Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ปาฏิหาริย์องค์พระปฐมเจดีย์!! ต่อหน้าพระพักตร์ ต่างเห็นกันทั้งเมือง!!

ArjanPong | 01-04-2562 | เปิดดู 1481 | ความคิดเห็น 0

 

          

                    ภาพถ่ายองค์พระปฐมเจดีย์ในสมัยรัชกาลที่ 5 

 

          

ขบวนเเห่นาค บริเวณถนนธรรมาบริหาร ที่เชื่อมต่อเสนาสนะสงฆ์คณะต่างๆ ภายใน

วัดพระปฐมเจดีย์ เมื่อปี พ.ศ 2495 ซี่งบริเวณนี้ เจ้าหญิงและหม่อมห้ามในกรมหมื่น

อลงกฎกิจปรีชา พร้อมด้วยบุตรภรรยาของพระยาอนุชิตชาญชัย และบ่าวไพร่ได้พากันไป

เที่ยวหลังองค์พระ ก็ถูกฝูงผึ้งจำนวนหนึ่งเข้าโจมตี ทำเอาต้องวิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง

 

          

พระราชธิดา ในรัชกาลที่ ๔ จากซ้ายไปขวา
แถวหลัง
๑. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญา
๒. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากนกวรรณเลขา
๓. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาณีรัตนกัญญา
๔. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุษบันบัวผัน
๕. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามัณยาภาธร
๖. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรุณวดี
๗. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนงค์นพคุณ
แถวกลาง
๑. สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
๒. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีนาคสวาดิ
๓. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมาวดี ศรีรัตนราชธิดา กรมหลวงสมรรัตนสิริเชษฐ์
๔. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรรณิการ์แก้ว กรมขุนขัตติยกัลยา
๕. สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
แถวหน้า
๑. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประไพศรีสอาด
๒. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์
๓. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์พรรณ
๔. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประสานศรีใส
๕. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแขไขดวง

 

          

     ภาพวาดองค์พระปฐมเจดีย์ของเดิมสีขาว ที่่ถูกครอบด้วยเจดีย์ใหญ่อีก 2 ชั้น

 

..เรื่องเก่าเล่าตำนาน..
ปาฏิหาริย์องค์พระปฐมเจดีย์!!
ต่อหน้าพระพักตร์ ต่างเห็นกันทั้งเมือง!!
www.arjanpong.com
#ร4 #พระปฐมเจดีย์ #นครปฐม
พงศาวดารได้บันทึกเรื่องราวปาฏิหาริย์ มหัศจรรย์ ซึ่งเกิดขึ้นที่องค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ต่อพระพักตร์ของพระมหากษัตริย์ติดต่อกันถึง ๓ รัชกาล และผู้คนจำนวนมากเห็นด้วยกันรอบด้าน โดยยังหาคำตอบไม่ได้ แม้จะทรงวินิจฉัยด้วยหลักวิทยาศาสตร์ก็ตาม

พระปฐมเจดีย์เป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดและเก่าที่สุดในประเทศไทย ซึ่งสูงเท่านกเขาเหิน และเก่าเสียจนไม่รู้ว่าใครสร้าง

จากหลักฐานแวดล้อม นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า พระปฐมเจดีย์เป็นเจดีย์แรกที่สร้างขึ้นในย่านนี้สมัยที่ยังเป็นอาณาจักรศรีวิชัยเมื่อพันกว่าปีมาแล้ว ครั้งที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งสมณทูตเข้ามาเผยแพร่พุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ เดิมเรียกว่า “พระประธมเจดีย์” เพราะครอบแท่นบรรทมของพระพุทธเจ้าไว้ภายใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ โปรดฯให้เปลี่ยนเป็น “พระปฐมเจดีย์” สมกับเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเมื่อพระพุทธศาสนามาประดิษฐานในประเทศนี้ และสร้างขึ้นก่อนเจดีย์อื่นทั้งหมด

มีบันทึกไว้ในพงศาวดารว่า พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในองค์พระปฐมเจดีย์ได้แสดงปาฏิหาริย์ให้ปรากฏแก่สายตาของบุคคลจำนวนมากหลายครั้ง รวมทั้งต่อพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ถึง ๓ รัชกาล

ในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๔ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) บันทึกไว้ตอนหนึ่งว่า

“เมื่อปีมะโรง อัฐศก วันเสาร์ เดือน ๑ ขึ้น ๒ ค่ำ (๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๙๙) เห็นที่องค์พระปรางค์เป็นดวงช่วงออกมาทางซุ้มคูหาทิศเหนืออีกคราว ๑ ครั้นมาถึงวันพฤหัส เดือน ๑ ขึ้น ๗ ค่ำ เห็นรัศมีส่องไปทั้งองค์ปรางค์เหมือนแสงดอกไม้เทียน จับอยู่ที่องค์พระได้เห็นด้วยกันมาก ในเดือน ๑ ปีมะโรง อัฐศก เห็นอัศจรรย์ ๒ ครั้ง การที่ปาฏิหาริย์มีนั้นทุกปี ๆ ละ ๒ ครั้งบ้าง ๓ ครั้งบ้าง ถ้าสมโภชเวียนเทียนเมื่อใดก็เป็นทุกคราว และที่พระปฐมเจดีย์มีเหตุอัศจรรย์หลายอย่าง คือองค์พระปรางค์ ลางทีเดือนมืดก็บังเกิดเป็นรัศมีเหมือนบุคคลเอาผ้าขาวเข้าไปหุ้มไว้ แล้วก็หายไปทีละน้อยๆ แล้วก็ สว่างขึ้นทีละน้อยๆ จนเต็มกำลัง และเห็นขึ้นไปจนตลอดยอดนภศูล ลางทีก็สว่างซีกหนึ่ง ลางทีสว่างข้างล่าง มืดข้างบน แล้วสว่างข้างบน มืดข้างล่าง

เมื่อจะสว่างนั้นก็เป็นรัศมีเรืองขึ้นทีละน้อยๆ สว่างเต็มกำลังตลอดจนยอดนภศูล แล้วรัศมีก็โรยอ่อนลงมาทีละน้อยๆ จนมืดไปทั้งองค์พระปรางค์ แล้วก็ค่อยๆ มีรัศมีเรืองๆ ขึ้นมาอีกดังกล่าวมาแล้ว เป็นอยู่ ๒ ทุ่มบ้าง ๓ ทุ่มบ้าง แล้วจึงหายไปทีเดียว ลางทีก็เห็นเป็นดวงดาวติดอยู่ปลายยอดนภศูล รัศมีแดงเหลืองสีต่างๆ ค่อยๆ เลื่อนลงมาทีละน้อย หายไปในช่องคูหา ลางทีดูที่องค์พระปรางค์มืดเป็นปกติ แต่ขอบริมนั้นมีรัศมีขาวสว่างขึ้นไปตลอดยอด ลางทีเวลาพลบก็ได้ยินเสียงโห่ร้อง ครั้นขึ้นไปถึงชั้นสุดดูก็ไม่เห็นผู้ใด ลางทีได้ยินเสียฆ้องชัยเหมือนบุคคลตีอยู่ในองค์พระเจดีย์ ลางทีมิใช่เวลาสัตบุรุษขึ้นนมัสการ พวกทำงานก็ได้กลิ่นธูปเทียนหอมตลบไป

บางจำพวกมิอาจที่จะขึ้นไปบนทักษิณได้ ก็นั่งกราบไหว้อยู่แต่พื้นดิน ครั้นถามก็ว่านมัสการนี้ก็ได้บุญเหมือนกัน คนผู้นั้นจะกลัวบาปว่าพระบรมธาตุอยู่ข้างล่าง หรือจะกลัวอย่างไรก็ไม่รู้จักน้ำใจเขา และการที่กล่าวด้วยอัศจรรย์องค์พระ ปี ๑ ก็เป็นหลายครั้งหลายคราวทุกปี จะว่าด้วยอำนาจพระพุทธเจ้าหรือว่าพระบรมสารีริกธาตุ หรือจะว่าด้วยอำนาจเทพยดา หรือจะว่าไฟฟ้าดินขึ้นกินกัน ก็สุดแล้วแต่ปัญญาท่านผู้ใดจะคิดเห็น การที่กล่าวมานี้เป็นความจริงมีพยานโดยมาก...”

ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๐๘ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จไปพระราชทานผ้าพระกฐินแล้วประทับอยู่ ๒ คืน ก็ได้ทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์พระปฐมเจดีย์อีก ในที่ประชุมพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการเห็นกันพร้อมหน้า พระราชพงศาวดารบันทึกไว้ว่า

“...พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงปีติโสมนัส รับสั่งว่าเหมือนผีหลอก ไม่รู้ที่จะว่าอย่างไรได้ เห็นจะเป็นไฟธาตุดินอยู่ในอิฐปูนถูกน้ำฝนเข้าก็เกิดเป็นรัศมีขึ้น ที่รับสั่งตรัสดังนี้ เพื่อจะมิให้คนที่ถือศาสนาพากันติเตียนได้ แต่ทองทศทองทิษมีอยู่ในฉลองพระองค์เท่าใด ก็ถอดพระราชทานให้เป็นส่วนพระราชกุศลจนสิ้น”

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงสนพระทัยในด้านวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว ดังที่ต่อมาท่านได้รับการถวายพระสมัญญานามว่าเป็น “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” เมื่อมีบางคนกล่าวว่าที่องค์พระปฐมเจดีย์มีรัศมีเรื่องขึ้นนั้น ก็เป็นเพราะสารที่ตำราฝรั่งเรียกว่า ฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารมีรัศมีเรืองแสง ไม่ใช่อภินิหารของพระสารีริกธาตุแต่อย่างใด

พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้กรมหมื่นอลงกฎกิจปรีชา พระอนุชิตชาญชัย พระวิสูตรโยธามาตย์ เอาฟอสฟอรัส เครื่องมือต่างๆ ไปทำการทดลอง พอทั้ง ๓ รับงานทดสอบปาฏิหาริย์องค์พระปฐมเจดีย์มายังไม่ทันจะได้ลงมือ เจ้าหญิงและหม่อมห้ามในกรมหมื่นอลงกฎกิจปรีชา พร้อมด้วยบุตรภรรยาของพระยาอนุชิตชาญชัย และบ่าวไพร่ได้พากันไปเที่ยวหลังองค์พระ ก็ถูกฝูงผึ้งจำนวนหนึ่งเข้าโจมตี ทำเอาต้องวิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง

บ้างก็เข้าไปในดงหนาม บ้างก็วิ่งไปชนต้นไม้จนหัวแตก บ้างก็ถึงกับผ้าผ่อนหลุดลุ่ย ต้องมีคนเอาผ้านุ่งไปให้จึงกลับมาได้ แต่เมื่อมีคนตามไปดูก็ไม่พบฝูงผึ้ง ทั้งที่บูรณปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์กันมา ๑๐ ปีแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีใครถูกผึ้งต่อยเลย!!...

Credit : https://mgronline.com/

 

ความคิดเห็น

วันที่: Sun Apr 28 10:49:43 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>