Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2012-12-01 21:30:05.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  เห็นเเก่ตัว....

 

  

                                   เห็นเเก่ตัว...

 

 

 

ผลการศึกษาชี้น้ำทะเลสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้
คณะนักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐเปิดเผยรายงานฉบับหนึ่งระบุว่า ระดับน้ำในทะเลเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าที่คณะกรรมการระหว่างรัฐว่าด้วยสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงแห่งสหประชาชาติ(ไอพีซีซี) คาดไว้ถึงร้อยละ60

โดยปัจจุบันระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3.2 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรายงานการประเมินของไอพีซีซีที่ระบุว่า ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นปีละ 2 มิลลิเมตร จากตัวเลขใหม่นี้ทำให้พบว่า โลกกำลังมีระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อถึงสิ้นศตวรรษนี้ ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นราว 1 เมตร


แกรนท์ ฟอสเตอร์ ผู้เขียนรายงานร่วมของบริษัทเทมโป อะนัลลีติคส์ในสหรัฐบอกว่า พื้นที่ราบต่ำซึ่งมีประชากรอาศัยอย่างหนาแน่นในเขตที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลอย่างบังกลาเทศนั้น พื้นที่จะถูกน้ำท่วม และนำไปสู่การอพยพครั้งใหญ่ ซึ่งจะก่อให้เกิดสงครามและความขัดแย้ง อีกทั้งเมืองชายฝั่งขนาดใหญ่อย่างนครนิวยอร์กในสหรัฐ น่าจะได้รับผลกระทบจากพายุที่มีความรุนแรงเหมือนกับพายุเฮอริเคนแซนดี


อย่างไรก็ตาม รายงานการประเมินครั้งที่ 5 ของไอพีซีซีจะถูกนำเผยแพร่เป็น 3 ช่วงในเดือนกันยายนปี 2556 เดือนมีนาคมกับเดือนเมษายนปี 2557

ข่าวเดลินิวส์,,,,

 

การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (ยูเอ็นเอฟซีซีซี) หรือที่เราเรียกกันว่า การประชุมปัญหาโลกร้อน ครั้งที่ 18 กำลังดำเนินอยู่ที่กรุงโดฮา เมืองหลวงกาตาร์ ซึ่งการประชุมกำหนด 12 วัน ระหว่าง 26 พ.ย. – 7 ธ.ค. ตัวแทนจากเกือบ 200 ประเทศทั่วโลกกำลังหารือ (อันที่จริงเป็นการเจรจาต่อรอง) กันอย่างคร่ำเคร่ง ในประเด็นต่างๆ

วาระสำคัญสุดของการประชุม อยู่ที่อนาคตของ “พิธีสารเกียวโต” ข้อตกลงระหว่างประเทศเพียงฉบับเดียว ที่มีผลผูกพันให้ประเทศต่างๆ ดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนขึ้น ซึ่งข้อตกลงฉบับนี้จะหมดอายุลงในวันที่ 31 ธ.ค. ที่จะถึง

รายงานข่าวก่อนหน้าการประชุม เห็นบอกว่าอาจจะมีการขยายเวลา ต่ออายุข้อตกลงฉบับนี้ออกไป 5 หรือ 8 ปี

ประเด็นพิธีสารเกียวโต เป็นชนวนขัดแย้งและยังไม่รู้ข้อสรุปจะออกมายังไง ระหว่างกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา กับกลุ่มสหภาพยุโรป หรือ อียู ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิก 27 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นประเทศร่ำรวยพัฒนาแล้วเกือบทั้งนั้น พิธีสารเกียวโตกำหนดให้บรรดาประเทศ ที่จัดอยู่ในขั้นร่ำรวยของโลก ประมาณ 40 ประเทศ และ 27 ประเทศของอียู ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง โดยเฉลี่ย 5 % จากระดับของปี พ.ศ. 2533

กลุ่มประเทศกำลังพัฒนากล่าวว่า การดำเนินการอย่างเคร่งครัด ตามพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงของพิธีสารเกียวโต เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในการบรรลุเป้าหมายของสหประชาชาติ ที่จะหยุดยั้งการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส

ดูตามแนวโน้มโดยรวม ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายบอกว่า เป็นไปได้ยาก

ประชาชาติ (ยูเอ็นอีพี) ออกเผยแพร่ไม่กี่วันก่อนการประชุมที่โดฮา บอกว่า อุณหภูมิเฉลี่ของโลกจะสูงขึ้นราว 3 – 5 องศาเซลเซียส ในศตวรรษนี้ ยกเว้นหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือกัน รีบเร่งแก้ไขปัญหาตั้งแต่เดี๋ยวนี้

ยูเอ็นอีพียังเตือนอีกว่า การละลายของทุ่งน้ำแข็งขั้วโลก จะทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนปลิวสู่ชั้นบรรยากาศ 43,000 – 135,000 ล้านตัน ภายในปี พ.ศ. 2643 และ 246,000 – 415,000 ล้านตัน ภายในปี 2743

ส่วนรายงานของธนาคารโลก ระบุว่า โลกจะร้อนขึ้นประมาณ 4 องศาเซลเซียส ผลกระทบที่จะได้เห็นก็คือ พื้นที่ตามแนวชายฝั่งทะเลหลายส่วนของโลกจะถูกนำท่วมขัง หมู่เกาะขนาดเล็กจะจมหายในทะเล ผลผลิตอาหารโลกลดลงอย่างมาก พืชและสัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ โรคภัยไข้เจ็บแพร่กระจายไปยังพื้นที่ใหม่ๆ นอกจากนั้น สภาพภูมิอากาศโลกจะแปรปรวนและรุนแรงมากยิ่งขึ้น เป็นต้น

ส่วนหนึ่งของสาเหตุหลัก ความล้มเหลวของพิธีสารเกียวโต คือ “ตัวการใหญ่” 2 ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุดในโลก จีน กับ สหรัฐอเมริกา ไม่รวมอยู่ในกลุ่มประเทศที่ตกลงจะดำเนินการ เพื่อไปสู่เป้าหมายของยูเอ็นด้วย

กลุ่มประเทศหมู่เกาะขนาดเล็กในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่เสี่ยงต่อการจมหายจากภาวะโลกร้อนขึ้น รวมทั้งกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (แอลดีซี) สนับสนุนให้ต่ออายุพิธีสารเกียวโตแค่ 5 ปี แต่อียูรวมทั้งออสเตรเลียต้องการให้ขยาย 8 ปี และให้สัญญาฝ่ายเดียว จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20 % ภายในปี พ.ศ. 2563 เมื่อเทียบกับระดับของปี 2533 และพร้อมจะขยายการลดเป็น 30 % หากประเทศผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนรายใหญ่อื่นๆ ร่วมมือปฏิบัติตามด้วย.

เลนซ์ซูม

 

 

 

 

 

 

 

 

guest

Post : 2012-11-30 20:11:52.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  ยิว-ฮามาส ตายกันไปข้าง

 

 

 

 

              หยุดยิงยิว-ฮามาส ถาวรหรือชั่วคราว?...

 

 

 

จาก น.ส.พ เดลินิวส์...

ในที่สุดอิสราเอลกับขบวนการฮามาส กลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ ตกลงหยุดยิงกันได้แล้ว โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ค่ำวันพุธที่ผ่านมา เพื่อยุติเหตุนองเลือดที่ดำเนินมาถึง 8 วันทั้งในและรอบนอกเขตฉนวนกาซา คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 160 ศพ แบ่งเป็นชาวปาเลสไตน์ไม่น้อยกว่า 155 ศพ และชาวอิสราเอล 5 ศพ บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก

โมฮัมเหม็ด คาเมล อัมร์ รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์แถลงข่าวร่วมกับฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐว่า ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาส เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลาตามข้อตกลงหยุดยิงนั้น อิสราเอลจะต้องยุติการกระทำอันเป็นปรปักษ์ต่อดินแดนทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมถึงการโจมตีเป้าหมายตัวบุคคลของฝ่ายปาเลสไตน์ ในขณะที่ ปาเลสไตน์จะต้องยุติการโจมตีด้วยจรวดและยุติการโจมตีทุกรูปแบบ ตลอดแนวพรมแดนด้านที่ติดกับอิสราเอล

จะว่าไปแล้วชนวนเหตุของศึกยิว-ฮามาสรอบนี้ มาจากนโยบายเด็ดหัวแกนนำกลุ่มหัวรุนแรงในปาเลสไตน์ การโจมตีเมืองกาซาของอิสราเอลเปิดฉากขึ้นด้วยการถล่มทางอากาศ สังหารอาเหม็ด จาบารี ผู้บัญชาการทหารของฮามาส ซึ่งถูกกล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังก่อการร้ายในอิสราเอลทั้งหมดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยกองกำลังป้อง กันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ประกาศเริ่มยุทธการ ออปเปอ เรชั่น พิลลาร์ ออฟ ดีเฟนซ์ เพื่อปกป้องพลเรือนชาวยิวจากจรวดและปืนคอที่ยิงมาจากกลุ่มติดอาวุธในเมืองกาซา

เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลบอกว่า การเริ่มยุทธการครั้งนี้ เพราะเขารับไม่ได้ต่อสถานการณ์ที่พลเมืองชาวยิวถูกคุกคามจากจรวดของกลุ่มหัวรุนแรงในปาเลสไตน์ ส่วน ฮามาส ซึ่งควบคุมฉนวนกาซาตั้งแต่ปี 2550 บอกว่า การสังหารจาบารีเป็นการเปิดประตูนรก ผู้สังเกตการณ์บางคนกล่าวว่า ปฏิบัติการโจมตีปาเลสไตน์ของอิสราเอลครั้งนี้มีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ ก่อนถึงการเลือกตั้งอิสราเอลในช่วงต้นปีหน้า แต่ผู้สันทัดกรณีบางรายเชื่อว่า ปฏิบัติการ พิลลาร์ ออฟ ดีเฟนซ์ มีเป้าหมายเพื่อทำลายแผนการของปาเลสไตน์ที่เสนอตัวขอเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติที่ไม่ใช่รัฐ

อย่างไรก็ตาม นายกฯเนทันยาฮูยืนกรานว่า เขาไม่ได้ต้องการโค่นล้มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซา แต่รัฐบาลอิสราเอลมีเป้าหมายเพื่อปกป้องพลเมืองชาวยิว และทำให้เครือข่ายก่อการร้ายในเมืองกาซาเป็นอัมพาต นายกฯเนทันยาฮูเคยประกาศเมื่อกลางเดือนว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอลโจมตีเป้าหมายที่เป็นก่อการร้ายกว่า 1,000 ครั้ง และทำสำเร็จในการทำลายอาวุธที่กลุ่มหัวรุนแรงยิงโจมตีอิสราเอล

กาซี ฮาหมัด รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของฮามาสยืนกรานว่า ฮามาสไม่ใช่ผู้รุกราน และไม่ต้องการเห็นความรุนแรงปะทุขึ้น พร้อมอ้างว่า ฮามาสตกเป็นเหยื่อของปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล แต่ฮาหมัดย้ำว่า
ฮามาสมีสิทธิในการปกป้องชีวิตของประชาชนชาวปาเลสไตน์ และจะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล หากกาซาไม่ปลอดภัย เมืองต่าง ๆ ในอิสราเอลก็จะไม่ปลอดภัยด้วยเช่นกัน

การหยุดยิงระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ได้สร้างความยินดีปรีดาให้แก่ประชาคมโลก ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ชื่นชมการทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยได้ดีของอียิปต์ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี จนทำให้อิสราเอลกับฮามาสตกลงหยุดยิง โอบามายังย้ำถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างสหรัฐกับอียิปต์ ส่วนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แถลงชื่นชมมอร์ซีเกี่ยวกับความพยายามของเขาจนบรรลุเป้าหมาย

เบื้องหลังที่นำไปสู่การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ส่วนหนึ่งมาจากประชาคมโลกกดดันรัฐบาลอิสราเอลและแกนนำฮามาสอย่างหนักให้ตกลงหยุดยิง บัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติเดินทางไปภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อส่งเสริมความพยายามของผู้นำอียิปต์และนาบิล อัล-อราบี เลขาธิการสันนิบาตอาหรับ

การหยุดยิงอิสราเอล-ฮามาสมีนัยต่อกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางหรือไม่ การเจรจาร่วม 20 ปีระหว่างอิสราเอลกับทางการปาเลส ไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ไม่สามารถทำข้อตกลงสันติภาพอย่างถาวร การเจรจารอบล่าสุดได้ล่มลงไปเมื่อปี 2553 แต่ฮามาสไม่ได้มีส่วนร่วมในการเจรจากับอิสรา เอล ฮามาสไม่ยอมรับสิทธิในการดำรงอยู่ของอิสราเอล และคัดค้านข้อตกลงออส โลปี ค.ศ. 1993 ที่ลงนามโดยองค์การปลดปล่อยปาเลส ไตน์ (พีแอลโอ)

ก่อนอิสราเอลเปิดฉากถล่มกาซาระลอกใหม่ ยิวกับทางการปาเลสไตน์มีความขัดแย้งกันอย่างหนัก การเจรจาของสองฝ่ายจบลงโดยไม่มีความคืบหน้า คณะเจรจาปาเลสไตน์ยืนกรานว่า การปลูกสร้างนิคมชาวยิวบนดินแดนยึดครองจะต้องหยุด ก่อนที่ทั้งสองตกลงรื้อฟื้นการเจรจาโดยตรงอีกครั้ง แต่คณะเจรจาอิสราเอลบอกว่า การเจรจาของสองฝ่ายไม่ควรตั้งเงื่อนไขล่วงหน้า

รัฐบาลอิสราเอลและสหรัฐไม่พอใจที่ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์มีแผนยื่นเรื่องขอเป็นสมาชิกสหประชาชาติที่ไม่ใช่รัฐต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในวันที่ 29 พฤศจิกายน ปาเลสไตน์อ้างว่า การขอเป็นสมาชิกสหประชาชาติที่ไม่ใช่รัฐจะช่วยทำให้การเจรจาสันติภาพดีขึ้น แต่อิสราเอลกับสหรัฐย้ำว่า หนทางเดียวที่จะนำพาปาเลสไตน์ไปสู่ความเป็นเอกราชคือการเจรจาโดยตรงกับอิสราเอลเท่านั้น

ประธานาธิบดีโอบามาเคยกล่าวไว้ว่า หากสถานการณ์ในเมืองกาซาอยู่ในขั้นเลวร้าย มีความเป็นไปได้ที่การเจรจาสันติภาพที่นำไปสู่การตั้งรัฐปาเลสไตน์อยู่เคียงข้างอิสราเอล จะถูกปัดออกไปให้เป็นเรื่องของอนาคต.

 

 

               

            อิสราเอล-ปาเลสไตน์ ปฐมบทแห่งความขัดแย้ง

 

 By janghuman

 

สงครามเชื้อชาติระหว่างพวกยิว (อิสราเอล) กับชาวอาหรับ ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยอดีตมาจนถึงปัจจุบัน นับเวลาได้หลายร้อยหลายพันปี ก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติลงได้เสียที ความขัดแย้งจากเดิมที่มีสาเหตุมาจากเรื่องของชาติพันธุ์ถูกขยับขยายลุกลามออกไป ทั้งเรื่องของดินแดน ผลประโยชน์ต่างๆ นานา ความขัดแย้งนี้ก่อให้เกิดหายนะอันใหญ่หลวงที่ดูเหมือนจะหาจุดสิ้นสุดไม่ได้ บางครั้งยังลุกลามไปยังบ้านเมืองใกล้เคียง จนส่งผลสะท้อนไปทั่วทั้งโลก หลายท่านอาจจะสงสัยว่าต้นเหตุใดหนอที่ก่อให้เกิดความบาดหมางกันระหว่างชนสองเผ่าพันธุ์นี้ ข้าพเจ้าจะขอย้อนความไปเมื่อครั้งอดีตเพื่อเล่าถึงต้อตอของเรื่องราว

 

เรื่องราวทั้งหมดนี้ปรากฎในพระคัมภีร์เก่า และเป็นคติความเชื่อของผู้นับถือพระเจ้าตามแต่ศาสนาของเขา ข้าพเจ้าจะพยายามเล่าอย่างเป็นกลางตามข้อมูลที่สืบค้นมา และหากมีการพาดพิงถึงกลุ่มหรือสิ่งใดที่หลายท่านนับถือ ข้าพเจ้าขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยความจริงใจในการเผยแพร่ข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทั่วไปเท่านั้น

 

god

 

 

ย้อนความไปในสมัยที่พระเจ้าสร้างโลก อดัมและเอวา คือมนุษย์ชาย-หญิงคู่แรกของโลกตามที่ปรากฎในพระคัมภีร์ ในครั้งนั้นทั้งสองยังคงอาศัยอยู่ร่วมกับสรรพสัตว์ต่างๆ ในสวนอีเดนของพระเจ้า จนกระทั่งเมื่อได้ละเมิดข้อห้ามของพระเจ้าและถูกเนรเทศลงมาอยู่บนโลกมนุษย์และขยายพงศ์พันธุ์กระจายไปทั่วแผ่นดิน

 

ในยุคนั้นแม้ว่ามนุษย์จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกแต่ยังมีความใกล้ชิดกับพระเจ้าในระดับหนึ่ง คือยังสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ จวบจนวันเวลาผ่านไป มนุษย์ที่เคยบริสุทธิ์เริ่มกระทำบาปมากขึ้นอันเป็นปรกติวิสัยของมนุษย์เอง เมื่อมีบาป ความใกล้ชิดกับพระเจ้าก็เริ่มมีช่องว่างเพิ่มมากขึ้นทุกที ๆ แต่พระเจ้าเองก็ยังคงปรากฎกายและติดต่อกับมนุษย์อยู่บ้างในบางโอกาส

 

จนเมื่อพระเจ้าเห็นว่าโลกมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยความชั่วช้าบาปหนาจนเกินอภัย พระองค์จึงมีอุบายที่จะทำลายล้างโลกเสีย แต่ทรงเห็นว่าหากทำเช่นนั้นจริงเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะไม่หลงเหลืออยู่เลย พระองค์จึงแสดงนิมิตรปรากฎให้โนอาห์เห็นและบอกแผนการณ์ให้ฟัง นั่นก็คือเหตุการณ์น้ำท่วมโลกที่เราคุ้นเคยกันดี โนอาห์ทำตามพระบัญชาของพระเจ้า นั่นจึงเป็นการปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์และสรรพสัตว์เอาไว้จากมหาพิบัตในครั้งนั้น

 

 

noahark1
ภาพเขียน Noah and his family leaving the Ark
เขียนโดย Adam Colonia ในปี ๑๖๖๓

 

 

หลังจากน้ำท่วมโลกหนนั้น โนอาห์ได้สืบทอดเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ต่อมาอีกนับพันปีจนกระทั่งถึงยุคของ อับราฮัม อับราฮัมผู้นี้ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดีและเคารพยำเกรงพระเจ้าอย่างที่สุดไม่ต่างจากโนอาห์ ครั้งหนึ่งอับราฮัมถึงกับนำอิสอัคบุตรของตนไปบวงสรวงแด่พระเจ้า (แท้จริงเป็นการลองใจของพระเจ้า) และด้วยความเคารพในพระองค์อย่างสูงสุด อับราฮัมจึงได้รับพรจากพระเจ้าอยู่เสมอ

 

เดิมทีนั้นอับราฮัมอาศัยอยู่ในดินแดนที่เรียกว่าแคว้นคันนาอัน แต่ต่อมาได้พาครอบครัวเดินทางไปตั้งรกรากใหม่ในดินแดนของประเทศอียิปต์ในปัจจุบัน อับราฮัมมีภรรยาคนหนึ่งชื่อ นางซาร่าห์ นางเป็นหญิงที่มีรูปร่างหน้าตางดงามยิ่งนัก เมื่อจะเดินทางเข้าแผ่นดินอียิปต์ อับราฮัมนัดแนะกับนางให้ปกปิดฐานะของสามี-ภรรยา เพราะเกรงว่าอาจถูกปองร้ายจากคนชั่วที่หวังจะครอบครองนาง เมื่อมาถึงอียิปต์ก็เป็นดังคาด นางซาร่าห์กลายเป็นที่หมายปองของบรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลายรวมถึงฟาโรห์ด้วย องค์ฟาโรห์ต้อนรับเลี้ยงดูอับราฮัมเป็นอย่างดีด้วยเข้าใจว่าเป็นพี่ชายของนางซาร่าห์ จนต่อมาเมื่อรู้ความจริงทั้งหมดพระองค์จึงกลับพระทัย แต่ก็ขอให้อับราฮัมอพยพออกจากอียิปต์ไปเสีย

 

 

begin02
อับราฮัมและครอบครัว เมื่อครั้งเดินทางออกจากแคว้นคันนาอัน

 

 

อับราฮัมออกเดินทางอีกครั้งมาตั้งรกรากที่เมืองเบธเอล จนได้มาพบกับ โลท หลานชายของตน ต่อมาไม่นานก็เกิดกรณีพิพาทกันระหว่างสองครอบครัวอา-หลาน เนื่องด้วยพื้นที่ปศุสัตว์ของทั้งคู่คาบเกี่ยวกัน จึงมักจะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่เนืองๆ อับราฮัมไม่ต้องการให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต จึงตกลงกับโลทหลานชายว่าจะแบ่งดินแดนกัน โดยให้หลานชายเลือกก่อนว่าจะไปทางไหน และเขาจะเป็นฝ่ายไปทางตรงข้ามเอง

 

โลท ตัดสินใจเลือกพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์บริเวณลุ่มแม่น้ำจอร์แดน หรือบริเวณประเทศจอร์แดนในปัจจุบัน พื้นที่นั้นครอบคลุมไปถึงบริเวณลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส ซึ่งครอบครัวของโลทก็คือต้นกำเนิดของชาวอาหรับที่อาศัยอยู่บนดินแดนแถบนั้นนั่นเอง

 

อับราฮัมนั้นมีบุตรชายอยู่สองคน คนหนึ่งคือ อิสอัค อันเกิดจากนางซาร่าห์ ภรรยายแสนสวย อีกคนหนึ่งคือ อิชมาเอล เกิดกับนางฮาการ์ ซึ่งเป็นทาสชาวอียิปต์ ต่อมานางซาร่าห์เกิดความระแวงกลัวว่าบุตรของนางฮาการ์จะมาแย่งชิงสมบัติของอิสอัคบุตรของตน จึงขอให้อับราฮัมขับนางและบุตรไปให้พ้นเสีย ขณะที่อับราฮัมไม่รู้จะทำอย่างไรดี พระเจ้าก็มาปรากฏต่อหน้าอับราฮัมและให้พรว่า อย่าได้กังวลไป เพราะบุตรของอับราฮัมทั้งสองต่อไปจะสืบเชื้อสายเป็นบรรพบุรุษของสองชนชาติ เขาจึงจำต้องขับนางฮาการ์ไปจากครอบครัว

 

นางฮาการ์และอิชมาเอลซัดเซพเนจรไปยังดินแดนตรงข้ามของอียิปต์ สองแม่ลูกต้องลำบากลำบนอย่างแสนสาหัส จนอิชมาเองถึงกับแสดงความน้อยอกน้อยใจที่พระเจ้าไม่เหลียวแลเขา พระองค์จึงแสดงปาฏิหารย์บังเกิดน้ำพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ พื้นที่ตรงนั้นคือบริเวณนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบียนั่นเอง ซึ่งต่อมาอิชมาเอลก็ตั้งรกรากบนดินแดนนี้และสืบลูกหลานต่อมากลายเป็นชนชาติอาหรับอีกสายหนึ่ง และสืบต่อมาจนถึงยุคสมัยของพระโมฮัมหมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม นั่นจึงหมายถึงว่าทั้งสองศาสนาต่างมีเชื้อสายสืบต่อมาจากบรรพบุรุษสายเดียวกันนั่นเอง

 

 

zpage020

 

 

กลับมาที่อิสอัคบุตรชายของอับราฮัมที่เกิดจากนางซาร่าห์ เมื่ออับราฮัมสิ้นบุญ เขาจึงเป็นผู้สืบเชื้อสายโดยตรงจากบิดา อิสอัคมีภรรยาชื่อนางรีเบก้า นางตั้งครรภ์ลูกแฝด ระหว่างที่อุ้มท้องนั้นนางได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก พระเจ้าได้บอกแก่นางว่า นางจะให้กำเนิดบรรพบุรุษของสองชนชาติ แต่ทั้งคู่จะต้องแตกแยกกัน ฝ่ายหนึ่งจะแข็งแรงกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง และพี่จะกลายเป็นผู้รับใช้น้อง

 

เมื่อคลอดออกมา คนหนึ่งมีขนทั่วตัว ได้ชื่อว่า เอซาว ส่วนคนน้องได้ชื่อว่า ยาคอบ คนพี่นั้นมีนิสัยกล้าหาญ เป็นนายพรานฝีมือดี ชอบออกล่าสัตว์ ใช้ชีวิตอยู่ในทุ่ง ขณะที่คนน้องกลับเงียบๆ ชอบอยู่กับบ้าน ช่างคิด และออกจะเจ้าเล่ห์กว่า อิสอัครักเอซาวบุตรคนโตมาก และชอบรับประทานเนื้อที่เอซาวล่ามาให้ ส่วนนางรีเบก้ากลับรักยาคอบ บุตรคนเล็กมากกว่า

 

ในพระคัมภีร์เล่าว่า วันหนึ่ง เอซาวกลับมาจากการล่าสัตว์ กำลังเหนื่อยและหิวเต็มที เห็นยาคอบกำลังปรุงอาหารอยู่ในครัว จึงเอ่ยปากของกินอาหารนั้น ยาคอบยินดียกอาหารนั้นให้แต่มีข้อแลกเปลี่ยน คือขอสิทธิ์ของการเป็นบุตรคนโตจากเอซาวพี่ชาย เอซาวที่กำลังหิวจัดจนลืมนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่าง จึงเอ่ยปากมอบสิทธิ์ของการเป็นบุตรคนโตให้แก่น้องชายแลกกับอาหารมื้อนั้น

 

ตามธรรมเนียมของยุคนั้น บุตรคนโตจะได้รับศีลรับพรจากหัวหน้าครอบครัวเมื่อถึงคราวที่หัวหน้าครอบครัวกำลังจะสิ้นบุญ ซึ่งพรในยุคนั้นยังคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับพรจากพระเจ้า จนเมื่ออิสอัครู้กำหนดวาระสุดท้ายของตนเอง จึงได้เรียกเอซาวเข้าไปพบและสั่งให้ไปล่าสัตว์นำมาปรุงอาหารให้รับประทานก่อนที่เขาจะประสาทพรให้ ซึ่งนางรีเบก้าแอบฟังอยู่อย่างเงียบๆ

 

เมื่อเอซาวออกไปล่าสัตว์ตามคำสั่งของบิดา นางรีเบก้ารีบนำเรื่องไปบอกแก่ยาคอบ ให้ยาคอบไปจับสัตว์ที่เลี้ยงไว้มาปรุงอาหารเพื่อจะได้รับพรตัดหน้าเอซาว เมื่อปรุงอาหารเสร็จแล้ว นางรีเบก้าจัดการเอาหนังสัตว์นั้นมาคลุมตัวยาคอบเพื่อให้ยาคอบมีขนรุงรังเหมือนกับเอซาว พอยาคอบนำอาหารไปให้ อิสอัคที่อายุมากแล้ว นัยน์ตาฝ้าฟางมองอะไรไม่เห็น เอื้อมมือไปจับยาคอบ เมื่อสัมผัสกับขนสัตว์ก็นึกว่าเป็นเอซาวจริง จึงรับประทานอาหารจนหมดและให้พร

 

 

begin01

 

 

“ขอพระเจ้าทรงอำนวยพรให้แก่เจ้า ทรงประทานน้ำจากท้องฟ้าให้แก่เจ้า ประทานความสมบูรณ์ของแผ่นดินให้แก่เจ้า ชนชาติทั้งหลายจะเคารพยำเกรงเจ้า เจ้าจะเป็นนายมีอำนาจเหนือพี่น้องและพวกพ้องทั้งปวง ผู้ใดสาปแช่งเจ้าก็ขอให้มันถูกสาปแช่ง ผู้ใดอำนวยพรแก่เจ้าผู้นั้นก็จะได้รับการอำนวยพรด้วย”

 

จนเมื่อเอซาวกลับมารู้ความจริงจึงเสียใจมาก ฝ่ายอิสอัคที่รู้ตัวว่าหลงกลยาคอบเสียแล้วก็ไม่รู้จะทำประการใด เพราะพรที่อำนวยแต่สิ่งดีๆ ได้มอบให้แก่ยาคอบหมดแล้ว เขาจึงให้พรอีกครั้ง

 

“เจ้าจะอาศัยอยู่บนแผ่นดินที่แห้งแล้ง แต่เจ้าจะดำรงชีวิตด้วยคมดาบ เจ้าจะรับใช้น้องเจ้า แต่วันใดที่เจ้าหลุดพ้นมันไปได้ เจ้าจะเป็นไทและเป็นใหญ่”

 

เอซาวอาฆาตยาคอบน้องชายของตนยิ่งนัก ถึงกับประกาศว่าจะต้องสังหารยาคอบให้ได้จึงจะหายแค้น ยาคอบนั้นเกรงกลัวพี่ชายจึงออกเดินทางร่อนเร่ไปยังดินแดนต่างๆ หวังจะให้ห่างจากพี่ชาย และเขาได้สืบสานวงศ์ตระกูลสืบทอดมาจนกลายเป็นชนชาติอิสราเอล หรือ ยิว ในปัจจุบัน ส่วนเอซาวนั้นคือบรรพบุรุษของชนชาติอาหรับที่อาศัยอยู่รอบดินแดนอิสราเอล และยังคงมีความเคียดแค้นชิงชังมาจนถึงปัจจุบัน

 

 

 

                  ธปท.ฟันธงเศรษฐกิจไทย ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

                      อนาคตมีแต่สดใส

 

ข่าวจากไทยรัฐ ออนไลน์...

ธปท.ฟันธงเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หลังข้อมูลภาวะเศรษฐกิจเดือน ต.ค.ปีนี้ มีสัญญาณปรับดีขึ้นเกือบทุกภาคส่วน ไม่ว่าการบริโภค รายได้เกษตรกร การลงทุน และแนวโน้มการส่งออก......

http://www.thairath.co.th/content/eco/310032

 

 

ฝีมือล้วน ๆ ทั้ง ๆ ที่ประเทศเพิ่งผ่านมหาอุทกภัยมา .......
สิ่งดี ๆ กำลังจะตามมาครับ ถ้าเสธ.อ้ายไม่แช่แข็งเสียก่อน

 

 
 

จากคุณ : อับราฮัม ลินคอล์น
เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 55 19:54:09 A:118.172.216.240 X:
   

 

 

ทุกอย่างมันเกิดจากการที่รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจที่ฐานเป็นหลัก จึงทำให้เศรษฐกิจมันหมุนเวียนจากล่างขึ้นสู่บน ทำให้เศรษฐกิจทุกภาคส่วนกระเตื้องขึ้นทุกระดับชั้น

กอปรกับการสร้างความเชื่อมั่นกับต่างประเทศอย่างขยันขันแข็ง จนทำให้นักลงทุนไม่เพียงแต่จะไม่ย้ายฐานไปยังประเทศอื่นเนื่องจากภัยน้ำท่วม ยังเพิ่มการลงทุนเข้าไปอีกด้วย

และที่นายกฯปู ไม่ต่อปากต่อคำ ทำแต่งานอย่างเดียว จึงทำให้อุณหภูมิทางการเมืองนั้นไม่สามารถถูกปั่นให้ร้อนเหมือนที่ผ่านมา จะลงมายุ่งก็ต่อเมื่อถึงคราวจำเป็นเท่านั้น เช่นการออก พรบ.มั่นคง ครั้งที่ผ่านมา

หากไม่มีคนคอยป่วน ไม่มีม็อบไร้สาระอย่างเสธ.อ้ายมาทำลายบรรยากาศการลงทุน ประเทศไทยภายใต้การบริหารของนายกฯปู เศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตหลังจากที่หยุดชะงักมาหลายปีเลยทีเดียว

หากคนไทยรักชาติจริง เอาเวลาไปทำมาหากินและรอวัดผลในการเลือกตั้งอีก 2 ปีกว่าข้างหน้าจะดีกว่า

และถ้าอยากจะให้พรรคแมลงสาบมีโอกาสที่จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของพรรคเพื่อไทย ควรจะเอาเวลาไปเร่งให้หาคนมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้แล้วนะฮ้า

จากคุณ : นางฟ้านะยะ
เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 55 20:03:03 A:171.7.49.114 X:
ถูกใจ : ธุดงค์ผ่านมา, pae2010, บอกก็ไม่รู้, Ms.bee, SamT, terminator2009, Hmao

 

guest

Post : 2012-11-30 19:35:26.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  รอวันสลาย......

 

 

                                                                      รอวันสลาย...

 

                                              

 

 

 

 

....เคยผลิช่อ ล้อใบ ไสวเด่น

 

เเรกเเย้มเห็น รุมไต่ตอม ล้อมความหวาน

 

เหล่าภมร ชอนไช ได้ไม่นาน

 

ไหวสะท้าน ร่วงสุดโคน โดนลมตี

 

 

 

....จากเปล่งปลั่ง ยังเต่งตึง ถึงเเห้งเหี่ยว

 

สักนิดเดียว เคยมีไหม? ใช่เเต่หนี

 

สิ่งที่เคย ให้ความสุข ทุกราตรี

 

กลับหลบลี้ เห็นไร้ค่า น่าน้อยใจ.......

guest

Post : 2012-11-29 20:54:40.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  โศกนาฐกรรมในบังคลาเทศ

 

                                                              

 

ข่าวเดลินิวส์       

หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเสื้อผ้าของบริษัททาซรีน แฟชั่น ชานกรุงธากา เมืองหลวงบังกลาเทศเมื่อกลางดึกของคืนวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้คนงานถูกย่างสดเสียชีวิตกว่า 100 ศพ และบาดเจ็บอีกจำนวนมากจากการกระโดดหนีเพลิงนรกที่กำลังเผาอาคารของโรงงานสูง 8 ชั้น ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ร้ายแรงครั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่เจ้าหน้าที่ของทางการบอกว่า สาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เป็นเพราะโรงงานแห่งนี้ ไม่มีทางออกฉุกเฉิน ซึ่งเป็นสาเหตุยอดนิยมที่ประเทศด้อยพัฒนา และยากจนทุกที่ มักอ้างกันหลังเกิดเหตุในลักษณะนี้ แต่ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก ก็ไม่ยอมแก้ไขกัน ต้องรอให้เหตุเกิด หรือนรกมาเยือนก่อน แล้วค่อยหาทางล้อมคอก

 

 

 

 รู้จักบังคลาเทศ

 

 
เมืองหลวง
(และเมืองใหญ่สุด)
ธากา
23°42′N 90°22′E / 23.7°N 90.367°E / 23.7; 90.367
ภาษาทางการ ภาษาเบงกาลี
การปกครอง สาธารณรัฐระบบรัฐสภา
- ประธานาธิบดี ซิลลูร์ เราะฮ์มาน
- นายกรัฐมนตรี เชก ฮาซินา
เอกราช จาก ปากีสถาน
- ประกาศ 26 มีนาคม พ.ศ. 2514
- เป็นที่ยอมรับ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2514
พื้นที่
- รวม 144,000 ตร.กม. (92)
55,598 ตร.ไมล์
- แหล่งน้ำ (%) 7.0%
ประชากร
- 2548 (ประเมิน) 141,822,000 (8)
- 2544 (สำมะโน) 123,151,256[1]
- ความหนาแน่น 985 คน/ตร.กม. (11)
2,551 คน/ตร.ไมล์
จีดีพี (อำนาจซื้อ) 2548 (ประมาณ)
- รวม 305.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (31)
- ต่อหัว 2,011 ดอลลาร์สหรัฐ (143)
ดพม. (2546) 0.520 (กลาง) (139)
สกุลเงิน ตากา (BDT)
เขตเวลา BDT (UTC+6)
- (DST) not observed (UTC+6)
ระบบจราจร ซ้ายมือ
โดเมนบนสุด .bd

 

ดินแดนที่เป็นประเทศบังกลาเทศในปัจจุบันมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1,000 ปี เดิมเป็นส่วนหนึ่งของชมพูทวีป (อินเดีย) เคยเป็นดินแดนที่เจริญรุ่งเรืองของศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนามาก่อน ต่อมาพ่อค้าชาวอาหรับได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแผ่ จนชาวบังกลาเทศส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามมาจนถึงทุกวันนี้

ในปี พ.ศ. 2300อังกฤษได้เข้าไปยึดครองชมพูทวีป และดินแดนแห่งนี้ได้ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษเกือบ 200 ปี ต่อมาในปี พ.ศ. 2490 ดินแดนแถบนี้ได้รับเอกราช แต่บังกลาเทศก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของปากีสถาน เรียกกันว่าปากีสถานตะวันออก

ต่อมาชาวเบงกาลีในปากีสถานตะวันออก ไม่พอใจการบริหารงานของรัฐบาลกลาง ซึ่งอยู่ในปากีสถานตะวันตก เนื่องจากถูกแสวงหาประโยชน์และได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม ซึ่งสร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างปากีสถานตะวันตกและปากีสถานตะวันออก นอกจากนี้ปากีสถานทั้งสองยังมีความแตกต่างด้านภาษา วัฒนธรรม และเชื้อชาติอีกด้วย ชาวเบงกาลีจึงจัดตั้งพรรค Awami League (AL) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2492เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวเบงกาลี โดยมี Sheikh Mujibur Rahman เป็นหัวหน้า

เมื่อวันที่ 26 มีนาคมพ.ศ. 2514 ปากีสถานตะวันออกได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราช ภายใต้ชื่อ สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ทำให้ปากีสถานตะวันตกส่งกองกำลังทหารเข้าปราบปราม อินเดียได้ส่งทหารเข้าไปช่วยเหลือปากีสถานตะวันออก ในที่สุดฝ่ายปากีสถานตะวันตกพ่ายแพ้ในการรบ และยินยอมให้เอกราชแก่บังกลาเทศ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมพ.ศ. 2514

 

 

 
บทความของ นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์

รั้วลวดหนาม 2 ชั้น กั้นระหว่างอินเดีย-บังคลาเทศ ซึ่งเป็น "รั้วที่ไม่มีวันกลับ (fence of no return)" เนื่องจากทางอินเดียใช้นโยบายยิงทิ้งชาวบังคลาเทศที่ลักลอบข้ามพรมแดน

.
ภาพแผนที่ภาษา: ขอให้สังเกตพื้นที่สีเขียวทางตะวันออกซึ่งมีเขตภาษา "อารกัน (Arakanes)" ที่ใช้ในบังคลาเทศ-รัฐยะไข่ของพม่า และพื้นที่สีเขียวเข้มที่มีการใช้ภาษาพม่า
.
ท่านพระอาจารย์ชนกะ ชาวพม่า เล่าว่า พระชาวบังคลาเทศหลายรูปพูดภาษาพม่าได้ แต่เป็นภาษาโบราณ สอดคล้องกับภาพแผนที่นี้
.
บังคลาเทศมีพรมแดนด้านตะวันตกติดกับพม่า พรมแดนที่เหลือติดกับอินเดีย มีแก๊สธรรมชาติ และมีพื้นที่ทับซ้อนที่มีแก๊สธรรมชาติ (ยังตกลงกับพม่าไม่ได้)
.
จีนทำเขื่อนกั้นแม่น้ำพรหมบุตรในเขตธิเบตแล้ว คาดว่า ต่อไปบังคลาเทศจะขาดน้ำจืด แม่น้ำตอนล่างของประเทศจะมีน้ำทะเลแทรก ทำให้น้ำเค็มมากขึ้น ชายฝั่งทะเลบางส่วนจะหายไป (พบในประเทศที่สร้างเขื่อน ทำให้ตะกอนดินปากอ่าวลดลง)
.
อาจารย์จิรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รมต.สาธารณสุข ตีพิมพ์เรื่อง 'Unseen บังคลา(ประ)เทศ' ในรูปหนังสือนำเที่ยว เล่มละ 200 บาท แนะนำให้หาซื้อมาอ่านครับ มีจำหน่ายที่ร้าน 'SE-ED' (สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊คส์)
.
สาระน่ารู้จากหนังสือดังกล่าว ซึ่งแนะนำให้เรารู้จักชาว "บังลา (Bangla)" หรือชาวบังคลาเทศได้แก่
.
(1). กระเป๋าเดินทางควรมีกุญแจล็อค ป้องกันของหาย ป้องกันคนอื่นลอบใส่ยาเสพติด และอย่ารับฝากของจากคนอื่น โดยเฉพาะตอนผ่านด่านตรวจ (กฏหมายยาเสพติดแรงมาก)
.
(2). บังคลาเทศมีคนมากเกือบ 160 ล้านคน มีพื้นที่น้อย = 144,000 ตร.กม. ปัญหาใหญ่ที่นั่น คือ ทำอย่างไรให้คนรอดตาย
.
ส่วนประเทศเพื่อนบ้าน (อินเดีย-พม่า) ก็คิดเหมือนกัน คือ ทำอย่างไรจะป้องกันคนอพยพจากที่นั่น โดยอินเดียทำรั้วกั้น (รวมความยาว มากกว่ารั้วพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก) และพม่าอพยพคนกลุ่มใหญ่ (เชื้อสายบะหม่าหรือพม่าแท้) ไปอยู่ตลอดแนวชายแดน
.
(3). ผู้หญิงนุ่งส่าหรี ผู้ชายสวมเสื้อ-โสร่ง หรือเสื้อแขนยาว-กางเกงขาหลวม เรียกว่า "ปัยจมาปัญจาวี", ภาษาอังกฤษก็มีคำที่นำมาจากภาษาฮินดี (Hindi = ภาษาที่คนอินเดียส่วนใหญ่ใช้) และเปอร์เซีย (Persia = อิหร่าน)
  • [ pajama ] > [ ปะ - จ๊า - หม่า ] > http://www.thefreedictionary.com/pajama > noun = เสื้อ-กางเกงนอน; ศัพท์เดิม 'pai' = กางเกง; 'pajama' = กางเกงหลวมๆ
(4). การศึกษาภาคบังคับ 5 ปี อัตราอ่านออกเขียนได้ = 47.5% (ผู้ชาย 53.9%; ผู้หญิง 38.1%) เทียบกับไทย = 92.6% > ทำให้เป็นมหาอำนาจด้านแรงงานไร้ฝีมือ เหมาะกับอุตสาหกรรมใช้แรงงาน (labor intensive) เช่น เสื้อผ้า ประมง ฯลฯ
.
(5). ชาตินี้มีประวัติศาสตร์กว่า 1,000 ปี โดยเป็นส่วนหนึ่งของชมพูทวีป มีศูนย์กลางในอินเดีย > ปี 2300 เป็นเมืองขึ้นอังกฤษ > ปี 2490 ได้เอกราช (รวมกับปากีสถาน)
.
2514 ประกาศแยกประเทศจากปากีสถาน เนื่องจากไม่พอใจที่ปากีสถาน(ตะวันตก)รวย บังคลาเทศ(ปากีสถานตะวันออก)จน ต้องรบกัน โดยอินเดียเข้าข้างบังคลาเทศ
.
(6). เงิน "ตะก้า (taka)" หรือตะกร้ามีค่าประมาณ 1/2 บาท (2.15 T:฿ ในปี 2551) > ข้าวสาร 20 บาท/กก. และรัฐบาลมีโควต้าข้าวสารถูก 7.5 บาท/กก.
.
ที่นั่นผลิตข้าวปลาอาหารได้ไม่พอกิน ต้องนำเข้า แนวโน้มจะแย่ลง เนื่องจากผลิตลูกเก่ง และพื้นที่ลุ่มอยู่ใกล้ระดับน้ำทะเล ถูกภาวะโลกร้อน ทำให้น้ำในแม่น้ำเค็มขึ้น น้ำท่วมขังนานขึ้นเรื่อยๆ
.
(7). คนที่นั่นชอบอาหารไทยมาก แม้แต่มหาวิทยาลัยดั๊กกาก็ทำหลักสูตรอาหารไทย > สถาบันการศึกษาไทยควรส่งเสริมให้คนไทยทำอาหารเป็น เพราะนี่คือ "ทรัพย์สินปัญญา" ของไทย และอย่าลืมจดทะเบียนลิขสิทธิ์เป็นของไทยไว้ทั่วโลกด้วย
.
สำนักข่าว BBC รายงานว่า แกงประจำชาติอังกฤษเป็นแกงแขก และพนักงานร้านอาหารอินเดีย 80% เป็นชาวบังคลาเทศ เรื่องนี้สนับสนุนสมมติฐานที่ว่า ชาติที่กินพริก (จีนตอนใต้ เกาหลี เม็กซิโก คนจิตตะกองในบังคลาเทศ ไทย ฯลฯ) มักจะเป็นชาติที่ทำอาหารเก่ง [ bloggang ]; [ gotoknow ]; [ exteen ]
.
(8). มีแหล่งแก๊สธรรมชาติ รถที่นั่นนิยมใช้แก๊ส (CNG / NGV) = 2.9 บาท/กก. มากกว่าน้ำมัน = 33.5 บาท/ลิตร
.
(9). เมืองจิตตะกองซึ่งเป็นเมืองท่าทางใต้ เดิมเป็นเมืองพุทธ ทุกวันนี้ยังมีวัดสไตล์พม่า แถมยังมีหลักสูตรเภสัชกรอินเตอร์ มีนักศึกษาจากเนปาล-ภูฏาน เนื่องจากเรียน 5 ปีจบ เร็วกว่าที่อื่น (6 ปี)
.
เมืองไทยเรามีศักยภาพที่จะเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการรักษาพยาบาล (medical hub) และด้านการศึกษาสุขภาพ-สาธารณสุข (medical education hub)
.
การมีนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนในไทยจะทำให้คนไทยเก่งภาษาอังกฤษ มีรายได้ในระยะยาว มีมิตรภาพกับเพื่อนบ้าน และอาจเป็นเครือข่ายให้โรงพยาบาลไทยขยาย หรือการรับจ้างบริหารโรงพยาบาลในต่างประเทศได้
.
(10). ชายทะเลด้านตะวันออก หรือค็อกซ์บาซาร์ (Cox's bazar) เป็นชายทะเลที่ยาวที่สุดในโลก มีการโฆษณาว่า 'Tourist capital of Bangladesh' = "เมืองหลวงด้านการท่องเที่ยวของบังคลาเทศ"
.
ต่อไปอาเซียนจะเชื่อมต่อกับเอเชียใต้ทางบก... ชายทะเลพม่า-บังคลาเทศน่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแม่เหล็กใหม่ของภูมิภาค ทั้งนี้ขีดจำกัดสำคัญ คือ ปัญหาชนกลุ่มน้อยชายขอบพม่า โดยเฉพาะกะเหรี่ยง ต้องบรรเทาเบาบางไปก่อน
  • [ bazaar ] > [ บะ - ซ่า; "ซ่า" ออกเสียงหนักแบบตัว 'z' ] > http://www.thefreedictionary.com/bazaar > noun = บาซาร์ ตลาดสินค้ามือสอง-ทำเอง; ศัพท์เดิมมาจากภาษาเปอร์เชีย (อิหร่านเก่า) = ตลาดที่มีร้าน 2 ฝั่งเป็นแถวเป็นแนว อาจมีหลังคา เช่น ผ้าใบ ฯลฯ ด้านบน
(11). ปี 2531-2541 มีปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ 2/3 ของประเทศจากการที่ขยะพลาสติกอุดท่อ จึงห้ามใช้ถุงพลาสติกตั้งแต่ปี 2545 (ปัจจุบันทางพม่าก็ห้ามเช่นกัน)
.
(12). ผู้ชายบังลานิยมนั่งปัสสาวะ นัยว่า เพื่อป้องกันโสร่งเปียกคล้ายกับชาวพม่า
.
(13). เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่นั่นมีราคาถูก เนื่องจากเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตเสื้อผ้า 1 ใน 5 แห่งแรกของโลก ชาวบังลาบอกว่า ที่ถูกได้เพราะมีตำหนิเล็กน้อย เช่น ติดขนาด (ไซส์) ฯลฯ ผิด
.
ไก๊ด์เวียดนามท่านหนึ่งบอกว่า ของเวียดนามก็ไม่ใช่ของปลอมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะเป็นของก๊อป (ก๊อปปี้ - copy)
.
(14). ชาวบังลามองคนไทย-สินค้าไทยในแง่ดี > วิธีตอบแทนความดีของชาวบังลา คือ ขอให้คนไทยใส่ใจ สนใจศึกษาเรื่องเพื่อนบ้าน ให้เกียรติเพื่อนบ้าน และขอความกรุณาสื่อมวลชนไทยไม่ไปดูถูกเพื่อนบ้าน
.
 


การบินไทย ไปลง ดากา ที่ Zia Intl Airport

ด้านหน้าจะมีรถสามล้อ Rickshaw เพียบ ต่อรองราคาได้

ที่นี่ใช้เงิน Taka (1 TK ประมาณ 0.5 บาท) ค่าใช้จ่ายในการเที่ยวประเทศนี้จึงถูกมาก

 

 

                    

                              นิทานเซน เรื่อง วาง

 

                                           

มีพระพรรษามาก กับ พรรษาน้อย สองรูป เดินทางไปด้วยกันจนกระทั่งทั้งคู่ต้องข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ จำเป็นต้องเดินข้ามเพราะสะพานข้ามแม่น้ำขาดเสียหาย

พระทั้งสองรูปพบผู้หญิงผู้หนึ่งคนซึ่งไม่สามารถข้ามแม่น้ำไปได้เนื่องจากสะพานขาดนั้น

พระพรรษามากจึงอาสาจะให้ผู้หญิงนั้นขี่หลังแล้วข้ามฟากไป

พระพรรษาน้อยเห็นอย่างนั้นจึงรู้สึกขุ่นเคืองว่าทำไมพระพรรษามากจึงทำอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นพระไม่ควรจะสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้หญิงขนาดนี้ แต่ก็คิดอยู่ในใจไม่ได้ถามพระพรรษามาก

หลังจากที่ข้ามฟากเสร็จพระทั้งสองรูปและผู้หญิงต่างก็แยกย้ายไปตามทางของตน แต่ในใจของพระพรรษาน้อยยังคงคิดวนเวียน

ตั้งคำถามในใจตลอดเวลาว่าการกระทำของพระพรรษามากนั้นไม่เป็นการสมควรกับนักบวช คิดวุ่นวายอยู่อย่างนั้นเก็บเงียบอยู่ในใจไม่ถามพระพรรษามาก

ท่านคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้น ทำให้ท่านแทบบ้าจนมาถึงจุดหยุดพัก พระพรรษาน้อยอดทนเก็บเรื่องในใจต่อไปอีกไม่ไหวจึงถามพระพรรษามากว่า

ท่านทำไมไม่สำรวมถึงความเป็นพระเลยทำไมถึงได้สัมผัสผู้หญิง และผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสวยเสียด้วย ท่านเป็นคนบอกผมเองว่าท่านเป็นพระที่บริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ?

พระพรรษามากประหลาดใจ แล้วย้อนกลับไปถามพระพรรษาน้อยว่า

"ผมวางผู้หญิงสวยคนนั้นไปตั้งหลายชั่วโมงแล้ว เหตุใดท่านยังอุ้มผู้หญิงคนนั้นอยู่อีกเล่า"..........................

 

guest

Post : 2012-11-28 21:59:42.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  จลาจลในอิยิปต์

 

 

จากบทความของลุงธรรม ประชาทอล์ค........

** คำเตือนมายัง...ฝ่ายอำมาตย์และฝ่ายประชาธิปไตยสายเหยี่ยว **

ขอเตือนด้วยกรณีศึกษาของอียิปต์...ล่าสุด...มีการแบ่งเป็นม๊อบ

เหลืองแดง(ม๊อบค้านและสนับสนุนรัฐบาล)....และกำลังเผชิญหน้ากัน

ตำรวจกำลังเข้าจัดการตัวเลขเมื่อวันที่ 24 พ.ย.มีผู้เสียชีวิตแล้ว 41 ราย

และมีผู้บาดเจ็บ 3,200 คน

2

อียิปต์ - หลังจากปฏิวัติดอกมะลิ (Jasmine-Revolution)หรือ

อาหรับสปริง(Arab Spring) ทำให้มีการโค่นผู้นำเผด็จการนายมูบารัค

และได้ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นครั้งแรก

ในรอบ 30 ปี คือนายมอร์ซี่ ซึ่งต้องการขุดรากถอนโคนอำนาจเก่าคือ

กลุ่มนายทหารและฝ่ายตุลาการซึ่งเป็นคนของนายมูบารัคผู้นำคนเก่า...

เหมือนกับข้าราชการในทุกกระทรวงของไทยที่พรรคฝ่ายค้านมีการ

วางคนของตนไว้..เพื่อเป็นไส้ศึกและเป็นเกียร์ว่างคอยบ่อนทำลายรัฐบาล

3

จากประสบการณ์ของนายมอร์ซี่..ฝ่ายตุลาการซึ่งเป็นคนของฝ่าย

อำนาจเก่าพยายามใช้ “ตุลาการภิวัฒน์” แทรกแซงการเมือง...

เหมือนไทยเด๊ะ.....เช่น เคยมีคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบสภา

ยกชุดเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา หรือกรณีการไต่สวนอดีตรัฐบาลสมัย

มูบารักในข้อหาสั่งฆ่าประชาชนนับร้อยศพ ระหว่าง การชุมนุมขับไล่

นายมูบารัก ซึ่งปรากฏว่ามีแต่นาย มูบารักคนเดียวที่รับโทษจำคุก ผู้นำ

รัฐบาลที่เหลือกลับรอดตัว ทั้งที่มีหลักฐานมัดตัวมากมาย เกิดเป็นเสียง

วิจารณ์หนาหูว่า เป็นเพราะฝ่ายตุลาการเต็มไปด้วยบุคคลใกล้ชิดนาย

มูบารักนั่นเอง

 

 

4

นายมอร์ซี่จึงได้ออกกฤษฎีกาป้องกันการแทรกแซงของฝ่ายตุลาการ

ในทำนองที่ว่าการตัดสินใจประธานาธิบดีจะถือเป็นที่สิ้นสุด ไม่สามารถ

ล้มล้างได้ แม้คำสั่งนั้นจะมาจากการตัดสินของศาลสถิตยุติธรรมก็ตาม

ฝ่ายผู้สนับสนุนประธานาธิบดีมอร์ซีกล่าวว่า กฤษฎีกาฉบับนี้มีวัตถุประสงค์

เพื่อป้องกันการทำปฏิวัติในอียิปต์ แต่ฝ่ายค้านกล่าวว่า นี่คือการทำ

รัฐประหารต่อต้านความชอบธรรมตามหลักกฎหมาย

นอกจากนี้...กฤษฎีกาฉบับนี้ยังให้อำนาจผู้นำอียิปต์ปลดหัวหน้าอัยการ

และสั่งรื้อคดีการปราบปรามผู้ประท้วงโค่นอำนาจอดีตประธานาธิบดี

มูบารัค ขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อเอาผู้เกี่ยวข้องที่หลุดคดีไปแล้วโดยคำสั่งศาล

ให้กลับมารับโทษ

 

5

จากการเป็นพระเอกของชาติอียิปต์..และของชาวโลกเมื่อสัปดาห์ก่อน

ที่สามารถเป็นกาวใจให้ฝ่ายฮามาสและอิสราเอลเจรจาหยุดยิงกันได้

ทั้งๆที่ควรจะเป็นหน้าที่ของผู้นำปาเลสไตน์ที่ควรจะเป็นฝ่ายเรียกร้อง

ให้มีการเจรจา..แต่กลับนิ่งเฉยทำให้ประชาชนปาเลสไตน์ถูกอิสราเอล

ถล่มล้มตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

 

การกระทำของนายมอร์ซี่สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายค้านและ

ฝ่ายตุลาการ ฝ่ายตุลาการมีการนัดหยุดงานประท้วง ฝ่านค้าน

นัดประชาชนออกมาชุมนุมต่อต้านนายมอร์ซี่ ฝ่ายรัฐบาลนัด

ผู้สนับสนุนออกมาออกมาให้การสนับสนุนนายมอร์ซี่

...เหลืองแดงต้องเผชิญหน้ากัน

 

6

อียิปต์มีการแบ่งกลุ่มการเมืองออกเป็น 3กลุ่ม คล้ายๆของไทย

แต่ผมอยากแบ่งกลุ่มของไทยเป็น 4 กลุ่มคือ

1. กลุ่มอำนาจเก่า(เหลือง)

2. กลุ่มอำนาจใหม่(แดง) และ

3. กลุ่มไม่เอาทั้ง 1 และ 2 (กลุ่มใจร้อนจะเอาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ถอนรากถอนโคนกันไปเลย)

4. กลุ่มพลังเงียบซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ใครจะเป็น

ใครจะตายกูไม่สน รักในหลวง ห่วงการทำมาหากิน ทำบุญ

ซื้อหวย สวดอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้รวยๆๆๆๆๆๆ

 

 

7

กลุ่มต่างๆของอียิปต์ประกอบด้วย

ก๊กที่หนึ่ง....คือบรรดากลุ่มอำนาจเก่าจากสมัยนายมูบารัก

หลายคนยังมีตำแหน่งในฝ่ายตุลาการอยู่ ทั้งผู้พิพากษา

และอัยการ

 

8
ก๊กที่สอง....ได้แก่ กลุ่มอิสลามสายเคร่งที่มี ภราดรภาพมุสลิม

(Muslim Brotherhood) เป็นองค์กรนำร่วมกัน ฝ่ายนี้ประกอบ

ไปด้วยนักการเมืองเลือกตั้งที่เพิ่งเข้ามามีบทบาทในรัฐสภาอียิปต์

ได้ครั้งแรกหลังนาย มูบารักถูกโค่นล้ม ซึ่งแม้แต่นายมอร์ซีเองก็เป็น

"ลูกหม้อ" ของกลุ่มภราดรภาพฯ

 

9

ก๊กสุดท้าย....ได้แก่ กลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย ส่วนใหญ่เป็นปัญญาชน

และคนรุ่นใหม่ที่ต่อต้านก๊กคนสนิทนายมูบารักในคราบตุลาการ เพราะ

มองว่าเป็นมรดกยุคเผด็จการ และไม่ไว้ใจก๊กอิสลามสายเคร่งของ

นายมอร์ซี ในคราบรัฐสภา ด้วยเกรงว่าจะชักนำประเทศไปสู่รัฐศาสนา

กลุ่มนี้มีความรู้สึกปะปนกันต่อกฤษฎีกาของนายมอร์ซี เนื่องจากใจหนึ่ง

ก็ไม่พอใจที่นาย มอร์ซียึดอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่อีกใจหนึ่งก็โล่งอกที่

นายมอร์ซี "ชน" กับคณะคนสนิทของนายมูบารักตรงๆ เสียที......


อย่างไรก็ตาม กลุ่มประชาธิปไตยหัวก้าวหน้าเหล่านี้มีกำลังน้อยที่สุด

เพราะไม่มีทั้งอิทธิพลในสถาบันต่างๆ อย่างพลพรรคนายมูบารัก และ

ไม่มีเครือข่ายมวลชนที่เข้มแข็งอย่างภราดรภาพมุสลิม ทั้งยังต้อง

เคลื่อนไหวในสังคมที่แบ่งแยกด้วยยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 ก๊กข้างต้นอีกด้วย

 

** กลุ่มที่สามนี้คงจะเหมือนกับกลุ่มเสรีชนคนประชาธิปไตย

ไม่เอาอำมาตย์แมงสาปตุลาการ นายทุน ขุนศึก ศักดินา

และไม่เอาพรรคเพื่อไทยและ นปช...หาว่าเกี้ยเซี๊ยะกับอำมาตย์

เล่นละครตบตาประชาชน ดึงเกมส์ให้อยู่ครบเทอม ไม่ยอมแก้

รัฐธรรมนูญ ไม่ยอมจัดการกับพวกตุลาการศาลต่างๆ

ไม่ยอมลงนามไอซีซี ไม่ยอมยกเลิก ม.112

ไม่ยอมช่วยเหลือผู้ที่ติดคุกตาม ม.112 และนักโทษการเมืองอื่นๆ

และอีกหลายสิบหลายร้อยไม่ๆๆๆๆๆๆๆ.....

 

11

สรุป การกระทำใดๆ ขอให้พิจารณาให้รอบคอบ โปรดดูอียิปต์

เป็นตัวอย่าง ขนาดมีอำนาจเกือบเบ็ดเสร็จ และต้องการหักดิบ

กับฝ่ายอำนาจเก่า รวมทั้งกลุ่มศาลและทหาร...ยังต้องเผชิญ

กับความวุ่นวายฆ่ากันตายไม่หยุดหย่อน.....................

นับประสาอะไรกับประเทศไทยที่ยังอยู่ในความมืด ใต้อุ้งตีนมาร

มือที่มองไม่เห็น อำนาจนอระบบ สางเขียว ตาชั่งชำรุด

นายทุน ขุนศึก ศักดินา สารเลว....เราจะทำอะไรบุ่มบ่ามลงไป

ต้องเห็นใจรัฐบาลบ้าง...ชีวิตประชาชนมีค่าสูงสุด..

ทำอะไรต้องรอบคอบ...คนที่เอาแต่วิจารณ์...ขอให้หักดิบ.....

เคยออกหน้าบ้างไม๊????

 

 

 

 

 

เอกยุทธ รับไม่ได้ จ่าประสิทธิ์หยาบคายกับสตรี

 

 

 

คนที่โกงเงินชาวบ้านมาเป็นพันๆล้าน เเล้วเเอบหลบหนีไปต่างประเทศจนคดีขาดอายุความ

มากิน มาใช้ มาเสพสุข...บนกองทุกข์ของคนที่มันโกงมา

มันจะมีเครดิตอะไรให้น่าเชื่อถืออีก...

 

ยิ่งมันด่าว่า มันตำหนิคนอื่น...มากเท่าไหร่

ก็จะยิ่งย้อนกลับไปทิ่มตำตัวเองและพวกพ้อง...จนเจ็บแสบมากกว่าคนที่มันด่าเขาเป็นหลายเท่า

แล้วที่พวกท่าน เจื้อยแจ้ว เรื่อง โฟวซีซั่น ชั้น 7 นั้นคงสง่างามมากๆ ละซิ

ตอนคุณรังสิมายำนายก อยากรู้เหลือเกิ้นนน ว่านายกเข้าไปทำอะไรในโฟซีซั่น

ตอนนี้คงรู้แระว่า ผู้หญิงที่โดนชายปากเปราะระรานด้วยคำพูด รู้สึกยังไงบ้าง..... เออ ผม ก็รับไม่ได้กับคนที่อ้างว่ามีการศึกษา แต่หากินโดยการโกงชาวบ้านกินตลอดชีวิตเหมือนกัน คุณรู้อะไรมาถึงอ้างว่ามีความรู้นักหนา หรือรู้แค่วิชาโกงคนอื่นกิน นี่ก็นับเป็นความรู้หรือ ถ้างั้นไม่รู้แหละดีแล้ว จะได้ไม่ต้องโกงชาวบ้านกินตลอดชีวิตเหมือนหมอนี่.... อุบาทย์นัก!!!.........

 

 

ข่าวจากมติชน

 

เมื่อ เวลา 14.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ต.ท.ทักษิร ได้รับรางวัลจากเอเชียน บิซซิเนส ลีดเดอร์ชิพ ฟอร์รัม ในชื่อ รางวัลรัฐบุรุษเอบีแอลเอฟ (The ABLF Statesman Award) ประจำปี 2555 จากชีค นาฮายัน มาบารัก อัล นาฮายัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาระดับสูง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยรางวัลนี้มอบให้แก่อดีตผู้นำที่เป็นแรงบันดาลใจและมีผลงานยอดเยี่ยมในขณะ ที่ดำรงตำแหน่งในภาครัฐบาล หรือภาคเอกชนที่มีความคิดริเริ่มและเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาล องค์กรที่มอบรางวัลได้มอบรางวัลให้พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นนายกฯที่มผลงานยอดเยี่ยมในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตของเอเชีย การขัดความยากจน โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นแม่แบบให้องค์การอนามัยโลก (WHO)นำไปเป็นแม่แบบ รวมทั้งชื่นชมการปฏิรูปการศึกษาขนานใหญ่ด้วย

 

อ้าว ให้รางวัลกันแบบนี้ ฝ่ายตรงข้ามคงอิจฉากันยกใหญ่ เดี๋ยวก็จะหาว่าเขา เป็นขี้ข้าทักษิณอีก

 

 

 

 

<<< ผลงานระบอบทักษิณ >>>

 

1. นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค)

 

 

 

2. โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)
3. โครงการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย
4. กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
5. โครงการธนาคารประชาชน
6. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศ (SMEs)
7. ธนาคารอิสลาม
8. โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน
9. ตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.)
10. การชำระคืนเงินกู้ IMF ก่อนกำหนด
11. โครงการบ้านเอื้ออาทร
12. โครงการบ้านมั่นคง
13. โครงการบ้านออมสินเพื่อประชาชน “บ้านออมสิน”
14. โครงการ ธอส. – กบข. เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการสมาชิก กบข.
15. โครงการบ้าน ธอส. เพื่อรัฐวิสาหกิจ
16. นโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพล
17. นโยบายการปราบปรามหวยเถื่อน
18. นโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด
19. โครงการช่วยเหลือ ฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือ “โรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง” สำหรับผู้ต้องคดีไม่ร้ายแรง
20. ผู้ว่า CEO
21. ตั้งกระทรวงพัฒนาสังคมและทรัพยากรมนุษย์
22. ตั้งกระทรวง ICT
23. การปฏิรูประบบราชการ
24. จดทะเบียนแก้ปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณาการ
25. หวยบนดิน
26. 1 อำเภอ 1 ทุน ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีทั้งในและต่างประเทศ
27. ทุนการศึกษากว่า 500 โครงการของหวยบนดินเพื่อโอกาสทางการศึกษาเด็กด้อยโอกาส 800,000 คน
28. โครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น
29. โครงการเครือข่ายไร้สายสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
30. จัดตั้ง Tripartile Rubber Cooperation (TRC) ของภาครัฐ + Trading Consortia (TC)ภาคเอกชน 3ประเทศ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย
แก้ปัญหาราคายาง
31. เร่งรัดผลักดันสร้างสนามบินสุวรรณภูมิจนแล้วเสร็จ

 

smiley

ทองแท้

สู้แรงริษยาในเมืองไทยไม่ได้

smiley

ทำความดี ที่ไหนก็ได้ในโลกนี้

ที่เขาให้ทำ เพื่อมวลมนุษยชาติ

ทำไปเถอะ ท่านทักษิณ...ทำต่อไป.......

guest

Post : 2012-06-20 20:05:19.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  จะไปเเล้วใช่ไหม?...

                " จะไปเเล้วใช่ไหม?........... "
 

         

                        

 

 


....ไปเถอะค่ะ ฉันอยู่ได้ ไม่ต้องห่วง

ใจร้าวกลวง เดี๋ยวสมาน ไม่นานหาย
 
สิ่งต่างๆ ที่สร้างหา มาทลาย

เเม้นเสียดาย ก็ต้องปรับ รับความจริง


ประโยชน์ใด กันหนา ว่าใครผิด?

ความยั้งคิด ก็เลือนหาย ทั้งชายหญิง

ฝันวาดไว้ ท้ายที่สุด หยุดไหวติง
 
หวังพักพิง พังพินาศ ขาดเยื่อใย....
 
 


คลิ๊กดูรูป
 

 

###### No Permission ######
###### No Permission ######
guest

Post : 2011-05-29 23:44:58.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  5.โพสาวหาญ

                                                         

                               5...โพสาวหาญ

 

                                

 

 

 

....ภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้าของคนทั้งสามอยู่ขณะนี้ กระท่อมไม้ไผ่หลังคามุงจากที่มีกระไดไม้ไผ่พาดสูงขนาดน้ำท่วมพอพ้น ปลูกห่างๆกันประมาณ 7-8 หลัง เเต่ละหลังก็มีควันไฟที่ลอยมาจากเตาไฟที่เป็นตะกร้าใส่ดิน ตั้งอยู่บนไม้สามขา ที่กระท่อมหลังนั้น เเม่หญิงชาวบ้านผู้หนึ่งกำลังสาละวนอยู่กับการหุงหาอาหารควันโขมง พอเหลือบตาขึ้นมองเห็น ชายนักรบ 3 คนบนหลังม้า ก็เเสดงสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด รีบหันหลังขึ้นกระท่อมเตรียมชักกระไดไม้ไผ่ขึ้นเรือนทันทีั

 

"ไม่ต้องกลัวหรอกเเม่นาง..พวกข้ามาดี.." เสียงพระยาตากร้องบอกไปด้วยความเป็นมิตร "ข้าเพียงเเต่หาที่พักให้พวกพวกพี่น้องข้าเพียงสักประเดี๋ยวเท่านั้น"

 

กล่าวจบพระยาตากก็ก้าวลงจากหลังม้าพร้อมทั้งหลวงพิชัยอาสากับหลวงพรหมเสนายืนเฝ้าระวังอยู่ไม่ห่าง

 

"พวกข้ามาจากกรุงศรี จะพาพี่น้องไปทางพรานนก หนองไม้ซุง ออกไปทางตะวันออก ก็ว่าจะหยุดพักสักเพลา คงไม่ว่ากระไรกระมัง?

 

"ตามสบายเถิดพ่อ!.." เสียงห้าวของชายหนุ่มร่างกำยำผิวกร้านดำไปด้วยเเดด ก็โผล่ออกมาจากกระท่อมไม้ไผ่ก้าวลงกระไดตีนเปล่าพร้อมกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เนื้อตัวมอมเเมม คะเนว่าจะเป็นลูกสาวของทั้งคู่ เกาะขาพ่อเเจไม่ยอมห่าง

 

"ข้าชื่อมาด นังนี่ลูกสาว ส่วนนั่น อีโพ เมียข้า พวกเราต่างพากันหนีพวกอังวะมาจากบ้านข้าวเม่า..."

"ข้าพระยาตาก มาช่วยรบอังวะ"

"เเล้วทำไมถึงหนี?...

 

คำถามนี้ช่างเสียดเเทงใจดำของพระยาตากยิ่งนัก นักรบคู่ใจทั้งสองที่อยู่ข้างหลังต่างพากันกระชับดาบมั่น พระเจ้าตากถอนลมหายใจลึกเพื่อระงับโทสะ

 

"เเล้วมึงล่ะทำไมถึงหนีมานี่ ไอ้ฉิบหาย?!!.." หลวงพรหมเสนา ทะลุกลางปล้องขึ้นมา

 

"ไอ้มาด..พวกกูไม่ได้หนี เพียงเเต่กูจะมาตระเตรียมผู้คนให้ถึงที่สุด เเล้วพวกกูจะกลับมาทวงกรุงศรีจากพวกอังวะคืน"

พระยาตากพูดด้วยน้ำเสียงที่พยามระงับความโกรธอย่างถึงที่สุด

"ก่อนหนี ทุกเมืองก็พูดกันอย่างนี้กันทั้งนั้น"

 

"มันจะหยามกันมากเกินไปเสียเเล้ว" หลวงพิชัยอาสาขยับดาบในมือเเต่พระยาตากป้องมือห้ามไว้ จังหวะพอดีที่เมียไอ้มาดที่ชื่อนางโพ ก็ยกน้ำจากกระบอกไม้ไผ่พร้อมกับกะลามะพร้าวขัดมันไว้ใส่น้ำกินมาให้พอดี

"เออ อีนี่มีน้ำใจ ไม่พูดจากวนส้นตีนเหมือนผัวมัน" หลวงพรหมเสนาเหน็บเเนมอย่างหัวเสีย "น่าจะเอากะลามะพร้าวยัดใส่ปากไว้จะได้ไม่เห่าหอน วอนหัวหลุดจากบ่าซะเเล้ว"

ชั่วเวลาเพียงประเดี๋ยว น้ำฝนก็หมดไป 4 กระบอกอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ต้ว เพราะตั้งเเต่ออกจากวงล้อมวัดพิชัยออกมา น้ำสักหยดก็ยังไม่มีใครได้สัมผัสเลย

"มึงโดนเกณฑ์ใบบอกหรือเปล่าไอ้มาด?" พระยาตากถามขึ้น

"โดน..อยู่ทุ่งภูเขาทอง เเต่ถูกอังวะตีเเตก"

"เพราะอะไร?"

"เเม่ทัพมันไม่สู้ มันบอกว่าไม่ใช่บ้านมันเมืองมัน ข้าอยู่เป็นคนสุดท้ายก่อนที่ค่ายมันจะเเตก"

"มันมาจากเมืองไหน?"

"สะเเกกรัง" ไอ้มาดตอบด้วยน้ำเสียงชิงชัง

 

พระยาตากจ้องมองตาของนักรบนิรนามผู้นี้ด้วยความชื่นชม เเม้นว่าจะต่ำเพียงไพร่ เเต่หัวใจของมันน่ากราบกว่าพวกเจ้าขุนมูลนายผู้ดีตีนเเดงตะเเคงตีนเดินบางคนเสียอีก ที่เห็นจวนตัวมักจะเอาตัวรอดไปก่อนเสมอ

 

"มึงมาอยู่กับกูเหอะไอ้มาด มากู้เเผ่นดินกรุงศรีกลับคืนมา"พระยาตากเอ่ยชวน

ไอ้มาดเเสยะยิ้มอย่างไม่เเยเเส

"คงไม่หรอก ข้าพอเเล้ว..........."

"เกิดมาเป็นลูกผู้ชายกับเขาชาติหนึ่ง มึงตอบเเทนบุญคุณของเเผ่นดินถิ่นเกิดของพ่อเเม่มึง ด้วยการมุดหัวอยู่ชายป่าโดยที่ไม่เเยเเสพระเเม่ธรณีที่ต้องหลั่งน้ำตาเพราะลูกหลานมันขี้ขลาดตาขาวกระนั้นหรือ?...ไอ้มาด มึงไปสู้ไม่กระไรหรอก เเต่มึงจะอยู่เยี่ยงไรหากลูกหลานของมึงในภายภาคหน้าถามมึงว่า ทำไมมึงไม่สู้? เเล้วมึงจะตอบลูกหลานของมึงอย่างไรดี?...."

พระยาตากเมื่อกล่าวจบ ก็เหม่อมองออกไปข้างนอกอย่างเลื่อนลอย

 

"กูก็มีลูกมีเมียเหมือนมึงไอ้มาด หลวงพิชัยอาสากับหลวงพรหมเสนาก็หาใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือยซะที่ไหนเล่า? ล้วนเเล้วเเต่มีห่วงเหล็กที่คอยล่ามพันธนาการหัวใจเอาไว้ด้วยกันทั้งนั้น หากพวกกูสามคนหอบลูกหอบเมียเเอบหลบกลางป่ากลางเขายังเมืองตาก...หัวใจกูก็ถามตัวเองดังๆว่ากูพร้อมจะเป็นขี้ข้าอังวะไปจนตายหรือไร?......"

"เอาเถิด...ถ้ามึงตัดสินใจดีเเล้วกูก็คงจะไปบงการชีวิตของมึงคงไม่ได้ดอก...เพียงเเต่กูขอพักม้าไพร่พลซักเพียงเเค่อึดใจเเล้วจะไปต่อ...." กล่าวจบพระยาตากก็หันกลับเตรียมจะก้าวขึ้นม้าคู่ใจ

"เดี๋ยว..ให้ข้าไปด้วย....."

"อีโพ!!....." ไอ้มาดร้องเสียงหลง เมื่อเห็นภาพของเมียรักถือดาบคู่ที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของพ่อมัน จะก้าวเดินตามพระยาตากออกไปในเดี๋ยวนั้น............

                                                                                                                                    30/5/54

 

guest

Post : 2011-05-27 22:08:27.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  4.ทองดี ฟันขาว

 

                                                            ทองดีฟันขาว

 

                                                                       

                          

 

 

....ภาพของชายผู้เป็นนักรบผู้นี้ ช่างเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกินของผู้ที่ฝากชีวิตไว้ให้ เขาเกิดมาเพื่อที่จะเป็นผู้นำโดยเเท้ จะมีนักรบสักกี่คนหนอ? ที่จะอาสานำหน้าพี่น้องไพร่พลมาตลอด ไม่เคยสักครั้งเดียวที่จะหลบอยู่ข้างหลังลูกน้องให้อดสู

 

ม้าของหลวงพิชัยก็จะอยู่ถัดมาห่างๆ เเล้วถึงจะเป็นหลวงพรหมเสนา หลวงราชเสน่หา โดยมีกองกำลังไพร่พลอยู่ตรงกลางปิดท้ายขบวนด้วยพระเชียงเงิน

 

หลายวันเหลือเกินที่เหล่าพี่น้องนักรบร่วมเป็นร่วมตายเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอด ต้องเสาะเเสวงหารากไม้กินเพื่อประทังความหิว เนื้อเค็มคำสุดท้ายหมดไปเป็นเดือนเเล้ว

 

จากการปะทะกับกองกำลังของอังวะเมื่อสักครู่ มีบาดเจ็บล้มตายก็ไม่ใช่น้อย ที่เหลือก็พยุงกันไปเดินหน้ากันต่ออย่างไม่ย่อท้อ ที่หวังไว้ลึกๆว่าหมู่บ้านข้าวเม่าข้างหน้า คงพอจะมีเกลือ มีเนื้อ หรือมีน้ำได้อาศัยเเบ่งปันก้นบ้าง

 

เเต่สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าของกองกำลังพระเจ้าตากอยู่ในขณะนี้ กระท่อมของชาวบ้านถูกเผาเสียราบเรียบ อย่าว่าเเต่คนเลยเเม้เเต่หมูหมากาไก่สักตัวก็ไม่มี

 

"หมดกัน...ไม่มีอะไรเหลือเลย..." หลวงราชเสน่หา ส่ายหัวพึมพัมเบาๆ

"อดทนอีกนิด" หลวงพรหมเสนา ขยับกระบอกที่ใส่ลูกธนูที่ห้อยอยู่ด้านหลังไปมาอย่างไร้จุดหมาย

"ไอ้ข้าล่ะพ่อได้ เวทนาก็เเต่พี่น้องกองกำลังของเราซิ....." หลวงราชเสน่หา พูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก "จะมีเรี่ยวเเรงที่จะเดินต่อไปจนถึงเเจ้งหรือเปล่าก็ไม่รู้?.."

"เอ้า..เอาไอ้นี่ไปอมซะ จะได้หยุดพูด"

"โธ่..ถ้าไม่ฟังข้า เเล้วต่อไปข้าจะบ่นให้ใครฟังล่ะ?" หลวงราชเสน่หาตัดพ้อ "เเล้วนี่มันรากอะไรล่ะ?.."

"ปลาไหลเผือก..อมไว้ซะจะได้มีเเรง อ้อ..เเล้วก็จงหุบปากของเจ้าไว้ด้วย..." เมื่อกล่าวจบใบหน้าที่ดุดันของหลวงพรหมเสนา ก็ขัดเเย้งกับดวงตาอันอ่อนโยนของเขาเองอย่างเห็นได้ชัด

 

ปลาไหลเผือก เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่หมอยาสมัยนั้นจะขาดเสียมิได้ เพราะรากของมันนั้นทั้งใหญ่เเละยาวมาก อยู่ใต้ดินมีสีขาวหม่นๆ ฤทธิเดชของมัน เด็ดมาสักหนึ่งองคุลีเเล้วอมไว้ในปาก จะเเก้กระหายทำงานจนตายก็ไม่เหนื่อย เเต่อย่าเอาไปดองเหล้าเป็นอันขาด ธาตุไฟจะกำเริบเเละเเตกดับไปในที่สุด

 

ผ่านลัดทุ่งบ้านข้าวเม่า เข้ามายังบ้านสามบัณฑิตก็เหมือนกัน กองทัพอังวะได้จุดไฟเผาทำลายบ้านเรือนของชาวบ้านจนไม่เหลือซักหลัง ท้องไร่ท้องนาจุดไฟเผาหมด กลายเป็นหมู่บ้านร้างไปอีกเเห่ง

 

พระยาตากยังคงนำหน้าอยู่ต่อไป ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเป็นปกติ เหมือนกับมิได้ทุกข์ร้อนอาทรใดๆ...เเต่สิ่งที่หลวงพิชัยอาสาสังเกตุเห็นก็เพียงเเต่ประกายตาคู่นั้น ที่ฉายเเววเเห่งความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

 

"ข้างหน้าเป็นบ้านพรานนก ก็คงจะเเจ้งพอดี เดี๋ยวเราก็จะไปหยุดพักกันที่นั่น" พระยาตากเอ่ยขึ้นเบาๆ "หลุดจากเเนวตรงนี้ไปเเล้ว พวกลาดตระเวณเเมวเซาของอังวะมาไม่ถึง"

"เเล้วพวกเราที่เลือดตกยางออกล่ะขอรับ?" หลวงพิชัยอาสาถามขึ้นเบาๆ

"อาจจะอยู่พักรักษาตัวสักระยะ เมื่อฟื้นเเล้วค่อยไปกันต่อ...ตระเตรียมสเบียงอาหารให้พร้อม"

"นายบ้านที่นี่ ไม่สู้จะเป็นมิตรนะขอรับ โผงผางขวานผ่าซากเเละไม่ต้อนรับใครเข้าไปในหมู่บ้านเขาง่ายๆ"

"ข้ารู้...ก็ต้องเเล้วเเต่สวรรค์ หากต้องการให้กรุงอยุธยาฟื้นคืนกลับมา ปัญหาตรงนี้ก็ต้องไม่เกิดขึ้น"

"เเล้วถ้าหากเขาสู้ล่ะขอรับ?"

"ข้าจะไม่ยอมฆ่าคนสยามด้วยกันเป็นอันขาด........."

เสียงพระยาตากช่างเด็ดขาดนัก หลวงพิชัยอาสากลัวเหลือเกินกับเสียงนี้ ยิ่งนึกไปถึงตอนที่ต่อยมวยที่เมืองตาก จำได้ไม่มีลืม โดยเฉพาะต่อยกับครูห้าว ซึ่งถือว่าเป็นมวยคนละรุ่นเลยทีเดียวก็สามารถเตะเสียจนสลบคาตีน

"ไอ้หนู มึงชื่ออะไร?..มาจากไหน?"เสียงดุๆห้าวๆดังมาจากกลุ่มใหญ่ที่นั่งดูการต่อยมวยอยู่ใต้ต้นไทรข้างโบถส์

"ทองดี บ้านห้วยคา หลังเมืองพิชัย" หนุ่มบ้านนอกบอกตามประสาซื่อ

"ต่อยกับครูหมึกให้ข้าดูทีซิ"

 

ยังไม่ทันตอบตกลง ยักษ์ปักหลั่นสูงเท่าภูเขาตัวดำเมื่อม เเขนขามันเยิ้มยังกะพลายตกมัน ก็ลุกมาจากกลุ่มนั้นเดินอาดๆเข้ามาหาเจ้าทองดีฟันขาว เเล้วไม่พูดพล่ามทำเพลง ตีนขวาตวัดสูงของครูหมึกหมายเข้าทัดดอกไม้ทีเดียวให้สลบไป

"เพี้ยะ!!..."

เสียงตีนขวาของครูหมึกกระทบกับเเขนซ้ายของไอ้หนุ่มบ้านนอกฟันขาวอย่างจัง...ช่วงที่ครูหมึกชักตีนกลับยังไม่ทันถึงพื้นดี จังหวะนั้นไอ้หนุ่มฟันขาวดึงตัวเองประชิดในเเล้วสับศอกขวาเข้าที่ใต้ตาซ้ายของครูหมึกอย่างสุดเเรงเกิด

"โช๊ะ!!.."

เลือดสดๆของครูหมึกพุ่งกระฉูดเเดงฉานไหลอาบเเก้มเปื้อนเปรอะตัวไปหมด

"พอเเล้ว..มึงมานี่" เสียงดุๆเข้มจากใบหน้านิ่งเฉยเรียกไอ้หนุ่มน้อยบ้านนอกเข้าไปหา

 

"เฮ้ยยยย มึงยืนค้ำหัวพ่อเมืองอย่างงี้เหรอวะ?.."ชายหนุ่มหนวดเข้มหน้าดุอีกคนทำท่าทำทางขยับดาบ สำนึกตอนนั้นของทองดีฟันขาว คงคอขาดซะมั๊งกู? เจ้าเมืองตากได้ยินเเต่ชื่อเสียงระบือลือไกลในเรื่องยอดนักรบ เพิ่งเห็นตัวจริงก็วันนี้

"ไปอยู่กับกู เดี๋ยวกูจะชุบเลี้ยงมึงเอง.....เเม่สอน ช่วยดูเเลการกินการอยู่ของมันด้วย"

เจ้าเมืองตาก หันไปสั่งการกับเมียรัก เเล้วก็ลุกจากตรงนั้นเเบบไม่มีพิธีรีตองใดๆทั้งสิ้น คิดอยากจะไปก็ไปคิดอยากจะมาก็มา ติดดินเเท้ๆ

 

"มึงยิ้มอะไร?" เสียงดุๆห้าวๆเสียงนั้น ทำให้หลวงพิชัยอาสาตื่นจากภวังค์ทันที

"เนินข้างหน้าบ้านพรานนก ให้พี่น้องเรารออยู่ที่นี่ ส่วนมึงกับไอ้ติ่งตามกูมา"

สั่งการเสร็จพระยาตากก็ชักม้าเดินต่อไป

หลวงพิชัยอาสาก็ทำสัญญาณให้หยุดรอกันที่นี่ก่อน เเล้วก็เรียกหลวงพรหมเสนาควบม้าตามพระยาตากไปทันที

 

เเสงทองอ่อนๆเริ่มจับขอบฟ้าเเล้ว อีกไม่นานกองกำลังพระเจ้าตากจะได้หยุดพักกันเสียที..............

                                                                                                                                                                28/5/54

 

 

 

 

guest

Post : 2011-05-26 23:23:06.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  1.ปลุกขวัญ

 

 

 

                                              1... ปลุกขวัญ

 

 

                   

 

 

.....ในคืนอันอบอ้าวไร้ซึ่งเเรงลมที่จะช่วยให้ผ่อนคลายความร้อมรุ่มในหัวอกของคนกรุงศรีอยุธยาในเวลานั้น ณ.วัดเก่าเเก่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เลียบริมเเม่น้ำใหญ่ เสียงกระซิบกระซาบคุยกันเบาๆ โดยมีเเสงจากไต้ที่จุดไว้ไม่กี่อัน ทำให้เเลเห็นภาพของชายกลุ่มหนึ่งประมาณห้าร้อยคน มารวมกลุ่มกันเงียบๆที่ลานต้นโพธิ์หน้าโบถส์เก่าๆ

 

มีทั้งผมสั้นเกรียนเเบบชายหนุ่มอยุธยา หรือไว้ผมเปียยาวๆเเบบชาวจีน อีกทั้งขุนนางเก่าที่เสื้อผ้าอาภรณ์ล้วนบ่งบอกว่าเปี่ยมล้นไปด้วยราคาที่ทำหน้าตาสะอิดสะเอียนกับการที่จะต้องมายืนปะปนกับไพร่ที่ตีนเปรอะไปด้วยขี้โคลน...

 

เหล่าทหารไพร่พลเลว ใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นมอซอ ยืนผอมจนเห็นโหนกเเก้มทั้งสองข้างเพราะยังไม่ได้มีอะไรลงท้องเลยตลอดทั้งวัน เหล่าศัตราวุธที่ประจำกายก็มีเพียงปืนคาบศิลาเก่าๆที่ยึดได้จากพวกอังวะไม่กี่กระบอกทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันจะยังคงใช้งานได้อยู่หรือไม่...ส่วนดาบนั้นก็ใช้ดาบที่ใช้ออกงานตามพิธิต่างๆมาเป็นอาวุธสังหาร นอกนั้นก็จะเป็นเเหลนหลาว

 

ม้าผอมๆขนสีซีดเซียวประมาณร้อยกว่าตัว โขกกีบเปล่าๆด้วยอาการหงุดหงิด ปราศจากช้างเเม้เพียงเชือกเดียว เเละเเล้วเสียงที่กระซิบกระซาบกันเบาๆก็พลันเงียบกริบ เมื่อพระยาตากกับนักรบคู่ใจในชุดของนักรบกรุงศรีรวมสามคนเดินออกมาจากภายในโบถส์หลังเก่านั้น

พระยาตากกวาดสายตามองผู้ที่อยู่ในที่นั้นเป็นเวลานาน ก่อนทีหลวงพิชัยอาสาจะก้าวออกมาข้างหน้าเเล้วยกมือให้ทุกคนอยู่ในความเงียบ

 

พระยาตากหลับตาสักครู่เเล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

"พี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของข้า...ณ.บัดนี้ พระเจ้าอยู่หัวเเละกรุงศรีอยุธยาได้จบสิ้นเเล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสิ้นบุญญาธิการเเล้ว..."

เสียงพึมพัมอื้ออึงกันอย่างตกใจ ต่างก็สอบถามเรื่องราวกันจ้าละหวั่น จนพระยาตากต้องยกมือขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

"ใช่เเล้ว...บัดนี้ ข้าพระยาตาก ขอประกาศพระองค์มิได้เป็นธรรมิกราชอีกต่อไป เนื่องจากทรงพอพระทัยเวทย์มนต์คาถายิ่งกว่าความกล้าหาญ โปรดปรานความฟุ้งเฟ้อยิ่งกว่าคุณธรรม ทรงทอดทิ้งทศพิศราชธรรม จึงต้องทรงชดใช้ เเต่มันจะไม่เป็นการยุติธรรมที่ราชอาณจักรจะต้องสูญสิ้นตามพระองค์ ดังนั้น ขอให้ผู้ที่จะพร้อมจะต่อสู้เพื่อกรุงศรีอยุธยา....จงตามข้ามา!!......"

"เราจะออกจากกรุงมุ่งไปตะวันออก เพื่อรวบรวมผู้คน เเล้วจะกลับมาบดขยี้พวกอังวะให้ย่อยยับ...

 

 

 

guest

Post : 2011-05-24 22:45:13.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  3.หยุดพักไม่ได้

                                                          

 

 

 

                                                                  หยุดพักไม่ได้...

 

 

                                               

 

 

กองม้าเร็วทะลวงฟันของอังวะ ก็ไล่ติดตามกองกำลังของพระยาตากทันที่ท้องทุ่งหันตรา ออกไปทางเหนือของวัดพบญาติ กองกำลังของทั้งสองฝ่ายก็เปิดศึกกันชนิดดาบต่อดาบ ตัวต่อตัว ในคืนอันมืดมิดกลางท้องทุ่งหันตรานั่นเอง

 

วัดพบญาตินั้น เดิมทีจะเป็นที่นัดพบปะกันระหว่างพระสนมนางในที่อยู่ในรั้วในวัง ที่มาดักรอนัดหมายมาพบญาติพี่น้องของตนที่อยู่ทางบ้านคานหาม ซึ่งคนทางบ้านนี้ จะมีลูกสาวสวยผิวพรรณผุดผ่องงดงามกันทั้งบาง พอเริ่มผลิเนื้อสาว ก็จะมีคนเป็นธุระจัดถวายตัวเข้าไปอยู่ในรั้วในวัง ถ้าลูกสาวบ้านใดถูกถวายตัวเป็นสาวชาวรั้วชาววัง ก็จะสบายทั้งชาติ เเละยังพาพ่อเเม่พี่น้องสบายตามไปด้วย ดังนั้นลูกสาวของหมู่บ้านนี้จึงมักจะได้ดิบได้ดีกันถ้วนหน้าก็เพราะความงามนั่นเอง จึงทำให้มีทั้งคานทั้งเสลี่ยงเเบกหามเข้าเเบกหามออกจนน่าเวียนหัว

 

"หลวงพิชัย!!...ท่านพระยาตีฝ่าตะลุยไปทางด้านโน้นเเล้ว!!..."

 

หมื่นราชเสน่หา ควบม้าตะโกนบอกหลวงพิชัยอาสาเสียงดังลั่น ในขณะที่ตัวเองก็ต้องจู่โจมโรมรันทั้งฟันทั้งเเทงกองม้าเร็วทะลวงฟันของอังวะอย่างชนิดกระพริบตาเป็นตาย

 

"ระวังหลังท่านหมื่น!!.." หลวงพิชัยอาสาตะโกนลั่นเสียงหลง

 

"ควับบบบบบ!!.."

 

เสียงดาบขยับเเค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หัวของทหารอังวะที่เเอบจู่โจมเข้ามาข้างหลังของหมื่นราชเสน่หา ก็ขาดกระเด็นหลุดออกจากบ่า เลือดพุ่งกระฉูดเปรอะเปื้อนไปทั่วหลังม้าสีเทาตัวนั้น ก่อนที่ร่างไร้หัวของมันจะเเน่นิ่งฟุบอยู่บนหลังม้านั่นเอง

 

"ขอบใจมากคุณพระ...ข้าจะจำคืนวันนี้ไปตลอด......"

 

เสียงกล่าวขอบใจเบาๆของหมื่นราชเสน่หาที่มีต่อพระเชียงเงิน ที่ตวับดาบตัดหัวของทหารอังวะจนขาดกระเด็นก่อนที่คมดาบของมันจะบั่นคอหมื่นราชเสน่หา ในเสี้ยววินาทีนั้น

 

ใบหน้าที่หยาบกร้านเกรอะกรังไปด้วยเลือดที่กระเซ็นมาเครอะหนวดหนาบนใบหน้าของพระเชียงเงินก็ยังคงราบเรียบนิ่งเฉยไร้ซึ่งความรู้สึกตอบสนองใดๆทั้งสิ้น

 

"เดี๋ยวข้าจะตามนายท่านไปเอง"

 

หลวงพิชัยอาสาตะโกนด้วยเสียงอันดัง เเล้วชักม้าพุ่งตามพระยาตากไปอย่างรวดเร็ว

 

ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าของหลวงพิชัยอาสาในขณะนี้ช่างสง่างามเสียนี่กระไร...บุรุษผู้อยู่บนหลังม้าสีขาวผู้นี้ช่างองอาจผึ่งผายเสียเหลือเกิน ยามเวลากวัดเเกว่งคมดาบไปเเต่ละครั้งนั่นหมายถึงหนึ่งชีวิตทีจะต้องดับสิ้นไปทันที เเทบไม่น่าเชื่อในสายตา หมู่ม้าเร็วทะลวงฟันของอังวะที่รุมล้อมกันอยู่ถึงสามคน ขาดสะพายเเล่งเลือดพุ่งกระฉูดร่วงหล่นจากหลังม้าไม่มีเหลือทั้งสองคน เหลืออีกคนหนึ่งเจ้าตัวหัวหน้าใหญ่ม้าสีดำ มันกระตุกม้าพุ่งทะยานเข้าใส่พระยาตากอย่างรวดเร้ว

 

มือขวาที่มันถือดาบก็ฟันฉับเข้ามาอย่างเเรงหมายมาที่ก้านคอเเค่ทีเดียวให้หลุดกระเด็น เเต่พระยาตากเบี่ยงตัวหลบเเล้วเสือกปลายดาบเสียบเข้าที่ยอดอกของมันอย่างสุดเเรงเกิด

 

ไอ้ตัวหัวหน้าใหญ่สะดุ้งเฮือกสุดต้ว ก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆเอนตัวร่วงหล่นจากหลังม้าสีดำลงมา ในขณะที่ดาบของพระยาตาก ก็ยังคาอยู่กลางยอดอกนั่นเอง

 

เหล่าม้าเร็วทะลวงฟันของอังวะ เมื่อเห็นหัวหน้าใหญ่ขาดใจตายอยู่ตรงนั้นก็พากันขวัญกระเจิง ขี่ม้ากลับค่ายเหนือโพธิ์สามต้น เเตกกระซานซ่านเซ็นอย่างไม่คิดชีวิต

 

"เป็นอะไรมั่งหรือเปล่าขอรับ?"

 

"ไม่.."

 

พระยาตากกล่าวตอบหลวงพิชัยอาสาสั้นๆ ในขณะที่โน้มตัวบนหลังม้าชักดาบออกจากอกของเจ้าตัวหัวหน้าใหญ่ของอังวะ เสียบกลับเข้าไปในฝักที่สะพายเเล่งอยู่ทางด้านหลัง

 

"พี่น้องเราเป็นอย่างไรบ้าง?"

 

"ก็มีบาดเจ็บเเละสูญเสียจำนวนหนึ่งขอรับ...หากว่า..หยุดพักดูเเลรักษาเเผลกันสักพักเห็นจะเหมาะ"

 

"ไม่ได้!!..จะหยุดพักกันตรงนี้ไม่ได้" พระยาตากพูดเสียงเบาเเต่หนักเเน่น

 

"พวกอังวะมันจะต้องยกกำลังเข้ามาเสริมอีกเท่าตัว เพื่อไล่ล่าพวกเรา...กัดฟันกันอีกหน่อย...ลุผ่านบ้านข้าวเม่าเเลสามบัณฑิตไปทางใต้สักอึดใจ เเล้วค่อยพักทำเเผลกันที่นั่น...."

 

"ก็คงย่ำรุ่ง?..."

 

เสียงรำพึงถามเบาๆจากหลวงพิชัยอาสา กลับไม่มีเสียงตอบอันใดเลยจากชายหน้าเข้มคนนี้...ชายนักรบผู้สง่างามบนหลังม้าใหญ่สีขาวก็ชักม้าทันที หันหน้าไปทางบ้านข้าวเม่าทางตะวันออกของทุ่งหันตรา ด้วยสายตาที่มุ่งมั่นเเละเด็ดเดี่ยว

 

"รอข้า อยุธยาเอ๋ย...ข้าจะต้องกลับมา...ข้าจะต้องกลับมา.............."

 

เสียงพูดเบาๆกับตัวเอง ของดวงตาที่ลุกโพลน มุ่งมั่น เเละเด็ดเดี่ยวคู่นั้น.......

                                                                                                                                      25/5/54

 

 

 

guest

Post : 2011-05-23 23:25:12.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  2.ขอตายดาบหน้า

 

                                                          เลือดล้นทุ่งหันตรา

 

                                           

 

                          

 

....วันเสาร์เที่ยงคืน ขึ้น 4 ค่ำเดือนยี่ ปีจอ อัฐศกจุลศักราช 1128 เกิดเพลิงไหม้ขึ้นในพระนคร ไหม้ตั้งเเต่ท่าทราย ลามมาถึงสะพานช้างวงคลองข้าวเปลือก เเล้วข้ามมาติดป่ามะพร้าว ป่าโทน ป่าถ่าน ป่าทอง ป่ายา วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดฉัตรทัณต์ เผาผลาญบ้านเรือนไปเป็นหมื่นๆหลัง

 

พระยาตากก็ยกสมัครพรรคพวกไพร่พลไทยจีนจากค่ายวัดพิชัย มุ่งหน้าฝ่าวงล้อมกองทหารอังวะไปยังฝั่งทะเลทางด้านตะวันออก

 

"ท่านเเม่ทัพ มีกองทหารจำนวนหนึ่งได้ตีฝ่าวงล้อมทางด่านวัดพิชัย มุ่งหน้าทางตะวันออกท้องทุ่งหันตรา จะคิดเเก้ไขประการใด?"

"จำนวนเท่าไหร่?" เสียงจากเเม่ทัพใหญ่ของกองทหารอังวะค่ายปากน้ำประสบเหนือโพธิ์สามต้นกล่าวขึ้นมาลอยๆอย่างไม่พอใจ

"จำนวนไม่มากนัก มีทหารไพร่เเละทหารเลวเป็นซะส่วนใหญ่"

"ใครเป็นหัวหน้า?"

"พระยาวชิรปราการ มาช่วยศึกจากเมืองตาก"

"จัดม้าเร็วหมู่ทะลวงฟัน ตามบดขยี้พวกมันไป.....อ้อ....." เเม่ทัพใหญ่อังวะพูดด้วยเสียงอันเบาเพื่อให้ได้ยินกันเพียงสองคน

"ถ้าไม่ได้หัวของไอ้หัวหน้ามันมา...ก็เอาหัวของมึงมาเเทนก็เเล้วกัน!!......

 

พระยาตาก หลังจากตีฝ่าวงล้อมเเหกค่ายด่านวัดพิชัยออกมา ก็พาสมัครพรรคพวกมุ่งหน้าไปทางตะวันออกอย่างสุดกำลัง ถึงเเม้ว่าไพร่พลจะไร้ซึ่งพละกำลังหมดสิ้นเรี่ยวเเรง เหตุจากตอนอยู่ในพระนคร ขาดจากการบำรุงดูเเลจากวังหลวง เเทบจะเรียกว่า เรียกมาช่วยเเล้วก็ปล่อยไปตามยถากรรมตามมีตามเกิด ข้าวสารหนึ่งกำก็หุงหาเเบ่งกันกินเเทบจะไม่ทั่วถึง

 

"ท่านพระยา...พักก่อนเถิด พี่น้องเราไม่ไหวเเล้ว" หลวงพิชัยอาสา ข้าเก่าเต่าเลี้ยงตั้งเเต่เป้นเจ้าเมืองตากเอ่ยปากขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงบไร้ซึ่งสรรพสำเนียงใดๆ นอกจากเสียงฝีเท้าเเละเสียงลมหายใจที่อ่อนล้าของนักรบผู้กล้าที่ขออาสาจะไปตายเอาดาบหน้า

 

"ไปอีกหน่อย" พระยาตากพูดด้วยเสียงเบาๆ "ให้พ้นทุ่งหันตรานี้ไปก่อน เเล้วค่อยไปพักที่บ้านสามบัณฑิต..."

"อีกตั้งไกล"

"เเค่นี้เอง"

"พี่น้องเราจะไม่ไหวนะ...เรี่ยวเเรงไม่มีเหลือ บาดเจ็บก็ไม่ใช่น้อย ก่อนเเจ้งมีเเรงนิด ก็ค่อยไปต่อก็ได้นี่..."

"ทำตามที่ท่านพระยาบอกเถิดหลวงพิชัย..." หมื่นราชเสน่หา กล่าวขัดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ "ก็เราพร้อมใจกันเเล้วไม่ใช่หรือ? ว่าจะฝากชีวิตกับท่านพระยา เอาอย่างไร ก็ว่ากันตามนั้นสุดเเท้เเต่ท่านพระยาจะเห็นสมควร"

"ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ท่านหมื่น" หลวงพิชัยเสียงเข้ม "ก็เเค่เพียงถามดูเเค่นี้ ท่านพระยาว่าอย่างไรข้าก็ว่าตามนั้นอยู่เเล้ว ว่าเเต่ท่านหมื่นเถอะ ข้ามเนินข้างหน้านี้ไปเเล้ว อย่ามาทำสำออยเรียกข้ามาเข้าพยุงเหมือนตอนปะทะที่คลองสวนพลูอีกล่ะ"

"ก็ตอนนั้น...."

"เอาล่ะๆ พอเเล้ว...ไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไร?" หมื่นราชเสน่หากำลังจะสวนกลับก็ถูกดุด้วยเสียงเข้มจากพระยาตากให้เงียบเสียงลงด้วยกันทั้งคุ่

"ท่านพระยาขอรับ...จากบ้านสามบัณฑิตเเล้ว เราจะมุ่งหน้ากันไปทางไหนต่อล่ะขอรับ?.." ขุนอภับภักดี ที่เดินอยู่ไม่ห่างจากพระยาตากเอ่ยถามขึ้น

"ไปคิดอ่านกันที่บ้านพรานนก ว่าจะเอากันยังงัยดี เเต่ถ้าไปบางคาง ก็จะมีค่ายใหญ่ของอังวะตั้งอยู่ที่นั่น"

"เห็นทีจะต้องอ้อม"

"ใช่ ท่านขุน...เห็นทีจะต้องเลียบชายทะเลไปทางบางปลาสร้อย หลุดจากที่นั่นไปเเล้ว เห็นทีจะไม่มีค่ายอังวะอยู่เป็นเเน่"

"ทำไมไม่ขึ้นเหนือกลับไปเมืองตากบ้านเราล่ะขอรับ?"

"ท่านขุน...ค่ายใหญ่อังวะมีไม่ต่ำกว่าสามค่ายมีปืนใหญ่กระสุนดินเเตกไม่อั้น เเล้วพวกเราจะไหวหรือ?...อีกอย่างเจ้าพระยาพิษณุโลก ก็เป็นพวกกับกองทัพอังวะ เขาคงไม่ปล่อยให้พวกเรากลับไปได้ง่ายๆหรอก..."

"ถ้าอย่างงั้น"

"ใช่เเล้วท่านขุน หากพี่น้องเราจะกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืน เราก็ต้องไปตั้งมั่นทางชายทะเลด้านตะวันออกเท่านั้น"

 

"ท่านพระยาขอรับๆๆ"

"มีอะไรหรือ?หลวงพรหมเสนา..ข้าให้เจ้าเฝ้าเเนวระวังหลัง เเล้วมันเกิดอะไรขึ้น?

"กองกำลังม้าเร็วอังวะ มุ่งหน้ามาทางเราเเล้วขอรับ" หลวงพรหมเสนาละล่ำละลักพูดตะกุกตะกักด้วยความเหนื่อยอ่อน

"หยุดดดดดด...." พระยาตากเเผดเสียงคำรามลั่น

"ทุกคนหันหลังกลับ จัดกำลังรบเป็นรูปปีกกา หลวงพิชัย หมื่นราช อยู่ปีกซ้าย หลวงพรหม ขุนอภัย พระเชียงเงิน อยู่ปีกขวา....พุ่งไปข้างหน้า ฆ่าให้สิ้น!!..................."

                                                                                                                                                     24/5/54

guest

Post : 2011-01-07 21:47:16.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  กล้าหน่อยซิค๊ะ?........

 
 
 
 
" กล้าหน่อยซิค๊ะ?!........"
 
 
 
 

      

 

 


....เบอร์โทรนี้ มาจากไหน? ใครคนบอก?

อาจโดนหลอก ก็ได้ ใครจะรู้?

ไม่มั่นใจ ก็ลองซิ โทรมาดู

ใจต้องสู้ รู้กันไป เบอร์ใครกัน?
 
 

....อาจจะใช่ หรือไม่ใช่ ก็ได้นี่

เพราะว่ามี ทั้งถูกผิด ได้ทั้งนั้น

กลัวหรือค๊ะ? โทรหาหญิง เห็นนิ่งงัน

มือไม้สั่น หูตาลาย ตายเเน่คุณ!!!
 
 


คลิ๊กดูรูป

###### No Permission ######
###### No Permission ######
guest

Post : 2010-12-30 21:09:32.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  เขาจะรู้ไหม?!!

 
 
 
 
" เขาจะรู้ไหม?!!........... "
 
 
 
 
 

     

 

 


....บอกเขาไป ใจจ๋า ข้าเหงานัก

หอบใจรัก หญิงหนึ่งนี้ ที่โหยหา

คิดถึงมาก อยากอยู่ใกล้ ไม่ไกลตา

ลดเลี้ยวฟ้า มาตรงที่ มีเพียงเรา
 
 
 

....เอ่ยเอื้อนออก บอกไป ใครจะกล้า?

ถูกนินทา ให้เสื่อมเกียรติ เหยียดโง่เขลา

เพียงเท่านี้ จดจารึก บันทึกเงา

กระจกจ๋า พาบอกเขา ว่าเราคอย..


คลิ๊กดูรูป

###### No Permission ######
guest

Post : 2010-12-29 21:10:16.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  ตัดสินใจพลาด

 
 
 
 
  " ตัดสินใจพลาด!!!........... "
 
 
 
 

      

 

 


....โอ่ยยยไม่ไหว มาเป็นชุด หยุดไม่อยู่

ก็ไม่รู้ สรรหาคำ จำจากไหน?

ฉอดฉับฉับ ขยับเฉือน เหมือนกรรไกร

ขืนอยู่ใกล้ ไมเกรนขึ้น มึนหมดเลย
 
 

....รู้อย่างงี้ เสียเงินขอ ต้องหงออีก

สู้ไปปลีก วิปัสสนา วางท่าเฉย

ปลงสังขาร อสุภะ ละอย่างเคย

ไม่ควรเลย เล่นกับไฟ ทำไงดี?!!


คลิ๊กดูรูป

###### No Permission ######
처음 이전 ... 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 다음 끝

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>