Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2012-12-17 20:01:25.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  กระสุนนัดสุดท้าย

 

 

                   

 

  

 

 

 

              กระสุนนัดสุดท้ายที่อ่าวมะนาว

 สายวันนั้นเอง นายหยอย ทิพย์นุกูล บุรุษไปรษณีย์ก็ได้นำโทรเลขจากพันเอกหลวงเชวงศักดิ์สงคราม(ช่วง เชวงศักดิ์สงคราม)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่แจ้งให้หยุดยิงมาส่งให้ผู้บังคับกองบินน้อย

แต่ผู้บังคับกองบินน้อยที่ ๕ ไม่เชื่อ ด้วยเกรงว่าจะเป็นกลลวงของฝ่ายญี่ปุ่น !!!

เวลา ๑๐.๐๐ น.ผู้บังคับกองบินน้อยที่ ๕ ได้จัดตั้งที่บังคับการขึ้นใหม่ที่บริเวณเชิงเขาล้อมหมวกซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายในสมรภูมินี้แล้ว จากนั้นก็เรียกประชุมบรรดานายทหารทั้งหมดที่เหลืออยู่ เห็นว่าไม่มีทางจะต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นได้เพราะมีกำลังน้อยกว่า ทั้งอยู่ในที่จำกัด และหมดหวังในการรอคอยความช่วยเหลือจากภายนอกแล้ว

ผู้บังคับกองบินน้อยที่ ๕ นาวาอากาศตรี หม่อมหลวง ประวาศ ชุมสาย จึงสั่งให้เผาคลังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ตั้งอยู่ที่เชิงเขาล้อมหมวกริมอ่าวประจวบเสียเพื่อมิให้ข้าศึกนำไปใช้ประโยชน์ได้

จากนั้นก็สั่งการสุดท้ายว่า…

ให้นายทหารทุกนายเหลือกระสุนไว้สำหรับตนเองอย่างน้อยคนละ ๑ นัด !!!

หยุดรบ
สถานการณ์คับขันและสิ้นหวัง ทั้งตัวทหารและลูกเมียไม่มีใครเห็นทางรอดจากกระสุนและคมดาบซามูไรที่จ่อคอหอยอยู่รอเวลาเพียงออกแรงเล็กน้อยเพื่อปลิดวิญญาณ…

เวลา ๑๒.๐๐ น.เศษ นายจรูญพันธ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมการจังหวัดและอำเภอ นายตำรวจและผู้ติดตามรวม ๗ คน ก็เดินทางโดยรถยนต์บรรทุก ๖ ล้อของแขวงการทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดธงสีขาวหน้ารถ วิ่งผ่านแนวการวางกำลังของทหารญี่ปุ่นเข้ามาโดยปราศจากการขัดขวาง

คณะปลัดจังหวัดมาพร้อมกับคำสั่งหยุดยิงซึ่งเป็นโทรเลขจากจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุด เนื่องจากรัฐบาลไทยได้ยินยอมให้กองทหารญี่ปุ่นผ่านประเทศไทยแล้วมามอบให้กับผู้บังคับกองบินน้อยที่ ๕

เมื่อได้หลักฐานชัดเจนเช่นนี้แล้ว ผู้บังคับกองบินน้อยที่ ๕ จึงสั่งให้ทหารในบังคับบัญชายุติการสู้รบ

เวลา ๑๔.๐๐ น.ได้มีการเรียกรวมพลทั้งของทหารไทยและทหารญี่ปุ่นที่บริเวณสนามบิน ทำการปรับความเข้าใจและตกลงแบ่งเขตกันเพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งกันในภายหลัง ต่างฝ่ายต่างสำรวจความเสียหายและรีบเก็บศพทหารของฝ่ายตน

กระสุนนัดสุดท้ายของนายทหารอากาศผู้กล้าแห่งอ่าวมะนาวจึงไม่มีโอกาสได้ใช้งาน

ผลการรบ
ผลของการสู้รบเฉพาะที่บริเวณกองบินน้อยที่ ๕ ปรากฎว่า ทหารไทยเสียชีวิต ๓๘ นาย นายตำรวจเสียชีวิต ๑ นาย เด็กนักเรียนชายซึ่งออกไปช่วยลำเลียงกระสุนส่งให้ทหารถูกกระสุนปืนข้าศึกเสียชีวิต ๑ คน สตรีซึ่งเป็นครอบครัวทหารเสียชีวิต ๒ คน หนึ่งในจำนวนนี้มีภรรยาของเรืออากาศเอก เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร ซึ่งขณะนั้นได้แยกนำกำลังฝูงบินไปเข้าที่ตั้ง ณ สนามบินต้นสำโรง นครปฐม รวมอยู่ด้วย เรืออากาศเอก เฉลิมเกียรติ ต่อมาจะได้เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศและเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบิน
รวมแล้วฝ่ายไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒ คน และมีบาดเจ็บทั้งทหารและพลเรือนอีก ๒๗ คน

สำหรับการสูญเสียฝ่ายญี่ปุ่นนั้น มีทหารเสียชีวิตในที่รบถึง ๒๑๗ คน เป็นนายทหารสัญญาบัตร ๘ คน นอกนั้นเป็นนายทหารประทวนและทหารกองประจำการ กับมีทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บในเวลาต่อมาอีกประมาณ ๓๐๐ คน ในจำนวนนี้มีนายทหารญี่ปุ่นชั้นผู้บังคับกองพันเสียชีวิตที่ริมอ่าวมะนาวขณะยกพลขึ้นบกด้วย ๑ คน นายทหารอื่นอย่างน้อยอีก ๓ คน ทั้งนี้มีผู้ตัดเครื่องหมายยศจากศพทหารญี่ปุ่นเหล่านั้นเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
อ่าวมะนาววันนี้

อ่าวมะนาวทุกวันนี้ยังคงเป็นที่ตั้งของกองบินกองทัพอากาศโดยเปลี่ยนชื่อเป็นกองบินที่ ๕๑ สถานที่สำคัญครั้งประวัติศาสตร์เช้ามืดวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔ ทุกแห่งยังคงอยู่ครบถ้วน เขาล้อมหมวกอันเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายที่นายทหารทุกนายเตรียมกระสุนนัดสุดท้ายไว้สำหรับตนก็ยังคงยืนตระหง่านท้าทายอยู่ริมอ่าวอย่างอหังการ
จากสมรภูมิรบที่แตกต่างไปจากสมรภูมิอื่นๆเพราะรบกันข้ามวันข้ามคืน ทุกวันนี้ อ่าวมะนาวได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งงดงามทรงเสน่ห์และหากผู้ใดได้รับทราบเรื่องราวแห่งความกล้าหาญของเหล่าทหารกล้าและครอบครัวในเช้ามืดวันนั้นแล้ว พวกเขาก็คงสัมผัสได้พลังลึกลับบางประการที่แฝงเร้นอยู่ในทุกอณูของบรรยากาศ

ข้อเขียนของคุณ Gen.Bunchon

guest

Post : 2012-12-16 23:15:50.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  ภูฎาน ไม่เคยง้อใคร

 

 

 

 

                                                                 ประเทศภูฏาน

 

        ภูฏาน

 

 

 

การขอวีซ่า

การขอวีซ่าเข้าภูฏาน สำหรับนักท่องเที่ยวจะต้องขอรวมกันเป็นกรุ๊ปทัวร์ โดยขอผ่านบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นผู้ติดต่อขอวีซ่าให้นักท่องเที่ยว ภูฏานไม่รับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาตามลำพังเป็นการส่วนตัว หรือ ไม่รับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแบบ backpack มานอกจากจะเป็นแขกของรัฐบาลภูฏานเท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมขอวีซ่านั้นกำหนดโดยรัฐบาลภูฏาน ซึ่งจะรวมค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าไกด์ท้องถิ่น ฯลฯ เอาไว้ด้วย (ประมาณวันละ 200-250 เหรียญสหรัฐฯต่อคน) ถ้าเดินทางจำนวนน้อยคน เช่น จะขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจำนวนต่ำกว่า 3 คน ก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกต่างหาก วีซ่าสำหรับนักเรียนนักศึกษาได้ลดค่าธรรมเนียมเป็นพิเศษ

 


หน่วยงานที่มีหน้าที่พิจารณาการอนุมัติวีซ่าเข้าภูฏาน คือ Department of Tourism หรือ DOT หน่วยงานนี้สังกัดกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (Ministry of Industry and Commerce) DOT มีสำนักงานอยู่ที่เมืองทิมพู เมื่อบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวดำเนินการขอวีซ่า จะต้องยื่นรายชื่อผู้ที่จะเดินทางเข้าภูฏานพร้อมกับเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดระหว่างที่อยู่ในภูฏาน ทาง DOT จะใช้เวลาพิจารณาการอนุมัติวีซ่าประมาณ 10-15 วันทำการ เมื่อผ่านการพิจารณาแล้วจะส่งรายชื่อผู้ได้รับวีซ่าเข้าภูฏานกลับคืนไปให้บริษัททัวร์ในใบอนุญาตจะมีเลขรหัสสำหรับแสดงต่อเจ้าหน้าที่ภูฏานในเวลาที่เดินทางเข้าประเทศ (ทางอากาศที่สนามบินปาโร ทางบกที่เมืองพูลโซลิง-Phuen-sholing ด่านพมแดนระหว่าอินเดียกับภูฏาน)

 

นักท่องเที่ยวจะต้องได้รับการอนุมัติวีซ่าเข้าภูฏานก่อนการเดินทางและเมื่อถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านแรกของประเทศภูฏาน เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารอนุมัติวีซ่าที่ออกให้โดย DOT เมื่อเอกสารต่างๆถูกต้องแล้ว เจ้าหน้าที่จะประทับตราในหนังสือเดินทาง ซึ่งเดินทางเข้าภูฏานจะต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกคนละ 20 เหรียญสหรัฐฯ พร้อมกับรูปถ่าย 2 ใบ (รูปขนาดติดพาสปอร์ต เขียนชื่อกับเลขที่หนังสือเดินทางไว้หลังรูป) ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองภูฏาน

 

การขอขยายเวลาอยู่ต่อในประเทศภูฏานสามารถทำได้โดยยื่นคำร้องขอต่อวีซ่าที่เมืองทิมพูต้องเสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 510 นู (ประมาณ 12 เหรียญสหรัฐฯ) อยู่ต่อได้นานถึง 6 เดือน โปรดจำไว้ว่า สถานทูตภูฏานทุกแห่งในทุกประเทศจะไม่ทำหน้าที่ใดๆเกี่ยวกับการขอวีซ่าเข้าภูฏาน

เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่า

1. scan หน้า passport ที่มีรูป

2. scan รูปถ่ายขนาด 2 นิ้่ว ให้อยู่ file jpg หรือ ไฟล์รูปภาพ / หรือ ส่งรูป ขนาด 2 นิ้่วมาให้บริษัททัวร์

สามารถติดต่อกับ DOT ที่เมืองทิมพู (ทางไปรษณีย์) ได้ที่
Department of Tourism
P.O.Box.126,
GPO Thimphu, Bhutan
โทรศัพท์ (975-2) 323 251,323 252
แฟกซ์ (975-2) 323 695
อีเมล
dot@tourism.gov.bt
เว็บไซต์
www.tourism.gov.bt

จากเหตุผลของการใช้ระยะเวลาในการขอวีซ่าค่อนข้างนานการกำหนดให้จองทัวร์ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือนจึงค่อนข้างมีความสำคัญคะ และเนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เขาภูฏานมาจากทั่วโลก สายการบินก็มีเพียงสายการบินเดียว การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ภูฏานจึงต้องวางแผนและใช้เวลากำหนดล่วงหน้านานสักหน่อยนะคะ

ข้อมูลจาก - หนังสือคู่มือนักเดินทางฉบับพกพา "ภูฏาน" หนังสือในเครือเที่ยวรอบโลก

 

 

วันที่ 16 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ถึงความชัดเจนในการลงสมัครผู้ว่า ฯ กทม. ว่า ข่าวสุดารัตน์ ลงไม่ลง ผู้ว่าฯ สับสนเหลือเกิน ขอเรียนยืนยันอีกครั้งว่า ไม่พร้อมลงสมัครผู้ว่าฯจริงๆ ข่าวที่บอกว่าตนบินไปฮ่องกงเพื่อไปขอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ส่งลงสมัครผู้ว่าฯ ก็ไม่จริง ตนไม่เคยขอใครในพรรคเพื่อไทยให้ส่งลงสมัครผู้ว่าฯ ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

"ในที่ประชุมพรรคฯเมื่อวันศุกร์ ดิฉันได้บอกกับเพื่อน พี่น้อง สมาชิกพรรคถึงความไม่พร้อม เนื่องจากงานบูรณะสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าที่ดิฉันได้รับผิดชอบอยู่ ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เป็นงานที่ยิ่งใหญ่เพื่อพุทธศาสนาและในหลวงของเรา ที่ดิฉันมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำให้ดีที่สุด ดิฉันต้องกราบขอโทษผู้สนับสนุนอีกครั้งนะค่ะ ที่ไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ตามแรงเชียร์ เหตุการ์ณที่เถิดขึ้นในที่ประชุมถือเป็นเรื่องที่สะเทือนใจดิฉันเป็นอย่าง ยิ่ง ที่โดนเพื่อนร่วมงานทั้ง ส.ส. สมาชิกสภากรุงเทพ ( ส.ก.) สมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ว่าดิฉันทิ้งเพื่อนหรือเป็นแม่ทัพที่หนีทัพยามต้องออกรบ ซึ่งไม่ใช่นิสัยดิฉันเลยที่จะทิ้งเพื่อนทั้งพวกพ้องหรือทรยศหักหลังใคร ดิฉันก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้เพื่อนร่วมงานทุกท่าน กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเราต้องกราบขอโทษเพื่อนๆอีกครั้ง และขอความเข้าใจและความเห็นใจให้กับดิฉันด้วย ดิฉันไม่ปราถนาที่จะสร้างปัญหาให้กับใครโดยเฉพาะกับพรรคที่ดิฉันรัก" คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวต่อว่า ตนเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนร่วมงานทุกคน ทั้ง ส.ส. ส.ก. ส.ข. และรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นความจริงใจที่มีให้กัน เราทำงานร่วมกันมายาวนาน ร่วม 20ปี เราผ่านทุกข์ผ่านสุขด้วยกันมามาก ความผูกพันและความจริงใจที่เรามีต่อกัน เป็นความยิ่งใหญ่ในหัวใจพวกเรา ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่จะมาถึงนี้ ตนขอให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้ความเคารพมติพรรคและให้ความร่วมมือกับพรรคอย่างเต็มที่ ในการสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ ถึงแม้นว่า ตนจะไม่ใช่ผู้สมัครผู้ว่าฯ ของพรรค ขอให้เชื่อมั่นผู้บริหารพรรคจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทุกท่าน และ ขอวิงวอนให้เพื่อน พี่น้องสมาชิกพรรคทุกท่าน ทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่เพื่อชัยชนะของพรรค

"ดิฉันต้องกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ยังเมตตาคิดถึงดิฉัน อยู่ โดยสะท้อนผ่านผลโพลต่างๆว่า ยังต้องการให้ดิฉันกลับมาทำงานรับใช้อยู่ ดิฉันสำนึกในพระคุณของพี่น้องประชาชนอยู่เสมอ และในโอกาสที่เหมาะสมดิฉันยืนยันว่า จะกลับมารับใช้ เพื่อทดแทนบุญคุณของทุกท่าน โดยในระหว่างนี้ที่ดิฉันยังไม่กลับเข้ามารับใช้ทางการเมือง ดิฉันขออาสาเอาความรู้และประสบการณ์ของดิฉัน มาร่วมกับพี่น้องประชาชน ช่วยกันคิด ช่วยกันสร้างนโยบายสาธารณะ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาของพวกเราคนไทย เป็นเสียงเป็นพลังภาคประชาชน เพื่อประชาชน" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

 

 

 

 

 

ธงชาติ  
คำขวัญ: หนึ่งชาติ,หนึ่งประชาชน
เพลงชาติ: ดรุก เซนเดน
 
 
เมืองหลวง
(และเมืองใหญ่สุด)
ทิมพู
27°28′N 89°38′E / 27.467°N 89.633°E / 27.467; 89.633
ภาษาทางการ ภาษาซองคาและภาษาอังกฤษ
การปกครอง ประชาธิปไตย ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
- พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก
- นายกรัฐมนตรี จิกมี ทินเลย์
การสร้างชาติ
- ราชวงศ์วังชุก 17 ธันวาคม พ.ศ. 2450
พื้นที่
- รวม 47,500 ตร.กม. (132)
18,340 ตร.ไมล์
- แหล่งน้ำ (%) น้อยมาก
ประชากร
- 2552 (ประเมิน) 672,425 (117)
- 2550 (สำมะโน) 4,598,556
- ความหนาแน่น 45 คน/ตร.กม. (149)
117 คน/ตร.ไมล์
จีดีพี (อำนาจซื้อ) 2550 (ประมาณ)
- รวม 3.181 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ[1] (152)
- ต่อหัว 3,330 ดอลลาร์สหรัฐ (124)
ดพม. (2546) 0.536 (กลาง) (134)
สกุลเงิน งุลตรัม (BTN)
เขตเวลา BTT (UTC+6:00)
- (DST) not observed (UTC+6:00)
ระบบจราจร ซ้ายมือ
โดเมนบนสุด .bt
รหัสโทรศัพท์ 975

 

 

 

 

 

ภูฏาน (Bhutan) (อ่านว่า พู-ตาน ) หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan) [3] เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ที่มีขนาดเล็ก และมีภูเขาเป็นจำนวนมาก ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยระหว่างประเทศอินเดียกับจีน

ชื่อในภาษาท้องถิ่นของประเทศคือ Druk Yul (อ่านว่า ดรุก ยุล) แปลว่า "ดินแดนของมังกรสายฟ้า (Land of the Thunder Dragon) " นอกจากนี้ยังเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Druk Tsendhen เนื่องจากที่ภูฏาน เสียงสายฟ้าฟาดถือเป็นเสียงของมังกร ส่วนชื่อ ภูฏาน (Bhutan) มาจากคำสมาสในภาษาสันสกฤต ภู-อุฏฺฏาน อันมีความหมายว่า "แผ่นดินบนที่สูง" (ในภาษาฮินดี สะกด भूटान ถอดเป็นตัวอักษรคือ ภูฏาน)

ประเทศภูฏาน เป็นประเทศที่ประกาศว่า จะไม่สนใจ GDP (GDP - Gross Domestic Product หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) แต่จะสนใจ GDH แทน (GDH - Gross Domestic Happiness หรือ ความสุขรวมภายในประเทศ)

 

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก

 

มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข ภายใต้การปกครองโดย สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 5 ของราชวงศ์วังชุก ทรงปกครองประเทศโดยมีคณะองคมนตรีเป็นที่ปรึกษา และสภาแห่งชาติที่เรียกว่า ซงดู (Tsongdu) ทำหน้าที่ในการออกกฎหมาย ประกอบด้วยสมาชิก 161 คน

  • สมาชิก 106 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน
  • สมาชิก 55 คน มาจากการแต่งตั้งของพระมหากษัตริย์

ในสมัยศตวรรษที่ 17 นักบวช ซับดุง นาวัง นำเยล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) ได้รวบรวมภูฏานให้เป็นปึกแผ่นและก่อตั้งเป็นประเทศขึ้น และในปี 2194 นักบวชซับดุงได้ริเริ่มการบริหารประเทศแบบสองระบบ คือ แยกเป็นฝ่ายฆราวาสและฝ่ายสงฆ์ ภูฏานใช้ระบบการปกครองดังกล่าวมาเป็นเวลากว่าสองศตวรรษ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2450 พระคณะที่ปรึกษาแห่งรัฐ ผู้ปกครองจากมณฑลต่าง ๆ ตลอดจนตัวแทนประชาชนได้มารวมตัวกันที่เมืองพูนาคา และทำการเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ อูเก็น วังชุก (Ugyen Wangchuck) ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ปกครองเมืองตองซา (Trongsa) ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรกของภูฏาน โดยดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์แรกแห่งราชวงศ์วังชุก (Wangchuck) เนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นของพระองค์ตั้งแต่ครั้งยังทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้ปกครองเมืองตองซา ทรงมีลักษณะความเป็นผู้นำและเป็นผู้นำที่เคร่งศาสนาและมีความตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ราชวงศ์วังชุกปกครองประเทศภูฏานมาจนถึงปัจจุบันสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก (Jigme Khesar Namgyal Wangchuck) ขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2549 เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก

 

 

 

ในปี พ.ศ. 2173 ดรุกปา ลามะ ลี้ภัยจากทิเบตสู่ภูฏาน ต่อมาได้ตั้งตัวขึ้นเป็น ธรรมราชา ปกครองครองดินแดนด้วยระบบศาสนเทวราช มีคณะรัฐมนตรีช่วย 4 ตำแหน่ง แม้ภูฏานจะพยายามแยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ต่อมาก็ถูกรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะทิเบตอยู่หลายครั้งในช่วงพุทธศตวรรษที่ 22 ถึง 23 ในระยะต่อมาก็ยังถูกรุกรานโดยอังกฤษซึ่งมีอำนาจอยู่ในอินเดียก่อนที่จะได้เจรจาสงบศึกกัน ในปี พ.ศ. 2453

 

 

 

 

 

                                       

 

วันที่ 16 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ถึงความชัดเจนในการลงสมัครผู้ว่า ฯ กทม. ว่า ข่าวสุดารัตน์ ลงไม่ลง ผู้ว่าฯ สับสนเหลือเกิน ขอเรียนยืนยันอีกครั้งว่า ไม่พร้อมลงสมัครผู้ว่าฯจริงๆ ข่าวที่บอกว่าตนบินไปฮ่องกงเพื่อไปขอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ส่งลงสมัครผู้ว่าฯ ก็ไม่จริง ตนไม่เคยขอใครในพรรคเพื่อไทยให้ส่งลงสมัครผู้ว่าฯ ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

"ในที่ประชุมพรรคฯเมื่อวันศุกร์ ดิฉันได้บอกกับเพื่อน พี่น้อง สมาชิกพรรคถึงความไม่พร้อม เนื่องจากงานบูรณะสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าที่ดิฉันได้รับผิดชอบอยู่ ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เป็นงานที่ยิ่งใหญ่เพื่อพุทธศาสนาและในหลวงของเรา ที่ดิฉันมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำให้ดีที่สุด ดิฉันต้องกราบขอโทษผู้สนับสนุนอีกครั้งนะค่ะ ที่ไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ตามแรงเชียร์ เหตุการ์ณที่เถิดขึ้นในที่ประชุมถือเป็นเรื่องที่สะเทือนใจดิฉันเป็นอย่าง ยิ่ง ที่โดนเพื่อนร่วมงานทั้ง ส.ส. สมาชิกสภากรุงเทพ ( ส.ก.) สมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ว่าดิฉันทิ้งเพื่อนหรือเป็นแม่ทัพที่หนีทัพยามต้องออกรบ ซึ่งไม่ใช่นิสัยดิฉันเลยที่จะทิ้งเพื่อนทั้งพวกพ้องหรือทรยศหักหลังใคร ดิฉันก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้เพื่อนร่วมงานทุกท่าน กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเราต้องกราบขอโทษเพื่อนๆอีกครั้ง และขอความเข้าใจและความเห็นใจให้กับดิฉันด้วย ดิฉันไม่ปราถนาที่จะสร้างปัญหาให้กับใครโดยเฉพาะกับพรรคที่ดิฉันรัก" คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวต่อว่า ตนเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนร่วมงานทุกคน ทั้ง ส.ส. ส.ก. ส.ข. และรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นความจริงใจที่มีให้กัน เราทำงานร่วมกันมายาวนาน ร่วม 20ปี เราผ่านทุกข์ผ่านสุขด้วยกันมามาก ความผูกพันและความจริงใจที่เรามีต่อกัน เป็นความยิ่งใหญ่ในหัวใจพวกเรา ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่จะมาถึงนี้ ตนขอให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้ความเคารพมติพรรคและให้ความร่วมมือกับพรรคอย่างเต็มที่ ในการสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ ถึงแม้นว่า ตนจะไม่ใช่ผู้สมัครผู้ว่าฯ ของพรรค ขอให้เชื่อมั่นผู้บริหารพรรคจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทุกท่าน และ ขอวิงวอนให้เพื่อน พี่น้องสมาชิกพรรคทุกท่าน ทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่เพื่อชัยชนะของพรรค

"ดิฉันต้องกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ยังเมตตาคิดถึงดิฉัน อยู่ โดยสะท้อนผ่านผลโพลต่างๆว่า ยังต้องการให้ดิฉันกลับมาทำงานรับใช้อยู่ ดิฉันสำนึกในพระคุณของพี่น้องประชาชนอยู่เสมอ และในโอกาสที่เหมาะสมดิฉันยืนยันว่า จะกลับมารับใช้ เพื่อทดแทนบุญคุณของทุกท่าน โดยในระหว่างนี้ที่ดิฉันยังไม่กลับเข้ามารับใช้ทางการเมือง ดิฉันขออาสาเอาความรู้และประสบการณ์ของดิฉัน มาร่วมกับพี่น้องประชาชน ช่วยกันคิด ช่วยกันสร้างนโยบายสาธารณะ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาของพวกเราคนไทย เป็นเสียงเป็นพลังภาคประชาชน เพื่อประชาชน" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

 

 

ที่เขาไม่ลง ก็เพราะรู้ว่า พรรคต้องการให้คนอื่นลงมากกว่า โดยการแสดงออกที่ นายกปูไม่ให้ความสนใจ ไม่ลงมาพบหารือด้วย เขาก็ถอนตัวแบบ ถนอมน้ำใจกัน จะหักหน้ากันแบบไม่ให้มีที่ยืนเลย

มันสงสัยติดใจมานานแล้ว ระหว่างที่พรรคพลังประชาชนกำลังพลิกคว่ำพลิกหงายอยู่ในเวลานั้น

หญิงหน่อย แยกตัวไปตั้งกลุ่ม เพื่อนสุดารัตน์ ออกมาเคลือนไหวอยู่แถวๆเขตบางกระปิ เพื่อวัตถุประสงค์อะไร..???

ณ.เวลานั้น ฉีดยุง,เร่ขายสินค้าราคาถูก และกิจกรรมอีกหลายๆอย่าง ทำไมไม่ทำในนามพรรค แต่ทำในนามส่วนตัวเวลานั้นเตรียมการทำอะไร..???

มันสงสัยติดใจมานานแล้ว ระหว่างที่พรรคพลังประชาชนกำลังพลิกคว่ำพลิกหงายอยู่ในเวลานั้น

หญิงหน่อย แยกตัวไปตั้งกลุ่ม เพื่อนสุดารัตน์ ออกมาเคลือนไหวอยู่แถวๆเขตบางกระปิ เพื่อวัตถุประสงค์อะไร..???

ณ.เวลานั้น ฉีดยุง,เร่ขายสินค้าราคาถูก และกิจกรรมอีกหลายๆอย่าง ทำไมไม่ทำในนามพรรค แต่ทำในนามส่วนตัวเวลานั้นเตรียมการทำอะไร..???

 

 

 

guest

Post : 2012-12-14 21:03:31.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  โดนจับเล่นไพ่

 

 

 

                    เมื่อคุณถูกตำรวจจับ จะประกันตัวอย่างไร

 

 

 

 

จาก นสพ.คมชัดลึก


ถ้าคุณถูกดำเนินคดีในฐานะผู้ต้องหา รู้ไหมว่าต้องยื่นเงินประกันตัวเท่าไร บัดนี้ ความรู้นี้จะไม่จำกัดอยู่ในหมู่นักกฎหมายอีกต่อไป เมื่อกระทรวงยุติธรรมกำหนดวงเงินประกันแต่ละความผิดเอาไว้ให้ชาวบ้านได้รับรู้

 

สุจริตชนผู้ไม่ข้องแวะกับสิ่งผิดครรลองคลองธรรมอาจจะไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าเมื่อต้องตกเป็นผู้ต้องหาจะมีสภาพอย่างไร ขั้นตอนการยื่นประกันทำอย่างไร และวงเงินประกันแต่ละความผิดเท่าไร

 

วันนี้ความรู้ใกล้ตัวนี้จะไม่เป็นเรื่องปกปิด ที่รับรู้กันเฉพาะในหมู่นักฎหมายอีกต่อไป เมื่อกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดวงเงินประกันแต่ละความผิดแล้วประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้โดยทั่วกัน สาเหตุหนึ่งก็เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพหลอกลวงผู้ต้องหาและครอบครัวใช้เงินประกันมากเกินวงเงินประกันอย่างที่แล้วๆ มา

 

โดยกระทรวงยุติธรรมได้ออกกฎกระทรวงเรื่องกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการเรียกประกัน หรือหลักประกันการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน พ.ศ. 2549 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. 2477 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 และมาตรา 110 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 22) พ.ศ. 2547 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2549 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550

 

สาระสำคัญอยู่ที่การเรียกประกันหรือหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการกำหนดวงเงินประกัน โดยนำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ซึ่งออกตามความในมาตรา 110 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม

 

ทั้งนี้ห้ามมิให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการกำหนดวงเงินประกันเกิน 3 ใน 4 ของวงเงินประกันที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา กรณีการใช้บุคคลเป็นประกันหรือการกำหนดให้หลักทรัพย์ใดเป็นหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นสอบสวน ก็ให้ยึดข้อบังคับของประธานศาลฎีกามาบังคับใช้โดยอนุโลมเช่นกัน และมีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยบัญญัติให้การเรียกประกันหรือหลักประกันการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนจะเรียกจนเกินควรแก่กรณีมิได้

 

การกำหนดวงเงินประกันพิจารณาจากความผิดหรือพฤติการณ์ในการขอปล่อยตัวชั่วคราว ดังนี้

1.ความผิดลหุโทษหรือที่มีโทษปรับสถานเดียวไม่เกินร้อยละ 37.5 ของอัตราโทษปรับขั้นสูงสำหรับความผิดนั้น

2.คดีความผิดที่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีอัตราโทษปรับสูง ไม่ว่าจะมีโทษจำคุกด้วยหรือไม่ก็ตาม ไม่ควรเกินร้อยละ 37.5 ของอัตราโทษปรับขั้นสูงสำหรับความผิดนั้น และไม่ว่ากรณีใดต้องไม่เกินอัตราโทษปรับขั้นสูง

3.คดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 5 ปี ไม่เกิน 7.5 หมื่นบาท

4.คดีที่มีอัตราโทษจำคุกแต่ไม่มีโทษสถานอื่นที่หนักกว่าโทษจำคุกรวมอยู่ด้วย ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท

5.คดีที่มีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิตไม่เกิน 4.5 แสนบาท

6.คดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิตไม่เกิน 6 แสนบาท

7.คดีที่มีหลายข้อหาให้ถืออัตราโทษหนักที่สุดเป็นเกณฑ์

8.กรณี 1) ผู้ประกันตัวเป็นญาติพี่น้องหรือมีความเกี่ยวพันทางการสมรส หรือ 2) ผู้ขอประกันใช้หลักทรัพย์มีค่าอย่างอื่นที่กำหนดมูลค่าที่แน่นอนและสะดวกแก่การบังคับคดี หรือ 3) ความผิดที่ผู้ต้องหากระทำด้วยความจำใจหรือด้วยความยากจน จะกำหนดวงเงินประกันต่ำกว่าเกณฑ์ปกติก็ได้

9.ผู้ขอประกันเป็นญาติพี่น้องหรือมีความเกี่ยวพันโดยทางสมรส ใช้เงินสดหรือหลักทรัพย์มีค่าอย่างอื่นที่กำหนดมูลค่าที่แน่นอนสะดวกแก่การบังคับคดีเป็นหลักประกัน ให้วางเงินสดหรือหลักทรัพย์เพียงร้อยละ 20 จากวงเงินประกันที่กำหนดได้

10.กรณีผู้ต้องหา 1) เป็นหญิงมีครรภ์ หรือ 2) มีบุตรอายุไม่เกิน 3 ปี อยู่ในความดูแล หรือ 3) เป็นผู้เจ็บป่วย ถ้าต้องขังจะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ หรือ 4) เป็นผู้พิการหรือสูงอายุ ซึ่งโดยสภาพร่างกายหรือจิตใจอาจจะเกิดความทุกข์ยากลำบากเกินกว่าปกติในระหว่างต้องขัง ให้กำหนดวงเงินประกันให้ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ

11.ผู้ต้องหาเป็นเด็กหรือเยาวชนไม่มีการกำหนด

การกำหนดหลักทรัพย์ที่อาจใช้เป็นหลักประกันได้แก่ เงินสด ที่ดินมีโฉนด ที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ห้องชุด ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน หลักทรัพย์มีค่าอย่างอื่นที่กำหนดราคามูลค่าที่แน่นอนได้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล สลากออมสิน บัตรหรือสลากออมทรัพย์ทวีสินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใบรับเงินฝากประจำธนาคาร ตั๋วแลกเงินที่ธนาคารเป็นผู้จ่ายและธนาคารผู้จ่ายได้รับรองตลอดไปแล้ว ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ธนาคารเป็นผู้ออกตั๋ว เช็คที่ธนาคารเป็นผู้สั่งจ่ายหรือรับรอง ซึ่งสามารถเรียกเก็บเงินได้ในวันที่ทำสัญญาประกัน หนังสือรับรองของธนาคารหรือบริษัทประกันเพื่อชำระเบี้ยปรับแทนในกรณีผิดสัญญาประกัน

สำหรับการใช้บุคคลเป็นประกันได้แก่

1.ผู้ขอประกันเป็นบุคคลธรรมดา ผู้ขอประกันจะต้องเป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานหรือมีรายได้แน่นอน และเป็นผู้มีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหา หรือเป็นบุคคลที่เห็นว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเสมือนเป็นญาติพี่น้อง หรือมีความสัมพันธ์ที่เห็นสมควรประกันได้ โดยให้พิจารณาจากเงินเดือนหรือรายได้ โดยให้ทำสัญญาไม่เกิน 10 เท่าของอัตราเงินเดือนหรือรายได้เฉลี่ยต่อเดือน

2.ผู้ขอประกันเป็นนิติบุคคล กรณีผู้ต้องหาเป็นกรรมการ ผู้แทน ตัวแทน หุ้นส่วน พนักงาน ลูกจ้างของนิติบุคคล วงเงินสัญญาประกันจะพิจารณาตามที่เห็นสมควรเป็นกรณีๆ ไป

3.ผู้ขอประกันเป็นส่วนราชการ ตามระเบียบว่าด้วยการช่วยเหลือข้าราชการหรือลูกจ้างของทางราชการที่ต้องหาคดีอาญา วงเงินสัญญาประกันจะพิจารณาตามที่เห็นสมควรเป็นกรณีๆ ไป

4.ผู้ต้องหาทำสัญญาประกันตนเอง 1) ผู้ต้องหาต้องเป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานหรือมีรายได้แน่นอน วงเงินสัญญาประกันให้พิจารณาจากเงินเดือนหรือรายได้ โดยให้ทำสัญญาไม่เกิน 10 เท่าของอัตราเงินเดือนหรือรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 2) ผู้ต้องหาหากเป็นพนักงานหรือผู้ประกอบวิชาชีพ เช่น แพทย์ เภสัชกร พยาบาล วิศวกร สถาปนิก ทนายความ ผู้สอบบัญชี ครู ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสื่อมวลชน หรือผู้ประกอบวิชาชีพอื่นที่เห็นสมควรให้ประกันได้ และหากการกระทำที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือในการปฏิบัติงานในการประกอบวิชาชีพนั้น วงเงินสัญญาประกันให้พิจารณาจากเงินเดือนหรือรายได้ โดยให้ทำสัญญาไม่เกิน 15 เท่าของอัตราเงินเดือนหรือรายได้เฉลี่ยต่อเดือน

รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหามวันหนึ่งข้างหน้าอาจจะมีประโยชน์ก็ได้ !

 

 

 

   

                     พระราชบัญญัติการพนันพุทธศักราช 2478

 

 มาตรา 4 ห้ามมิให้อนุญาตจัดให้มี หรือเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นอันระบุไว้ในบัญชี ก. ท้ายพระราชบัญญัตินี้ หรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน หรือการเล่นอันร้ายแรงอื่นใด ซึ่งรัฐมนตรีเจ้าหน้าที่ได้ออกกฎกระทรวงระบุเพิ่มเติมห้ามไว้ แต่เมื่อรัฐบาลพิจารณาเห็นว่า ณ สถานที่ใดสมควรจะอนุญาตภายใต้บังคับเงื่อนไขใด ๆ ให้มีการเล่นชนิดใดก็อนุญาตได้โดยออกพระราชกฤษฎีกา


การเล่นอันระบุไว้ในบัญชี ข. ท้ายพระราชบัญญัตินี้ หรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน หรือการเล่นอื่นใดซึ่งรัฐมนตรีเจ้าหน้าที่ได้ออกกฎกระทรวงระบุเพิ่มเติมไว้ จะจัดให้มีขึ้นเพื่อเป็นทางนำมาซึ่งผลประโยชน์แก่ผู้จัดโดยทางตรงหรือทาง อ้อมได้ต่อเมื่อรัฐมนตรีเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตเห็นสมควร และออกใบอนุญาตให้ หรือมีกฎกระทรวงอนุญาตให้จัดขึ้นโดยไม่ต้องมีใบอนุญาต


ในการเล่นอันระบุไว้ในวรรค 2 ข้างต้นนั้นจะพนันกันได้เฉพาะเมื่อได้มีใบอนุญาตให้จัดมีขึ้นหรือมีกฎ กระทรวงอนุญาตให้จัดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต
การเล่นหมายเลข 5 ถึง 15 ในบัญชี ข. หรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน หรือการเล่นอื่นใดซึ่งรัฐมนตรีเจ้าหน้าที่ได้ออกกฎกระทรวงระบุเพิ่มเติมไว้ นั้น จะให้รางวัลตีราคาเป็นเงินไม่ได้และห้ามมิให้ผู้ใดรับรางวัลที่ให้ไป แล้วกลับคืน หรือรับซื้อหรือแลกเปลี่ยนรางวัลนั้นในสถานงานหรือการเล่นหรือบริเวณต่อ เนื่องในระหว่างมีงานหรือการเล่น


มาตรา 4 ทวิ(1) ในการเล่นอื่นใดนอกจากที่กล่าวในมาตรา 4 จะพนันกันหรือจะจัดให้มีเพื่อให้พนันกันได้เฉพาะการเล่นที่ระบุชื่อและ เงื่อนไขไว้ในกฎกระทรวง
คำว่า การเล่น ในวรรคก่อน ให้หมายความรวมตลอดถึงการทายและการทำนายด้วย

 

 

มาตรา 12(1) ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้า พนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานหรือรับอนุญาตแล้วแต่เล่น พลิกแพลงหรือผู้ใดเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราช บัญญัตินี้ หรือกฎกระทรวง หรือข้อความในใบอนุญาต ผู้นั้นมีความผิดต่อไปนี้


(1) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นตามบัญชี ก. หมายเลข 1 ถึงหมายเลข 16 หรือการเล่นตามบัญชี ข. หมายเลข 16 เฉพาะสลากกินรวบหรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายกันนี้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท ด้วยอีกโสดหนึ่งเว้นแต่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่าลูกค้า ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


(2) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่ความผิดตามมาตรา 4 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(จาก คุณทวี บอร์ดราชดำเนิน)

สมัยก่อน เค้าก็ส่งตัวนักพนันขึ้นศาลนะคู๊ณ- ไม่เข้าใจว่าไพ่อะไร แตโทษน่าจะปรับไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท แน่นอน รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือปรับไม่เกิน ๑,๐๐๐ ครับ

อย่างเมื่อ 10 กว่าปีก่อนตอนผมเป็นทนายฝึกหัดใหม่ๆ มีอยู่วันหนึ่งได้ไปศาลต่างจังหวัด เห็นเจ้าหน้าที่คุมตัวนักพนันเป็นร้อยมาขึ้นศาล จ๊อกแจ๊กจอแจไปหมด ศาลท่านก็ก็ตัดสินในวันนั้นเลยให้เสียค่าปรับ (คนละกี่ร้อย จำไม่่ได้) ทุกคนก็คงยอมเสียค่าปรับกันไปแล้วก็กลับบ้าน คงไม่มีใครตั้งทนายสู้ให้เสียเวลาหรอกครับ



แต่ถ้าอย่างสมัยนี้ ถ้าคุณเห็นว่าคุณไม่ผิด เช่นคุณเข้าไปตามเก็บค่าอาหารจากลูกค้าในวงพนันที่สั่งข้าวเข้าไปกิน และโชคร้ายตำรวจดันบุกจับพอดี ซึ่งกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าคุณร่วมเล่นพนันด้วย อย่างนี้พอถึงศาล คุณสามารถปฏิเสธได้ ซึ่งศาลก็จะต้องถามว่าคุณมีทนายมั้ย ถ้าคุณไม่มีและต้องการทนาย ศาลก็ต้องตั้งทนายให้โดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (แต่มันก็ยุ่งยากและเสียเวลา และถ้าทนายคุณพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายไม่ได้ ศาลก็อาจจะไม่ให้คุณจ่ายแค่ค่าปรับแต่อาจจะตัดสินจำคุกโดยให้รอลงอาญาไว้ก่อน (ซึ่งก็จะทำให้ึคุณเสียประวัติหนักขึ้นไปอีก)

 

 


บัญชี ก.

1. หวย ก. ข.
2. โปปั่น
3. โปกำ
4. ถั่ว
5. แปดเก้า
6. จับยี่กี
7. ต่อแต้ม
8. เบี้ยโบก หรือคู่คี่ หรืออีโจ้ง
9. ไพ่สามใบ
10. ไม้สามอัน
11. ช้างงา หรือป๊อก
12. ไม้ดำ ไม้แดง หรือปลาดำปลาแดง หรืออีดำอีแดง
13. อีโปงครอบ
14. กำตัด
15. ไม้หมุน หรือล้อหมุนทุก ๆ อย่าง
16. หัวโตหรือทายภาพ
17. การเล่นซึ่งมีการทรมานสัตว์ เช่นเอามีดหรือหนามผูก หรือวางยาเบื่อเมาให้สัตว์ชนหรือต่อสู้กัน หรือสุมไฟบนหลังเต่าให้วิ่งแข่งกันหรือการเล่นอื่น ๆ ซึ่งเป็นการทรมานสัตว์ อันมีลักษณะคล้ายกับที่ว่ามานี้
18. บิลเลียดรู ตีผี
19. โยนจิ่ม
20. สี่เหงาลัก
21. ขลุกขลิก
22. น้ำเต้าทุก ๆ อย่าง
23. ไฮโลว์
24. อีก้อย
25. ปั่นแปะ
26. อีโปงซัด
27. บาการา
28. สล๊อทแมชีน

บัญชี ข.

1. การเล่นต่าง ๆ ซึ่งให้สัตว์ต่อสู้หรือแข่งกัน เช่น ชนโค ชนไก่ กัดปลา แข่งม้า ฯลฯ นอกจากที่กล่าวไว้ในหมายเลข 17 แห่งบัญชี ก.
2. วิ่งวัวคน
3. ชกมวย มวยปล้ำ
4. แข่งเรือพุ่ง แข่งเรือล้อ
5. ชี้รูป
6. โยนห่วง
7. โยนสตางค์หรือวัตถุใด ๆ ลงในภาชนะต่าง ๆ
8. ตกเบ็ด
9. จับสลากโดยวิธีใด ๆ
10. ยิงเป้า
11. ปาหน้าคน ปาสัตว์ หรือสิ่งใด ๆ
12. เต๋าข้ามด่าน
13. หมากแกว
14. หมากหัวแดง
15. ปิงโก
16. สลากกินแบ่ง สลากกินรวบหรือการเล่นอย่างใดที่เสี่ยงโชคให้เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง
17. โตแตไลเซเตอร สำหรับการเล่นอย่างใดอย่างหนึ่ง
18. สวีป สำหรับการเล่นอย่างใดอย่างหนึ่ง
19. บุ๊กเมกิง สำหรับการเล่นอย่างใดอย่างหนึ่ง
20. ขายสลากกินแบ่ง สลากกินรวบ หรือสวีป ซึ่งไม่ได้ออกในประเทศสยาม แต่ได้จัดให้มีขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายของประเทศที่จัดนั้น
21. ไพ่นกกระจอก ไพ่ต่อแต้ม ไพ่ต่าง ๆ
22. ดวด
23. บิลเลียด
24. ข้องอ้อย
25. สะบ้าทอย
26. สะบ้าชุด
27. ฟุตบอลโต๊ะ
28. เครื่องเล่นซึ่งใช้เครื่องกล พลังไฟฟ้า พลังแสงสว่าง หรือพลังอื่นใดที่ใช้เล่นโดยวิธีสัมผัส เลื่อน กด ดีด ดึง ยิง โยน โยก หมุน หรือวิธีอื่นใดซึ่งสามารถทำให้แพ้ชนะกันได้ไม่ว่าจะโดยมีการนับแต้ม

 

 

 

"อานันท์" ชี้คอร์รัปชั่นไทยเข้าสู่ยุคกินเมือง นโยบายรัฐจะทำประเทศหายนะ....

 

 

   

นายอานันท์ ปันยารชุน...
ประธานองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย
และอดีตนายกรัฐมนตรี

กล่าวปาฐกถาเปิดการเสวนา
“การปฏิรูปสังคมและการเมืองครั้งใหม่”
ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ว่า

ปัจจุบันสังคมไทยแตกเป็นสองซีก
ตัวเลขไม่สำคัญว่ารัฐบาลจะได้รับเสียงจากการเลือก
ตั้ง 16 ล้านเสียง หรือ 19 ล้านเสียง

ถ้าสังคมไทยยังแตกแยก เกลียดชังถึงขั้นนี้

และสิ่งแวดล้อมเอื้ออำนวยให้มีความเกลียดชังกันต่อไป
ให้มีการประหัตประหารกันต่อไป น่ากลัวมาก
เป็นสิ่งที่ทุกๆ ฝ่ายต้องพยายาม
ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น

อานันท์ กล่าวต่อไปว่า....

"ผมมาวันนี้อยากให้คึกคักมากขึ้น
จึงขอประกาศตัวเลยว่าผมไม่เป็นกลาง
ในชีวิตผมไม่เคยเป็นกลาง

ไม่เคยเป็นกลางระหว่างความถูกต้องและความผิด
ไม่เป็นกลางระหว่างความถูกกับความชั่ว
ระหว่างประชาธิปไตยกับไม่เป็นประชาธิปไตย

ไม่เคยเป็นกลางระหว่างธรรมะและอธรรม
ไม่เคยเป็นกลางระหว่างวิชาและอวิชชา
หรือระหว่างกติการัฐธรรมนูญที่ถูกต้องกับกติกาที่จัดตั้ง

ไม่เคยเป็นกลางระหว่างอิสรภาพของสื่อกับการกีดกันอิสรภาพ
ไม่เคยเป็นกลางระหว่างหลักนิติธรรมกับการใช้ความอยุติธรรม
ไม่เคยเป็นกลางระหว่างความดีและความไม่ดี.....

ผมอยู่ฝ่ายหนึ่งเสมอไป และตลอดชีวิตเชื่อว่าฝ่ายที่ผมอยู่นั้นถูกต้อง
ถึงเวลาที่สังคมไทยใช้คำว่าเป็นกลางเฟ้อเกินไป
สังคมไทยต้องมีจุดยืน แต่ต้องเป็นจุดยืนที่มาจากข้อเท็จจริงและมีเหตุผล

ต้องแน่ใจว่าจุดยืนที่เราเลือกนั้นระหว่างฝ่าย
ไม่ใช่ระหว่างบุคคล
จะเป็นจุดยืนที่ถูกต้องและเหมาะสม" .....

  

อานันขายโรงกลั่นที่เป็นสมบัติชาติเป็นเงินภาษีของประชาชนให้คุณพ่อของนายกรณ์ โรงกลั่นทันสมัยที่สุดในเวลานั้นในราคาแค่ 2-3พันล้าน ปัจจุบันโรงกลั่นที่ว่านี้ราคาหลายหมื่นล้านยังไม่รวมเงินที่กำไรไปหลายแสนล้านและราคาที่ดินที่พุ่งกระฉุด คนดีศรีกรุงเนาะท่าน อานันท์เนาะ

 

"อานันท์" ยังมีหน้ากล้าออกมาชี้โน่นชี้นี่กับสังคมไทยอยู่อีกหรือ ??

ยังกล้าออกมาบอกว่าคนอื่นจะทำประเทศหายนะ....อยู่อีกหรือ ??

 

ก็ในเมื่อตนและพวก ได้เคยพูดเคยทำอะไรไว้ ตามที่วิกิลีกส์เผยแพร่ออกมา

(ดู, เอกสารลับ หมายเลข “S E C R E T SECTION 01 OF 03 BANGKOK 000192” -

บันทึกทางการทูตของนายอีริคส์ จี จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ลงวันที่ 25 ม.ค. 53)

 

อย่าเพิ่งห่วงคนอื่นจะทำประเทศหายนะอยู่เลย ห่วงตัวเองไว้ก่อนเถอะ

เรื่องที่พูดไว้ในเอกสารข้างต้น ยังไม่เคลียร์เลย ยังจะมาติดนิสัย "คนดี และ แทนคุณแผ่นดิน" ชี้โน่นชี้นี่ ห่วงนั่นห่วงนี่ชาวบ้านเขาอีกหรือ ??

อะไรดลใจให้คิดว่าตัวเองยังมีราคาค่างวดพอที่จะไปชี้ไปสั่งสอนคนอื่น และคนอื่นต้องเชื่อตามด้วย ??...

 

แทนที่จะหลบเก็บตัว ยังทำซ่าออกมาให้คนเขานึกถึง "วิกิลีกส์" อีก

ช่างไม่กลัว "เงาหัวหาย" จริง ๆ นะ คุณอานันท์ ?? !!!

 ขบวนการ ปรส. ที่เชิญฝรั่ง พวกวาณิชธนกิจ เข้ามารุมทึ้งทรัพย์สินคนไทยในราคาถูกสุด
และขายกลับให้เจ้าของคนไทยเดิม ในราคาแพงสุด
ฝรั่งพวกนี้ล้วนแล้วแต่นับถืออานันท์ฯ เป็นพระเจ้าทั้งสิ้น

และครั้งหนึ่งในบริษัทที่เข้ามาทึ้งทรัพย์สินนี้ ชื่อ GE CAPITAL
บริษัทในเครือ GE ที่อานันท์ฯ เคยเป็นประธาน และเป็นกรรมการในบริษัทแม่

เรื่องพวกนี้เวลาเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมา อานันท์ฯ จะเงียบสนิท ซุ่มซ่อน ไม่ออกมาวิพากษ์ใดๆทั้งสิ้น
โรงไฟฟ้าหินกรูด ที่มาที่ไปก็เริ่มจากพรรคพวกอานันท์ฯ ทั้งสิ้น
บริษัท ยูเนียนเพาเวอร์ ที่ได้สัมปทานโรงไฟฟ้าหินกรูดก็มี อานันท์ฯ เป็นประธาน

คนและขบวนการที่จะทำเรื่องไฟฟ้าหินกรูด บ่อนอก ก็เป็นกลุ่มคนชนชั้น และกลุ่มเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็น สาวิตต์ โพธิวิหค (การเมือง ปิยะสวัสดิ์ อมระนันท์ (ข้าราชการประจำ) ฯลฯ

ที่น่าสนใจมากมาก ก็คือว่าในฐานะที่อานันท์ฯ เป็นหัวหอกและมีความเชื่อมั่นในระบบกลไกตลาด
และเป็นถึงประธานสหยูเนี่ยน ที่เป็นเจ้าของสัมปทานหินกรูด
อานันท์ฯ ต้องออกมายืนหยัด ในสิ่งที่ตัวเองทำและเชื่อ

แต่อานันท์ฯ กลับหายตัวไป เงียบสนิท!
เพราะอะไรที่ออกมาแล้ว ถ้าเปลืองตัว อานันท์ฯจะเป็นมนุษย์ล่องหนทันที

ยังมีเรื่องราวในแผ่นดินนี้ ที่เกี่ยวกับ อานันท์ ปันยารชุน อีกมากหลาย
วันนี้เอาแต่หนังตัวอย่างไปก่อน...!!!!??

อานันท์ฯ ไม่ใช่คนชั่ว เป็นคนดี
แต่ความเป็นคนดีนั้น ขึ้นอยู่กับ เป็นคนดีของใคร หรือกลุ่มใดต่างหาก...!!!????

guest

Post : 2012-12-13 22:13:47.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  ไข้เลือดออก

 

 

 

                                                โรคไข้เลือดออก

 

(โดย น.พ เฉก ธนะศิริ)

 

โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากยุงเป็นพาหนะของโรค นอกจากเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในเขตร้อนชื้น และก่อให้เกิดความกังวลต่อผู้ปกครองเวลาเด็กมีไข้ บทความนี้จะบรรยายถึงโรคไข้เลือดออกในแง่การดูแลผู้ป่วยซึ่งมีหัวข้อต่อไปนี้

 

อุบัติการณืของโรคไข้เลือดออก

 

เมื่อ คศ 1970มีการระบาดของไข้เลือดออกเป็นครั้งคราว epidermic 9 ประเทศ ปัจจุบันไข้เลือดออก มีการระบาดเพิ่มมากขึ้น ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันไข้เลือดออก เป็นโรคประจำท้องถิ่น endemic ของประเทศมากว่า 100 ประเทศในแถบแอฟริกา อเมริกา เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ western pacific โดยมีความรุนแรงมากในแถบ เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ western pacific

 

ประชากรประมาณ 2500 ล้านคนในประเทศที่มีการระบาดจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้เลือดออก ประมาณว่าจะมีการติดเชื้อปีละ 50 ล้านคน และต้องนอนโรงพยาบาลมากกว่า 500000 คนต่อปี อัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 2.5 แต่อาจจะสูงถึงร้อยละ 20 หากให้การรักษาอย่างดีอัตราการเสียชีวิตอาจจะลดลงต่ำกว่าร้อยละ1

 

สาเหตุไข้เลือดออก

 

โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากยุงลาย Aedes aegyti ตัวเมียบินไปกัดคนที่ป่วยเป็นไข้เลือดออก โดยเฉพาะช่วงที่มีไข้สูง เชื้อไ/วรัสแดงกีจะเพิ่มจำนวนในตัวยุงประมาณ 8-10 วัน เชื้อไวรัสแดงกี่จะไปที่ผนังกระเพาะและต่อมน้ำลายของยุง เมื่อยุงกัดคนก็จะแพร่เชื้อสู่คน เชื้อจะอยู่ในร่างกายคนประมาณ 2-7 วันในช่วงที่มีไข้ หากยุงกัดคนในช่วงนี้ก็จะรับเชื้อไวรัสมาแพร่ให้กับคนอื่น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นเด็ก โรคนี้ระบาดในฤดูฝน ยุงลายชอบออกหากินในเวลากลางวันตามบ้านเรือน และโรงเรียน ชอบวางไข่ตามภาชนะที่มีน้ำขัง เช่นยางรถยนต์ กะลา กระป๋อง จานรองขาตู้กับข้าว แต่ไม่ชอบวางไข่ในท่อน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง

 

เมื่อไรจึงจะสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก

 

ไข้เลือดออก

อาการของไข้เลือดออกไม่จำเพาะ อาการมีได้หลายอย่าง ในเด็กอาจจะมีเพียงอาการไข้และผื่น ใผู้ใหญ่อาจจะมีไข้สูง ปวดศรีษะ ปวดตามตัว ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ หากไม่คิดโรคนี้อาจจะทำให้การรักษาช้า ผู้ป่วยอาจจะสียชีวิต ลักษณะที่สำคัญของไข้เลือกออกคือ

 

  • ไข้สูงเฉียบพลันประมาณ2-7 วัน
  • เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดศีรษะ ร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน และมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
  • บางรายอาจจะมีจุดเลือดสีแดงออกตามลำตัว แขนขา อาจจะใรเลือดกำเดาไหล เลือดออกตามรายฟัน และถ่านอุจาระดำเนื่องจากเลือดออกในทางเดินอาหาร และอาจจะช็อค
  • ในรายที่ช็อคจะสังเกตเมื่อไข้ลงผู้ป่วยกลับแย่ลง ซึม มือเท้าเย็น เหงื่อออก หมดสติ และอาจจะเสียชีวิต
  •  

การเจาะเลือดตรวจวินิจฉัย

 

การรักษา

 

ไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับโรคไข้เลือดออก การรักเพียงประคับประคองอย่างใกล้ชิดโดยการเฝ้าระวังภาวะช็อค และเลือดออก และการให้สารน้ำอย่างเหมาะสมก็จะทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงต่ำกว่าร้อยละ 1

 

วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก

 

การผลิตวัคซีนกำลังอยู่ในขั้นพัฒนา แต่มีปัญาเนื่องเชื้อมี 4 สายพันธุ์ คาดการณ์ว่าจะสำเร็จและใช้ได้ในอนาคตอันใกล้ การป้องกันและการควบคุม

 

วิธีที่จะป้องกันและควบคุมไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการควบคุมการแพร่กระจายของยุงลาย

 

  • กำจัดแหล่งเพราะพันธุ์ยุง เช่น กะละ ยาง กระป๋อง
  • หาฝาปิดภาชนะ เช่น โอ่ง ถังน้ำ
  • ในแหล่งน้ำสาธารณะอาจจะเลี้ยงปลาเพื่อกินลูกน้ำ หรือใส่สารเคมีเพื่อฆ่าลูกน้ำ
  •  

ขนิดของเชื้อแดงกีเชื้อไวรัสแดงกี เป็น single strnded RNA ไวรัสมีด้วยกัน 4 ชนิด(serotype) DEN1 DEN2 DEN3 DEN4 ซึ่งมี antigen ร่วมกันบางส่วนทำให้เทื่อเกิดการติดเชื้อชนิดหนึ่ง จะเกิดภูมิคุ้มกันต่อเชื้ออีกชนิดหนึ่ง แต่ภูมิที่เกิดจะอยู่ได้ 6-12 เดือน ส่วนภูมิที่เกิดกับเชื้อที่ป่วยจะมีตลอดชีวิต เช่นหากเป็นไข้เลือดออกจากเชื้อ DEN1 ผู้ป่วยจะมีภูมิต่อเชื้อนี้ตลอดชีวิต แต่จะมีภูมิต่อเชื้อแดงกีชนิดอื่นเพียง 6-12 เดือนเท่านั้นจาการศึกษาพบว่าการติดเชื้อซ้ำ หรือการติดเชื้อครั้งที่สองจะเป็นสาเหตุของโรคแดงกีได้ถึงร้อยละ 80-90 ในสมัยก่อนปี 2543พบว่าการระบาดของเชื้อแดงกีเกิดจากสายพันธ์ที่สอง DEN2 แต่หลังจากนั้นพบลดลง แต่จะพบสายพันธ์ DEN3 มากขึ้น แต่หลังจากปี 2543 เชื้อสายพันธ์ที่สอง DEN2 เริ่มกลับมาพบมากขึ้นและมีอัตราการตายสูงเนื่องจากเป็นเชื้อที่หากเป็นแล้วจะเกิดอาการรุนแรงการ

 

อาการของโรคติดเชื้อไข้เลือดออก

 

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้เลือดออกอาจจะไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย หรืออาจจะเกิดอาการรุนแรงจนเสียชีวิต เมื่อหายร่างกายจะมีภูมิต่อเชื้อนั้นตลอดชีวิต ความรุนแรงของการติดเชื้อขึ้นกับอายุ ภาวะภูมิคุ้มกัน และความรุนแรงของเชื้อ

การติดเชื้อไวรัสแดงกิ่วมีอาการได้ 3 แบบคือ

 

การดำเนินของโรค

 

ความรุนแรงของโรค

 

ข้อสำคัญของไข้เลือดออก
  • ให้สงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออกในผู้ที่มีไข้เฉียบพลัน ไข้สูง โดยที่ไม่มีอาการของไข้หวัดร่วมกับ มีจุดเลือดออกหรือทำ touniquet test
  • หากตับโตจะช่วยสนับสนุนว่าเป็นไข้เลือดออก
  • ช่วงที่วิกฤตคือช่วงที่ไข้เริ่มลง หากเกล็ดเลือดต่ำลง ร่วมกับความเข้มข้นของเลือดเพิ่มขึ้นก่อนไข้ลง ให้สงสัยว่าจะเกิด
  • ยาลดไข้ไม่ได้ทำให้ระยะเวลาที่เป็นไข้ลดลง การให้ยาไม่ถูกต้องอาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน
  • หากเลือดมีความเข้มข้นมากขึ้น 20% แสดงว่ามีการรั่วของพลาสม่า จำเป็นต้องได้รับน้ำเกลืออย่างเหมาะสม แต่การให้น้ำเกลือก่อนที่ จะมีการรั่วของพลาสม่าไม่เกิดประโยชน์
  • ภาวะ DSS เกิดจากการรั่งของพลาสม่าทำให้ร่างกายขาดน้ำ ต้องรีบให้น้ำเกลืออย่างรวดเร็ว และอาจจะจำเป็นต้องให้ Dextran 40
  • การให้น้ำเกลือจะให้เท่ากับพลาสม่าที่รั่ว โดยดูจากความเข้มของเลือดและปริมาณปัสสาวะที่ออก
  • การได้รับน้ำเกลือมากเกินไปอาจจะเกิดน้ำท่วมปอด
  • การเกิดภาวะเป็นกรดจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆตามมา

ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไข้เลือดออกแดงกิว จะต้องมีหลักฐานการรั่วของพลาสมา (มีความเข้มข้นของเลือด[Hct]เพิ่มขึ้น 20% หรือมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด หรือในช่องท้อง) และมีเกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000 ความรุนแรงของโรคไข้เลือดออกจัดได้เป็น 4 ระดับ

 

  • Grade 1 ผู้ป่วยไม่ช็อก เป็นไข้เลือดออกโดยที่ไม่มีจุดเลือดออก ทำ touniquet test ให้ผลบวก
  • Grade 2 ผู้ป่วยไม่ช็อก มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง มีเลือดกำเดาไหล หรืออาเจียนเป็นเลือด
  • Grade 3 ผู้ป่วย่ช็อก มีความดันโลหิตต่ำ ชีพขจรเร็ว pulse pressure แคบ เหงื่อออก กระสับกระส่าย
  • Grade 4 ผู้ป่วย่ช็อกรุนแรง วัดความดันโลหิตไม่ได้
  •  

การดูแลผู้ป่วย

 

เมื่อไรจะให้กลับบ้าน

 

  • ไม่มีไข้ 24 ชั่วโมงโดยที่ไม่ได้รับยาลดไข้ ผู้ป่วยอยากอาหาร
  • ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน
  • ความเข้มของเลือดคงที่
  • 3วันหลังจากรักษาภาวะช็อค
  • เกล็ดเลือดมากกว่า 50000
  • ไม่มีอาการแน่ท้องหรือแน่หน้าอกจากน้ำในท้องหรือช่องเยื่อหุ้มปอด
  •  

ภาวะโรคแทรกซ้อนอื่นๆ

 

  • ตับวาย
  • ไตวาย
  • สมองทำงานผิดปกติ
  •  

การป้องกันไข้เลือดออก

 

วิธีป้องกันไข้เลือดออกที่ได้ผลดี และยั้งยืนต้องเป็นแบบบูรณการโดยการร่วมมือของทุกฝ่าย

  • ภาคครัวเรือนต้องป้องกันโดยการกำจัดแหล่งน้ำที่เพาะพันธุ์ยุง และการป้องกันส่วนบุคคล
  • ภาคชุมชนจะต้องมีการรณรงค์ให้มีการกำจัดแหล่งลูกน้ำในชุมชนอย่างน้อยปีละ 2-3 ครั้ง และจะต้องทำพร้อมกันถั่วประเทศโดยการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ
  • สำหรับชุมชนที่ห่างไกลก็อาจจะต้องใช้อาสาสมัคร
  • จัดโปรแกรมสำหรับเด็กและครอบครัวเพื่อกำจัดลูกน้ำ
  • กระตุ้นให้เอกชนมีส่วนร่วมในการจัดสิ่งแวดล้อม
  • จัดการประกวดพื้นที่ปลอดภัยจากไข้เลือดออก

 

 

 

 

  คลื่นมหาประชาชน ล้นทะลัก DSI ให้กำลังใจ"ว่าที่นักโทษชายอภิสิทธิ์"

แล้วไม่ต้องมาแถนะจ๊ะว่ารวมตัวกันอยู่ที่พรร8
เพราะ บลูสกาย ถ่ายทอดสด มีอาซิ้มแก่ๆประมาณ 30 - 50 คน

 

 
 

 

 

 

 
 

 

 

นับไปอีก 2,000 คดี ที่ต้องมารับทราบข้อกล่าวหา...
ก้าวเล็ก ๆ ก้าวแรกของบันไดกรรมของมาร์ค.....

 

 
 

 

 

 "ถาวร " เล็งเอาผิด "ธาริต "
ฐานแจ้งข้อหา "มาร์ค-เทพเทือก" มิชอบ

ถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งข้อหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ปชป. ในฐานะอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)ในคดีร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลในกรณีการเสียชีวิตของ นายพัน คำกอง ว่าพฤติกรรมของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอพร้อมพวกส่อกระทำผิดกฎหมาย

โดยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ระบุไว้ว่า ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือผู้อื่นให้พ้นจากอันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายและละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภัยอันตรายที่ใกล้จะถึงผู้นั้นไม่มีความผิด ซึ่งปี 2553 เป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย เผาบ้านเผาเมือง

ดังนั้น การกระทำของ ศอฉ.เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีความผิด ซึ่งการที่นายธาริตแจ้งข้อหาต่อนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนโดยมิชอบ ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 200 มีโทษจำคุกตลอดชีวิต

ขณะเดียวกันมาตรา 17 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจตาม พ.ร.ก.นี้ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาหรือทางวินัย เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการระงับหรือป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากเป็นการกระทำที่สุจริตไม่ต้องรับผิด ซึ่งหากไม่มีมาตรานี้จะระงับเหตุรุนแรงของผู้ชุมนุมได้อย่างไร

 

 
 

 

 

หากเป็นคดีด้านการเมือง สิ่งที่นายถาวรพูด ก็คงไม่ผิดนะ
แต่....

DSI ทำคดีฆาตกรรมหมู่นะ (Mass Murder)
มันเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ไม่ใช่คดีทางการเมือง
DSI ก็ทำใหน้าที่เหมือนตำรวจ มีหน้าที่จับและแจ้งข้อหา
แล้วมันผิดตรงไหนหว่า?

หาก DSI ทำผิด
ตำรวจก็ไม่มีสิทธิ์ในการจับผู้ต้องหา เหรอ?
ตำรวจก็ไม่มีสิทธิ์ในการตั้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา งั้นเหรอ?

มี พรก. แล้วงัย ไล่ยิงหัวคนได้เหรอ...
งั้นต่อไป เค้าประกาศพรก. เค้าก็ไล่ยิงหัว ถาวร ก็ไม่ผิดหนะซิ

จะมาอ้างเรื่องเผา ก็ไปจัดการกับคนเผา คนไม่เผา ไปยิงเค้าทำไม
จะมาอ้างเรื่องมีอาวุธ ก็ยิงคนที่ถืออาวุธ จะมายิงมั่วซั่ว ได้เหรอ....

อย่ามาทำเป็นหัวหมอนักเลย กฎหมายเค้าเรียนไว้ช่วยคน ไม่ใช่ เรียนไว้หัวหมอ....

ยังวางอำนาจบาทใหญ่ ตามนิสัยพวกหัวหมอ ความเมตตา ความเป็นสุภาพบุรุษ

พวกไพร่พล พรรคฯการเมืองนี้ หาไม่เจอ

 

โดยที่สุดของการกระทำในตอนนั้น เนื้อๆก็คือ
มาร์ค ยังอยากเป็นนายกต่อ

เพราะถ้ามาร์ค ยอมลาออกตามคำเรียกร้องของ นปช.
เลือกตั้งขึ้นมาใหม่ มาร์ค ก็แพ้ อดเป็นนายกอีก


ประเด็นหลักๆ มันอยู่ตรงนี้
ไอที่แหลมาข้างๆคูๆตลอดมานี่ มันเป็นน้ำล้วนๆ

เขาถึงบอกว่า
การกระทำครั้งนี้ มันมีการเล็งผล ไว้แล้ว งัย

 

 มาร์ค-เทือก....

1.ปฏิเสธไม่ลงชื่อรับทราบ ข้อกล่าวหา

2.ปฏิเสธไม่ลงชื่อรับเงื่อนไขการประกันตัว 4 ข้อ
-เดินทางไปต่างประเทศต้องได้รับความเห็นชอบจาก พนง.สืบสวนก่อน
-ต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน
-ต้องไม่เป็นอุปสักกับการสืบสวน
-ไม่กระทำการใดๆที่จะก่อความรุนแรง



ตกลงเรียกมันทั้งสองมารับทราบข้อกล่าวหา เเต่กลับไม่ยอมให้ความร่วมมือใดๆ

แถมยังปฏิเสธเงื่อนไขในการให้ประกันตัวที่พนักงานสืบสวน ( DSI ) ตั้งใว้

ก็ยังปล่อยตัวกลับบ้านไปได้ , แล้วนี่มันเป็น คดีอาญาร้ายแรง หรือว่าเป็น ป๋าหี่แหกตาคนไทย ??????????

 

 

 

 

guest

Post : 2012-12-12 22:15:35.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  ความอยาก...

 

 

                                                                    

 

 

คนผู้หนึ่ง เอ่ยถามพระอาจารย์ว่า "สิ่งใดน่ากลัวที่สุดในโลก?"

พระอาจารย์ตอบว่า "ความอยาก"

คนผู้นั้นยังคงไม่เข้าใจ พระอาจารย์จึงเล่าเรื่องๆ หนึ่งให้เขาฟัง ใจความดังนี้

"ยังมีชาวนาผู้หนึ่ง ต้องการหาซื้อที่ดินสักหนึ่งผืน เขาได้ยินมาว่ามีคนต้องการขาย จึงได้เดินทางไปพบเพื่อติดต่อขอซื้อ เมื่อไปถึง ชาวนาจึงได้เอ่ยถามคนผู้นั้นว่า "ที่ดินของท่านขายอย่างไร?"

ผู้ที่ต้องการขายที่ดินตอบว่า "ขอเพียงท่านมอบเงินให้ข้า 1000 ตำลึงเท่านั้น จากนั้นให้เวลาท่านหนึ่งวันเต็มๆ นับจากพระอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก ให้ท่านออกเดินเท้าไปรอบๆ ที่ดิน หากท่านสามารถเดินวนไปได้ไกลเท่าไหร่ ที่ดินเหล่านั้นล้วนนับเป็นของท่าน แต่หากว่าท่านเดินทางกลับมายังจุดเริ่มต้นไม่ทันพระอาทิตย์ตกดิน ท่านจะไม่ได้ที่ดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียว"

ชาวนาได้ฟังดังนั้นในใจก็คิดว่า "เช่นนี้ก็ไม่เลว ข้ายอมลำบากหนึ่งวัน เดินให้เร็วที่สุด ไกลที่สุด เพื่อที่จะได้ที่ดินกว้างใหญ่ การซื้อขายนี้ช่างคุ้มค่ายิ่งนัก" ดังนั้นเขาจึงตกลงทำสัญญากับผู้ขายที่ดินรายนั้น

วันรุ่งขึ้น เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ชายชาวนาก็เร่งฝีเท้าจ้ำเดินออกไปทันที เมื่อถึงยามเที่ยงวัน เขาหันหลังกลับมามองก็พบว่าเขามาไกลจนมองไม่เห็นจุดเริ่มต้นแล้ว จึงค่อยเลี้ยงโค้งเพื่อเดินวนไปอีกด้านหนึ่ง พร้อมทั้งก้าวเดินต่อไปโดยไม่ยอมหยุดพัก แม่ว่าจะหิวโหยและเหนื่อยอย่างยิ่งก็ตาม เขาก้าวเดินต่อไป ต่อไป จนกระทั่งพบว่าพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว ในใจเขาจึงร้อนรนขึ้นมาเพราะเกรงว่าหากกลับไปไม่ทันพระอาทิตย์ตกจะหมดสิทธิ์ครอบครองที่ดินทั้งหมด เขาจึงรีบหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังจุดเริ่มต้น แต่พระอาทิตย์ก็ใกล้จะลาลับฟ้าเต็มที เขาที่ทั้งเหน็ดเหนื่อย ตื่นเต้น และหิวโหยพยายามเร่งฝีเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า จนกระทั่งเหลือเพียงสองก้าวจะถึงจุดเริ่มต้น ทว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามีได้ถูกใช้หมดสิ้นไปแล้ว สุดท้ายได้แต่ล้มลง ณ ที่นั้น ขณะล้มลงมือทั้งสองพลันทาบทับไปที่จุดเริ่มต้นพอดีกับที่พระอาทิตย์ลาลับฟ้า พร้อมกับชายชาวนาที่ล้มหายใจขาดห้วง สิ้นใจไปในลักษณะนั้น

ที่ดินผืนกว้างใหญ่มหาศาลตกเป็นของชาวนาตามที่ได้ตกลงกันไว้ แต่จะมีความหมายอันใด ในเมื่อเขาไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว"

เมื่อจบเรื่องราวที่พระอาจารย์เล่า เหล่าศิษย์ก็กระจ่างในใจ เข้าใจว่าเหตุใด "ความอยาก" จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลก

:ฉนั้น กิเลส ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น คือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์

 

 

 

 

 

 

 

สหภาพรัฐสภาโลกมีมติให้ไทยทบทวนการถอดถอน สส. จตุพร พรหมพันธ์ vote ติดต่อทีมงาน

กระบวนการของระบบยุติธรรมไทย ถูกโลกตรวจสอบและประจานอีกครั้ง

http://www.ipu.org/hr-e/191/th183.htm

THAILANDCASE N° TH/183 - JATUPORN PROMPAN
Resolution adopted unanimously by the IPU Governing Council at its 191st session(Québec, 24 October 2012)

 

 
 

 

 

ประเทศไทย คดีเลขที่ TH/183 - นายจตุพร พรหมพันธุ์

มติที่มีการรับรองเป็นเอกฉันท์ในที่ประชุมสภาบริหาร IPU (IPU Governing Council) สมัยประชุมที่ 191
(ควีเบก 24 ตุลาคม 2555)

สภาบริหารสหภาพรัฐสภาระหว่างประเทศ

ได้พิจารณากรณีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งประเทศไทย โดยเป็นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสมาชิกรัฐสภา (Committee on the Human Rights of Parliamentarians) และเป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติการรับข้อร้องเรียนกรณีที่เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนของสมาชิกรัฐสภาของสหภาพรัฐสภาระหว่างประเทศ

ได้พิจารณาข้อมูลจากผู้ร้องที่ให้มาแล้วว่า

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และในขณะนั้นดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีบทบาทสำคัญในระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงกลางกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม - 19 พฤษภาคม 2553 ช่วงหลังการชุมนุม นายจตุพรและแกนนำนปช.คนอื่น ๆ ได้ถูกตั้งข้อหาว่ามีส่วนร่วมในการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ประกาศใช้ ในเวลาต่อมา มีการสั่งฟ้องคดีต่อนายจตุพรและแกนนำคนอื่น ๆ ในข้อหาก่อการร้าย ทั้งในส่วนของการวางเพลิงเผาทำลายอาคารหลายแห่งซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 หลังจากแกนนำนปช.ได้ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้แล้ว ต่างจากแกนนำนปช.คนอื่น ๆ เนื่องจากนายจตุพรมีตำแหน่งเป็นสส. เขาจึงได้รับการประกันตัวอย่างรวดเร็ว

ในวันที่ 10 เมษายน 2554 นายจตุพรเข้าร่วมการชุมนุมรำลึกซึ่งจัดขึ้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในกรุงเทพฯ เพื่อรำลึกการครบรอบปีการปราบปรามผู้ชุมนุมเสื้อแดงของรัฐบาล ในการกล่าวปราศรัย เขาได้วิจารณ์รัฐบาลและกองทัพไทยที่ได้อ้าง “การปกป้องราชบัลลังก์” เพื่อหาทางเอาผิดกับขบวนการคนเสื้อแดง และยังมีการสังหารคนเสื้อแดงเมื่อปีก่อนหน้านี้ นายจตุพรยังได้วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำวินิจฉัยไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยอ้างถึงคลิปวีดิโอที่หลุดรอดออกมาและเผยให้เห็นการสมคบคิดกันระหว่างผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญบางท่านกับเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง หลังจากนั้นเป็นเหตุให้กองทัพบกได้ส่งตัวแทนแจ้งความดำเนินคดีกับนายจตุพรในข้อหากล่าวปราศรัยในลักษณะที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และแม้จะมีการสอบสวนอีกหนึ่งปีต่อมาและพบว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีมูลความจริง แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษก็ยังร้องขอศาลอาญาให้ยกเลิกเงื่อนไขการประกันตัวของเขา และศาลก็มีคำสั่งเช่นนั้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2554 เป็นเหตุให้นายจตุพรถูกควบคุมตัวที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพจนกระทั่งวันที่ 2 สิงหาคม 2554

หนึ่งสัปดาห์หลังยกเลิกการประกันตัว มีการใส่ชื่อนายจตุพรไว้ในบัญชีรายชื่อสมาชิกรัฐสภาของพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 และทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เห็นชอบต่อบัญชีรายชื่อนั้นหลังจากตรวจพบว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นการตรวจสอบล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้ง ในช่วงเวลาดังกล่าว ทนายความของนายจตุพรได้ร้องขอต่อศาลอาญาหลายครั้งให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว หรืออนุญาตให้ออกจากเรือนจำชั่วคราวเพื่อลงคะแนนเสียง แต่ศาลปฏิเสธคำขอ เป็นเหตุให้นายจตุพรไม่สามารถใช้สิทธิในการเลือกตั้งได้ ทั้งนี้ตามข้อมูลจากผู้ร้อง การที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงได้ถูกฝ่ายตรงข้ามใช้ประโยชน์ โดยอ้างเป็นหลักฐานว่าเขาขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกรัฐสภา ในเบื้องต้น กลต.รับรองผลการเลือกตั้งเช่นนั้น และอนุญาตให้นายจตุพรสาบานตนเข้าเป็นสมาชิกรัฐสภาคนใหม่ ซึ่งมีการประชุมในวันที่เขาได้รับการปล่อยตัว แต่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2554 กลต.มีมติ 4-1 ว่านายจตุพรขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกรัฐสภา และขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องนี้เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย

ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งว่าเหตุที่นายจตุพรถูกควบคุมตัวในวันเลือกตั้ง และเป็นเหตุให้ไม่สามารถไปลงคะแนนเสียงได้ เป็นเงื่อนไขทำให้เขาขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกรัฐสภา โดยศาลให้เหตุผลว่านายจตุพรถูกห้ามไม่ให้ไปลงคะแนนเสียงตามมาตรา 100(3) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ซึ่งกำหนดไว้ว่า “ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย” ในวันเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อห้ามและเป็นเหตุให้มีการจำกัดสิทธิการเลือกตั้งของเขา และหมายถึงว่าเขาต้องสูญเสียสมาชิกภาพของพรรคการเมืองไปโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาดวยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 และการสูญเสียสมาชิกภาพพรรคการเมือง (ตามมาตรา 101(3) และ 106(4) ของรัฐธรรมนูญ) เป็นเหตุให้เขาขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกรัฐสภา

พิจารณาว่า ผู้ร้องยืนยันว่า การแจ้งข้อหาอาญาต่อนายจตุพรเนื่องจากบทบาทของเขาในการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ขาดความเหมาะสมอย่างยิ่ง โดยอ้างว่าข้อหาการเข้าร่วมการชุมนุมที่ผิดกฎหมายเป็นผลมาจากการใช้อำนาจในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และการตั้งข้อหาก่อการร้ายต่อนายจตุพรและแกนนำคนเสื้อแดงคนอื่น ๆ ซึ่งมีการสั่งฟ้องเมื่อเดือนสิงหาคม 2553 มีสาเหตุมาจากแรงจูงใจทางการเมือง โดยตามความเห็นของผู้ร้อง ในขณะที่คนเสื้อแดงถูกรัฐบาลกล่าวหาว่าก่อความรุนแรงหลายครั้ง แต่ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าบรรดาแกนนำได้วางแผนให้กระทำความรุนแรงเหล่านั้น หรือทราบล่วงหน้าว่าจะมีการกระทำเช่นนั้น และพิจารณาอีกว่า จะมีการไต่สวนคดีนี้ขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555

พิจารณาต่อไปว่า นายจตุพรได้ถูกศาลตัดสินลงโทษในวันที่ 10 กรกฎาคม และ 27 กันยายน 2555 ในความอาญาสองคดีให้ได้รับโทษจำคุกเป็นเวลาหกเดือนทั้งสองคดี (ให้รอลงอาญาไว้สองปี) และโทษปรับเป็นเงินจำนวน 50,000 บาทในข้อหาหมิ่นประมาทนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่คดียังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ทั้งสองคดี ระลึกไว้ว่า ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการแสดงออกเน้นย้ำในรายงาน (A/HRC/17/27 วันที่ 16 พฤษภาคม 2554) เรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ ลดการเอาผิดทางอาญาจากการหมิ่นประมาท

ระลึกว่า ไทยเป็นภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) เป็นเหตุให้มีพันธกรณีต้องคุ้มครองสิทธิตามที่กำหนดไว้ในกติกา

- กังวลอย่างมากว่า นายจตุพรได้ถูกพิจารณาว่าขาดคุณสมบัติด้วยเหตุผลที่ขัดแย้งโดยตรงกับพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทย

- พิจารณาว่า แม้ว่ารัฐธรรมนูญไทยกำหนดให้มีการจำกัดสิทธิของบุคคลที่ “ต้องคุมขังอยู่โดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย” ในวันเลือกตั้ง เป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถใช้สิทธิในการเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดในข้อบทที่ 25 ของ ICCPR ที่ประกันสิทธิที่จะ “มีส่วนร่วมในการปฏิบัติรัฐกิจ” และ “ออกเสียงหรือได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งอันแท้จริงตามวาระ” ทั้งนี้โดยไม่มี “ข้อจำกัดอันไม่สมควร”

- พิจารณาว่า ด้วยเหตุดังกล่าวจึงมีความเห็นว่าการไม่อนุญาตให้สมาชิกรัฐสภาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากเรือนจำเพื่อใช้สิทธิในการเลือกตั้ง เป็น “ข้อจำกัดอันไม่สมควร” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาประกอบข้อบทใน ICCPR ที่ประกันให้บุคคลที่ตกเป็นจำเลยในคดีอาญามีสิทธิได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ (ข้อบทที่ 14) และ "ได้รับการจำแนกออกจากผู้ต้องโทษ และต้องได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไปให้เหมาะสมกับสถานะที่ไม่ใช่ผู้ต้องโทษ” (มาตรา 10(2)(a)) และยังชี้ให้เห็นว่าการวินิจฉัยว่านายจตุพรขาดคุณสมบัติขัดกับเจตนารมณ์ของมาตรา 102(4) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งกำหนดให้เพียงผู้ที่ต้องโทษตามคำสั่งศาลแล้วเท่านั้นที่จะสูญเสียสิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อมีการยื่นเรื่องเพื่อสมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่รวมถึงผู้ที่ยังเป็นแค่จำเลย

- จึงมีความกังวลกับการวินิจฉัยให้สมาชิกภาพพรรคการเมืองของนายจตุพรสิ้นสุดลง ในขณะที่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเขาได้กระทำความผิดใด ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคำปราศรัยของเขา ซึ่งอันที่จริงเป็นเพียงการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกของเขาอย่างชัดเจน และได้รับการยืนยันจากการสั่งไม่ฟ้องคดีในเวลาต่อมา และยังกังวลกับการที่ศาลมีคำวินิจฉัยในประเด็นสมาชิกภาพพรรคการเมืองของเขา ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างนายจตุพรกับพรรคของเขาเอง และไม่ปรากฏว่ามีข้อพิพาทระหว่างเขากับพรรคของเขาให้เป็นประเด็นที่ศาลต้องพิจารณาเลย

- หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตามข้อมูลข้างต้น หน่วยงานผู้มีอำนาจหน้าที่ของไทยจะกระทำทุกวิถีทางเพื่อทบทวนการตัดสมาชิกภาพของนายจตุพร และประกันว่าข้อบัญญัติทางกฎหมายที่เป็นอยู่สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และต้องการยืนยันความเห็นอย่างเป็นทางการในประเด็นนี้

- กังวลเกี่ยวกับเหตุผลและข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่นำมาใช้เพื่อตั้งข้อกล่าวหาต่อนายจตุพร และความเป็นไปได้ที่ศาลอาจมีคำสั่งให้ควบคุมตัวเขาอีกครั้งหนึ่ง ต้องการได้รับสำเนาคำฟ้องที่เกี่ยวข้อง และได้รับทราบผลของการพิจารณาในครั้งต่อไป พิจารณาว่าจากข้อกังวลในกรณีนี้ อาจเป็นประโยชน์ที่จะเสนอให้มีการส่งตัวแทนเข้าร่วมสังเกตการณ์คดี และร้องขอให้เลขาธิการพิจารณากรณีนี้

- และกังวลเกี่ยวกับ การที่นายจตุพรได้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ถูกตัดสินและลงโทษในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นความกังวลที่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่า การหมิ่นประมาทไม่ควรถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องการยืนยันว่า ทางการไทยจะพิจารณาทบทวนกฎหมายที่มีอยู่หรือไม่ ต้องการได้รับสำเนาคำตัดสินของศาลชั้นต้น และได้รับแจ้งถึงขั้นตอนในชั้นอุทธรณ์คดี

- ร้องขอให้เลขาธิการส่งมอบมติฉบับนี้ให้กับหน่วยงานผู้มีอำนาจหน้าที่และผู้ร้อง

- ร้องขอให้คณะกรรมการตรวจสอบกรณีนี้ต่อไป และให้รายงานกลับมาในเวลาอันเหมาะสม

แปลจาก http://www.ipu.org/hr-e/191/th183.htm

 

 


หมดมือกันแล้ว...

- ใช้ม็อบ ใช้มวลชน ก็ปลุกกระแสมวลชนไม่ขึ้น...เกณฑ์กันเต็มที่คนมาไม่ถึง 2 หมื่น
- ยุให้ทหารยึดอำนาจ ยุดเหล่ก็ไม่ตอบสนอง...แถมไปอี๋อ๋อ เป็นเด็กดีกะนายกปูซะงั้น
- จะใช้ไม้เด็ด "ตุลาการภิวัติ" เป็นตัวช่วยเหมือนเดิม...ตอนนี้ก็ถูกโลกจับตามองเขม็ง

เมื่อเข้าตาจนอย่างนี้...เห็นมีวิธีเดียวที่พอจะรอด คือใช้ "มาตรการควบคุมความเสียหาย"
ดังนั้น...มาร์ค กะ เทือก...จึงรอดยากกกกส์ ฮ่าฮ่าฮ่า

 

 
 

guest

Post : 2012-12-11 20:05:10.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  วันสิ้นโลก

 

      ชาวมายันเรียกร้องหยุดหากินกับคำทำนาย “วันสิ้นโลก”

 
 
 
ข่าวจากเดลินิวส์
 

วันนี้ ( 25 ต.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวเตมาลาซิตี ประเทศกัวเตมาลาว่า ชาวมายันในกัวเตมาลาเรียกร้องให้รัฐบาล และกลุ่มบริษัทท่องเที่ยวหยุดบิดเบือนเนื้อหาในปฏิทินมายา ที่ระบุเนื้อหาเกี่ยวกับคำทำนายวันสิ้นโลก และฉวยโอกาสใช้เรื่องดังกล่าวในการแสวงหาผลประโยชน์

 

นายเฟลิเป โกเมซ ผู้นำสหพันธ์ชาวมายัน กล่าวเมื่อวันพุธ คัดค้านทุกการกระทำของภาครัฐและเอกชน ที่แสดงถึงการบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับปฏิทิน และตำนานพื้นบ้านของชาวเผ่ามายา เนื่องจากมีภาพยนตร์และสารคดีจำนวนมาก เผยแพร่เรื่องราวว่าโลกกำลังจะถึงกาลอวสานในวันที่ 21 ธ.ค. นี้ โดยอ้างการอาศัยหลักฐานจากการคำนวณในปฏิทินมายา

 

นอกจากนี้ นายโกเมซยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทบทวนแผนการจัดงานเฉลิมฉลอง “วันสิ้นโลก” ที่ชาวมายันต่างมองว่า เป็นการแสดงออกที่ไม่ให้เกียรติ และเป็นการลบหลู่อารยธรรมของชาวมายัน หลังกระทรวงวัฒนธรรมกัวเตมาลาประกาศเตรียมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ในวันดังกล่าว คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 90,000 คน เช่นเดียวกับบริษัทท่องเที่ยวหลายแห่งที่พากันนำเสนอแพ็คเกจทัวร์นำนักท่องเที่ยวมาสัมผัสประสบการณ์ในวันที่เชื่อกันว่า จะเป็นวันสุดท้ายของการมีอยู่ของโลกมนุษย์อีกด้วย

 

นายโกเมซยังอ้างคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี ที่ยืนยัน และอธิบายว่า วันที่ 21 ธ.ค. 2012 เป็นเพียงวันสิ้นสุดรอบปฏิทินมายา มิใช่วันสิ้นโลกตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ ซึ่งชาวมายันเชื่อว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บนโลก เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

 

อย่างไรก็ตาม ชุมชนชาวมายันเตรียมจัดพิธีศักดิ์สิทธิ์ใน 5 เมืองของกัวเตมาลา ในวันที่ 21 ธ.ค. เช่นกัน นายโกเมซจึงขอให้รัฐบาลหันมาให้ความสนับสนุน และประชาสัมพันธ์พิธีโบราณของชาวมายันนี้ มากกว่าการุม่งโฆษณาแต่แนวคิดวันสิ้นโลก

 

ปัจจุบัน กัวเตมาลามีประชากรราว 15 ล้านคน ในจำนวนนี้กว่าครึ่งสืบเชื้อสายมาจากชนเผ่ามายา ขณะที่ปฏิทินมายานั้น 1 ปีประกอบด้วย 18 เดือน เดือนละ 20 วัน บวกกับเดือนศักดิ์สิทธิ์ ที่เรียกว่า “มาเย็บ” ซึ่งมีเพียง 5 วัน ส่วนปฏิทินรอบยาวของชาวมายันจะแบ่งออกเป็นช่วงเวลาละ 400 ปี เรียกว่า “บักตุน” โดย 1 ยุคสมัย แบ่งเป็น 13 บักตุน บักตุนละ 400 ปี รวมเป็น 5,200 ปี ซึ่งวันที่ 21 ธ.ค. นี้ตรงกับวันสิ้นสุดบักตุนที่ 13 พอดี

 

 

กัวเตมาลา (สเปน: Guatemala) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐกัวเตมาลา (สเปน: República de Guatemala) เป็นประเทศในภูมิภาคอเมริกากลาง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาเหนือ มีชายฝั่งติดกับทั้งมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลแคริบเบียน พรมแดนด้านตะวันออกจรดเม็กซิโก ตะวันออกเฉียงเหนือจรดเบลีซ และตะวันตกเฉียงใต้จรดฮอนดูรัสและเอลซัลวาดอร์

 

ประเทศกัวเตมาลา

 

คำขวัญ: El País de la Eterna Primavera
("ดินแดนแห่งฤดูใบไม้ผลิตลอดกาล")

พื้นที่
- รวม 108,890 ตร.กม. (106)

ประชากร
- ก.ค. 2548 (ประเมิน) 12,800,000 (70)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

วันที่ 11 ธันวาคม 2555 (go6TV) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวBBC news แก้ตัวถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต 90 กว่าศพ โดยระหว่างการสัมภาษณ์ นายอภิสิทธิ์ โดนผู้สัมภาษณ์ต้อนคำถามว่าเป็นผู้มีอำนาจควบคุมการสลายการชุมนุมจนมีคนตายแต่ไม่รับผิดชอบ จนนายอภิสิทธิ์ค้านเสียงหลงและแสดงอาการถอดสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด และใส่ความเสื้อแดงว่าฆ่ากันเอง โดยมีคำสัมภาษณ์ช่วงสำคัญดังนี้
 
พิธีกร: คุณคือคนมีอำนาจขณะคนตาย
ใช่เราพยายามค้นหาความจริงทั้งตำรวจ กฎหมาย ทำงานร่วมกัน และตั้งข้อหาผมเป็นผู้ต้องหา
 
พิธีกร: ทำไมไม่เป็นธรรม
กลุ่มคนชุมนุมยึดราชประสงค์และมีปืน มีอาวุธ มีระเบิด ยิงเสื้อแดงกันเอง เราไม่ได้เข้าไปทำอะไรคนชุมนุม แค่ตรวจสอบรอบๆจุด และเผาถนน โชคร้ายคนตาย
 
พิธีกร: แต่เกือบทุกคนที่ตายทุกคน ตายจากอาวุธปืนของทหาร? องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างสรุปเหมือนกันว่าเกิดจากอาวุธปืนทหาร?
เป็นเรื่องลำบากลำบากที่จะยากพิสูจน์ มีประมาณ ยี่สิบคดีที่ตายโดยคนเสื้อแดง
 
พิธีกร: แต่คนตายทั้งหมดกว่าเก้าสิบคนนะ คุณจะยกเว้นคนตายเอา 20 คนมายกเว้นทั้งหมด?
แต่ตอนนี้มีเพียงแค่ 2 คดีที่สรุปแล้วว่าตายโดยอาวุธปืนจากทหาร แต่คุณต้องอย่าลืมว่า คนชุมนุมขโมยปืนมาจากทหารด้วยนะ
 
พิธีกร: แต่คุณต้องยอมรับการตายของบุคคลเหล่านี้ คุณยอมรับไหม?
คดีที่ผมโดนคดีแรก ขณะนี้ คือบุคคลที่ไม่ใช่ผู้ชุมนุม เขาผ่านไปดูการชุมนุมและโดน แต่เขาบอกว่า รัฐบาลสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งมันไม่ใช่ คุณสามารถหาคนถือปืนตอนนั้นได้ไหม
 
พิธีกร: นี่คือคดีแรก? คุณได้สั่งหรือไม่ คุณไม่ได้สั่งยกเลิกใช่ไหม?
ในฐานะนายกฯ ผมมีหน้าที่ป้องกันเหตุร้ายและใช้ทหารตามคำสั่งหลักสากล ผมเดินทางไปประชุมทั่วโลกและเห็นการชุมนุมหลายแห่ง มีคนตาย แต่ผู้นำเหล่านั้นไม่ได้ต้องรับผิดชอบในขั้นตอนต่างๆเหล่านั้น
 
พิธีกร: นี่คือความร้ายแรงทางการเมืองในบ้านเมืองของคุณ?
เพราะเป็นครั้งแรกที่เป็นการประท้วงที่มีอาวุธ เป็นม็อบผิดกฎหมาย มีชายเสื้อดำกับอาวุธ
คนทั้งหมดรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ความแตกต่างคือ นี่เป็นครั้งแรกที่คดีต่างๆ ถูกนำขึ้นสู่ศาล ผมยินดีขึ้นสู่ศาลเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์
 
 
 
 

Asia Provocateur

Musings on Thai politics by Andrew Spooner. Follow @andrewspoooner or email

asiaprovocateur@gmail.com

Monday, 10 December 2012
รัฐสภาอังกฤษระบุ: การอ้างว่าอภิสิทธิ์ถูกเชิญไปพูดที่รัฐสภาเป็นเรื่องเท็จ

ผมเพิ่งได้รับข้อความตอบกลับจากสำนักข่าวรัฐสภาอังกฤษ และชัดเจนมากว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ถูกเชิญจากทางรัฐสภาหรือถูกเชิญให้ไปพูดที่รัฐสภา และบุคคลที่เชิญนายอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นประธานกลุ่มพรรคการเมืองทุกพรรคในรัฐสภาด้านประเทศไทย (เอพีพีจี-APPG) และสส. นาย Roger Godsiff ไม่ใช่ตัวแทนที่เป็นทางการของรัฐสภา การที่นายกรณ์อ้างว่าพวกเขาได้รับเชิญจากรัฐสภาเป็นเรื่องเท็จที่น่าขบขัน พวกเขาได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงทั่วไปที่จัดโดยสส.ในอาคารรัฐสภา

ตามที่ท่านสอบถามมา นักการเมืองต่างชาติมักจะพูดคุยกับสส.ในการประชุมกลุ่มเอพีพีจีหรือในงานเลี้ยงต้อนรับเสมอ แต่นี่ไม่ควรถูกมองว่าเป็นคำเชิญให้ไปพูดต่อรัฐสภาทั้งหมด เพราะกลุ่มเอพีพีจีไม่ได้มีสถานภาพที่เป็นทางการใดๆในรัฐสภา การพูดปาฐกถาต่อรัฐสภามักเกิดขึ้นในการมาเยือนอย่างเป็นอย่างเป็นทางการของผู้นำรัฐ และเกี่ยวข้องกับการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสภาสูง (วุฒิสภา) การกล่าวสุนทรพจน์อย่างเป็นทางการไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก และคุณสามารถเข้าไปดูรายชื่อว่าใครบ้างที่กล่าวสุนทรพจน์อย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ http://www.parliament.uk/documents/commons/lib/research/briefings/snpc-04092.pdf.

Posted by Asia Provocateur at 09:34 No comments:
Email ThisBlogThis!Share to TwitterShare to Facebook
Abhisit's invitation to speak to Parliament debunked: official UK Parliament response.
Brief post but just had a response from the UK Parliament's press office. And it is unequivocal. Abhisit was not invited by Parliament nor was he invited to speak to Parliament nor was the person who invited him, chair of the Thailand All Party Parliamentary Group (APPG), Roger Godsiff MP, even an official representative of Parliament. That he and Korn claimed they were invited by Parliament is quite risible. They were invited to a simple reception inside the Parliament building hosted by an MP.

With regards to your query, foreign politicians often address parliamentarians at meetings of APPGs or receptions, but this should not be taken as an invitation to address Parliament as a whole, as APPGs have no official status within Parliament. An Address to Parliament normally takes place as part of a state visit, and involves a speech to both the House of Commons and the House of Lords. A formal address is a comparatively rare event, and you can see a listing of some of the most recent ones here:http://www.parliament.uk/documents/commons/lib/research/briefings/snpc-0....

Posted by Asia Provocateur at 08:48 No comments:
Email ThisBlogThis!Share to TwitterShare to Facebook
Begging students and squirming to camera: Abhisit's UK tour falls apart
In the wake of his charge for murder, former Thai PM Abhisit is carrying on with his self-promotion tour of the UK.

However the wheels are starting to fall off.

Over the last two days his bogus claims that he'd been invited by the UK Parliament to speak there have been exposed as deliberate misrepresentations aka lies. Even the UK Parliament's press office weighed in and said that an invitation to a reception "should not be taken as an invitation to address Parliament as a whole".

Even his talk at University College London on Sunday evening ran into problems with the organisers initially cancelling his appearance before Abhisit and Korn's team apparently pleaded throughout the early hours of Sunday morning begging for him to be allowed to talk.

Here's a screengrab of a message from one of the UCL organisers confirming Abhisit was cancelled.

Finally he is interviewed by the BBC and finds himself confronted with someone who is not going to just let him put out his lies and follows up with some quite decent questions (if only for 5 similar foreign journalists in Bangkok). In this interview he utters a line that will complete Abhisit's enduring and well-deserved infamy - "Unfortunately Some People Died"

It's pretty much a car-wreck of an interview for Abhisit and on several occasions his false smile slips as he attempts to talk-over the interviewer and squirms in his seat.
Posted by Asia Provocateur at 08:29 No comments:
Email ThisBlogThis!Share to TwitterShare to Facebook
Sunday, 9 December 2012
ทีมงานนายกรณ์เผยแพร่หลักฐานยืนยันว่าพวกเขาโกหก

 

เมื่อว่านี้ผมเขียนบทความเกี่ยวกับข้อความอันโอ่อ่าซึ่งปรากฎบนหน้าเฟคบุ๊คนายกรณ์ที่อ้างว่านายอภิสิทธิ์และเขาได้รับเชิญจากทางรัฐสภาอังกฤษให้ไปปาฐกถาในงานเลี้ยงต้อนรับจัดโดยมูลนิธิ Thai Childern's Trust

 

ตามที่ผมได้กล่าวไปแล้วเมื่อวานว่าหลังจากตรวจสอบเวปไซต์ของมูลนิธิ Thai Childern's Trust และรัฐสภาอังกฤษ ผมไม่พบข้อมูลว่ามีการเชิญหรือข้อระบุว่านายกรณ์และนายอภิสิทธิ์จะเข้าร่วมงานดังกล่าวแต่อย่างใด

 

ทีมงานนายกรณ์ได้ตอบโต้ข้อเรียกร้องของผมและเผยแพร่ภาพถ่ายบัตรเชิญนายกรณ์ให้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่รัฐสภา งานดังกล่าวจัดโดยนาย Roger Godsiff สส.พรรคแรงงานซึ่งเป็นประธานกลุ่มรัฐสภาของพรรคการเมืองทุกพรรคในงานด้านประเทศไทยผมต้องขอขอบคุณทีมงานนายกรณ์ที่ส่งหลักฐานชัดเจนซึ่งพิสูจน์ว่าพวกเขาโกหกเกี่ยวกับเรื่องที่นายกรณ์และนายอภิสิทธิ์ได้รับ "คำเชิญจากรัฐสภาอังกฤษให้ไปพูดปาฐกถา"

 

ชัดเจนมากว่าคำเชิญนี้ไม่ได้มาจากทางรัฐสภาหรือไม่ใช่คำเชิญให้ไปปาฐกถา แต่เป็นเพียงคำเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงทั่วไปจากสส.ผู้จัดงาน มีการจัดงานเลี้ยงในลักษณะนี้ที่รัฐสภาอังกฤษหลายครั้งต่อวัน เป็นงานเลี้ยงเกี่ยวกับหลายเรื่องโดยมักมีการเชิญผู้คนหลายคนจากหลายกลุ่ม สส.สามารถใช้สัญลักษณ์ซุ้มประตูหรือประตูบนหัวกระดาษหรือบัตรเชิญได้ สัญลักษณ์เหล่านี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนอุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร เก้าอี้ หรือจานชามของรัฐสภา

 

ดังนั้นผมขอพูดอีกครั้งว่า: คำเชิญไปร่วมงานเลี้ยงที่รัฐสภาไม่ได้เป็นคำเชิญให้ไปปาฐกถาจากรัฐสภาอังกฤษอย่างแน่นอนและการอ้างว่าคำเชิญดังกล่าวมาจากรัฐสภาเป็นเรื่องที่เหลวไหลและไม่เป็นความจริง ข้อเท็จจริงคือ ในสองเดือนที่ผ่านมาผมได้รับเชิญให้ไปร่วมงานลักษณะแบบนี้สองครั้ง และผมไม่เคยอ้างแบบไร้สาระว่าผมได้รับเชิญให้ไปปาฐกถาที่รัฐสภา และนี่คือรูปภาพของบัตรเชิญที่สส.พรรคแรงงานอีเมลล์มาเชิญผมให้ไปร่วมงานเกี่ยวกับกลุ่มนักดนตรี Pussy Riot ที่รัฐสภา แน่นอน ผมสามารถบอกได้ว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างคำเชิญจากสส.ให้ไปร่วมงาน และคำเชิญจากรัฐสภาให้ไปปาฐกถาในฐานะแขกของรัฐสภา เป็นเรื่องแปลกมากที่นายกรณ์ไม่สามารถมองเห็นความแตกต่างได้

 

นายกรณ์ยังอ้างว่านายอภิสิทธิ์ได้รับเชิญจากรัฐสภาให้ไปปาฐกถา ผมจะสอบถามสำนักข่าวรัฐสภาพรุ่งนี้ว่าทางรัฐสภาได้เชิญทั้งนายกรณ์หรือนายอภิสิทธิ์ไปปาฐกถาจริงหรือไม่ และผมจะบอกสส. นาย Roger Godsiff ว่านายกรณ์ตั้งใจจะให้ข้อมูลผิดๆเกี่ยวกับคำเชิญของเขาโดยอ้างว่ารัฐสภาเชิญนายอภิสิทธิ์ให้ไปปาฐกถา ในขณะที่คำเชิญเป็นเพียงคำเชิญให้ไปร่วมงานเลีี้ยงทั่วไปเท่านั้น

guest

Post : 2012-12-10 19:33:19.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  ทวาย หนามยอกอกสิงคโปร์

 

 

 

    ท่าเรือน้ำลึกทวาย' อภิมหาโปรเจกต์เชื่อมอุษาคเนย์

 

(จาก ไทยรัฐออนไลน์)

โครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย และเส้นทางคมนาคมเชื่อมระหว่างประเทศไทยกับสหภาพพม่า (Dawei Deep Sea Port & Industrial Estate Project and Transborder Corridor Link) เป็นอภิมหาโปรเจกต์ความร่วมมือระหว่างไทยกับพม่า คาดการณ์กันว่า หากโครงการนี้แล้วเสร็จ จะเป็นประตูเศรษฐกิจ (Gate Way) แห่งใหม่ของโลกตะวันตกและตะวันออก

โครงการนี้ ถือเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์และการค้าขนาดใหญ่ของภูมิภาค เชื่อมโยงการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศในแถบทะเลจีนใต้ ผ่านทะเลอันดามัน ไปสู่มหาสมุทรอินเดียซึ่งเป็นเส้นทางที่สามารถส่งสินค้าทั้งไปและกลับทางน้ำ ผ่านไปสู่กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง, ทวีปยุโรป และทวีปแอฟริกา ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนและระยะเวลาในการขนส่งได้อย่างมีนัยสำคัญ ช่วยพัฒนาการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เจริญเติบโตในระยะยาวต่อไป

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2553 บริษัท อิตาเลียน-ไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ได้ร่วมลงนามใน Framework Agreement กับ Myanma Port Authority, Ministry of Transport ของสหภาพพม่า เพื่อดำเนินการพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย นิคมอุตสาหกรรม และเส้นทางคมนาคมเชื่อมระหว่างประเทศไทยกับสหภาพพม่า ซึ่งบริษัทฯเป็นผู้ได้รับสัมปทานในการพัฒนาโครงการ ประกอบด้วย

1) ท่าเรือน้ำลึก
2) นิคมอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาทิ โรงเหล็ก โรงปุ๋ยโรงไฟฟ้า และสาธารณูปโภคอื่นๆ
3) เส้นทางการคมนาคมได้แก่ ถนน ทางรถไฟ และท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เชื่อมระหว่างเมืองทวาย สหภาพพม่า กับประเทศไทยที่บ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี
4) ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า ศูนย์การท่องเที่ยว รีสอร์ท และศูนย์พักผ่อนบริษัทฯ

พื้นที่โครงการตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสหภาพพม่า ห่างจากเมืองทวาย ประมาณ 30 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ถึง 400,000 ไร่ หรือ 250 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย ท่าเรือน้ำลึก 2 ท่า ส่วนที่เป็นนิคมอุตสาหกรรม ส่วนที่พักอาศัย ส่วนราชการ และส่วนอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งมีพื้นที่ริมทะเลเป็นแนวหาดทรายมีความยาวมากกว่า 12 กิโลเมตร

 

บ.อิตาเลียนไทย ได้ลงมือก่อสร้างถนนไฮเวย์กาญจนบุรี-ทวาย จากบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี เชื่อมโยงถึงท่าเรือน้ำลึกทวาย ระยะทาง 160 กิโลเมตร โดยด่านพุน้ำร้อนมีระยะทางห่างจาก อ.เมือง ประมาณ 71 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 129 กิโลเมตร ดังนั้น ระยะทางจากทวายถึงกรุงเทพฯ จึงมีระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์เพียง 4 ชั่วโมง

โดยเฟสแรกจะเป็นการสร้างถนนไฮเวย์กาญจนบุรี-ทวาย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2555 ภายใต้งบประมาณมูลค่า 2 พันล้านบาท ระหว่างนั้นจะเริ่มดำเนินการเฟสที่สองคือ การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย และเฟสที่สามคือ การสร้างเขตนิคมอุตสาหกรรม แบ่งเป็นโซนต่างๆ ประกอบด้วย โซน (A) Port & Heavy Industry โซน (B) Oil & Gas Industry โซน (C1) Up Stream Petrochemical Complex โซน (C2) Down Stream Petrochemical โซน (D) Medium Industry และโซน (E) Light Industry

 

 

ท่าเรือน้ำลึกทวายนี้ ยังอยู่ในโครงการเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจในกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำ โขง (Greater Mekong Sub-region: GMS) ตามกรอบความร่วมมือยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ (Economic Corridor) ซึ่งเป็นการพัฒนาแบบองค์รวมในพื้นที่ที่มีศักยภาพตามเส้นทางพัฒนา 3 แนวทาง คือ ทั้งระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC ระหว่างเมืองดานัง เวียดนาม-เมืองเมาะละแหม่ง พม่า) และระเบียงเศรษฐกิจแนวใต้ (Southern Economic Corridor : SEC ระหว่างนครโฮจิมินห์ เวียดนาม-เมืองทวาย พม่า) รวมทั้งยังสามารถเชื่อมโยงกับเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor : NSEC ระหว่างนครคุนหมิง จีนตอนใต้-กรุงเทพฯ)

 

ข้อมูลจากรายงานการศึกษาฉบับสมบูรณ์ (Final Report) โครงการจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมภูมิภาคระยะที่ 3 : แผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมชายแดน, กันยายน 2553 และจากเว็บไซต์โลจิสติกส์ ไดเจสต์ (www.logisticsdigest.com) ระบุผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากโครงการนี้ คือ ด้านศักยภาพความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ กล่าวได้ว่า ท่าเรือน้ำลึกทวายจะเป็น New Land Bridge ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการกระจายสินค้าในระดับโลก สามารถเชื่อมโยงตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ มาทางมหาสมุทรอินเดียและทะเลอันดามัน ซึ่งแต่เดิมสินค้าที่ส่งไปยุโรป แอฟริกา หรือตะวันออกกลางจะต้องผ่านทางช่องแคบมะละกา ใช้ระยะเวลานาน 16-18 วัน หากท่าเรือน้ำลึกทวายแล้วเสร็จจะช่วยร่นระยะเวลาการขนส่งในปัจจุบัน หากขนส่งจากทะเลจีนใต้มายังทะเลอันดามัน หรือจากเวียดนามมายังพม่าจะใช้เวลาเพียง 6 วัน ทำให้ช่วยลดระยะทางการขนถ่ายสินค้า และลดค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าได้มากขึ้น

สำหรับประเทศไทยท่าเรือน้ำลึกทวายจะเป็นประตูเศรษฐกิจบานใหม่ ที่เชื่อมระหว่างท่าเรือน้ำลึกทวาย กับท่าเรือแหลมฉบัง ตามยุทธศาสตร์การค้าการลงทุน เชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านของรัฐบาล ดังนั้น สินค้าต่างๆ ที่ไม่ว่าจะมาจากยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ ย่อมจะผ่านท่าเรือน้ำลึกทวายออกสู่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยใช้ระยะเวลาเพียง 1 วัน เท่านั้น และสามารถส่งผ่านไปยังประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น หรือประเทศในแถบแปซิฟิค

ในส่วนของความเชื่อมโยงเชิงพื้นที่ท่าเรือน้ำลึกทวายเชื่อมโยงกับประเทศไทย ที่ด่านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งสถานภาพเป็นด่านชายแดนชั่วคราว ยังไม่มีการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยทางจังหวัดได้กำหนดให้เป็นจุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อให้ บ.อิตาเลียนไทย ใช้ผ่านเข้าออกในการก่อสร้างถนนไฮเวย์กาญจนบุรี-ทวาย และทางจังหวัดกาญจนบุรีได้กำหนดเป็นวิสัยทัศน์ของจังหวัดในด้านการพัฒนา พื้นที่ ชายแดนและการเชื่อมโยงด้านการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน

นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยกับ "ไทยรัฐออนไลน์" ทราบว่า เวลานี้ประเทศพม่าได้ประกาศให้พื้นที่ก่อสร้างที่เมืองทวาย เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ แล้ว จึงอยากให้ กาญจนบุรี ถูกประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเช่นกัน ซึ่งได้เสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปแล้ว ในส่วนการพัฒนาของจังหวัดนั้น จำเป็นต้องพัฒนาในด้านที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงระหว่างประเทศฝั่งตะวันตก กับประเทศฝั่งตะวันออก โดยผ่านเส้นทางทางระเบียงแนวตะวันออก-ตะวันตก หรือที่เรียกว่า East-West Economic Corridor : EWEC ระหว่างเมืองดานัง เวียดนาม-เมืองเมาะละแหม่ง พม่า

นอกจากนี้ ทางจังหวัดยังได้ประสานกับทางมหาวิทยาลัยของพม่า เพื่อแลกเปลี่ยนให้ทุนการศึกษากับนักศึกษาในโครงการแลกเปลี่ยน ระหว่างไทย-พม่าด้วย โดยหวังจะให้เกิดการแลกเปลี่ยนทั้งในเรื่องความรู้และภาษาระหว่างกันด้วย

ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้กำลังเร่งเรื่องการเปิดจุดผ่อนปรนระหว่างชายแดน และเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวทางด้านเศรษฐกิจ โดยจังหวัดกาญจนบุรี จะได้ประโยชน์ในเรื่องการค้าขายและการท่องเที่ยว คาดว่า ภายใน 2-3 เดือน น่าจะสามารถเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวทางด้านเศรษฐกิจได้

รายงานการศึกษาฉบับสมบูรณ์ ยังระบุว่า สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมได้ดำเนินโครงการจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนา อุตสาหกรรมภูมิภาคระยะที่ 3 : แผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมชายแดนในพื้นที่จังหวัดกาญนบุรี ขึ้น เพื่อผลักดันให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยส่วนหนึ่งของผลการศึกษา พบว่า หากมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้น ด่านพุน้ำร้อนจะมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเขตประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อการส่ง ออก (Industry Export Processing Zone: IEPZ) เพื่อสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประกอบกับศักยภาพของพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งที่สามารถเชื่อม โยงทางฝั่งตะวันตก (ท่าเรือน้ำลึกทวาย สหภาพพม่า) และสามารถเชื่อมโยงฝั่งตะวันออก (ท่าเรือวังเตา ประเทศเวียดนาม) ได้ จึงสามารถพัฒนาโดยจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า (Inland Container Depot: ICD) เพื่อทำการรวบรวม และกระจายสินค้าไปยังภูมิภาคต่างๆ อันจะสามารถเชื่อมโยงตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ มาทางมหาสมุทรอินเดียและทะเลอันดามัน และสามารถส่งเสริมการลงทุนด้านอุตสาหกรรมห้องเย็น เพื่อรองรับวัตถุดิบที่จะมีในอนาคตเพื่อการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) เป็นสินค้าขั้นสุดท้ายที่มีความหลากหลายก่อนกระจายไปยังผู้บริโภคปลายทางต่อ ไป

ไม่เพียงแต่ประโยชน์ด้านโลจิสติกส์เท่านั้น แต่ประเทศไทยยังจะได้ประโยชน์ในด้านแรงงานซึ่งมีปริมาณมาก อุปทานแรงงานก็มีอยู่จำนวนมาก และมีค่าจ้างแรงงานถูก การใช้แรงงานพม่าจะทำให้ทำให้เกิดการลดต้นทุนการผลิตลง อุตสาหกรรมการผลิตที่จะได้ประโยชน์เชิงเปรียบเทียบจะเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ แรงงานเข้มข้น อาทิ อุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร ที่เป็นการแปรรูปผลิตภัณฑ์ขั้นต้นที่ใช้กระบวนการผลิตไม่ซับซ้อน เช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารทะเล เฟอร์นิเจอร์ อัญมณี ในส่วนของอุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมหนักก็เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะได้ประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากมีพื้นที่ของโครงการท่าเรือน้ำลึก ที่รองรับอุตสาหกรรมหนักอยู่แล้ว

นายนิพัฒน์ เจริญกิจการ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ว่า โครงการดังกล่าว จะสร้างผลดีในด้านการค้า ทรัพยากรธรรมชาติ และแรงงาน ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แร่ธาตุ ป่าไม้ และยังมีทรัพยากรในน้ำที่มีมูลค่าอีกจำนวนมาก โดยปัจจุบันประเทศจีน อินเดีย และสิงคโปร์ ได้ทยอยเดินทางเข้าไปลงทุนกันแล้ว ผลดีทางธุรกิจที่จังหวัดกาญจนบุรีจะได้รับโดยตรง คือ ท่าเรือทวายจะเป็นแหล่งอุตสาหกรรมใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรี แรงงานต่างด้าวสามารถเข้ามารับจ้างได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากมีการเปิดด่านในอนาคต เชื่อจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของเราสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง นอกจากนี้ การเปิดท่าเรือน้ำลึกทวาย ยังจะช่วยดึงดูดนักธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มาลงทุนเพิ่มมากขึ้น ดูได้ในช่วงนี้ โรงแรมเล็กๆ เพียง 3 แห่ง ในเมืองทวายไม่มีห้องว่างไว้รองรับเลย เพราะจำนวนนักธุรกิจที่มุ่งหน้าไปดูทิศทางการลงทุนกันเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี ในเว็บไซต์โลจิสติกส์ ไดเจสต์ ได้กล่าวถึงโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ว่าเป็นโอกาสดีที่ยังต้องรอการพิสูจน์ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงระยะเริ่มต้นของการพัฒนาเท่านั้น ต้องอาศัยระยะเวลานานพอสมควรซึ่งคงไม่ต่ำกว่า 10 ปี โครงการจึงจะแล้วเสร็จสามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังมีอุปสรรคบางประการที่เป็นความเสี่ยงภายในจากปัญหาการเมืองและ ชนกลุ่มน้อยของพม่าที่เรื้อรังยืดเยื้อมาตั้งแต่ในอดีต และนโยบายของรัฐบาลพม่าที่ยังไม่มีความชัดเจนและแน่นอน ดังนั้น โครงการนี้จะสำเร็จได้หรือไม่คงต้องตามลุ้นกันต่อไป

ซึ่งดูจะสอดคล้องกับความเห็นของ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งให้ความเห็นกับไทยรัฐออนไลน์ว่า ประเทศพม่ายังไม่มีความพร้อมเรื่องโครงสร้างพื้นฐานมากนัก ดังนั้นธุรกิจน่าจะมาถึงเติบโตก่อนความเจริญ ส่วนอุตสาหกรรมที่น่าลงทุน จะเป็นอุตสาหกรรมการส่งออก ที่น่าลงทุน สำหรับประเทศไทยควรจะมีการลงทุนด้านโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ทั้งนี้ ยังน่าห่วงเรื่องความชัดเจนของประเทศพม่า หลังจากที่ปิดประเทศมานาน

"เมื่อท่าเรือน้ำลึกทวายสร้างแล้วเสร็จ ผู้ลงทุนก็คงจะหันไปลงทุนจำนวนหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันต้องมองว่า กลุ่มผู้ลงทุนเหล่านั้น จะไปลงทุนที่ประเทศใด ซึ่งเรื่องนี้ก็คงต้องพิจารณาดูอีกที "

นายพยุงศักดิ์ ยังเห็นว่า ท่าเรือน้ำลึกทวายนี้ จีนมีแนวโน้มได้เปรียบเรื่องโลจิสติกส์ มากกว่าไทย เพราะเส้นทางเชื่อมระหว่างตะวันตกและตะวันออก ก่อนที่จะลงมาไทยแล้วกระจายไปตามฝั่งทะเล นักธุรกิจก็มีแนวโน้มที่จะไปลงทุนในลาว เวียดนาม สิงคโปร์ มากกว่าไทย เนื่องจากไทยยังไม่น่าลงทุนมากนักด้วยปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง ดังนั้นพม่าจึงจะได้รับประโยชน์มากที่สุด ในการสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย

ส่วนประเทศไทย หากต้องการเป็นศูนย์กลางทางการค้าในภูมิภาค ก็มีโอกาสจะเป็นไปได้ แต่เราจะต้องวางแผนและนโยบายอย่างดี ถึงแม้ว่าไทยจะมีสมดุลทางธุรกิจและความหลากหลายทางธุรกิจมากกว่าประเทศอื่น ก็ตาม ทั้งนี้ยังหมายรวมถึงบรรยากาศในการค้าขายของประเทศไทยด้วย ซึ่งทั้งหมดถือเป็นความพร้อมในการลงทุน ที่นักธุรกิจต่างชาติจะมองมาที่ไทย

 

 โครงการนี้เป็นโครงการที่จะนำพาประเทศไปสู่ความรุ่งโรจน์ เพาะว่าไทย มีทรัพยากร และประชากรน้อย

การที่ให้ประเทศเป็นแค่ทางผ่านของสินค้าก็สามารถ "รวยได้" อย่างประเทศสิงค์โปร

ซึ่งแน่นอนว่า โครงการนี้จะต้องถูกขัดขวางไม่ให้ประเทศได้รับการพัฒนาจากเหล่าอำมาตย์ และ NGO ทั้งหลาย

พรรคการเมืองของประชาชนอาจถูกยุบ เพราะโครงการนี้

ตัวอย่างเช่น

เอ็นจีโอจี้รัฐฯ ทบทวนโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย หยุดขยายหนี้สาธารณะ

 

 

 

ทำไมถึงคิดว่า หนีคดี (ที่ไร้ความชอบธรรม) แล้วเป็นไม่รักสถาบันครับ ผมข้องใจมานาน

คุณทักษิณ เขาไม่ยอมรับการตัดสินคดีรัชดา เพราะเห็นว่าขบวนการยุติธรรม
ถูกอำนาจนอนระบบหรือ อำนาจรัฐประหารแซกแทรก มีการปักธง

แล้วเขาหนีไปอยู่ประเทศอื่น .... มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา



แล้วทำไมเวลาหนีคดีที่คิดว่ามันไร้ความเป็นธรรมถึงเป็นคนไม่รักสถาบัน

ต้องมารับโทษที่คณะรัฐประหารกำหนดมาให้ถึงกลายเป็นคนรักสถาบันเหรอ

ไม่เคยเห็นสลิ่มเอาเป็นเอาตายกับน้องชายชวน หลีกภัย

หรือแม่ของอถรรวิทย์ สส แมงสาป

หรือ เอกยุทธ อัญชันบุตร

ประเทศนี้ตลกดี

(จากบอร์ดพันทิป)

guest

Post : 2012-12-10 19:18:11.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  ไม่ไหวเเล้ว...

 

                                                       

 

                                                         ไม่ไหวเเล้ว...

 

 

 

                                              

 

 

 

 

 

 

....สวรรค์เอ๋ย สะใจมั๊ย? ที่ได้เห็น

 

บ่วงกรรมเวร เเต่ปางไหน ใจอยากถาม

 

ขอชดใช้ หวังเพียงได้ ไม่ติดตาม

 

โดนเคราะห์หาม พินาศยับ ดับเเทบตาย

 

 

....ลงทุนพลาด ครอบครัวเเยก เเหลกเป็นผง

 

เข่าอ่อนลง คนรักจาก พรากหนีหาย

 

ไม่อยากอยู่ อาลัยทอด มอดละลาย

 

ฟางสุดท้าย หมดเเรงเเล้ว เเผ่วสิ้นลม....

 

 

guest

Post : 2012-12-08 20:30:27.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  ตั้งเสาเอก

 

                                           

 

พิธีการตั้งเสาเอก

 
เวลาเริ่มการก่อสร้างสำหรับบ้าน หรืออาคาร บางหลัง พิธีการต่างๆตามความเชื่อ มีความสำคัญมากเลยทีเดียว มีหลายแบบ หลายพิธีมาก
มีทั้ง พิธีลงเข็ม(เข็มเอก), วางศิลาฤกษ์, ตั้งเสาเอก, ไหว้บอกกล่าวเจ้าที่, ไหว้เทวดา, ไหว้ครูแม่บันได(อันนี้เคยเห็น ช่างจากบุรีรัมย์ ขอให้เจ้ของบ้านทำพิธีเพื่อที่จะทำบันไดได้อย่างราบรื่น และเหมือนกับเป็นการบอกกล่าวแม่บันได ตามความเชื่อของเขา), ฯลฯ ส่วนพิธีการก็มีหลายแบบหลายวิธี มากทั้ง โยนเหรีญ ทอดแห ตั้งประลำพิธีบ้าง ตั้งโต๊ะไหว้เฉยๆบ้าง เคยครั้งนึงเจ้าของบ้านไป เชิญ พราหมหลวง คนที่ทำพิธีแรกนาขวัญ กับโล้ชิงช้า มาทำพิธีตั้งเสาเอกให้บ้านของเขา ขอบอกว่าอลังการมาก มีทั้ง บัณเฑาะห์ สังห์มาเป่า แต่ค่าใช้จ่ายของท่านพราหมไม่ได้แพงอะไรเลยครับ ใครสนใจก็ลองติดต่อดูที่ โบสถ์พราหม ข้างๆเสาชิงช้าดูครับ ที่นั่นเขาให้คำแนะนำได้ดีมาก

ส่วนที่เก็บมาฝากวันนี้จะมี รายละเอียดเรื่องตั้งเสาเอก และก็วิธีวาง ศิลาฤกษ์

พิธีตั้งเสาเอก
ปลูกเรือนตามเดือน เดือนดีคือ 6,9,12,1,2,4(เดือนไทย)
ปลูกเรือนตามวัน จันทร์,พุธ,พฤหัสบดี เป็นวันดี

จากมหาหมอดู
เป็นข้อยกเว้นที่ห้ามใช้ฤกษ์สำหรับคนเกิดวันต่างๆ ถึงจะมีในรายการฤกษ์ข้างบนก็ห้ามใช้เด็ดขาด เพราะเป็นวันศัตรูและกาลกิณีกับวันเกิด
1. ผู้เกิดวันอาทิตย์ ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันศุกร์และวันอังคาร
2. ผู้เกิดวันจันทร์ ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันอาทิตย์และวันพฤหัสบดี
3. ผู้เกิดวันอังคาร ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันจันทร์และวันอาทิตย์
4. ผู้เกิดวันพุธ (กลางวัน) ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันพุธ (กลางคืน)
5. ผู้เกิดวันพฤหัสบดี ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันเสาร์
6. ผู้เกิดวันศุกร์ ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันพุธ (กลางคืน) และวันเสาร์
7. ผู้เกิดวันเสาร์ ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันพุธ (กลางวัน) และวันศุกร์
8. ผู้เกิดวันพุธ (กลางคืน) ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันพฤหัสบดีและวันพุธกลางวัน

ของใช้ในพิธี
  • จัดโต๊ะหมู่บูชา ๑ ชุด พร้อมเครื่องสักการะ (ถ้าประสงค์)
  • จตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระ ๑ ชุด (กรณีนิมนต์พระมาประพรมน้ำมนต์ที่หลุม และเจริญชัยมงคลคาถา)
  • เครื่องบูชาฤกษ์หรือสังเวยเทวดา (จัดย่อส่วนก็ได้ ดูพิธีวางศิลาฤกษ์)
  • ใบทอง นาก เงิน อย่างละ ๓ ใบ
  • เหรียญทอง เงิน อย่างละ ๙ เหรียญ
  • ทรายเสก ๑ ขัน
  • น้ำมนต์ ๑ ขัน (พร้อมกำหญ้าคา ๑ กำ)
  • ด้ายสายสิญจน์ ๑ ม้วนเล็ก
  • ทองคำเปลว ๓ แผ่น
  • ผ้าแพรสีแดง ห่มเสา หรือผ้าขาวม้า ๑ ผืน
  • หน่อกล้วย อ้อย อย่างละ ๑ หน่อ
  • ไม้มงคล ๙ ชนิด (ถ้าประสงค์)
  • แผ่นทอง นาก เงิน อย่างละ ๑ แผ่น
  • ข้าวตอกดอกไม้ ๑ ขัน

ลำดับพิธี
  • วางสายสิญจน์ เริ่มจากโต๊ะบูชาไปโต๊ะสังเวยขวาบริเวณสถานที่ก่อสร้างเข้าสู่เสาเอก (ก่อนเวลาฤกษ์พอสมควร)
  • เจ้าภาพจุดเทียนธูปที่โต๊ะหมู่บูชา อธิษฐานเพื่อเกิดสิริมงคล กราบพระ
  • จุดเทียนธูปที่โต๊ะสังเวย บูชาเทวดาให้คุ้มครอง
  • พิธีกรกล่าวสังเวยเทวดา
  • เจ้าภาพตอกไม้มงคล ๙ ชนิด (ถ้ามี)
  • วางแผ่นทอง นาก เงินในหลุมเสาเอก (ถ้ามี)
  • นำใบทอง นาก เงิน และเหรียญทอง เงิน ลงก้นหลุมแล้วนิมนต์พระสงฆ์ประพรมน้ำมนต์
  • โปรยทรายเสกที่หลุมเสา
  • เจิมและปิดทองเสาเอก
  • ผูกหน่อกล้วย อ้อย และผ้าสีแดงหรือผ้าขาวม้าที่เสาเอก
  • ถือด้ายสายสิญจน์ พร้อมทั้งญาติมิตรผู้ร่วมพิธี
  • ช่าง ช่วยกันยกเสาเอก จนตั้งเรียบร้อย (ขณะยกเสานั้นพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา) (ถ้ามี)
  • เจ้าภาพโปรยข้าวตอกดอกไม้ลงหลุมเสาเอก พร้อมทั้งญาติมิตรผู้ร่วมพิธี เสร็จพิธี

หมายเหตุ
  • ถ้ายกเสาเอกในเดือนอ้าย ยี่ สาม เสาเอก อยู่ทิศอีสาน
  • ถ้ายกเสาเอกในเดือน ๔ - ๕ - ๖ เสาเอก อยู่ทิศอาคเนย์
  • ถ้ายกเสาเอกในเดือน ๗ - ๘ - ๙ เสาเอก อยู่ทิศหรดี
  • ถ้ายกเสาเอกในเดือน ๑๐ - ๑๑ - ๑๒ เสาเอก อยู่ทิศพายัพ
  • เมื่อธูปที่โต๊ะสังเวยไหม้หมดดอก ให้ลาเครื่องสังเวยได้ว่า "เสสัง มังคะลัง ยาจามิ"
  • หน่อกล้วย อ้อย เมื่อช่างเอาลงจากเสาแล้ว ให้นำไปปลูกไว้ในที่ต้องการ เพื่อเสี่ยงทายว่าจะงอกงามเพียงใด
  • ถ้าจัดโต๊ะสังเวยไม่ได้ จะจัดเป็นสำรับบูชาพระภูมิเจ้าที่ธรรมดาก็ได้ และสิ่งประกอบอื่น ๆ
  • ก็เลือกเอาเท่าที่จำเป็นและหาได้ง่าย
  • ไม้มงคล 9ชนิด ซื้อได้ตามร้านสังฆภัณฑ์ หรือแถวๆเสาชิงช้า

ไม้มงคลที่ใช้ในพิธีวางศิลาฤกษ์
ใน การก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ก่อนทำการก่อสร้างนิยมทำพิธีวางศิลาฤกษ์โดยใช้ไม้มงคล 9 ชนิด ปักกับพื้นดินไม้ทั้ง 9 ชนิดมีชื่อเป็นมงคลนาม ดังนี้
1. ไม้ราชพฤกษ์ หมายถึง ความเป็นใหญ่และมีอำนาจวาสนา
2. ไม้ขนุน หมายถึง หนุนให้ดีขึ้นร่ำรวยขึ้น ทำอะไรจะมีผู้ให้การเกื้อหนุน
3. ไม้ชัยพฤกษ์ หมายถึง การมีโชคชัย ชัยชนะ
4. ไม้ทองหลาง หมายถึง การมีเงินมีทอง
5. ไม้ไผ่สีสุก หมายถึง มีความสุข
6. ไม้ทรงบาดาล หมายถึง ความมั่นคง หรือทำให้บ้านมั่นคงแข็งแรง
7. ไม้สัก หมายถึง ความมีศักดิ์ศรี ความมีเกียรติ
8. ไม้พะยูง หมายถึง การพยุงฐานะให้ดีขึ้น
9. ไม้กันเกรา หมายถึง ป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ หรืออีกชื่อหนึ่งว่าตำเสา ซึ่งอาจหมายถึง ทำให้เสาเรือนมั่นคง
ไม้ มงคลเหล่านี้จะลงอักขระที่เรียกว่า หัวใจพระอิติปิโส ได้แก่ อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ ลงบนท่อนไม้ชนิดละอักขระ พร้อมทั้งปิดทองทั้ง 9 ท่อน โดยปักวนจากซ้ายไปขวา (ทักษิณาวรรต)
ปีที่ปลูกเรือนเสริมสิริมงคล

ปลูกเรือนปีชวด
ยกเสาเอก จงเอาไม้ราชพฤกษ์ปักเสามุมแรก ก่อนยกเสาเอกเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย และโปรยดอกไม้ 3 สี สีที่เป็นสิริมงคล ดอกกุหลาบ ดอกรัก ดอกพุทธ และบวงสรวงด้วย กล้วยที่เป็นมิ่งขวัญปีเกิด จะทำให้ อยู่เย็นเป็นสุข ทำมาหากินเจริญขึ้นนักแล

ปลูกเรือนปีฉลู
ยกเสาเอกจงเอากล้วยและผ้าขาว พันเสาเอก เอากิ่งมะตูม 3 กิ่ง ปักที่เสาเอก และบวงสรวงด้วยลูกตาล ขนมฝอยทอง จะทำให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้าบ้านและมีความสุขความเจริญ

ปลุกเรือนปีขาล
ยกเสาเอกจงเอาข้าวสุก 3 กระทง และน้ำ 3 ขัน ขันเงิน ขันทอง ขันนาก รดที่ต้นเสาก่อนแล้วโปรย ดอกไม้ 3 ชนิด ดอกดาวเรือง ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย เพื่อเป็นเคล็ดให้ร่ำรวย อยู่เย็นเป็นสุข

ปลูกเรือนปีเถาะ

ยกเสาเอก จงเอาใบตะเคียน ใบเฉียง ใบพร้าหอม ต้นกล้วย 1 ต้นห่อปลายเสา แล้วบวงสรวงด้วย หมูย่าง ปลายำ จะทำให้รุ่งเรืองนักแล

ปลูกเรือนปีมะโรง
ยกเสาเอก จงเอาใบมะกรูด และกำยานพันปลายเสาก่อนแล้วจึงยกเสาเอก แล้วโปรยดอกไม้มงคล 7 ชนิด ดอกรัก ให้รักใคร่กัน ดอกดาวเรือง ให้เจริญรุ่งเรือง ดอกบัว ให้มีคนนับถือ ดอกกุหลาบ ให้สุขสด ชื่น ดอกบานไม่รู้โรย ให้มั่งมีอย่างไม่รู้โรย ดอกพุทธ ให้พระคุ้มครอง ดอกมะลิิ ให้อยู่เย็นเป็นสุข อธิษฐาน จะทำให้ร่ำรวย มั่งมี เป็นสุขตลอดไป

ปลูกเรือนปีมะเส็ง
ยกเสาเอก จงเอาใบสิงห์ 2 กิ่ง ผูกที่ปลายเสา และข้าว 3 กระทง ธูปเทียนจุดบูชา ทั้งบูชาดอกกุหลาบ พวงมาลัย มะลิสด ดอกรัก น้ำเย็น 6 ขัน แล้วพูดว่า มั่ง มี ศรี สุข ใช่ จึงยกเสาเอก จะทำให้รุ่งเรืองขึ้น

ปลูกเรือนปีมะเมีย
ยกเสาเอก จงเอาใบขี้เหล็ก กวาดตั้งแต่ปลายเสาลงมาถึงโคนเสา 3 ครั้งแล้วเอาน้ำรดปลายเสา ให้อด ใจรอจนถึงเวลาไก่ขัน และบวงสรวง กล้วย มะพร้าว ส้ม จงลงเสาเอก จึงจะร่มเย็นเป็นสุข

ปลูกเรือนปีมะแม
ยกเสาเอก จงเอาใบเงิน 3 ใบ หมากผู้ 3 ใบ หมากเมีย 3 ใบ แล้วเอาใบทั้งกล้วยอ้อยใส่ลงไปในหลุม ก่อน แล้วจึงยกเสาเอก แล้วบวงสรวง กล้วย อ้อย มะพร้าว ขอพรจะเสริมสิริมงคลให้มีโชคลาภตลอดไป

ปลูกเรือนปีวอก
ยกเสาเอก จงเอาเทียน 3 เล่ม แปะทองผูกข้างเสาด้านหัวนอนก่อน และนำใบเงิน ใบทอง ใบนาก ลงฐานหลุมแล้วจึงยกเสาเอก จะทำให้มั่งมี ศรีสุข ตลอดกาล

ปลูกเรือนปีระกา
ยกเสาเอก จงเอาข้าวตอกกับใบบัวบก มาใส่รองรับเอาไว้ในหลุมเสาเอก และเสารอง หรือใส่ให้ครบ 4 ทิศ จะเสริมมงคลให้อยู้ร่มเย็นเป้นสุข และบวงสรวงด้วย ข้าว แกง แอปเปิล ดอกบัวหลวง ขอพร จะทำให้มั่งมีศรีสุข

ปลูกเรือนปีจอ
ยกเสาเอก จงเอาข้าวตอกกับใบบัวบก มาใส่รองรับเอาไว้ในหลุมเสาเอก หรือใส่ให้ครบ 4 ทิศ และบูชา ด้วยดอกบัวเหลวง จะทำให้มีคนอุปถัมภ์ดีนักแล

ปลูกเรือนปีกุน
ยกเสาเอก จงเอาดอกชบา 1 ดอก และดอกบัวอีก 1 ดอก ใส่หลุมเสาเอก แล้วลงเสาเอก ฤกษ์ 9.09น. จะทำให้มีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

หากคุณจะสร้างบ้านเรือน และยกเสาเอก ควรกระทำให้ถูกตามตำราดังนี้

ยกเสาเรือนเดือน ๔, ๕, ๖ ให้ยกเสาเอกทางทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) จะเกิดโชคลาภ เป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย
ยกเสาเรือนเดือน ๗, ๘, ๙ ให้ยกเสาเอกทางทิสหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้) ผู้อยู่อาศัยในเรือน ปลอยภัยไร้โรคภัย มีโชคลาภดีนักแล
ยกเสาเรือนเดือน ๑๐, ๑๑, ๑๒ ให้ยกเสาเอกทางทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) จะเกิดสิริมงคล พ้นเคราะห์ภัย ไม่อับจน
ยกเสาเรือนเดือน ๑, ๒, ๓ ให้ยกเสาเอกทางทิศอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ) จะอยู่ดีกินดี เป็นมหาสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัยเรือนนั้น

หมายเหตุ:
โบ ราณาจารย์ทั้งหลายท่านว่าไม่ควรปลูกเรือน สร้างบ้านที่อยู่อาศัย ในเดือน ๑, ๓, ๕, ๗, ๘, ๑๐, ๑๑ เดือนที่ควรปลูกเรือนคือเดือน ๒, ๔, ๖, ๙, ๑๒
หลังจากทำบุญทุกครั้ง ควรแผ่เมตตาหรือกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญให้เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ด้วย

 

 

 ฤกษ์มงคล วันดีๆ กับการขึ้นบ้านใหม่ ในปี 2555 เดือน ธันวาคม

วันดี ปี 2555 สำหรับ บ้านใหม่ กับ ฤกษ์งามยามดี การสร้างบ้านใหม่ ย้ายบ้าน เข้าบ้าน ลงเสาเอก ในบทความนี้ ก็เข้ามาถึงเดือนที่ 11 นั่นคือ กันยายน เดือนนี้ เีรียกได้ว่า เป็นเดือนแห่งวันมงคล ฤกษ์ดี เยอะเป็นพิเศษ หากใครต้องการริเริ่มทำกิจการใด เปิดร้านค้าใหม่ ซื้อรถใหม่ ออกรถในเดือนนี้ มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง พบเจอแต่สิ่งดีๆ มีเชื่อเสียง การเงินดี การงานมั่นคง ในส่วนของ ฤกษ์วันดี ในเดือน ธันวาคม ปีนี้ มีวันดี สองวัน นั่นคือ

ฤกษ์ดี เดือนธันวาคม 2555
ตรงกับวันพฤหัสบดี วันที่ 6 ธันวาคม 2555 แรม 8 ค่ำ เดือน 12 ถือเป็นวันดี ฤกษ์ดีเป็น มหัทธโนฤกษ์ ฤกษ์คนรวย มีความมั่งคั่ง จะขึ้นบ้านใหม่ ย้ายบ้าน ลงเสาเอก เข้าบ้าน ทำบุญบ้านใหม่ ก็จะมีความสุขกาย สุขใจ จะดำเนินชีวิตก็จะราบรื่น มีความมั่งคั่งร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง มีความก้าวหน้า มีหลักฐานมั่นคงเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างดี

ตรงกับวันพุธ วันที่ 12 ธันวาคม 2555 แรม 14 ค่ำ เดือน 12 ถือเป็นวันดี ฤกษ์ดีเป็น ราชาฤกษ์ การขึ้นบ้านใหม่ ย้ายบ้าน ลงเสาเอก เข้าบ้าน ทำบุญบ้านใหม่ในวันนี้จะได้รับความเชิดหน้าชูตาในสังคม ได้รับความมีเกียรติในสังคมที่กล่าวขานยกย่องชื่นชม มีชื่อเสียงขจรขจายหอมฟุ้งไปทั่วทุกทิศทุกทาง และจะมีความเจริญ มีความราบรื่น มีความสุขเป็นอย่างดี อุดมสมบูรณ์ มงคลทุกอย่าง

 

 

 

  

 

 

 

 

การชุมนุมทางการเมือง ควรใช้ที่สาธารณะ ม.รังสิต

 

เป็น ม.เอกชน มี ดร.อาทิตย์ แก้มตุ่ย ณ ปชป.เป็น

 

เจ้าของ มี จรัญพันบาท ไปหากินสอนหนังสืออยู่การ

 

บุกเข้าไปถ้ามีคนไปแจ้งความ ก็ ต้องโดนจับข้อหา

 

บุกรุก ละครับ

 

จากข้อเขียน(ทีมงาน) คุณหมอสลักธรรม (ลูกชายหมอเหวง อ. ธิดา)

"ว่าแล้วเชียวว่าจะต้องเกิดเรื่อง ขนาดเขียนดักคอไว้ก่อนแท้ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นที่ม.รังสิตในวันนี้ แสดงให้เห็นว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับการทำงานแบบตามใจ ไม่มีวินัยและความชั่งใจ จะเกิดผลร้ายอย่างไร และผลร้ายนั้นไม่ได้ส่งผลแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น แต่จะถูกอีกฝั่งโหมกระพือเพื่อทำลายขบวนการต่อสู้ทั้งขบวนการ ไม่ว่าจะเป็น นปช. หรือกลุ่มอิสระอื่นๆ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่ไปทำเลยแท้ๆ บางทีหลายท่านก็หน่าย พอเตือนไปมากๆก็หาว่าหวงอำนาจ จะมาครอบงำ จะเผด็จการ ไม่ยอมให้กลุ่มอื่นมีบทบาท ฯลฯ

เพราะฉะนั้น ขอฝากบอกไปยังกลุ่มอิสระทั้งหลายรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ว่าหากท่านจะเคลื่อนไหวอะไร กรุณาเคารพสิทธิ์ของผู้อื่นทั้งที่อยู่ในฝั่งตนเอง และฝั่งตรงข้าม ลองยับยั้งชั่งใจ โปรดคำนึงหากมีคำเตือนมา ก็รับฟังกันหน่อย และโปรดนึกว่า เวลาทำอะไร ผลที่ตามมาจะไม่ได้เกิดขึ้นกับท่านหรือกลุ่มของท่าน แต่เกิดขึ้นกับเสื้อแดงและขบวนการต่อสู้ของประชาชนทั้งหมด"

 

 

guest

Post : 2012-12-08 19:09:26.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  กลัวอยู่ได้...

 

                                        กลัวอยู่ได้....

 

 

                     

 

 

 

....เรื่องเเค่นี้ ให้ไม่ได้ ใช่มั๊ยพ่อ?

 

ที่ผมขอ ไปข้างนอก บอกหลายหน

 

เพื่อนมารับ ไปกัน ตั้งหลายคน

 

ต่างก็ขน กันไป ไม่ต้องกลัว

 

 

....อาจมีบ้าง ตามประสา อย่าคิดมาก

 

เรื่องลำบาก รับรองได้ ไม่มีมั่ว

 

ส่วนมือถือ ก็พกไว้ ไปติดดัว

 

เเล้วจะกลัว อะไรกัน? มันไม่มี....

guest

Post : 2012-12-07 21:18:02.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  สุดยอดผลไม้บำรุงเลือด

 

 

 

 

• สุดยอด 5 ผลไม้บำรุงเลือด
+โพสต์เมื่อวันที่ : 21 พ.ย. 2555


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

.....สุดยอด 5 ผลไม้บำรุงเลือด (สุขกายสบายใจ)
Fruitful Tips เรื่อง : สุธารัชฏ์ รัตนารามิก

"ผลไม้ช่วยดูแลผิวพรรณ" ประโยชน์ของผลไม้อาจไม่ใช่เพียงบำรุงผิวพรรณ แต่ยังช่วยบำรุงเนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของเราให้แข็งแรงอีกด้วย ซึ่งความจริงแล้วอาหารหมวดผลไม้ก็สามารถให้สารอาหารหลัก เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก รวมถึงกรดอะมิโนจำเป็นต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับอาหารในหมวดข้าว แป้ง และไขมัน สำหรับ Fruitful Tips ฉบับนี้ขอเน้นผลไม้ที่ดีต่อเซลล์เม็ดเลือดแดงของเรา ซึ่งเป็นปัจจัยภายในที่ทำให้สาว ๆ ดูเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก

"ฮีโมโกลบิน" มาจากการรวมตัวกันของธาตุเหล็ก และโปรตีน

ฮีม คือ องค์ประกอบของธาตุเหล็ก ทำหน้าที่ดักจับออกซิเจนจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
โกลบิน คือ โปรตีน ทำหน้าที่ผลิตเลือดจากสายพันธุกรรมของเรา

ธาตุเหล็กสำคัญต่อเลือด

เลือดที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเราขึ้นอยู่กับปริมาณฮีโมโกลบิน ซึ่งฮีโมโกลบินเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์เม็ดเลือดแดง สาเหตุที่เลือดเป็นสีแดงก็เพราะในฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) มีสารประกอบสีแดงอยู่เป็นส่วนใหญ่ และมีองค์ประกอบของธาตุเหล็กอยู่ประมาณร้อยละ 65-67

ดังนั้นจึงถือได้ว่าร่างกายของเราสามารถสร้างธาตุเหล็กขึ้นมาเองตามธรรมชาติ และจะถูกร่างกายนำไปสร้างเป็นโปรตีนเพื่อไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเราควรมีประมาณฮีโมโกลบินประมาณ 20-30 ล้านล้านเซลล์จึงจะถือว่าอยู่ในระดับปกติ ดังนั้นหากจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตฮีโมโกลบินก็ควรบำรุงร่างกายด้วยอาหารที่ มีธาตุเหล็กในปริมาณที่เหมาะสมนั่นคือประมาณ 15 มิลลิกรัมต่อวัน

อาการเมื่อปริมาณฮีโมโกลบินในร่างกายต่ำ

สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณีคือ

กรณีไม่ร้ายแรง อาการกรณีนี้สามารถดีขึ้นจนหายไปเอง หากได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ หรือบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะเข้าสู่ร่างกาย เช่น เหนื่อยล้า หายใจถี่ ใจสั่น ปวดศีรษะ มึนงง เป็นลม มือเท้าเย็นเจ็บบริเวณหน้าอก ไม่มีสมาธิ เบื่ออาหาร และสีผิวเปลี่ยนไปเป็นขาวซีด จนม่วงคล้ำดูไม่มีน้ำมีนวล

กรณีเป็นโรคทางพันธุกรรม กรณีนี้ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากมีระยะการเจริญพันธุ์ของโรคและอาการแฝง เช่น โรคธาลัสซีเมีย (โรคเลือดจาง) อาจมีอาการแฝงคือ อะเนเมีย (Anemia) หรือภาวะร่างกายสร้างฮีโมโกลบินผิดปกติ เป็นต้น

5 ผลไม้ที่ดีต่อระบบการไหลเวียนโลหิต


 

       

 

 

ทับทิม
 



1.ทับทิม

ผลการวิจัยในสหรัฐพบว่า ทับทิมสามารถรักษาผู้ป่วยเบาหวานได้ด้วยคุณสมบัติช่วยกักเก็บเซลล์เม็ดเลือด แดง โดยให้ผู้ป่วยเบาหวานจำนวน 10 คนดื่มน้ำทับทิมคั้นสดวันละ 1 แก้ว (6 ออนซ์) เป็นเวลา 3 เดือน ผลคือร่างกายมีระดับอินซูลินในกระแสเลือดลดลง ระบบไหลเวียนโลหิตเป็นปกติขึ้น อาการมึนงง อ่อนเพลีย และผมร่วงลดลง อีกทั้งผิวพรรณก็สดใสขึ้นกว่าเดิม

 

แก้วมังกร
 


2.แก้วมังกร

อุดมด้วยโปรตีนจึงช่วยเติมร่องรอยผิวให้ดูเรียบตึง ผลการวิจัยพบว่า แก้วมังกรเนื้อแดงดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต และมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือด นอกจากนี้ไฟเบอร์ในผลแก้วมังกรยังช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงบริเวณช่องคลอด บรรเทาอาการตกขาวที่ผิดปกติ (มีสีเหลืองปนหนอง ปนเลือดและมีกลิ่นเหม็น)

 

สตรอเบอร์รี่
 


3.สตรอว์เบอร์รี่

ด้วยคุณสมบัติของวิตามินซีที่อุดมอยู่ในผลสตรอว์เบอร์รี ช่วยบำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดง เมล็ดเล็ก ๆ ที่อยู่ในเนื้อสตรอว์เบอร์รีช่วยลำเลียงออกซิเจนในกระบวนการขจัดเลือดเสีย จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Chemistry พบว่าอาสาสมัครผู้บริโภคสตรอว์เบอร์รีสดทุกวันประมาณ 2 ถ้วยตวงติดต่อกันนาน 1 เดือน มีผลการตรวจเลือดพบว่าเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นอย่างเป็นปกติมากขึ้นคือ 4, 8, 12, 16 เซลล์จึงส่งผลให้ผิวพรรณภายนอกดูเรียบเนียนเปล่งปลั่งขึ้น

 

กล้วย
 


4.กล้วย

ด้วยคุณสมบัติของแร่ธาตุแมกนีเซียมที่อุดมอยู่ในกล้วย ช่วยบำรุงผิวที่ขาวซีดให้กลับมาเปล่งปลั่งดูมีเลือดฝาด จากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ใน American Journal of Epidemiology เผยว่าการบริโภคกล้วยเป็นประจำทุกวันส่งผลต่อสุขภาพเลือดคือ ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคลูคีเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) โดยเฉพาะในเด็กช่วงอายุ 0-2 ปี


 

แตงโม
 



5.แตงโม

จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเนราดาในสหรัฐเผยว่า หากบริโภคแตงโมเพียงครึ่งผลต่อวันดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต เพราะกรดอะมิโนอาร์จีโนน์ (Arginine) ที่ร่างกายเปลี่ยนให้เป็นสารในตริกออกไซด์ (Nitric oxide) ทำให้เลือดสมบูรณ์ขึ้นถึงร้อยละ 22 จึงช่วยป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย และภาวะหลอดเลือดแข็งตัว

ไม่ใช่แค่ธาตุเหล็กและโปรตีนเพียงเท่านั้นที่จะช่วยให้อวัยวะภายในของเราผลิต เลือดได้อย่างเป็นปกติ แต่ยังมีวิธีที่ง่าย ๆ อีกสองสิ่งคือ การดื่มน้ำเปล่าให้บ่อยครั้งในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยให้เลือดของเราไม่ มีลักษณะข้นเหนียวจนเกินไปด้วย นอกจากนี้ยังต้องทำกายบริหารทุกวัน เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนอยู่ตลอด เพียงเท่านี้ก็ช่วยปกป้องร่างกายของเราให้ห่างไกลปัญหาสุขภาพทั้งในระยะสั้น และระยะยาวได้แล้ว


 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ฉบับ 08 ตุลาคม 2554

 

 

 

 

 

จากข้อเขียนคุณ อับราฮัม ลินคอร์น

 

รถไฟความเร็วสูงมาแล้ว ซึ่งสายแรก เปิดประมูลปี 2556 vote ติดต่อทีมงาน

-เส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่ (680 กม.) กำหนด 2 แนวทางคือ วิ่งด้วยความเร็ว 250 กิโลเมตร/ชม. และแนวทางที่สอง วิ่งด้วยความเร็ว 300 กม./ชม. โดยจะใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการประมาณ 3 แสนล้าน

-เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย (615 กม.) กำหนดให้วิ่งด้วยความเร็ว 250 กม./ชม.งบประมาณเกือบ 2 แสนล้าน คิดค่าบริการต่อ 1 เที่ยว 1,537 บาท ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง มีค่าโดยสารประมาณ 2.1 บาท ต่อกม.ต่อคน

ส่วนอัตราค่าบริการ หากวิ่งด้วยความเร็ว 250 กม./ชม. คาดว่าจะคิดกิโลเมตรละ 2 บาท 10 สตางค์ต่อ 1 กิโลเมตร ส่วนวิ่งด้วยความเร็ว 300 กม./ชม.จะคิดค่าบริการ 2 บาท 50 สตางค์

เบื้องต้น ทางจีนเสนอให้ไทยก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายแรกก่อนคือเส้นทางจาก กรุงเทพ — ภาชี(อยุธยา) รวมระยะทาง 54 กิโลเมตร เพื่อเป็นโครงการนำร่องก่อนเพื่อทดสอบระบบและจะใช้รองรับการจัดงานไทยแลนด์ เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ซึ่งจะใช้ระยะเวลาเดินทาง ประมาณ 10 นาที คิดค่าบริการที่ 135 บาท โดยคาดว่าจะมีการประมูลราคาผู้รับเหมาในในไตรมาสที่ 3 ปี 2556


ที่มา http://www.ryt9.com/s/iqry/154559

 

 

 

 

 
 

 

รถไฟความเร็วสูง'กม.ละ2.50บาท

จีนเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-เชียงใหม่
ความเร็วสูงสุด 300 กม.ต่อชม. งบลงทุน 3 แสนล้านบาท
ค่าโดยสารอยู่ที่กม.ละ 2.5 บาทต่อคน ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.
                                                                                                                                                                                                 

เรื่องรถไฟไทย พูดไปก็ยืดยาว....
รถไฟไทยเกิดก่อนญี่ปุ่น 10 ปี แต่ตอนนี้ตามญี่ปุ่นไม่ทัน

เรื่องรางรถไฟก็เป็นมหากาพย์ ผลประโยชน์ไม่ลงตัว ทะเลาะกันไม่เลิก

ระหว่างรางรถไฟ Standard Gauge กว้าง 1.435 เมตร ที่วื่งฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตะวันออก ไปภาคเหนือ ภาคอีสาน

กับทางรถไฟ Metre Gauge กว้าง 1.000 เมตร ที่วิ่งฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตะวันตก ไปภาคใต้

ตอนนี้เราจะเอารถไฟความเร็วสูงมาวิ่ง ถ้าใช้ของจีนก็ 1.435 เมตร แต่วิ่งได้เฉพาะภาคเหนือและอีสานเท่านั้น

ภาคใต้ต้องเปลี่ยนรางจาก 1.000 เมตร เป็น 1.435 เมตรก่อน ถึงจะใช้ได้

หรือไม่ก็ต้องซื้อ่รถไฟจากอังกฤษ หรือฝรั่งเศส เพราะใช้วิ่งบนราง 1.000 m.

เมื่อเราเข้าสู่ AEC แล้ว สัญญาทาส ที่ทำสมัยยุตล่าอาณานิคม ควรยกเลิกได้แล้ว
ทางรถไฟที่จะเชื้อม พม่า ลาว เขมร มาเลเซีย ควรปรับให้เหมือนกันได้แล้ว หรือปรับให้เป็น รางรถไฟร่วมซะ จะทำให้ระบบรางเชื่อมต่อถึงกันหมด เข้าสู่ยุทธศาสตร์ Trans Asea โดยไทยเป็น Centre ได้อย่างสมบูรณ์

ดีใจที่โครงการเดินหน้า แต่ปัญหาเรื่องรางต้องแก้ไข

ส่วนการทำธุรกิจ ต้องเป็นแบบร่วมทุน รัฐบาล 51% เอกชน 49 % เรื่องราคาค่าโดยสารต้องเหมาะสม รัฐตวบคุมได้ ส่วนหนึ่งทำให้มีกำไรในเชิงธุรกิจ อีกส่วนหนึ่งเป็นการสงเคราะห์ประชาชน ครับ

 

 
 

guest

Post : 2012-12-06 19:43:46.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  สร้างสถานการณ์

 

 

 

(ข่าวจากเดลินิวส์)

เกาหลีเหนือสร้างความตึงเครียดครั้งใหม่ ด้วยการประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า เตรียมพร้อมแล้วสำหรับการทดสอบยิงจรวดครั้งใหม่ ระหว่างวันที่ 10–22 ธ.ค. ที่จะถึง ส่วนจะเป็นวันไหนแน่ ให้ชาวโลกคอยจับตาดูเอาเองก็แล้วกัน

ถ้าโสมแดงทำตามที่ประกาศจริง ก็จะเป็นการยิงจรวดครั้งที่ 2 ของปีนี้ หลังการยิงครั้งแรกในเดือน เม.ย. ประสบความล้มเหลว จรวดขับดันระเบิดกลางอากาศ หลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ไม่นาน ขายขี้หน้าชาวโลกพอสมควร

แต่โฆษกคณะกรรมการเทคโนโลยีอวกาศเกาหลีเหนือ แถลงว่า ความผิดพลาดจากการยิงจรวดอุนฮา เพื่อส่งดาวเทียมกวางเมียงซอง เมื่อเดือน เม.ย. ผ่านการวิเคราะห์และแก้ไขความผิดพลาดแล้ว คราวนี้ไม่พลาดอีกแน่

และจะเป็นการยิงจรวดเพื่อนำดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรในอวกาศเหมือนเดิม แต่สหรัฐและพันธมิตรในเอเชีย โดยเฉพาะเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นไม่เชื่อ โดยบอกว่าเป็นฉากบังหน้าการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ระดับยิงได้ไกลข้ามทวีป ที่อาจติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ด้วย

เดือนที่แล้วทางการเกาหลีเหนือประกาศ มีขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถยิงถล่มเป้าหมาย ได้ทั่วถึงทุกจุดบนแผ่นดินใหญ่สหรัฐอเมริกา

การประกาศยิงจรวดครั้งใหม่ของเกาหลีเหนือ มีขึ้นแม้จะมีเสียงเตือนก่อนหน้าไม่กี่วันจาก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่เปรียบเสมือนเป็น “คณะปกครองโลก” ในปัจจุบัน ว่าโสมแดงไม่ควรทำเด็ดขาด

นายยัง มู-จิน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือ แห่งมหาวิทยาลัยในกรุงโซล กล่าวเตือนว่า เกาหลีเหนือและ นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของประเทศ กำลังเล่นเกมเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง กับประชาคมระหว่างประเทศ

ที่โสมแดงต้องเจอแน่ ๆ คือ การยิงจรวดจะถูกนานาชาติลงโทษ ด้วยการคว่ำบาตร ไม่คบหาสมาคมในหลาย ๆ ทาง โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจการค้า ซึ่งจะทำให้ประชาชนชาวโสมแดงเดือดร้อนหนักยิ่งขึ้นอีก

สหรัฐและเกาหลีใต้กล่าวว่า แผนการของเกาหลีเหนือถือเป็น “การยั่วยุอย่างยิ่ง” ศัพท์ทางการทูตที่หมายถึง การกระตุ้น หรือท้าทายให้เกิดสงครามสู้รบ ส่วนญี่ปุ่นประกาศเลื่อนการเจรจา ระหว่างคณะเจ้าหน้าที่การทูตระดับสูง ญี่ปุ่น-เกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมกำหนดมีขึ้นในสัปดาห์นี้

การประกาศแผนยิงจรวดครั้งใหม่ของเกาหลีเหนือ มีขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการถ่ายโอนอำนาจ ของ 4 ใน 6 ประเทศ ที่มีส่วนร่วมในการประชุมเจรจา เกี่ยวกับปัญหาโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ นั่นคือ ญี่ปุ่นกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ก่อนกำหนด ในวันที่ 16 ธ.ค. และถัดไปในวันที่ 19 ธ.ค. ก็จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้

จีน ประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจแก่เกาหลีเหนือรายใหญ่สุด เพิ่งจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนอำนาจกลุ่มผู้นำ จากรุ่นที่ 4 นำโดยประธานาธิบดีหู จิ่นเทา สู่รุ่นที่ 5 นำโดย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขณะที่สหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เพิ่งชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2 และกำหนดสาบานตนรับตำแหน่งต่ออย่างเป็นทางการ ช่วงปลายเดือน ม.ค. ปีหน้า

นักวิเคราะห์บางส่วนทำนายว่า การยิงจรวดครั้งใหม่ของเกาหลีเหนือ น่าจะมีขึ้นในวันที่ 17 ธ.ค. ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 1 ปี การอสัญกรรมของ นายคิม จอง-อิล อดีตผู้นำคนที่แล้ว และเป็นบิดาของผู้นำคนปัจจุบัน โดยจับประเด็นจากเหตุผลในประกาศของทางการโสมแดง ซึ่งระบุว่า การยิงเป็นไปตามคำสั่งของ คิม จอง-อิล ก่อนจะลาจากโลก

ข่าวกรองทางทหารระหว่างประเทศ ระบุว่า เกาหลีเหนือมีศักยภาพในการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้และกลาง ส่วนพิสัยไกลระดับข้ามทวีป เคยทดสอบโชว์ชาวโลก 4 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2541, 2549, 2552 และ เดือน เม.ย. 2555 ล้มเหลวทุกครั้ง และก็เชื่อกันว่า โสมแดงยังไม่มีขีดความสามารถพอที่จะติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ในขีปนาวุธพิสัยไกล

แต่มีวัตถุดิบแร่พลูโตเนียมสกัด เพียงพอที่จะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้อย่างน้อย 6 ลูก ส่วนการสกัดแร่ยูเรเนียมยังไปได้ไม่ถึงไหน.

 

ส่วนญี่ปุ่นก็เตรียมติดตั้งขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ เพื่อเตรียมพร้อมยิงสกัดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ที่คาดว่าจะมีการยิงทดสอบภายในเดือนนี้
กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น ได้นำขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ แพ็คทรี ออกจากฐานทัพเรือ ทางภาคตะวันตก ไปติดตั้งที่หมู่เกาะโอกินาวาแล้ววานนี้ หลังจากนายซาโตชิ โมริโมโต รัฐมนตรีกลาโหม มีคำสั่งเมื่อวันเสาร์ให้กองทัพเตรียมรับมือกับขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่จะยิงทดสอบภายในเดือนนี้ และคาดว่าจะผ่านน่านฟ้าบริเวณเกาะโกอินาวา
นอกจากนี้ มีรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมส่งเรือรบที่ใช้ระบบเอจิส ไปประจำการรอบเกาะโอกินาวาด้วย

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
조선민주주의인민공화국 (เกาหลี)
ธงชาติ  
คำขวัญ: 강성대국
ชาติอันเกรียงไกรและรุ่งเรือง
เพลงชาติ: เอกุกกา
 
 
เมืองหลวง
(และเมืองใหญ่สุด)
เปียงยาง
39°2′N 125°45′E / 39.033°N 125.75°E / 39.033; 125.75
ภาษาทางการ ภาษาเกาหลี
การปกครอง คอมมิวนิสต์แบบพึ่งตนเอง
(สมบูรณาญาสิทธิราชโดยพฤตินัย)
- ประธานาธิบดีตลอดกาล[1] คิม อิลซอง
- ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันประเทศ คิม จองอึน
- ประธานสภาสมัชชาประชาชนสูงสุด คิม ยองนัม
- นายกรัฐมนตรี ชเว ยองริม
การสถาปนาชาติ
- ปลดปล่อย 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488
- แถลงอย่างเป็นทางการ 9 กันยายน พ.ศ. 2491
พื้นที่
- รวม 120,540 ตร.กม. (98)
46,528 ตร.ไมล์
- แหล่งน้ำ (%) 4.87%
ประชากร
- 2552 (ประเมิน) 24,051,218[2] (51)
- 2551 (สำมะโน) 24,052,231[3]
- ความหนาแน่น 198.3 คน/ตร.กม. (55)
513.8 คน/ตร.ไมล์
จีดีพี (อำนาจซื้อ) 2007 (ประมาณ)
- รวม 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[4] (89)
- ต่อหัว 1,900 (ประเมิน พ.ศ. 2552)[5] (154)
จีดีพี (ราคาตลาด) 2009[5] (ประมาณ)
- รวม 28,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (88)
- ต่อหัว 1,244 ดอลลาร์สหรัฐ[6] (139)
ดพม. ไม่มีข้อมูล
สกุลเงิน วอน (₩) (KPW)
เขตเวลา (UTC+9)
โดเมนบนสุด .kp
รหัสโทรศัพท์ 850

ประเทศไทยเนื้อที่ 513115 ตารางกิโลเมตร

ภาคอิสาน 155400

เกาหลีเหนือ 120540 

 

 

 

 

  แจ้งข้อหา "สุเทพ - อภิสิทธิ์" สั่งฆ่า แล้ว

 

(จากคุณ ก๊อต 29)

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งข้อหา "สุเทพ - อภิสิทธิ์" สั่งฆ่า "พัน คำกอง" แท็กซี่เสื้อแดง ในการชุมนุม ให้เข้าชี้แจงข้อกล่าวหา 12 ธันวาคมนี้

..................
สุเทพ - อภิสิทธิ์ ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง และเพราะรัฐบาลชุดนนี้ เป็นรัฐบาลที่มาจากการผลักดันของทักษิณ

นี่ขนาดเขาเลือกตั้งชนะเข้ามาเป็นรัฐบาลนะ ทุกอย่างก็ทำตามกระบวนกันที่ตรวจสอบได้

ต่างจาก ยุคที่ เอาผิดทักษิณ
ผู้ที่มามีอำนาจ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากปลายกระบอกปืน
เขียนกฏหมายเอาผิดเขาย้อนหลัง
ตั้งกรรมการที่มีแต่ผู้มีอคติ กับทักษิณ
ใช่การยกมือตัดสิน มากกว่าใช้กฏหมาย

แต่กะนั้น อภิสิทธิ์ก็บอกให้มา ต่อสู้ตามกระบวนการที่ ได้เขียนขึ้นมาใหม่

แต่ทุกวันนี้ การดำเนินคดีของอภิสิทธิ์
มีคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตั้งแต่ ยุค อภิสิทธิ์เอง มีDSI ที่ร่วมทำงานกับพวก ศอฉ เอง มีหลักฐานจริง มีผู้ตรวจสอบจริง มีทีมาที่ไปชัดเจน
แต่กลับ บอกว่าโดนกลั่นแกล้ง ทางการเมือง

อภิสิทธิ์คิดแต่เพียงว่า เซ็นต์ชื่อให้เมียซื้อที่ดินนั้น ผิดจริยธรรมร้ายแรง จนต้องติดคุกสองปี ถือว่ายุติธรรมแล้ว
แต่ การไปเซ็นต์ชื่ออนุมัติให้ทหารใช้กระสูนจริงกับผู้ชุนนุม นั้น เมื่อมีคนตายเกิดขึ้น เพราะกระสูนจริง อภิสิทธิ์กลับคิดว่า โดนกลั่นแกล้งทางการเมือง........

 

ถึงคุณอภิสิทธิเเละคุณสุเทพ จะโดน DSI แจ้งข้อหาแล้ว อย่าเพิ่งดีใจไปครับ

 เดี๋ยวคุณอภิสิทธิ์กับคุณสุเทพ ต้องส่งทีมทนายฟ้องศาลปกครองแน่นอน
ถ้าไม่หลุดในชั้นศาลปกครอง จะส่งเรื่องต่อให้ ศาล รธน. ตีความ
แล้วถ้าไม่หลุดอีก จะส่งให้ สว. ต่อ

เชื่อว่าสุดท้าย ลงคะแนน สว. แล้วหลุดตามแบบคุณสุเทพ แน่ ...

เขาไม่เซนต์คำสั่งส่งพวกเดียวกันเข้าคุกง่ายๆ หรอก......

 

                            เสื้อเหลืองโห่นายกต่อหน้าพระพักตร์

 

 

 

 

[ภาพ: cupvam.jpg]

guest

Post : 2012-12-06 18:51:33.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  เดี๋ยวผีผลัก,,,

 

                

 

 

 

               เดี๋ยวผีผลัก...

 

 

 

                 

 

 

 

 

....อย่าล้อเล่น เจ้านาย เดี๋ยวตายโหง

 

เอาปืนลง เกิดเปรี้ยงป้าง วางมันเสีย

 

ผิดพลาดไป จะเสียหาย วุ่นวายเคลียร์

 

เดี๋ยวก็เพลีย ขึ้นโรงศาล บานตะไท

 

 

....ของอย่างอื่น ก็มีเล่น พิเรนทร์อยาก

 

เรื่องยากๆ เเบบนี้ มีที่ไหน

 

นึกสนุก คึกคะนอง ต้องมีภัย

 

จงวางไว้ อย่างเร่งด่วน เดี๋ยวข่วนตาย....

 

 

guest

Post : 2012-12-04 21:35:00.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  พ่อครับ ผมขอโทษ...

 

 

                           พ่อครับ ผมขอโทษ...

 

 

                        

 

 

 

หลังวาเลนไทน์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์

ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เหมือนคนทั่วไป

“กุหลาบ ช็อคโกแลต คำบอกรัก"

สามสิ่งนี้ต้องเวียนเข้ามาหาชีวิตผม

เพื่อให้คนคนหนึ่งใน ทุก ๆ ปีของวันนี้


. . . ก่อนวันที่ 14 กุมภาพันธ์
ผมเดินออกจากบ้าน

ในมือมีผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่ต้องการเอาให้แฟนของผม

เธอเป็นหญิงสวยมาก เป็นดาวคณะของมหาลัยของเรา
ก่อนผมจะออกไปพบเธอ เธอโทรมาหาผม

ผมจึงวางผ้าเช็ดหน้าที่ผมบรรจงพับไว้บนโต๊ะ
หลังจากการพร่ำบอกรักกันด้วยถ้อยคำหวานหูเป็นเวลานานทีเดียว

ผมปรี่ออกจากบ้านไปหาเธอ

โดยไม่ลืมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
แต่แล้ว!!

ผมก็เห็นพ่อของผมถือมันออกมา ในผ้าผืนนั้นมีรอยเลือด

"พ่อ ทำอะไรหนะ" ผมโพล่งถามด้วยความโมโห
พ่อหน้าซีดทันที

"เหมียวหนะ มันโดนกัด พ่อเลยเอาผ้าไปเช็ดเลือด"

"พ่อรู้ไหม ผมกำลังจะเอาไปให้แฟน"
พ่อเงียบ . . . ผมเกลียดจริงๆ เวลาพ่อเงียบเมื่อจนกับปัญหา

ความโหโหสั่งผมให้ทำได้แม้กระทั่งจะตบหน้าพ่อ
พ่อเบือนหน้า

"พ่อขอโทษ มานี่ . . . " พ่อยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้า

"พ่อจะเอาไปซักให้เอง"
ผมงอนพ่อถึงกับไม่ยอมคุยกับพ่อเป็นเวลานานพอควร

ไม่ยอมลงจากบ้าน

เป็นเวลาเกือบทั้งสองวันที่ผมไม่เจอหน้าใคร

หมกตัวอยู่กับห้อง มีเพียงแม่เท่านั้นที่คอยส่งข้าวให้ผม
ยามเมื่อผมมองตาแม่ครั้งใดทุกครั้ง ดวงตาแม่จะแดงปรี่ด้วยน้ำตา

ผมเริ่มรู้สึกว่า บางทีผมอาจจะทำเกินไป


. . . 14 กุมภาพันธ์
ตั้งแต่ครั้งที่ผมเห็นแม่เสียใจ

ผมก็รู้สึกว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า

ผมยอมออกมาจากห้อง
ผมไม่เห็นพ่อ
เดินออกมาที่บริเวณลานซักผ้า กาละมังยังมีผ้าที่ยังไม่ซักหลายผืน

ข้างๆ มีกองเลือดอยู่ และที่ราวตากผ้ามี ผ้าเช็ดหน้าของผม

ถึงจะล้างรอยเลือดไม่หมด ก็ยังดีที่พ่อยังห่วงใยผม ยังแคร์ผมอยู่
"พ่อ ผมอยากขอโทษครับ"

พอผมหันหน้าจะกลับเข้าบ้าน ก็พบกับแม่ แม่ร้องไห้มาแต่ไกล

แม่วิ่งมากอดผม "พ่อเสียแล้วนะ"

ผมอึ้ง!!
แม่ลำดับเหตุการณ์ และทำให้ผมทราบว่า

พ่อป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจติดเชื้อ

รอยเลือดที่เห็นนั้นคือเลือดที่พ่อจามออกมา พ่อมองไม่เห็น

"พ่อกำชับแม่มาตอนที่ลูกโกรธว่า อย่าบอกลูกเด็ดขาดว่าพ่อป่วย "

"ทำไมล่ะครับ"

"พ่อกลัวเราจะเสียใจ แล้วไม่ได้ออกไปเที่ยวกับแฟน"
ผมอึ้งเป็นครั้งที่สอง!

"พ่อบอกแม่ด้วยว่า ถ้าพ่อเสียวันนี้ อย่าเพิ่งบอกลูก

ให้ลูกไปเที่ยวกับแฟนก่อน

พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์ พลาดโอกาสอย่างนี้เพราะพ่อคนเดียว

พ่อบอกด้วยว่าพ่อซักผ้าเช็ดหน้าให้แล้ว มันไม่สะอาดหรอก

แต่พ่อบอกว่าพ่อของลูกทำดีที่สุดแล้ว"
ผมกอดแม่ ร้องไห้

วันนี้จะเป็นวันวาเลนไทน์ที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป
"พ่อครับ ผมขอโทษ . . . "

 

 

 

ข่าวจากเดลินิวส์...  

ทนรับค่าแรงไม่ไหว พาพรรคพวกไปพม่า ตายเอาดาบหน้า

 

                                

 

 

(4 ธ.ค. 55)--นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจะจัดคณะผู้นำทางธุรกิจรายใหญ่ 20 ราย เช่น เครือสหพัฒน์, กลุ่มมิตรผล, ไทยเบฟเวอเรจ และธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น เตรียมเดินทางไปเยือนพม่าระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค.55 เพื่อพบกับประธานและผู้แทนระดับสูงของหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งพม่า ในการกระชับความสัมพันธ์และขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน


นอกจากนี้ ยังจะไปศึกษาลู่ทางย้ายฐานการลงทุนไปยังพม่า เพื่อหาทางลดผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศในปีหน้า เพราะพม่าน่าลงทุนมากที่สุดในอาเซียนขณะนี้ นอกจากมีทรัพยากรธรรมชาติมากแล้วยังมีค่าจ้างแรงงานที่ต่ำมากเพียงวันละ 75-120 บาท ส่วนอัตราค่าจ้างในระดับปริญญาตรีเดือนละ 3,000-6,000 บาทเท่านั้น ขณะเดียวกันยังได้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(GDP)ในการส่งออกสินค้าเข้าสู่ประเทศพัฒนาแล้วโดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าด้วย


ประธานกรรมการหอการค้าไทย ยังกล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปี 55 โดยคาดว่าจะมีอัตราการขยายตัว 5.5% เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป และสหรัฐฯ รวมถึงปัญหาอุทกภัย ส่วนแนวโน้มในปี 56 ยังน่าเป็นห่วงโดยคาดจะขยายตัวที่ 4-5% จากความต้องการภายในที่สูงขึ้น


ขณะที่ด้านส่งออกคาดจะขยายตัวได้ไม่เกิน 5% โดยสินค้าที่จะขยายตัวได้ดี เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ, เครื่องนุ่งห่ม, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ส่วนสินค้าที่ชะลอตัว ได้แก่ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ อาหารทะเลแช่แข็ง, เฟอร์นิเจอร์, ยางพารา เป็นต้น


นายภูมินทร์ หะรินสุต รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ในวันที่ 6 ธ.ค. จะหารือเพื่อสรุปมาตรการลดผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก(SMEs)อีกครั้ง ก่อนส่งให้ ครม.พิจารณาในวันที่ 11 ธ.ค.นี้
เบื้องต้นจะเสนอมีเรื่องการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและการหักค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร การเสนอให้รัฐบาลตั้งงบประมาณเพื่อใช้เป็นกองทุนจ่ายชดเชยส่วนต่างค่าแรงขั้นต่ำให้กับ SMEs เป็นต้น


ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท จะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าระบบประมาณปีละ 100,000-150,000 ล้านบาท ซึ่งจะผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ 1% แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่สภาพการเมืองภายในประเทศนิ่ง และเศรษฐกิจโลกไม่ถดถอยไปกว่านี้

 พม่ายังไม่มีกฏหมาย ใช้ การลงทุนเหยียบตาปลา ทหารเมื่อใด ยึด ครับ 

ไฟฟ้าไม่มี ถนนไม่มี พวกนี้ไปอย่างดีก็ชายแดนไทย ครับ

คงไม่กล้าไปหรอกครับ ทำฟอร์มลีลาแค่นั้นแหละ อย่าลืมว่าค่าครองชีพพม่าพอๆกับไทยนะครับ

บางคนอาจจะคิดว่าถูกกว่า ผิดครับ ข้าวราดแกงจานละ40บาทเหมือนกัน และที่สำคัญระบบสาธาณูปโภค

แทบไม่มีเลย ใครอยากไปก็ให้มันไปเหอะ

ไฟฟ้าดับ วันละ 2 ชั่วโมง ...

ปีเดียว พวกท่านก็เจ๊ง วิ่งหนีกลับกันหมด แล้ว ...

 

 

ไม่อายชาวนาหรือ

ขนาดกู้เงิน ธกส.มายังสามารถจ้างคนเกี่ยวข้าว

วันละ 300-350 บาท

แถมเลี้ยงข้าวกลางวัน

ตบตูดด้วยกาแฟเครื่องดื่มชูกำลังอีกต่างหาก

และต้องรอคิวอีกด้วย

 

ในเมื่อปี 2558 เขาจะไร้พรมแดนกันแล้ว ต้องมีการเคลื่อนย้ายตลาดแรงงานกันอย่างเสรีในกลุ่ม ASIAN

สมมุติว่า ปี 2558 ค่าแรงงานของไทยอยู่ที่วันละ 400 บาท พม่าอยู่ที่วันละ 200 บาท

แล้วพวกท่านจะไปจ้างใครมาทำงาน

เพราะกรรมกรพม่าคงย้ายมาทำงานในไทยกันหมดแล้ว

 

 

guest

Post : 2012-12-04 21:08:10.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  พ่อครับ...

 

 

      

 

 

                                                                 พ่อครับ...

 

 

 

                                                     

 

 

 

 

....เห็นเเววตาพ่อล้า          โรยเเรง ใจหาย

 

หยาดเหงื่อเเวววับเเสง       ไม่ท้อ

 

ลุยงานเหนื่อยขันเเข่ง        จนพ่อ ตรากตรำ

 

เพียงเเต่วิงวอนง้อ            พ่อพ้นปลอดภัย.......

 

guest

Post : 2012-12-03 20:57:57.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  เธอผู้กล้า

 

 

ประธานาธิบดีโอบามา”จัดพิธีรำลึก “โรซา พาร์คส์” วีรสตรีผู้ปลดแอกชนชั้นของชาวผิวสี                                                                                                                                                               

วันนี้ (1 ธ.ค.) ตามเวลาในประเทศสหรัฐฯ ถือเป็นวันครบรอบ 57 ปีที่ นางโรซา พาร์คส์ (Rosa Parks) ปฏิเสธที่จะลุกให้คนผิวขาวนั่งบนรถเมล์ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาจึงจัดพิธีรำลึกถึงโดยขึ้นไปนั่งบนรถเมล์เลียนแบบนางพาร์คส์จากเหตุการณ์ “การคว่ำบาตรรถประจำทางมอนต์โกเมอรี” (Montgomery Bus Boycott)

 

 


สังคมอเมริกันในอดีตคนผิวสีไม่ส
มารถใช้สถานที่สาธารณะ รวมถึงระบบบริการสาธารณะร่วมกับคนอเมริกันผิวขาวได้ ตามกฎหมายกีดกันคนผิวดำ คนผิวสีไม่สามารถโดยสารรถประจำทาง และนั่งบริเวณด้านหน้าของรถได้ แต่นั่งได้เฉพาะที่นั่งด้านหลังเท่านั้น และเมื่อมีผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก คนผิวสีต้องลุกยืนให้คนอเมริกันนั่งแทน

 

 

 

 


คนแอฟริกันต้องอดทนอดกับสภาพที่เกิดขึ้น จนกระทั่งในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2498 นางพาร์คส์ แกนนำของสมาคมเพื่อการพัฒนาคนผิวสีแห่งสหรัฐฯ ได้ถูกคนขับรถประจำทางสั่งให้ให้เสียสละที่นั่งแก่คนอเมริกัน นางพาร์คส์ กลับปฏิเสธที่ลงจากรถโดยสารของชาวผิวขาวและยืนกรานว่าจะนั่งต่อไป เป็นเหตุให้เธอต้องถูกจับดำเนินคดี ก่อนจะได้รับการประกันตัวออกมา โดยใช้หลักทรัพย์ประกันตัวถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3,000 บาท)

 



ภายหลังนางพาร์คส์เข้าร่วมสมาคมพัฒนามอนต์โกเมอรี (Montgomery Improvement Association; MIA) ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนการต่อต้านการเลือกปฏิบัติในมลรัฐอลาบามา สมาคมนี้ ได้กล่าวสรรเสริญในความกล้าหาญของเธอ ทำให้การต่อต้านการเลือกปฏิบัติได้ขยายไปอย่างกว้างขวางในสังคมอเมริกัน นับเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการเพื่อสิทธิมนุษยชน (the civil rights movement) จนกระทั่งรัฐบาลท้องถิ่นต้องยกเลิกกฎหมายฉบับนี้
 

 


ประธานาธิบดี บุช ได้กล่าวสดุดีนางพาร์คส์ โดยกล่าวว่า เธอคือผู้จุดประกายกระบวนการเพื่อความเท่าเทียมกันและเสรีภาพของชาวอเมริกัน ผลจากวีรกรรมของเธอและกระบวนการต่อสู้ตลอดที่ผ่านมา ส่งผลให้สภาคองเกรสออกกฎหมายเพื่อแก้ไขการเลือกปฏิบัติระหว่างผิวสีรวมถึงสิทธิในการเลือกตั้งของคนผิวสีด้วย
 

 


นางพาร์คส์ เสียชีวิต เมื่ออายุ 92 ปี ถือเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกา และกลายเป็นหญิงผิวสีคนแรกที่ได้รับการจารึกนามไว้ใน “อนุสาวรีย์พลเมือง” (Statuary Hall) สำหรับผู้ทำคุณความดีให้แก่ชาติ และโลกจะจดจำการต่อสู้ของนางพาร์คส์ตลอดไป

 

บิดาผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา คือ เจมส์ เมดิสัน

รัฐธรรมนูญ เป็นบทกฎหมายสูงสุด ที่จัดระเบียบการปกครองประเทศ ซึ่งถ้ากฎหมายฉบับใดขัดกับหลักที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมแล้ว ก็เป็นอันต้องตกไป ไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้
และถ้าพูดถึงรัฐธรรมนูญที่เก่าแก่ฉบับหนึ่งของโลกแล้ว ต้องยกให้ "สหรัฐอเมริกา" นี่แหละ ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงกันบ่อยที่สุด

เพราะนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมากว่า 200 ปี ถึง ณ ปัจจุบันนี้ก็ยังใช้ฉบับเดิมอยู่ ไม่มีการก่อปฏิวัติรัฐประหารแล้วฉีกทิ้ง แตกต่างจากบางประเทศที่ใช้รัฐธรรมนูญฉบับแล้วฉบับเล่า เนื่องจากถูกปฏิวัติรัฐประหารแล้วก็ฉีกทิ้งกันอยู่ร่ำไป


โดยบุคคลผู้เปรียบเสมือนเป็น "บิดาแห่งรัฐธรรมนูญ" ของสหรัฐฯ นั้น เขายกให้กับรัฐบุรุษคนสำคัญของเมืองลุงแซมผู้หนึ่ง นั่นคือ..."เจมส์ เมดิสัน"


ผลงานสำคัญของเขานั้น ก็คือ เป็นผู้นำในการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเตรียมไว้ใช้ปกครองประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษ จึงทำให้เขาได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก


นอกจากนี้ นายเจมส์ เมดิสัน ที่ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 4 ของสหรัฐฯ ยังตระหนักถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพต่างๆ ของประชาชนทุกหมู่เหล่าด้วย ถึงขนาดที่ว่า รัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนนั้น จะต้องรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มประชาชนที่เป็นเสียงส่วนน้อยด้วย หากรัฐบาลใดไม่รับฟังก็สุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นทรราชย์ในที่สุด ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขาได้รับการยกย่องให้ "บิดาแห่งกฎหมายว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของสหรัฐฯ" อีกตำแหน่ง


สำหรับประวัติโดยสังเขปของเจมส์ เมดิสันนั้น เกิดเมื่อวัน 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2294 ที่รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐฯ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2379 สิริรวมอายุ 85 ปี

guest

Post : 2012-12-03 19:28:19.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  เเล้ววันนี้ก็มาถึง...

 

 

                             เเล้ววันนี้ก็มาถึง...

 

    

                               

 

 

 

 

....นึกเเล้วล่ะ วันนี้ ต้องมีเเน่

 

ที่พ่ายเเพ้ ปวดใจนัก รักผิดหวัง

 

ถูกเตือนเเล้ว กลับขัดขืน ฝืนไม่ฟัง

 

จนกระทั่ง เห็นกับตา ว่าไม่จริง

 

 

....บทเรียนรัก เล่มนี้ ที่ฉันพ่าย

 

ทั้งเจ็บอาย เเทบดิ้น สิ้นศักดิหญิง

 

อ่อนโลกนัก คิดว่าเขา รักเราจริง

 

เท้าเขี่ยทิ้ง เเหลกเหลวเเล้ว เเก้วหัวใจ....

 

guest

Post : 2012-12-02 22:23:07.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  มือถืองอได้

 

 

  โทรศัพท์มือถือ"งอได้" เรื่องจริงอิงวิทยาศาสตร์ พบกันปี 2013

 

 

 

จากข่าวมติชน

จะเป็นอย่างไร หากโทรศัพท์ของคุณ สามารถม้วนได้ ทำตกได้ หรือเผลอเหยียบได้ โดยไม่เกิดความเสียหายแม้แต่นิดเดียว ขณะที่นักวิจัยกำลังคิดค้นโทรศัพท์ต้นแบบ ท่ามกลางข่าวลือว่ามันอาจเผยโฉมให้เราได้เห็นภายในปีหน้านี้

 

 

 


ได้เกิดข่าวลือหนาหูว่าค่ายโทรศัพท์ต่างๆ กำลังซุ่มพัฒนา"โทรศัพท์งอได้"กันอย่างขะมักเขม่น ทั้งแอลจี ฟิลิปส์ ชาร์ป โซนี่ และโนเกีย ขณะที่มีรายงานแย้มออกมาว่า "ซัมซุง" ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออันดับหนึ่งของโลก อาจเป็นรายแรกที่เปิดตัวโทรศัพท์ชนิดนี้


ซัมซุงได้เริ่มพัฒนาสมาร์ทโฟน โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า flexible OLED (Organic Light Emitting Diode) และมั่นใจว่ามันจะเป็นโทรศัพท์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั่วโลก

 

 

 


โฆษกซัมซุงเผยว่า หน้าจอของโทรศัพท์รุ่นนี้ สามารถงอได้ ม้วนได้ และที่สำคัญ "ใช้ได้จริง" รวมถึงยังรับประกันความทนทานของวัสดุที่นำมาผลิต ซึ่งเป็นพลาสติกที่มีความบางกว่า เบากว่า และยืดหยุ่นกว่าเทคโนโลยีแอลซีดีที่ใช้ในปัจจุบัน


คอนเซ็ปต์การสร้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความยืดหยุ่น มีการริเริ่มตั้งแต่ในช่วงยุค 1960 เมื่อมีการสร้างแผงโซลาร์เซลล์ขึ้น เมื่อปี 2005 ฟิลิปส์ได้สาธิตการทำงานของหน้าจอต้นแบบที่สามารถม้วนได้ แต่ไม่ได้เป็นสิ่งโดดเด่นมากนัก กระทั่งปัจจุบันที่เทคโนโลยีดังกล่าวเริ่มกลับมาสู่กระแสอีกครั้ง

 

 

 


อุปกรณ์คินเดิลของอเมซอนรุ่นแรก ใช้หน้าจอที่ยืดหยุ่นได้ แต่ปัญหาเดียวของมันก็คืออุปกรณ์ต่างๆที่อยู่เบื้องหลังหน้าจอ จำเป็นต้องมีกลไกชิ้นส่วนสำหรับช่วยยึด และเช่นเดียวกับอุปกรณ์อี-รีดเดอร์อื่นๆที่ผลิตตามมา ซึ่งใช้นวัตกรรม "E Ink" (electrophoretic ink) ที่พัฒนาโดยบริษัท E Ink จากสหรัฐฯ ซึ่งจะมีหน้าจอขาว-ดำ และทำงานโดยการสะท้อนแสงธรรมชาติ แทนที่จะผลิตด้วยตนเอง ทำให้เกิดภาพคล้ายกับการอ่านหนังสือในกระดาษจริง


Sri Peruvemba ผู้บริหาร E Ink เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีเช่นนี้ราว 30 ล้านเครื่อง เครื่องที่เก่าที่สุดที่ยังใช้การได้ผลิตตั้งแต่ปี 2006 เขากล่าวว่า E Ink เหมาะกับโทรศัพท์ธรรมดา, นาฬิกาข้อมือ, สมาร์ทเครดิต การ์ด, ป้ายสัญลักษณ์ และอื่นๆ


ส่วนสาเหตุที่มันยังไม่ถูกนำมาพัฒนามาใช้ในโทรศัพท์มือถือแบบยืดหยุ่นก็เพราะมันมีต้นทุนค่อนข้างสูง เนื่องจากการผลิตอุปกรณ์ที่มีความยืดหยุ่นอย่างสมบูณณ์นั้น ทั้งส่วนระนาบฟรอนทัลและแบคฟรอนทัลจะต้องมีความยืดหยุ่นเสมอกัน เช่นเดียวกับแบตเตอรี ฝาเครื่อง รวมถึงหน้าจอสัมผัส และอุปกรณ์อื่นๆ

 

 

 


ด้านบริษัทแอลจี ดิสเพลย์จากเกาหลีใต้ ได้เริ่มผลิตอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีหน้าจอยืดหยุ่นได้แบบ E Ink บ้างแล้ว โดยโฆษกแอลจีเผยว่า เทคโนโลยีแบบนี้จะทำให้โทรศัพท์มีความทนทานเป็นพิเศษ เนื่องจากอุบัติเหตุจากการทำโทรศัพท์ตกเป็นเรื่องที่เกิดได้เสมอ รูปร่างที่บางและน้ำหนักที่เบาของมันจะก่อให้เกิดการพัฒนาการออกแบบโทรศัพท์ในอนาคต


ด้าน ศ.แอนเดรีย เฟอร์รารี จากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ กำลังพัฒนาหน้าจอยืดหยุ่นได้สำหรับอนาคต โดยใช้กราฟีน
ซึ่งมีการผลิตเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2004 โดยอังเดร เกอิม และคอนสแตนติน โนโวเซลอฟ สองนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์


ในแวดวงวิทยาศาสตร์ขนานนามกราฟีน ว่าเป็น "วัสดุมหัศจรรย์" หรืออัญรูป(allotrope) ที่เป็นรูปแบบหนึ่งของคาร์บอนเช่นเดียวกันกับเพชรและกราไฟต์ แต่ กราฟีนนั้นจะประกอบขึ้นด้วยอะตอมของคาร์บอนที่เกาะกันเป็นรูปหกเหลี่ยม ซึ่ง กาะอยู่บนระนาบเดียวกันไปเรื่อยๆ จนมีลักษณะเป็นแผ่นที่มีความกว้างและความ ยาวคล้ายกับแผงลวดตาข่ายที่ใช้ทำกรงสัตว์ ซึ่งถึงแม้ว่ากราฟีนจะมีความแกร่งกว่าเพชรก็ตาม แต่มันก็สามรถม้วนหรือพับได้ด้วย


นักวิจัยเชื่อว่า ในอนาคตกราฟีนอาจนำมาใช้ทดแทนซิลิโคนได้ ที่อาจปฏิวัติวงการอิเล็กทรอนิกส์ครั้งใหญ่ในอนาคต

 

 

 


ศ.เฟอร์รารี เปิดเผยว่า เขาและคณะกำลังร่วมกันพัฒนาวัสดุทำหรับผลิตเป็นหน้าจอที่มีความโปร่งแสงและยืดยุ่นได้ ซึ่งสามารถนำไปผลิตเป็นโทรศัพท์ แทบเล็ต โทรทัศน์ และแผงโซลาร์เซลที่มีความยืดหยุ่นได้ โดยปัจจุบันเขาทำงานร่วมกับโนเกีย อดีตเบอร์หนึ่งผู้ผลิตมือถือของโลกเพื่อผลิตวัสดุต้นแบบ และเสริมว่า ซัมซุงมีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีด้านนี้มาก


เขากล่าวว่า กราฟีนจะช่วยเสริมและสนับสนุนให้การทำงานของโทรศัพท์ยืดหยุ่นที่ใช้เทคโนโลยี OLED มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากในทางทฤษฎีแล้ว แม้แต่แบคเคอรีของโทรศัพท์รุ่นนี้ก็สามารถผลิตจากกราฟีนได้เช่นกัน

 

 

 

 

 

 

เผยโรคร้ายหลายชนิดจ่อคิวรุมเร้า พวกช่างจ้อโทรศัพท์มือถือ

(บทความจากบอร์ดเย็นตาโฟ)...

โทรศัพท์มือถือ กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของคนยุคโลกาภิวัตน์ ที่จะขาดเสียมิได้ เพียงแต่ว่าอวัยวะส่วนนี้ โดยมากจะเริ่มงอกเงยขึ้นมาในช่วงที่เป็น “วัยรุ่น” แต่ก็มีบ้างบางคนที่มี “มือถือ” ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก เพราะพ่อแม่มีวิตามินเอ็ม (Money) ที่จะเสริมให้แต่เยาว์วัย ข้อดีของโทรศัพท์มือถือ มีอยู่ไม่น้อย อาทิ ทำให้เราสามารถสื่อสารถึงกัน และกันได้ตลอดเวลา และแทบทุกสถานที่ (ที่สัญญาณไปถึง) ทำให้เราตามหาเพื่อนเจอในศูนย์การค้า หรือโทรเรียกช่าง /บริษัทประกันมาได้ทันท่วงที เมื่อรถเสีย รถชนบนทางด่วน หรือในบางสถานที่ที่ไม่มีโทรศัพท์สาธารณะ ฯลฯ

อย่างไรก็ดี สิ่งใดมีคุณอนันต์ สิ่งนั้นก็มักมีโทษมหันต์ด้วย หากผู้ใช้ นำไปใช้ในทางที่ผิด หรือใช้ไม่เป็น โทรศัพท์มือถือก็เช่นเดียวกัน โทษของโทรศัพท์มือถือ ได้ก่อให้เกิดโรคใหม่ๆ หลายประการ ดังที่กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะได้ลองนำเสนอมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านเล่นๆ ดู ดังนี้

 

1. โรคเห่อตามแฟชั่น
ในสมัยก่อน การจะมีโทรศัพท์สักเครื่องเป็นเรื่องที่ขอยากขอเย็น กว่าจะขอคู่สายมาติดตั้งที่บ้านได้บางทีต้องรอเป็นปีๆ ดังนั้น ผู้มีโทรศัพท์ใช้แรกๆ จึงมักเป็นพวกที่ทำธุรกิจ หรือพวกมีเงิน มีเส้นสาย ส่วนคนทั่วไปจะใช้หรือจะขอมีโทรศัพท์มักจะต้องมีงาน มีเรื่องจำเป็นหรือเร่งด่วนจริงๆ จนเมื่อมือถือได้กำเนิดขึ้นมาในระยะแรกๆ ผู้ใช้ก็ยังเป็นกลุ่มเดิมๆ อยู่ โดยเฉพาะนักธุรกิจที่จำเป็นต้องติดต่องาน ต่อมาเมื่อธุรกิจมือถือ ได้กลายเป็นแหล่งทำเงิน ให้แก่ผู้ประกอบการอย่างมหาศาล การแข่งขันจึงมีมากขึ้น ก่อให้เกิดการขยายตัว จากผู้ซื้อกลุ่มนักธุรกิจ และผู้มีอันจะกินทั้งหลาย ไปสู่ตลาดคนชั้นกลาง คนวัยทำงาน แม่ค้า ประชาชน และกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้น และนี่เองจึงเป็นเหตุให้มีการพัฒนาเทคนิค และออกแบบมือถือเป็นแฟชั่นรุ่นใหม่ๆ มาดึงดูดใจลูกค้าตลอดเวลา และทำให้หลายๆ คนโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ผู้ทำงานด้านเทคโนโลยี เศรษฐี ตลอดจนนักธุรกิจระดับต่างๆ นิยมเปลี่ยนมือถือไปตามแฟชั่นเพื่อให้อินเทรนด์ ดูทันสมัย ไม่ตกรุ่น เทียมหน้าเทียมตาเพื่อนฝูง และบ้างก็เปลี่ยนเพื่อให้ดูเป็นคนมีระดับ มีฐานะ ทั้งที่ฟั่งชั่นหรือประโยชน์ที่เสริมขึ้นมาของแต่ละแบบ บางคนแทบจะไม่ได้ใช้เพิ่มเติม จากเดิมเลยก็ตาม ดังนั้น มือถือจึงได้กลายเป็นเครื่องประดับ ที่บ่งบอกสถานภาพคุณน้องกทางหนึ่ง

 

2. โรคทรัพย์จาง
จากการเห่อตามแฟชั่น อย่างที่กล่าวข้างต้น ทำให้หลายคนต้องหาเงินเพิ่ม เพื่อหาซื้อมือถือรุ่นใหม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากมีเงิน หรือหาเงินได้คล่อง ก็ยังไม่เดือดร้อนเท่าไร แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เงินไม่ดี แต่มีรสนิยมดีเกินฐานะ จึงเกิดสภาวะทรัพย์จาง ต้องหาดิ้นรนหาเงินเพิ่ม หรือไปเรา้หนี้ยืมสินมาซื้อมือถือ ที่ตัวอยากได้ ซึ่งโรคเห่อตามแฟชั่นส่วนใหญ่มั กจะเกิดกับเด็กวัยรุ่น วัยเรียน แล้วมีผลข้างเคียง ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองเกิดโรคทรัพย์จางตามมา เพราะต้องหาเงินไปซื้อหาให้ลูก กลัวลูกน้อยหน้าเพื่อน หรือสงสารลูก หรือทนลูกออดอ้อนวอนขอไม่ได้ นอกจากแฟชั่นรุ่นใหม่ๆ จะทำให้เกิดโรคทรัพย์จางแล้ว ความถี่ของการใช้มือถือ ที่แสนจะสะดวกสบาย ที่ไหนก็ได้ เมื่อไรก็ได้ ยังทำให้หลายๆ คน โดยเฉพาะคนเป็นพ่อแม่ มีบัญชีรายจ่ายในเรื่องนี้เดือนๆ หนึ่งจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งคนไหนที่กำลังมี หรือกำลังติด “กิ๊ก” จำนวนการใช้ก็ยิ่งมีมากขึ้น แม้จะมีโปรโมชั่นลดแลก แจกแถมต่างๆ มากมายก็ตาม หากไม่รู้จักควบคุมการใช้ให้ดี แนวโน้มที่จะเกิดโรคนี้ก็มีสูงขึ้น

3. โรคขาดความอดทน และใจร้อน
แม้ว่าข้อดีของ
โทรศัพท์มือถือ จะทำให้เราสื่อสารได้รวดเร็วทันใจ แต่ข้อนี้ก็เป็นข้อเสียที่ทำให้คนเราขาดความอดทน และใจร้อนขึ้นเช่นกัน เพราะความสะดวกสบาย ในการใช้โทรศัพท์มือถือ ที่ว่าตรงไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ กดปุ๊บ ติดปั๊บนี่เอง ทำให้หลายๆ คนกลายเป็นคนที่ทนรอใครรนานไม่ได้ หรือไม่ยอมทนแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ คุณน้องกต่อไป เช่น นัดเพื่อนไว้ และเพื่อนมาช้าแค่ 5 นาที ก็ต้องโทรตามจิกตามล่าแล้ว คิดอะไรไม่ออก แทนที่จะค่อยๆ ใช้สมองครุ่นคิดทบทวนเอง ก็จะรีบโทรเพื่อน หาคนถามทันที หากไม่ติด ไม่เจอ ก็จะกดโทรอยู่นั่น เพราะต้องการติดต่อให้ได้เดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนั้น ทำให้กลายเป็นคนเร่งรีบ ร้อนรน และไม่รอบคอบ เพราะไม่ทันได้ใช้ความคิด หรือขี้เกียจใช้ความคิดคุณน้องกต่อไป

 

4. โรคขาดกาลเทศะ และมารยาท
จากการที่เราไม่ค่อยอดทนรอ และใจร้อนที่ว่านี่เอง ทำให้หลายๆ ครั้ง เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็จะกดโทรศัพท์ไปหาบุคคลที่เราอยากจะพูด อยากถามในทันที ซึ่งบางครั้ง อาจจะเป็นเวลาประชุม เวลานอน เวลารับประทานอาหาร เวลาพักผ่อน หรือเป็นวันหยุด วันที่เขากำลังใช้เวลาอยู่กับครอบครัว การโทรไปเช่นนั้น โดยไม่ดูเวลาหรือกาลเทศะที่ควรโทร แม้เขาจะบอกว่าไปเป็นไร แต่จริงๆ แล้วเขาก็อาจจะไม่พอใจ หรือโกรธที่เราไปขัดจังหวะการกิน การนอน การพักผ่อน ฯลฯ ของเขาอยู่ก็ได้

และที่เป็นสภาวการณ์ในปัจจุบันคือ การใช้มือถือโดยไม่เลือกเวลา และสถานที่ เช่น ในห้องประชุม โรงหนัง โรงมหรสพ บนรถ/เรือโดยสาร หรือในระหว่างพิธีการต่างๆ เป็นต้น เสียงโทรศัพท์มือถือมักจะดังขึ้น ทำให้รบกวนสมาธิของผู้อื่น แถมบางคนก็คุยเสียงดัง แบบไม่เกรงใจใครร จนคนร่วมทางต้องรับรู้ประวัติ การนัดหมาย หรือความคับข้องใจของผู้พูดขณะระบายความในใจไปด้วย บางคนพูดๆ แล้ว ลืมตัวว่าอยู่ในที่สาธารณะ ก็มักใช้ภาษาไม่สุภาพ หรือพูดๆ แล้วเกิดอารมณ์โกรธ ก็ด่าว่าคุณน้องกฝ่ายทางโทรศัพท์ ซึ่งโดยมารยาททางสังคมนั้น ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ควรจะปิดมือถือ หรือเปลี่ยนระบบเป็นแบบสั่น เมื่ออยู่ในสถานที่ประชุม โรงหนัง ฯลฯ และไม่ควรพูดคุยด้วยเสียงอันดัง และไม่สุภาพเมื่อมีผู้อื่นอยู่ด้วย

5. โรคขาดมนุษยสัมพันธ์
แม้ว่าโทรศัพท์มือถือ จะเป็นเครื่องมือสื่อสาร ที่ทำให้เราติดต่อกับคนได้มากมายได้ทั่วโลก แต่คนส่วนใหญ่ จะใช้มือถือพูดคุยกับญาติสนิท มิตรสหายที่ใกล้ชิด ทำให้ขาดความใส่ใจ ที่จะสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น ตัวอย่างเช่น เมื่อไปงานเลี้ยงสังสรรค์ แทนที่เราจะไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ ในงาน สร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้น หลายคนกลับหลบมุมโทรไปคุยกับเพื่อน หรือวัยรุ่นอยู่บ้าน แทนที่จะพูดคุยกับพ่อแม่ผู้ปกครอง หรือทำกิจกรรม กินข้าวปลาอาหารร่วมกับญาติพี่น้อง ก็มักรีบกินรีบหนีขึ้นห้องโทรไปหาเพื่อน และใช้เวลาพูดคุยกันเป็นชั่วโมงๆ พอนานๆ ไปความสัมพันธ์ในบ้านก็ห่างเหิน ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างใช้โทรศัพท์โทรหาเพื่อน หรือติดต่อธุรกิจของตน โดยไม่สนใจผู้อื่นคุณน้องกต่อไป หากวันไหนไม่ได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อน ก็อาจจะเกิดอาการเฉา หรือเหงาหงอย โดยไม่คิดจะมีมนุษยสัมพันธ์ กับเพื่อนคนอื่นหรือคนที่อยู่รอบข้าง กลายเป็นคนแยกตัวออกจากสังคม มีโลกของตัวเองต่างหาก และเป็นโรคติดโทรศัพท์ในที่สุด

 

6.โรคไม่จริงใจ
เนื่องจากการพูดคุยทางโทรศัพท์ ไม่ต้องเห็นหน้าตา ท่าทาง สายตาและปฏิสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ทำให้หลายคน สามารถใช้คำหวานหลอกลวง หรือพูดโกหกผู้อื่น หรือนิยมส่ง sms ไปยังคุณน้องกฝ่าย ทำเสมือนรักใครร่ ผูกพันหรือห่วงใย แต่ใจจริงมิได้คิดเช่นนั้น โดยอาจจะโทรไปหาคนหนึ่ง แต่ตัวไปกับคุณน้องกคน บางคนอาจจะคิดว่าโทรมา หรือ sms มาดีกว่าไม่มีอะไรเสียเลย แต่แท้จริงแล้ว การไม่จริงใจ และไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน อาจกลายเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องอื่นๆ ตามมาได้ เช่น เราอาจคิดว่าเขาดีกับเรา พอเขายืมเงิน ก็ให้ไป แล้วเขาก็ไม่คืน เราก็เกิดความเดือดร้อน เป็นต้น

 

นอกจากโรคดังกล่าวข้างต้นแล้ว โทรศัพท์มือถือ ยังมีผลข้างเคียงทำให้เสียสุขภาพในด้านอื่นๆ คุณน้องก เช่น ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น เพราะมัวแต่คุยทั้งวันทั้งคืน เลยนอนดึก นอนไม่พอ ทำให้หูตึง หรือมีโรคเกี่ยวกับหู เกิดอาการปวดหัว ไมเกรนหรือมีปัญหาทางเส้นประสาท เพราะคลื่นจากมือถือที่มีกำลังส่งแรงสูง ทำให้เกิดพวกโรคจิตเพิ่มขึ้น คือพวกที่ชอบแอบถ่าย หรือบางคนก็ถ่ายภาพหวิว ของตัวเองไปลงตามอินเตอร์เน็ต เพราะทำได้ง่าย และสะดวกสบายขึ้น หลายๆ ครั้งมือถือทำให้ขาดความระมัดระวัง ขับไปพูดไป จนทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน หรือชนคนอื่น นอกจากนี้ มือถือยังก่อให้เกิดอาชญากรรม ถูกคนร้ายติดตามมาทำร้ายร่างกาย หรือแย่งชิงทรัพย์ได้ง่ายคุณน้องกด้วย สิ่งเหล่านี้ คือโรคร่วมสมัยที่มาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ ที่เราควรตระหนักและรู้จักฉลาดใช้ “โทรศัพท์มือถือ” ให้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อตัวเราทั้งด้านส่วนตัว การเรียน และหน้าที่การงาน ให้สมกับที่เป็นคนยุคใหม่ ..

 

 

           

                 ตํานาน12ราศี.....

 

1.Capricornus

หรือ ราศีมังกร ชาวกรีกโบราณหรือชนชาติแถบ

ยุโรปมีความเชื่อว่า มังกรเป็นสัตว์ในเทพนิยายซึ่งเดิมมีรูปร่างเป็น

แพะ แต่ต่อมาได้กลายร่างโดยมีส่วนบนเป็นแพะ หาง เป็นปลา จึงมี

ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แพะทะเล

ในเทพนิยายกรีกมีเรื่องเกี่ยวกับราศีนี้ก็คือ เทพบดีซูสมอบหน้าที่ให้

แกนิมีด ผู้ถือแก้วน้ำของเหล่าเทพเจ้าเป็นผู้ส่งน้ำไปยังโลก โดยเอียง

แก้วให้น้ำไหลอย่างไม่ขาดสาย กลายเป็นแม่น้ำหลายสายบนโลก รวม

ทั้งแม่น้ำไนล์ ซึ่งเป็นสถานที่รื่นรมย์ของเทพเจ้าแพน ผู้มีร่างเป็นแพะ

และชอบเป่าขลุ่ย วันหนึ่งงู ยักษ์ไทฟอนจะเข้ามาทำร้าย เทพเจ้าแพน

เขาจึงกระโดหนีลงน้ำ แต่ว่ายน้ำไม่เร็วเพราะกีบแพะเล็กนิดเดียว ดัง

นั้นไท้เทพซูสจึงช่วย แปลงร่างของเทพแพนให้เป็นหางปลา และ

เรียกสัตว์ชนิดใหม่นี้ว่า แพะทะเล หรือ มังกร

 

 

 

 

 

 

 

  “ก่อแก้ว”ตะโกนลั่นคุก ไม่ขอโทษตุลาการศาลรธน.

 

 

(ข่าวจาก นสพ.เดลินิวส์)

 

 

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่เรือนจำหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ควบคุมตัวนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือนปช. ซึ่งตกเป็นจำเลยคดีก่อการร้าย ที่ถูกศาลอาญาเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวานที่ผ่านมา มาคุมขังที่บริเวณชั้น 3 ของอาคาร โดยบรรยากาศช่วงเช้าวันนี้บริเวณด้านหน้าเรือนจำเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่พบว่ามีมวลชนคนเสื้อเเดงหรือญาติของนายก่อแก้ว จะมาเข้าเยี่ยมแต่อย่างใด เนื่องจากในวันนี้ทางเรือนจำได้ปิดทำการจึงไม่ อนุญาตให้บุคคลใดเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาได้ ส่วนมาตรการการเข้าเยี่ยมผู้ต้องหานั้นทางเจ้าหน้าที่เรือนจำระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ชุมนุม ญาติ หรือทนาย ก็ต้อง เป็นไปตามระเบียบของเรือนจำ คือห้ามเยี่ยมในวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ โดยสามารถเข้าเยี่ยมได้ในวันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่ 09.00 น. เป็นต้นไปจนหมดเวลาราชการ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่นายก่อแก้ว ซึ่งถูกคุมขังอยู่บนชั้น 3 ของเรือนจำหลักสี่นั้น ได้โบกมือทักทายผู้สื่อข่าวด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวโดยตะโกนผ่านช่องหน้าต่างจากชั้น 3 ของอาคารว่าโดยระบุว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตนนอนหลับสบายดี ไม่รู้สึกเครียดหรือกังวลแต่อย่างใด และอยู่ในเรือนจำก็ไม่ได้ลำบาก เนื่องจากนักโทษที่คุมขังอยู่ที่นี่คอยช่วยเหลือดูแลตน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าจะไม่ขอโทษตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความจำเป็น เพราะเชื่อว่าตนเองบริสุทธิ์ ส่วนเรื่องการขอยื่นประกันตัวหรือไม่นั้น ตนยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดโดยจะขอปรึกษากับทีมทนายความก่อน พร้อมขอฝากไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ไม่ต้องเสียใจที่ตนเองถูกจำคุก และขอให้อดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

ประเทศนี้แปลก เพราะ การด่า สำหรับประเทศนี้เป็นสิ่งต้องห้าม ! ห้ามด่า ไม่ว่าจะด่าใครๆ....ใครด่าเป็นต้องถูกจับติดคุกกันหมด

 

อยากรู้ว่า ท่าน สส ท่านไหนไม่รู้ ที่ไปยิงคนตายในปั๊มน้ำมัน เวลานี้ปิดสมัยประชุมแล้ว...วันนี้ได้เหยียบประตูเรือนจำหรือยัง???...พิลึก....เฮ้ออออออ........"

"สร้างภาพครับ แน่จริงอย่าให้อภิสิทธิ์ตำแหน่ง สส. ออกจากคุกตอนเปิดสภาก็เเล้วกัน วันที่ 20 ธค.ก็เปิดสมัยประชุมสภาก็พ้นคุกแล้ว เก่งจริงอย่าใช้อภิสืทธิ์ สส.สิ.....ถ้าแน่จริง

guest

Post : 2012-12-02 21:58:20.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  จะตัดจริงเหรอ?...

 

 

                                                        จะตัดจริงเหรอ?...

 

 

                                         

 

 

 

....เอ่อขอโทษ นะครับ จับไม่ถึง

 

มันรั้งตึง กลัวจะเเตก เเยกสลาย

 

เป็นห่วงว่า ผ้าที่ตัด รัดอกตาย

 

เต๊นท์ห่อควาย ของก็หมด อดให้ดู

 

 

 

....ถ้าอย่างนี้ หาสุ่มไก่ ใส่ดีกว่า

 

ที่จะมา เเสวงหา ผ้าสวยหรู

 

สุ่มไก่ครอบ ตรงคอ ก็เจาะรู

 

ผมว่าดู มีเสน่ห์ เท่ห์บรรลัย....

guest

Post : 2012-12-01 21:56:52.0     Forum: ข้อคิด-คำคม  >  เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอ...

 

 

                          เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอ...

 

 

 

                        

 

 

 

....กลับไปบ้าน ของเจ้า เข้าใจหน่อย

 

ไม่ใช่คอย ตามเเบบนี้ มีที่ไหน?

 

เจ้าเด็กดื้อ ชอบทำตื้อ เอาเเต่ใจ

 

รีบกลับไป เดี๋ยวเเม่ถาม ตามไม่เจอ

 

 

....เล่นทั้งวัน เหนื่อยนัก ขอพักหน่อย

 

พรุ่งนี้ค่อย จะรีบมา ถ้าไม่เผลอ

 

เห็นจะต้อง กลับเเล้ว เเก้วเพื่อนเกลอ

 

ทำซึมเซ่อ ท่าผิดหวัง นั่งเดียวดาย....

 

 

처음 이전 ... 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 다음 끝

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>