312 | ความคิดเห็น 0

 

          

                 "ลัดดาเเลนด์" หนึ่งในตำนานลี้ลับอันดับ 1 ของเชียงใหม่

 

          

               เจ้าของคือ พลตรีประดิษฐ์ พันธาภา และนางลัดดา พันธาภา

 

          

"อุทยานการท่องเที่ยวขนาดใหญ่" ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งในยุคนั้นยังไม่มี

สถานที่ใดโดดเด่นเท่า

 

          

      บ้านที่เจ้าของบ้านเป็นฝรั่ง มีสาวพม่าเป็นคนดูเเล จนเกิดเรื่องราวอาถรรพ์ขึ้น

 

..เรื่องเก่าเล่าตำนาน..
ความสยองของ"ลัดดาเเลนด์!!.."
www.arjanpong.com
#วิญญาณ #ลัดดาเเลนด์ #เชียงใหม่ 
หากใครเคยเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ ที่เคยผ่านเส้นทาง "คลองชลประทาน" ทางฝั่งศูนย์ราชการจังหวัด และสนามกีฬาสมโภช 700 ปี คงจะผ่านตากับที่ดินรกร้างข้างทาง ปกคลุมด้วยไม้ หญ้า ท่ามกลางบรรยากาศรก ๆ น่ากลัว ตั้งอยู่บนกิโลเมตรที่ 4 ของ ถนนสายห้วยแก้ว อยู่ห่างจากสี่แยกห้วยแก้ว ซึ่งจะสามารถไปมหาวิยาลัยเชียงใหม่ราว 2 กิโลเมตร ที่มีชื่อว่า"ลัดดาแลนด์" จะพบว่าที่รกร้างนั้น คือสถานที่อาถรรพ์ที่สุด

ลัดดาแลนด์ จึงเป็น "ความทรงจำอันงดงาม" ของชาวเชียงใหม่ในยุค 2520 ด้วย โครงการจัดสรรอันยิ่งใหญ่ ของผู้หญิงท่านหนึ่ง อ้างกันว่าคือ "คุณนายลัดดา" นักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสามีของท่านคือนายทหารผู้เป็นเจ้าของกิจการ "โรงหนังเวียงพิงค์" ด้วย การเล็งเห็นศักยภาพของ ที่ดินรกร้างผืนใหญ่อยู่ใกล้ "ทางขึ้นดอยสุเทพ" พื้นที่ผืนนี้จึงถูกพัฒนาให้เป็น "อุทยานการท่องเที่ยวขนาดใหญ่" ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีสถานที่ใดโดดเด่นเท่า

แล้วโครงการขนาดใหญ่ที่ครองใจผู้คนในยุคนั้นก็เกิดขึ้น ด้วยการจัดศูนย์แสดงสาธิตศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งพิพิธภัณฑ์ชาวเขาการทำเครื่องเขิน การแกะสลักไม้ การทอผ้าไหม การแสดงฟ้อนรำต่าง ๆ ภายใต้การควบคุมของคณะ วัดเจ้าพ่อเม็งราย อันโด่งดังรวมไปถึงมัดใจเด็ก ๆ และครอบครัว ด้วยการให้บริการ ช้าง ม้า และรถไฟเล็กให้นั่ง ด้วยค่าบริการปนะมาณ 8 หรือ 10 บาท

เจ้าของคือ คุณนายลัดดา พันธาภา เล่ากันว่า เป็นสถานที่ยอดฮิต ของวัยรุ่นสมัยนั้นจะไป ออกเดทกันเพราะมีความเชื่อว่าคู่ไหนไปอธิฐานขอความรักกับต้นไทรหน้าลัดดาแลนด์แล้ว คู่นั้นจะได้รักกันไปตลอดชีวิต

ส่วนหมู่บ้านนั้นทั้งหมดล้วนเป็นคนที่มีฐานะดีทั้งนั้นที่เข้าไปอยู่ เรียกว่า หมู่บ้านเศรษฐี แต่เรื่องมาเกิดตอนที่บ้านหลังหนึ่งโดนคนร้าย ฆ่าตายยกบ้านแล้วเรื่อง สยองก็เริ่มขึ้นจากตรงนี้ เพราะคนที่อยู่ใกล้ๆ กับบ้านหลังนี้ บางทีก็ได้ยินเสียงร้องไห้บ้าง ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือหรือบางครั้ง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะ และที่เจอกันจนอยู่ไม่ได้ คือคนแถวนั้นจะเห็นครอบครัวที่ตายไปแล้วบางทีก็ออกมายืนหน้าบ้านออกมารดน้ำต้นไม้ คนที่ผ่านไปมาโดนหลอกทุกคนทำให้ตอนเที่ยงคืนจนถึงเช้าไม่มีใครที่จะกล้าออกจากบ้านเลย

นานวันเข้ายิ่งหนักมาหลอกถึงบ้าน คนแถวนั้นอยู่ไม่ไหวเลยพากันย้ายออกกันไปเกือบหมด ทำให้แถวนั้นกลายเป็นบ้าน ร้างเยอะแต่ยังมีบ้านอีก 3 หลัง ที่ยังไม่ไปไหนและ 1 ใน 3 หลังนั้นเจ้าของเป็นฝรั่ง ไม่ค่อยได้อยู่จะบินมาเที่ยวเฉพาะฤดูหนาว เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมาก เลยจ้างเด็กสาวพม่ามาเฝ้าบ้าน

แต่ผ่านไปไม่นานก็มีโจรมาขึ้นบ้านหลังนั้น ฆ่าเด็กสาวคนนั้นแล้วหมกศพไว้ในห้องเก็บของใต้บันได กว่าจะมาพบก็ผ่านไปเกือบ 2 เดือน และที่มาพบได้เพราะบ้านที่ยังเหลืออยู่ใกล้ๆ กัน ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากในบ้าน แต่ก็ไม่ได้สงสัย เพราะเห็นเด็กสาวคนนี้ยังคงมานั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านทุกวัน

จนวันหนึ่งทนไม่ไหว เลยบอกว่าให้ทำความสะอาด เพราะอาจจะมีหนูตาย แค่นั้นแหละ เด็กสาวหันหน้ามาแบบเละๆ เลย จึงไปแจ้งความและแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบ พอเปิดเข้าไปดูในบ้านพบและนำศพออกมาแล้ว แต่เด็กคนนี้ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมทุกวัน แต่ถ้านั่งธรรมดาไม่มายุ่งคงจะดี บางคนเล่าว่า บางครั้งก็จะเห็นเด็กสาวพม่ามายืนมองที่หน้าต่างตอนนอนกลางคืนด้วย คราวนี้ย้ายออกไม่เสียดายบ้านกันเเล้ว

ปัจจุบันลัดดาแลนด์ มีสภาพเป็นป่ารกร้าง จนกลายเป็นแหล่งมั่วสุมของพวกติดยา กลุ่มวัยรุ่นที่ชอบลองของ ในจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนเป็นที่สนใจของกลุ่มผู้ที่มีความเชื่อเรื่องผี และมักจะถูกกล่าวถึงในเรื่องความลี้ลับ เรื่องสยองขวัญ จนถูกนำเรื่องราวมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง ลัดดาแลนด์ ออกฉายในปี พ.ศ. 2554

"หากใครที่ชอบเรื่องผี ไม่มาลัดดาแลนด์ก็แสดงว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่ !?".....

Credit : https://www.sanook.com/

ความคิดเห็น

วันที่: Sun May 05 19:04:01 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>