Support
Arjan Pong
035 323239, 035 323240, 089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2017-09-27 14:30:31.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  18.มนต์สมิงพราย

 18.มนต์สมิงพราย!!..

www.arjanpong.com

"มึงยังเจ็บอยู่ ยังไม่ต้องไป เดี๋ยวกูไปเอง!!.."

กล่าวจบ ไอ้ทุ้ยก็ค่อยๆยันตัวลุกขึ้น พร้อมกับกระชับ"ดาบหน้าบัว"อันเป็นอาวุธประจำกาย ที่มันทำขึ้นมาด้วยต้วของมันเอง จากด้ามไม้คูณตายพราย ถักเชือกแบบลายตะกรุต โอบรัดมัดตรึงกับเหล็กน้ำพี้ ที่รมเขียวเเละชุบเเข็ง เเสดงให้เห็นถึงฝีไม้ลายมือของช่างตีดาบจากบ้านระเเหง ว่าสุดยอดในเเผ่นดินสักเพียงใด!!

ไอ้ทุ้ยค่อยๆย่องหมอบต่ำไปที่กองไฟอยู่ตรงปลายตีนของคนทั้งสอง ซึ่งขณะนี้ไฟกินฟืนจนเกือบจะมอดมืดมิดไปหมดเเลัว มันค่อยๆเขี่ยขี้เถ้าตรงกลางออก โดยที่สายตาของมัน ก็ยังคงจับจ้องมองเข้าไปยังในป่าทึบ สลับกับการเหลือบมองมือที่กำลังใช้เศษไม้ เขี่ยกองไฟเเล้วก็ใส่เศษฟืนกำใหม่เข้าไป พร้อมกับเป่า พรวดๆอยู่ตลอดเวลา

การเดินทัพหรือการรอนเเรมอยู่ในป่านั้น สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะขาดเสียมิได้ นั่นก็คือการ"ก่อกองไฟ" ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะสามารถให้ทั้งแสงสว่าง ความอบอุ่น หรือใช้หุงต้มอาหารได้เป็นอย่างดี ซึ่งการทำเช่นนั้นจะต้องมีความรู้เเละประสบการณ์การก่อกองไฟ อันเป็นสิ่งที่พรานป่า หรือนักเดินทัพต้องมีติดตัว...

ประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่นในการเลือกฟืนมาก่อไฟ ของบรรพบุรุษที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาบ้านป่า มายังลูกหลาน จากปากต่อปาก โดยมิได้จารจารึกเอาไว้เป็นตำราของเเผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็น

- เลือกกิ่งไม้เล็กๆ แห้งๆ หรือไม้ที่แห้งคาต้น เพราะจะติดไฟได้ง่าย
- หากเป็นไม้ท่อนใหญ่ ก็ผ่าออกเป็นซีก ซึ่งการผ่าออกเป็นซีกนั้น จะทำให้ติดไฟได้ง่ายขึ้น
- หากไม้เปียก ผ่าออกแล้วนำไปตากแดด เพื่อที่จะแห้งได้ไวและติดไฟง่ายขึ้น
- การเลือกพื้นที่ ต้องเป็นบริเวณที่โล่ง แห้ง ห่างจากต้นไม้ เเละเก็บกวาดหญ้าแห้งรอบๆ เพื่อป้องกันการลุกลามของไฟ
- นำฟืนมากองสุมเป็นรูปกระโจม
- จุดไฟแหย่เข้าไปตรงช่องกระโจม
- เมื่อไฟติดดีแล้วจึงใส่กิ่งไม้ที่ใหญ่ขึ้น

หรือจะเอาฟืนมาก่อเป็นแบบเชิงตะกอนก็ได้ โดยการนำท่อนฟืนใหญ่มากองเรียงกันเป็นชั้นๆ ส่วนฟืนท่อนเล็กๆ จะอยู่ข้างล่าง การก่อกองไฟแบบนี้จะให้ความร้อนมากและให้แสงสว่างดี

หรือจะก่อกองไฟแบบไฟดาวก็ได้ โดยการนำท่อนไม้มาวางเรียงซ้อนกัน ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายซี่ล้อของเกวียน การก่อกองไฟแบบนี้จะทำให้ไฟมีเปลวเพื่อให้แสงสว่างและความอบอุ่นมากที่สุด.....

ไอ้มาดก็ได้เเต่นอนตะเเคงยิ้ม กับภาพที่มันกำลังเห็นอยู่นั้น ไอ้ทุ้ยมันก็พยายามเป่าไปสลับเหลือบมองไปอยู่ตลอดเวลา เหมือนประหนึ่งว่า มันกำลังกลัวอะไร?!!..

"พี่มาด!!.."

เสียงกระซิบเบาๆที่เเว่วหวิวลอยปลิวมาจากข้างหลัง ทำให้ชายหนุ่มจากคลองข้าวเม่า สะดุ้งโหยงสุดตัว!! ไม่มีทางเลยที่ในชีวิตนี้ของมัน จะลืมเสียงนี้ไปได้!! มันรีบหันขวับมายังต้นเสียงที่อยู่ทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เมื่อสายตาเริ่มปรับสภาพกับความมืดมิดที่อยู่ตรงหน้านั้นได้ ห้วใจของมันที่เต้นเเรงอยู่เเล้ว ก็เเทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ!!..

ภาพที่เห็นลางๆอยู่ตรงหน้าของมันไม่ถึง 10 วา อยู่ในขณะนี้นั้น คือภาพเมียรักที่กำลังกวักมือเเละส่งยิ้มมาให้

"อีโพ!! มึงมาได้ไง?!!.."

เสียงถามเบาๆด้วยความลิงโลดใจของชายหนุ่ม ที่นึกไม่ถึงว่าเมียรัก จะติดตามเขามาด้วยความรวดเร็วขนาดนี้ ไอ้มาดพยายามค่อยๆประคองตัวยันกายลุกขึ้น เเล้วจึงเดินเข้าไปหา หวังจะสวมกอดเมียรัก เเล้วตวัดโอบกอดเอาไว้ เพื่อจะให้ร่างนั้นอยู่ในอ้อมเเขนให้นานเเสนนานที่สุด ให้สมกับความคิดถึงเเละเป็นห่วง โดยที่มันเดินเข้าไปหาเมียรักด้วยตัวเปล่า ลืมเเม้กระทั่งดาบคู่ที่เป็นอาวุธประจำกายที่ติดตัวมันอยู่ตลอดเวลาไปเสียสนิท!!

"เฟี้ยวววววววว..."
"ฉึกกกก!!.."
"กริ๊ดดดดด!!........"

เสียงลูกธนูขนาดใหญ่ ได้หวีดหวิวเเหวกอากาศ พุ่งเข้าหาเป้าหมายกึ่งกลางหน้าผากได้อย่างเเม่นยำ ไอ้มาดตกตะลึงอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า เมียรักโดนลูกธนูเต็มๆก่อนที่จะกรีดร้องเเล้วหันหลังวิ่งเข้าไปในป่าทึบ ก่อนที่จะหายต้วไปในความมืดอย่างรวดเร็ว!!...

ชายหนุ่มหันควับกลับมาด้วยความโกรธอย่างถึงที่สุด!! ก่อนที่จะตะโกนถามขึ้นอย่างสุดเสียง..

"ใครยิงเมียกู๊?!!......"

 

 

guest

Post : 2017-09-27 14:27:19.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  17.อาถรรพ์ป่าทึบ

 *** ตำนานนักรบกรุงศรี!!..***
17.อาถรรพ์ป่าทึบ!!...
www.arjanpong.com
"อีโพ!!...."
เสียงสะดุ้งตื่นตกใจของไอ้มาด ที่ทะลี่งลุกพรวดขึ้นมานั่งในยามดึก พร้อมเหงื่อกาฬเเตกไหลเปียกชุ่มไปทั้งตัว


"เป็นห่า!! อะไรอีกเเล้วล่ะมึง?!!..ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันเลยล่ะคืนนี้..ไอ้เปรต!!..."


เสียงบ่นพึมพัมของหนุ่มใหญ่วัยไม่ห่างกันนักกับไอ้มาด ที่นอนขดตัวหันหลังชนกันอยู่บนใบตองใหญ่ ที่ไอ้มาดเองก็ไม่รู้เลยว่าใครตัดใบตอง 3 ใบ นี้มาจากต้นกล้วย เเล้วเอามาปูให้มันนอน??..
เเผลที่ระบมมาจากเมื่อวาน ตอนนี้ค่อยทุเลาลงมากเเล้ว มันค่อยๆเเกะตอกไผ่ตง ที่เเตะยางจากเถาของ"เพชรฉลูกัน"จนเปียกชุ่ม เเล้วมัดด้วยตอกไผ่ตงจนเเน่นหนา ด้วยฝีมือของ"นังโพ"เมียรัก ออกมาอย่างช้าๆ เเผลที่ถูกฟันตรงไหล่ซ้าย บัดนี้ไม่เหลือหนองพอที่จะอักเสบอีกต่อไปเเล้ว อีกอย่างที่มันได้พักผ่อนนอนไม่ปวดเเผล ก็เพราะฤทธิ์เดชของเจ้าใบตอง 3 ใบ นี้เเหละ ที่มันระงับยับยั้งอาการปวดเเสบ ปวดร้อน ระบมด้วยพิษบาดเเผลตามร่างกาย ได้อย่างน่ามหัศจรรย์!!.


ภาพในภวังค์ครึ่งหลับครึ่งตื่นเมื่อสักครู่ เป็นภาพของเมียรักที่มายืนยิ้มอยู่ไม่ไกลจากกองไฟที่จุดเอาไว้ เพื่อป้องกันภยันอันตรายจากสัตว์ร้ายในยามค่ำคืน ที่บัดนี้ได้มอดไหม้จวนใกล้จะหมดสิ้นเเล้ว ภาพนั้นมันชัดเสียเหลือเกิน ชัดเสียจนกระทั่งเเทบจะได้ยินเสียงลมหายใจซึ่งกันเเละกัน ไอ้มาดพยายามจะตะโกนร้องเรียกเมียรัก เเต่ดูเหมือนว่าเธอก็ยิ่งห่างออกไปๆ....


"เอ้าาา!! รีบเเดกเเล้วก็รีบนอนซะ!!..คุณพระบอกอีกชั่วอึดใจข้าวสุก พวกเราก็จะเดินทางกันต่อ เลิกพิลี้พิไลหาเเม่หาเมียมึงได้เเล้ว!!..."
ไอ้มาดหันขวับกลับมามองทันที!! อารมณ์เดือดปุดๆพร้อมกับมือขวาเอื้อมไปจับดาบเอามากุมไว้มั่น...


"เออออ..เมื่อมึงฟันกูเเล้ว หากไม่ตาย ก็ช่วยไปหาใบตองใหญ่ๆมาปูให้กูนอนที ไม่งั้นกูระบมเเย่!!...."
หนุ่มใหญ่ที่พูดไม่เข้าหูคนนั้น ยังคงนอนขดตัวหันหลังอยู่บนเศษผ้าเก่าๆไม่เกินวา พร้อมทั้งยื่นห่อเล็กๆมาให้ โดยที่ชายขวานผ่าซากผู้นั้น ยังคงนอนหันหลังให้อย่างไม่รู้สึกรู้สา...
ไอ้มาดค่อยๆวางดาบลงช้าๆอย่างเงียบกริบ เเล้วก็เอื้อมมือไปหยิบเอาห่อ"ไถ้"เล็กๆไว้สำหรับคาดเอว สีดำๆหม่นๆ ที่หนุ่มใหญ่คนนั้นได้ยื่นมาให้ ข้างในนั้นก็ยังพอมี ข้าวตากเเห้ง กับปลาช่อนรมควัน ครึ่งตัวเหลืออยู่ก้นถุง ไอ้มาดเเอบยิ้มเล็กๆที่มุมปาก


"มึงให้กู เเล้วมึงจะกินอะไร??..."
ไอ้มาดคิดในใจ เเล้วก็ส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆ เออเนอะ!! คนไม่เคยรู้หัวนอนปลายตีนกันมาก่อน ยังมีน้ำจิตน้ำใจให้กันถึงขนาดนี้ ภาพของเมียรักที่มันจำติดตาเมื่อเวลาที่เเม่นางจะทำปลาช่อนรมควันให้กิน ขั้นต้นต้องทำความสะอาดปลาให้สะอาดเสียก่อน โดยเอาไส้และพุงออกให้หมด ล้างให้สะอาด แล้ววางปลาบนตะแกรงไม้ไผ่เหนือกองไฟที่มีควัน


เชื้อเพลิงที่ใช้เพื่อทำให้เกิดควัน ก็จะเป็นพวก กาบมะพร้าว ชานอ้อย ขี้เลื่อย โดยทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างช้าๆ และมีควันออกมา เเล้วเเม่นางจะครอบเตาด้วยภาชนะที่สามารถเก็บควันให้รมปลาอยู่ภายใน ใช้ถ่านหรือฟืนเป็นตัวที่ทำให้เกิดความร้อนในการย่าง หมั่นกลับปลาบ่อยๆ ควันจะจับที่ตัวปลา แล้วยังจับที่ผิวของปลา ทำให้มีสีน้ำตาลอมเหลือง และทำให้ปลามีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ชวนกินยิ่งนัก ปลาที่นิยมทำเป็นปลารมควัน ได้แก่ ปลาเนื้ออ่อน ปลาช่อน เเล้วเธอก็เก็บโดยแขวนผึ่งลม และมีอากาศถ่ายเท จะสามารถเก็บไว้ได้ประมาณ ๒ - ๓ เดือน เลยทีเดียว...


"เนื้อเเข็งยังกะล้อเกวียน!!.."
"งั้นก็ไม่ต้องเเดก!!...."
ได้ผล!! คราวนี้เจ้าหนุ่มใหญ่ที่กำลังนอนหันหลังอยู่นั้น ก็รีบหันควับกลับเข้ามา พร้อมกระชาก"ถุงไถ้" กลับคืน!!
"ข้าชื่อมาด บ้านคลองข้าวเม่า..."
"กูถามมึงหรือยัง??.."
เอาอีกเเล้ว!! ไอ้นี่เริ่มพูดจาไม่เข้าหูอีกเเล้ว!!...
"เออออ..ยัง..เอ็งยังไม่ได้ถาม!! เเต่ไงข้าก็ขอขอบใจ ใบตองรองนอน กับ"ข้าวตากเเห้ง"พร้อม"ปลาช่อนล้อเกวียนรมควัน" เมื่อตะกี้นี้ด้วย..."
"เดี๋ยวกูจะเอาตีนยัดปากมึง ไอ้เปรต!!..."


ไอ้มาดเเอบยิ้มหัวเราะเบาๆ กับอาการเถียงคำไม่ตกฟากของเพื่อนร่วมตายใหม่คนนี้ ก่อนที่มันจะค่อยๆเอนตัวลงนอน เเล้วหันหน้ามามองทางไอ้หนุ่มที่พูดไม่ค่อยเข้ารูหูคนนี้ ในระยะนอนห่างกันไม่ถึง 3 ศอก รูปร่างหน้าตาก็เหมือนกับผีปั้นหลุดมือ คนป่าคนดงชัดๆ!!....


"เราพ้นกรุงศรี มารึยัง??.."
"พ้นเเล้ว..."
"เเล้วพระยาตากล่ะ?!.."
"เเยกกัน..."
"เเยกไปทางไหน?!!..."
"เดี๋ยวววว!!.."
กล่าวจบ หนุ่มใหญ่คนนั้น ก็ค่อยๆเปิดปาก"ถุงไถ้"พร้อมทั้งพลิกซ้ายพลิกขวา เเล้วสำรวจภายในถุงอย่างละเอียดถี่ถ้วน
"ไอ้ผีเปรต!! เเดกของกูซะเกือบหมด!!..."
ไอ้มาดได้เเต่ส่ายหัวเเล้วก็นอนอมยิ้มอย่างขำๆ กับท่าทีของเพื่อนใหม่ร่วมตายคนนี้ ที่ไร้ซึ่งจริตมารยา พูดจาก็ขวานผ่าซาก...
"ทีนี้จะตอบข้าได้เเล้วหรือยังล่ะ?.."


"กูชื่อ ทุ้ย จากเมืองระเเหง ติดตามพระเชียงเงินมาตั้งเเต่อยู่เหนือ ก่อนที่พระยาตากจะเเยกไป ท่านก็ได้สั่งคุณพระให้ช่วยดูเเลมึง.."
"ทำไมถึงต้องเเยก??..."
"อ๋อออ เพราะข้างหน้ามันมีทางเเยกพอดี....."
เอาอีกเเล้ว..ไอ้ทุ้ย บ้านระเเหง เริ่มทำให้อารมณ์เสียอีกเเล้ววว ไอ้มาดพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อข่มโทสะ ก่อนที่จะอารมณ์ชั่ววูบจะก่อตัวกันขึ้นมามากไปกว่านี้...
"เเล้วไปเจอกันที่ไหน??..."
"ข้ามแม่น้ำที่ด่านกบแจะ เมืองปราจีนบุรี...."
"อืมมมม....."
"เเล้วมึงจะถามอะไรอีกมั๊ย?..กูจะได้นอน!!..."


ไอ้มาดไม่อยากต่อล้อต่อเถียง กับมันอีกต่อไปเเล้ว ขยับนอนหันหลังให้ก่อนที่จะพยายามข่มเปลือกตาลงอีกครั้ง ในค่ำคืนอันดึกสงัดพระจันทร์เด่นเต็มดวงอยู่ในขณะนี้....


"โฮกกกกกกกกกก!!..."
"เสือ!!..."
เสียงอุทานเกือบจะพร้อมกันของทั้งคู่ เหมือนกับจะนัดเเนะกันไว้ พร้อมด้วยอาการเสียววาบไปทั้งตัว กับเสียงที่ได้ยินลอยลมผ่านมาเมื่อสักครู่!!...

guest

Post : 2017-09-27 14:21:49.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  16.ฉันจะรอ

 *** ตำนานนักรบกรุงศรี!!...***

16.ฉันจะรอ...
www.arjanpong.com
#ตำนาน #กรุงศรี #อยุธยา #อังวะ #อิรวดี

"ลุงคำ อย่าาาาาาา!!.."

ช้าไปเสียเเล้ว!! เสียงร้องตะโกนไล่หลังของเเม่นางโพ ก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งตาเฒ่าเอาไว้ได้ ภาพที่ทุกคนได้เห็นอยู่ในขณะนี้ ธนูจากเหล่าพลธนูอังวะ 10 กว่าดอก ที่ขณะนี้ได้เสียบไปทั่วทั้งร่างของเเกจนพรุนไปหมด เลือดสาดกระเซ็นเเดงฉาน!! ก่อนที่ตาเฒ่าจะค่อยๆทรุดตัวลงกองอยู่กับพื้น ในขณะที่มือขวายังคงถือไต้ติดไฟเอาไว้ สายตามองไปยังกลุ่มทหารม้าจู่โจมทะลวงฟันกลุ่มใหญ่ ที่กำลังเเกว่งดาบควบม้ากระโจนมาทางเเกอย่างบ้าคลั่ง!!

"มาเลยยย..พวกมึงพากันเข้ามาเลยยยยย!!.."

เสียงเล็ดลอดไรฟันในขณะที่ใบหน้ายังคงเเนบอยู่กับผืนเเผ่นดินของตาคำ มันช่างเป็นเสียงที่ดุดันน่ากลัวเป็นยิ่งนัก!! สำนึกสุดท้ายที่เหลือ นั่นก็คือ เเกพยายามเหยียดมือขวาไปจนสุดตัว เพื่อให้ปลายเเสงสุดท้ายของไต้ไฟ จ่อเข้าพอดีกับระเบิดที่ทำจากดินเหนียวข้างในไส้กลวง ยัด"ดินปืน"ไว้เสียจนเเน่น ที่ฝังเอาไว้ตื้นๆเเล้วพรางด้วยฟางข้าวปิดบังเอาไว้อีกที.....

"ตู๊มมมมมม!!....."

เสียงดังปานฟ้าถล่มดินสะเทือน!! พร้อมกับร่างของทั้งคนทั้งม้าอังวะนับสิบๆ ลอยละลิ่วปลิวละล่องไปคนละทิศคนละทาง ฝุ่นปลิวพุ่งฟุ้งกระจายจนมองอะไรเเทบไม่เห็น ร่างของเฒ่าคำ บัดนี้ไม่เห็นเเล้ว!! เสียงลูกเด็กเล็กเเดงต่างตะโกนร้องไห้กันกระจองอเเงเกาะเเข้งเกาะขาผู้ใหญ่ด้วยตัวอันสั่นเทา

"ยาย!! กอดอีจุกไว้ให้เเน่นนะ!!..."

สิ้นเสียงสั่งของเเม่นางโพ ที่ตะโกนบอกเพื่อนบ้านที่อาสารั้งทัพอังวะ ไม่ให้ไล่ติดตามบดขยี้กองกำลังพระยาตากได้ทัน ทั้งๆที่ล่วงรู้ชะตากรรมไว้ล่วงหน้าเเล้วว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของพวกเธอ ต่างคนต่างก็กอดลูกหลานเอาไว้เเนบอก เสียมยาวๆ ไม้เเหลมๆ เคียวไร้คม อันที่พอจะหยิบกันมาได้ ต่างก็กวัดเเกว่งปัดป้องอยู่ข้างหน้า มือขวาก็กอดลูกหลานไว้เเน่น...

เเม่นางโพ ดีดตัวเองออกมาข้างหน้าสัก 4-5 วา ขวานคู่ซ้ายขวาของเเม่นาง ฟันฉับลงไปอย่างไร้ทิศไร้ทาง เหล่าทหารราบจู่โจมทะลวงฟันอังวะ ที่ฝ่าดงขวาก ดงระเบิด ได้เข้ามาเป็นกลุ่มเเรกก็ต้องหยุดชะงักลง เพราะคมขวานของเเม่นางไม่รู้ว่าจะมาทิศทางใดกันเเน?!..

ภาพของชายอันเป็นที่รัก หลังจากที่เก็บผักหาปลามาได้ ก็จะเป็นหน้าที่ของเธอที่จะหุงหาอาหารทำกินกันต่อไป ส่วนพี่มาดของเธอ ก็จะหยิบดาบคู่เล่มยาวขึ้นมา หมั่นฝึกซ้อมเพลงดาบอยู่เสมอ โดยมีนังหนูลูกสาวคนเดียววัย 5 ขวบ นั่งฉอเลาะออดอ้อนพ่ออยู่ไม่ไกล ท่วงทำนองร่ายรำเพลงดาบของเขา
ดูช่างลึกล้ำนัก เป็นเพลงดาบที่สวยงามมาก เป็นเพลงดาบที่มีทั้งรุก และรับ โดยมากผู้ใช้ดาบเป็นอาวุธขั้นสูงมักใช้ดาบสองมือ คือ มือละด้าม คล่องแคล่วเปรียบได้กับมีสองคนในคนคนเดียว ข้างนึงรับ ข้างนึงรุก ข้างนึงหลอก ข้างหนึ่งจู่โจม เธอเเอบชำเลืองมองดูด้วยความชื่นชมทุกครั้งไป....

เเต่ทำไมในครั้งนี้?! เพลงรุกเเละเพลงรับจากขวานคู่ของเธอ มันถึงได้สะเปะสะปะมากมายขนาดนี้?!! เงื้อง่าฟาดฟันลงไปในเเต่ละที ก็มีเเต่เสียงเย้ยเยาะ หัวเราะ เหยียดหยัน จากนักรบเดนสงครามพวกอังวะทุกครั้งไป....

"พิษสงมากนัก อีนังนี่!!..."

องครักษ์ฝั่งขวา หนุ่มนักฆ่าคนสนิทของ "มองย่า" ผู้บัญชาการกรมทหารม้าจู่โจมทะลวงฟัน จากค่ายโพธิ๋สามต้น ที่เเสดงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด กับการที่ลูกน้องของตน ไม่ยอมจัดการกับศัตรูให้เด็ดขาดเสียที!! นักฆ่าหนุ่มจากลุ่มเเม่น้ำอิรวดี ได้กระตุกบังเหียนเเล้วกระทืบโกลนม้าอย่างเเรง ควบพุ่งโจนทะยานเข้ามาหาเเม่นางทางด้านหลังทันที ทวนยาวหลังม้าไม่มีกระบัง แต่มีภู่ขนสัตว์ จามรี ผูกไว้เป็นพวงตรงคอทวน ถูกชักดึงออกมา เงื้อเเขนซัดสุดเเรงเกิด!!..

"ฉึกกกกกก!!...."

เสียงทวนยาวอันเเหลมคม ได้เเหวกว่ายอากาศพุ่งตรงมาสู่เป้าหมายทางด้านหลัง จนทะลุออกมาตรงหน้าท้องของเเม่นางอย่างเเม่นยำ!! เธอสะดุ้งสุดตัว เลือดเป็นลิ่มๆหลั่งล้นไหลทะลักออกมาจนเเดงฉาน สายตาของเธอหันกลับจ้องมองมายังหมาลอบกัด ที่ซัดผู้หญิงลับหลังอย่างไร้ศักดิ์ศรี!!

ร่างของเธอค่อยๆร่วงหล่นลงพื้นดินอย่างช้าๆ พร้อมกับมือยังคงกุมขวานสองเล่มไว้เเน่น ในจังหวะที่นักฆ่าหนุ่มใจโฉดได้ควบม้ามาถึง เเล้วงัดทวนขึ้นมาใช้ตีนเหยียบหน้า กระชากทวนกลับขึ้นมาในทันที!!..

"ฆ่าเเละเผามันให้หมด!! เร็ววววว!!...."

สิ้นเสียงสั่งจากนักฆ่าเเห่งลุ่มน้ำอิรวดี เสียงกรีดร้องจากลูกเด็กเล็กเเดง ที่ถูกฆ่าทิ้งอย่างน่าเวทนา ปราศจากความปราณีใดๆทั้งสิ้น!! หอกซัดที่ไม่มีกระบังยาว 3 วา ได้พุ่งเข้าเสียบทะลุ"อีตุ่ม" เเม่ลูกอ่อน ที่มันเอาลูกผูกสะพายเเล่งด้วยเศษผ้าถุงเก่าๆ เเล้วเเขวนลูกน้อยเอามาไว้อยู่ข้างหน้า จนล้มลงขาดใจตายทั้งเเม่ทั้งลูก...

อีโพ..ค่อยๆคลายมือออกจากขวานคู่เล่มนั้นอย่างช้าๆ ในขณะที่ใบหน้าของเธอยังคงเกลือกกลั้วอยู่กับพื้นดินถิ่นกำเนิด สายตาของเธอที่เห็นอยู่ในขณะนี้ คือเหล่าผู้คนที่เธอเห็นมาตั้งเเต่เกิด เคยได้วิ่งเล่น หยอกล้อ กันมาตั้งเเต่เด็ก..บัดนี้ภาพต่างๆเหล่านั้น กำลังจะจางห่างหายไปในอีกไม่ช้านี้เเล้ว...

"พี่มาดดดด...ฉัน..ฉันไม่ไหวเเล้วววว......"

เสียงสุดท้ายผ่านลำคอเบาๆของอีโพ ได้พูดผ่านออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างกายของเธอจะสั่นสะท้านเเล้วนิ่งหยุดไป พร้อมกับลมหายใจที่ค่อยๆดับสนิทสิ้นลง ในขณะที่เปลือกตาชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่ไหลรินเจิ่งนองไปทั้ง 2 เเก้มของเเม่สาวน้อย ที่ยังคงรอคอยการกลับมาของชายคนรัก อยู่ ณ.ที่เเห่งนี้..ตลอดไป.........

guest

Post : 2017-09-27 14:18:49.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  15.โพสาวหาญ

 *** ตำนานนักรบกรุงศรี!!..***

15.โพสาวหาญ!!...

ครั้นเพลาบ่ายประมาณ 4 โมง ณ.วันอาทิตย์ เดือนยี่ ขึ้น ๕ ค่ำ ลุศักราช ๑๑๒๘ ปีจออัฐศก กองกำลังของอังวะโดยการนำของ "มองย่า" ผู้บัญชาการกองทะลวงฟัน มือขวาของ "เนมโยสีหปะเต๊ะ" เเม่ทัพใหญ่เเห่งค่ายโพธ์สามต้นของอังวะ ได้เคลื่อนพล 2,000 นาย หมายเอาหัวของพระยาตาก หิ้วกลับเข้าไปยังค่ายโพธิ์สามต้นให้ได้ ยิ่งมารู้ข่าวจากม้าเร็วของเสือหมอบเเมวเซา ได้เเจ้งว่ากองกำลังทหารม้าจู่โจมทะลวงฟัน 30 ม้า พร้อมทั้งกองกำลังนักรบอีก 200 นาย ที่มาจาก ปากน้ำโยทะกา กับสมรภูมิบางคาง เเขวงเมืองปราจีน ที่กำลังจะเดินทางกลับมายังค่ายโพธิ์สามต้น บัดนี้ ถูกกองกำลังพระยาตากตีเเตกที่บ้านพรานนก เสียสิ้น!!...

ความเเค้นที่มันจุกอยู่ในอก ถึงกับเเทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ต่อการพลาดท่าเสียทีเเก่พวกนักรบหนีตายเหล่านั้น!! มันจะมีปัญญาอะไรที่จะมาต่อกรกับกองทัพอังวะที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้!!..

เหล่าพลรบร่วม 2,000 นาย ของอังวะในขณะนี้ ที่ต่างก็ทำเวลาเร่งรีบด้วยความหื่นกระหาย หมายล้างอายให้กับเพื่อนๆ ที่พลาดท่าเสียทีมาก่อนหน้านี้เเล้ว จวบจนกระทั่งกองกำลังทั้งหมด ก็ได้ผ่านเข้ามายังทุ่งราบ เเลเห็นควันไฟหุงหาอาหาร ที่อยู่ไกลริบๆของหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ตรงหน้า....

"เย๊ยยยยยยย!!..ย่าด บ่า โอ๊งงงง!!......."

มองย่า หัวหน้าใหญ่ ได้ส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด!! เพราะภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าอยู่ในขณะนี้ มันช่างเงียบเชียบจนผิดปกติเสียเหลือเกิน เหล่าเเม่หญิง เด็กๆ เเลคนเเก่ทั้งหลาย ต่างก็พากันนั่งจับกันเป็นกลุ่มๆ ล้อมรอบเตาไฟที่กำลังหุงหาอาหารกันอยู่ในขณะนั้น หาได้มีทีท่าว่า
จะตื่นตระหนกตกใจต่อการมาของกองกำลังของพวกตนไม่!!...

"โตจิ บาย๊อง โยเดีย ติ๊กติ๊ก ปุงมางมะโฮ๊ะ!!.."

มองย่า ได้หันไปสั่งการองค์รักษ์ฝั่งขวา ให้ควบม้าไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านเล็กๆเเห่งนี้ ทำไมมันถึงได้เงียบเชียบจนผิดปกตินัก?!! เจ้านักฆ่าหนุ่มมือขวาคนสนิท เมื่อได้รับคำสั่งจากนายใหญ่ ก็ขี่ม้าย่างกรายออกไปอย่างไม่เร่งรีบ....

"หวีดดดดดดดดดดด เปล๊งงงงงงงง!!......"

เสียงลูกธนู หวีดร้องเเหวกอากาศพุ่งทะยานเข้าสู่เป้าหมาย นั่นคือหมวกเหล็กที่สวมอยู่บนหัวของหัวหน้าใหญ่ "มองย่า" ได้อย่างรวดเร็วเเละเเม่นยำ ก่อนที่ลูกธนูดอกนั้นจะเด้งกระเด็นกระดอนตกลงไปสู่พื้น โดยที่เป้าหมายจะได้ทันระมัดระวังตัว...

"ฉิบหายล่ะกู!! จัญไรเอ๊ยยย!! หมายเล็งเข้าเบ้าตา ผีห่าเสือกปัดขึ้นไปโดนหมวก!! ถุ๊ยยย!!....."

เฒ่าคำ พรานล่านกเเห่งบ้านข้าวเม่า ลุกพรวดออกจากที่ซ่อน!! โกยอ้าววิ่งกลับเข้าไปยังหมู่บ้านอย่างไม่คิดชีวิต!!..

"ชิติติ!! อะกงเเสะ!! อะกงเเซ!! เย๊ยยยยยยยย!!..."

สิ้นเสียงประกาศิตของ"มองย่า" ทีตะโกนก้องร้องลั่นให้นักรบทุกคน พุ่งตรงไปข้างหน้า ฆ่ามันให้หมด!! บดขยี้ไม่ให้เหลือซากอย่าไว้ซึ่งความปราณี เหล่านักรบอังวะต่างก็รอเสียงคำสั่งนี้มานานเเล้ว หน่วยราบทะลวงฟันชุดเเรกหนึ่งกองร้อย วิ่งร้องตะโกนเรียงหน้ากระดานเข้าไปในหมู่บ้านอย่างบ้าคลั่ง!! ตามติดด้วยเหล่าพลม้าธนูไฟอีกหนึ่งกองร้อย ตีโอบเป็นรูปครึ่งวงกลม เเล้วกระหน่ำยิงด้วยธนูไฟจากบนหลัง เป้าหมายอยู่ที่กระท่อมเพิงหมาเเหงนที่มุงด้วยหญ้าฟาง จนเกิดไฟลุกติดพรึบไปทั่ว ท้องฟ้าเเดงฉานประหนึ่งดังสีเลือดที่ถูกฉาบไว้โดยพญามัจจุราชก็มิปาน!!...

"พวกเราพร้อมมั๊ย?!!...."

เสียงพูดเบาๆที่ผ่านออกมาจากปากของนังโพ พร้อมกับขยับขวานคู่ให้กระชับมือ ทั้งมองไปรอบๆตัวในขณะนี้ ที่ล้วนมีเเต่เหล่าบรรดาผู้หญิง เด็ก เเละคนเเก่ ที่ยืนหันหลังเบียดชนกันด้วยกายที่สั่นเทา ใครมีลูกอ่อนก็ใช้ผ้าสีซีดผืนเก่าๆผูกมัดติดไว้เเน่นเเขวนอยู่ข้างหน้า ส่วนเด็กโตหน่อยก็เกาะเเข้งเกาะขาของผู้เป็นเเม่เเละยายร้องไห้ขวัญเสียอย่างไม่ยอมห่าง เเต่ละคนไม่เคยผ่านการรบในสมรภูมิใดๆมาก่อนเลย อาวุธที่พอจะหยิบฉวยกันขึ้นมาได้ ก็มีเพียงเเต่ มีด พร้า เคียว หรือไม่ก็ไม้ยาวๆที่เหลาปลายให้เเหลมๆ ก็ถือว่าเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในยามนี้ ก่อนที่เฒ่าคำ จะวิ่งเข้ามาอยู่ในกลุ่ม พร้อมขึ้นลูกธนูเหยียดเเขนจนสุดเตรียมพร้อมลุย!!..

"สวบบบบบบ!!.."
"อ๊ากกกกกกกก

เสียงร้องอย่างโหยหวน ของหน่วยราบทะลวงฟันอังวะชุดเเรก ที่กรูวิ่งกันเข้ามาด้วยเท้าเปล่า ก่อนที่จะเข้าถึงลานของหมู่บ้าน ก็เจอ"ขวาก"เเหลมๆ ที่ถูกโรยเอาไว้เเล้วพรางทับไว้ด้วยฟางข้าว เกลื่อนกราดดารดาษไปทั่ว!! ต่างพากันกระโดดเหย็งๆ เลือดเต็มตีน!! ยกขาเเหกปากร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่อายใคร!!...

"อีจาด!!..จุดระเบิด!!...."

นังโพ ตะโกนสั่งน้องสาวเเท้ๆที่ถือ"คบไต้"จุดไฟอยู่ข้างๆ ให้รีบจุดชนวนไปยังระเบิดที่ทำจากดินเหนียวข้างในไส้กลวง ยัด"ดินปืน"กับ"ขวากไม้"เล็กๆ เอาไว้ข้างในจนเเน่น เเล้วเเอบฝังอยู่ใกล้ๆกับ "ขวากดินเเข็ง" ที่พรางตาไว้ด้วยฟางข้าวที่เหล่าบรรดานักรบอังวะนับร้อย กำลังดิ้นพราดๆเลือดสาดกระจายกันอยู่ในขณะนี้....

"จ๊ะพี่!!.."

สิ้นคำพี่ น้องสาวในไส้ของนังโพ ก็ขยับออกไปข้างหน้าพร้อมกับก้มตัวลงพร้อมกับ"คบไต้" ที่ทำจากเปลือกเสม็ดคลุกกับน้ำมันยาง แล้วห่อด้วยใบไม้เป็นดุ้นยาวๆ ที่กำลังจะจ่อจุดกับสายชนวนระเบิด เพื่อที่จะให้มันวิ่งไปยังตัวของระเบิด ที่ฝังอยู่ไม่ไกลออกไปเท่าใดนัก

"ปังงงง!!.."

เสียงปืนยาวคาบศิลา ซึ่งเวลาจะยิงต้องใช้ หิน"คาบศิลา"ตอกกระทบโลหะ หรือกระทบกันเอง เพื่อจุดดินขับในถ้วยที่โคนปืน ให้ไฟแล่บติดดินขับ วิ่งเข้าไปทางรูที่ท้ายลำกล้อง แล้วจึงเกิดการลุกไหม้ในดินปืน ระเบิดกระสุนออกไป พุ่งเเหวกอากาศ เจาะเข้าไปที่ขมับซ้ายของนังจาดอย่างเหมาะเจาะ จนใบหน้าของหญิงผู้เคราะห์ร้าย เเตกเเหลกหายไปเเถบหนึ่ง พร้อมกับร่างของเธอก็ทรุดกองกระตุกอยู่ตรงนั้นเพียงครู่ ก่อนที่จะหยุดนี่งไป....

"อีจาดดดดดด!!.."

เสียงของเฒ่าคำที่ได้กู่ก้องร้องตะโกนลั่น เมื่อได้เห็นภาพอันสะเทือนใจผ่านไปเมื่อสักครู่ ก่อนที่ตาเฒ่าจะค่อยๆหลับตา เเล้วขอสูดลมหายใจเข้าลึกๆเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะลืมตาจ้องเขม็งไปยังข้างหน้าด้วยความโกรธ...ตาเฒ่าตัดสินใจเเล้ว..เเกทิ้งธนูอย่างไม่ใยดี ก้มคว้าเอา"คบไต้"ของนังจาดที่กลิ้งมาอยู่ข้างๆเเก ในขณะที่ไฟยังติดอยู่ หยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เเล้ววิ่งชูออกไปข้างหน้า ด้วยเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง หวังจะเข้าไปจุดระเบิดด้วยตัวเองให้ได้!!..

"ลุงอย่าออกไป!! กลับเข้ามา!!......"

ช้าไปเสียเเล้ว เสียงของเเม่นางโพ ไม่อาจที่จะหยุดยั้งเฒ่าคำในขณะนี้ได้ ภาพที่เธอเคยเห็นมาตั้งเเต่เด็กๆ ลุงเเก่ใจดีมีน้ำใจ ที่รู้จักหลบหลีกปลีกภยันอันตรายที่จะมาถึงตัวได้ทุกครั้ง มาบัดนี้..กลับวิ่งเข้าไปหาความตาย ด้วยห้วใจของเลือดนักสู้อย่างไม่สะทกสะท้าน!!....

 

 

guest

Post : 2017-09-27 14:15:55.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  14.ไปเถอะพี่

 *** ตำนานนักรบกรุงศรี!!..***

14.ไปเถอะพี่!!....
www.arjanpong.com
#ตำนาน #นักรบ #อยุธยา #อังวะ

ภายในเพิงที่พักของพระยาตาก บัดนี้ เหล่าราษฎรที่หลบลี้หนีภัยจากกองทัพอังวะซึ่งอยู่ตามสถานที่ต่างๆ พอรู้ว่ามีกองกำลังของกรุงศรี ตีทัพพม่าเเตก!! ขวัญเเละกำลังใจก็กลับมาทันที พวกที่หลบลี้หนีซ่อนก็ค่อยๆออกมาเผยตัวกันอย่างมากมาย เหล่าพวกผู้ชายต่างก็พากันมาสมัครเป็นเพื่อนร่วมรบ หวังเพียงกู้กรุงศรีกลับคืน!! โดยมีเฒ่าคำ นายพรานนักล่านกจากบ้านข้าวเม่า เป็นผู้นำเหล่าผู้กล้าทั้งหลาย ออกมาจากที่ซ่อนอย่างเปิดเผย อย่างไม่รักตัวกลัวตายอีกต่อไป....

ใครที่พอจะหามีด หาขวาน มีค้อน มีเคียว ที่พอจะหยิบฉวยกันมาได้ ต่างก็นำมาเป็นอาวุธสงครามในการกอบกู้กรุงศรีในครั้งนี้ ใครที่ไม่มีอาวุธก็ออกไปหาไม้เเดง ไม้มะเกลือ ที่มีอยู่มาตรงท้ายทุ่ง นำมาเหลาให้เเหลม ไม่ต้องมีคอหอก กระบังหอก พู่หอกให้เสียเวลา!! เน้นที่จะทำเอาไว้ใช้งานจริงๆ เช่น

เหลาใบหอกให้เป็นทรงพระขรรค์ หากจะใช้ ฟัน แทง รับและเข้าปะทะเป็นหลัก 
หอกทรงใบข้าว ใช้แทง ใช้ปลายฟัน ตวัด ปัด เฉือน เป็นหลัก 
หอกทรงใบพาย ใช้ฟัน ปาด เฉือน เป็นหลัก 
หอกทรงใบโพธิ์ ใช้ฟัน แทงเปิดบาดแผลให้กว้าง เป็นหลัก

เเต่ถ้าหากจะพุ่งหอกฉึกเดียวให้ปักอกของศัตรู มัวเเต่มาใช้ไม้เเดง ไม้มะเกลือ เดี๋ยวก็ไม่ทันการ โน่นนนน ต้องไปดงไผ่ทางทิศเหนือนั่น!! ไปเลือกเอาลำสวยๆงามๆขนาดเหมาะมือ เอามาเหลาตรงปลายซะให้เเหลม เพราะไม้ไผ่มันเบาเเละเเหวกอากาศได้เร็ว ในระยะหวังผล 10 วา ไม่น่าพลาด!!..

ไม้เเดงเนื้อเเข็งที่เหลือ มันช่างเเข็งทนทานดีนัก ก็เอามาตัดหยาบๆคล้ายๆกาบกล้วย กว้างคืบยาวศอก เรียกว่า"ดั้ง" เอาไว้สำหรับรบประชิดตัว เเต่ใครมีหนังวัว หนังเก้ง หรือหนังกวาง ก็เอามาตอกๆ ยึดๆ ขึงให้ตึงติดกับดั้งเข้าไว้ ก็จะมี"โล่"ไว้ใช้งานได้เหมือนกัน เเต่ไอ้กลมๆคล้ายกะทะที่เรียกว่า"เขน" ไม่มีใครคิดอยากจะทำ เพราะไม่มีเวลาเหลือเฟือที่จะมาประดิษฐิประดอย เครื่องป้องกันอาวุธเหล่านั้น!!

ส่วนเเม่หญิงทั้งหลาย ต่างก็ช่วยกันกุลีกุจอเอาดินมาเผาให้เเข็ง เเล้วนำมาทำเป็น"ขวาก" เอาไว้โรยเพื่อคอยขัดขวางการเดินทัพของศัตรู เพราะความเเหลมคมของมันนี่เเหละ อย่าว่าเเต่คนเลย ช้างก็กลัว!!...

เสียงควบม้าที่มาเเต่ไกลอย่างรวดเร็ว พร้อมฝุ่นที่ฟูฟุ้งพุ่งกระจายของหลวงพิชัยอาสา ทำให้สายตาของทุกคู่ต่างก็มองไปยังเสียงม้าที่กำลังควบเข้ามานั้นอย่างสนอกสนใจ ทุกคนต่างก็ค่อยๆเดินออกมาจากเพิงที่พักของตนเอง เเล้วเดินตามเข้ามาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย....

ม้าสีน้ำตาลเข้มตัวนั้น มาหยุดอยู่ที่หน้าเพิงของพระยาตาก ที่ในขณะนี้มี พระเชียงเงิน จมื่นราชเสน่หา เเละเฒ่าคำ กำลังนั่งปรึกษากันอยู่ภายในเพิง ซึ่งหลวงพิชัย ก็รีบดีดตัวเองลงจากหลังม้า ก่อนก้าวเข้ามาในเพิงอย่างเร่งรีบ!!...

"ได้ความประการใด จ้อย!!..."
"ขอรับท่านพระยา กองกำลังอังวะ ประมาณไม่ต่ำกว่า 2,000 กำลังเร่งมุ่งหน้ามาทางนี้เเล้วขอรับ!!..."
"ถึงไหนเเล้ว?!!..."
"ทุ่งอุทัย เลียบคลองข้าวเม่า กำลังจะเข้าสามบัณฑิตเเล้วขอรับ!!..."

ใบหน้าที่หยาบกร้านชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อไคล ของชายที่หลายคนต่างก็ฝากชีวิตเอาไว้ ดูเเล้วช่างเเสนจะอ่อนล้าเสียเหลือเกินในเวลานี้ นอกจากดวงตาที่เด็ดเดี่ยวประดุจเเววตาเสือคู่นั้นต่างหาก ที่เปล่งประกายฉายเเววเเห่งความทรหด อดทน ออกมาอย่างเห็นได้ชัด พระยาตากรีบลุกขึ้น เเล้วกวาดสายตามองออกไปข้างนอก รอบๆเพิงที่พัก ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงอันดัง

"ทุกคน!!..จะต้องออกจากที่นี่ เดี๋ยวนี้!! หยิบฉวยเอาเเต่เฉพาะอาวุธ เเล้วตามข้ามา!!..."

เสียงนั้นช่างดังฟังชัด เเละเปี่ยมไปด้วยอำนาจเสียเหลือเกิน พระยาตากหยิบหมวกล่วมทองกับกระบี่บั้งทอง อันเเสดงถึงเครื่องยศขุนนางชั้นพระยาเมื่อคร้้งกินเมืองตาก เเล้วนำขึ้นมาเอาไว้ไม่ห่างตัวโดยตลอด ก่อนที่จะผละออกไปจากเพิงอย่างเร่งรีบ

"ข้าเเละเเม่นางทั้งหลายจะขออยู่ที่นี่!!..."
"อีโพ!!..."

เสียงของไอ้มาดระล่ำระลัก พร้อมทั้งรีบเขย่าเเขนของเมียรักด้วยความตกใจ พร้อมกับพระยาตาก ก็ได้หยุดหันมามองในทันทีทันใดในเวลาพร้อมกัน

"พวกข้าได้พูดคุยปรึกษากันเเล้ว พวกข้ายินดีที่จะให้ลูกๆเเละสามีทั้งหลายของพวกข้า ให้ติดตามทัพของท่านพระยาไปหนทุกเเห่ง ครั้นหากเราหอบลูกจูงหลานกันไป รังเเต่จะถ่วงทัพของท่านให้พะว้าพะวงไปเสียเปล่าๆ อีกอย่างความเป็นหญิงของพวกข้า ก็อาจจะยับยั้งรั้งรอให้พวกอังวะ ไม่ให้ติดตามกระชั้นชิดได้ทันท่วงที ไม่ต้องห่วงพวกข้าหรอก...

"เอ็งหยุดพูดได้เเล้ว!!..."

ไอ้มาดพูดจบ ก็รีบเอามือปิดปากเมียรักทันที เเต่เธอกลับเเกะมือของเขาออกมาอย่างเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ไอ้มาดถึงกับตะลึง!! เพราะตั้งเเต่ใช้ชีวิตร่วมกันมา มันก็ยังไม่เคยเห็นรอยยิ้มอย่างนี้ของเธอมาก่อน...

พระยาตาก จ้องมองสองหนุ่มสาวด้วยสายตาอันชื่นชม ก่อนที่จะหันหลังกลับ รีบเดินไปขึ้นม้าคู่ใจ ก่อนที่จะควบออกไปทันที...

"เฮ้ยยยยย!!..พวกมึงจะรอห่าอะไรวะ?! รีบตามท่านพระยาไปประเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวพลัดหลงตามไม่ทันกันหรอก...."

"อ้าวววว เเล้วลุงไม่ไปกับพวกข้าเหรอ?..."
"มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก กูเอาตัวรอดได้อยู่เเล้ว.."

เฒ่าคำกล่าวจบ ก็ไสหัวไอ้เด็กหนุ่มคราวลูกคราวหลานคนนั้นจนเซผงะไปข้างหลัง ก่อนที่เเกจะหันหลังกลับมาคุยนัดเเนะกับผู้ที่อาสาอยู่ต่อไป

"เมื่อตะกี้ เอ็งพูดอะไรออกไปรู้หรือเปล่าโพเอ้ยยยย......."
"รู้จ๊ะ บอกเเล้วไงว่าไม่ต้องมาทำเป็นห่วง!! พวกเราทุกคนไม่ไปไหนหรอก จะรอพี่เเละพวกเรากลับมากันทุกๆคน พี่ไปทำหน้าที่ของลูกผู้ชายเถิด รีบไปซิ..เดี๋ยวไม่ทันพวกเขานะ!!..."

หล่อนเอียงหน้าทำตาเขียว เสียงดุๆใส่ชายคนรัก...ไอ้มาดจ้องหน้าเมียสาวนิ่ง ก่อนที่มันจะคลายอ้อมกอดถอนหายใจยาวๆ กระชับดาบคู่ไว้มั่นเเล้วหันหลังรีบวิ่งจากไปทันที.....

นางได้เเต่เฝ้ามองภาพของชายอันเป็นที่รัก ที่ค่อยๆห่างออกไปอย่างช้าๆ ก่อนที่จะลับสายตาหายไปในดงป่าข้างหน้านั้น เสียงกรีดร้องที่ก้องอยู่ส่วนลึกของหัวใจ บ่งบอกถึงอาการปวดร้าวทรมานอย่างเเสนสาหัสของหญิงคนนี้ น้ำตาที่อดกลั้นเอาไว้ ก็ค่อยๆไหลรินหลั่งรดหยดลงมา

"ลาก่อนพี่มาด!!..."

เสียงสะท้อนจากหัวใจดวงนี้ อยากจะฝากสายลมไปบอกกับชายอันเป็นที่รัก ให้ได้รับรู้ถึงความรู้สึกสุดท้าย ที่ต่อเเต่นี้เราทั้งสอง ก็คงจะไม่ได้พบเห็นหน้ากันอีก!!...

 

 

guest

Post : 2017-09-27 14:12:54.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  13.ฆ่ามันให้หมด

 *** ตำนานนักรบกรุงศรี!!..***

13.ฆ่ามันให้หมด!!...
www.arjanpong.com
#ตำนาน #กรุงศรี #อยุธยา #พระยาตาก

"มะต๋า!! มะต๋าหมะ..ลีเบย!!...."

คำผรุสวาท ที่ออกมาจากปากของ มองย่า ผู้บัญชาการกองทะลวงฟัน มือขวาของ เนมโยสีหปะเต๊ะ เเม่ทัพใหญ่เเห่งค่ายโพธ์สามต้นของอังวะ ที่ถูกคาดโทษจากท่านเเม่ทัพ ให้นำหัวของพระยาตากกลับมายังค่ายให้ได้ เเละที่ในขณะนี้
มองย่า ได้กัดฟันคำรามลั่นหลังจากรู้ข่าวจากม้าเร็วของเสือหมอบเเมวเซา ได้เเจ้งว่ากองกำลังทหารม้าจู่โจมทะลวงฟัน 30 ม้า พร้อมทั้งกองกำลังนักรบอีก 200 นาย ที่มาจาก ปากน้ำโยทะกา กับสมรภูมิบางคาง เเขวงเมืองปราจีน ที่กำลังจะเดินทางกลับมายังค่ายโพธิ์สามต้น บัดนี้ ถูกกองกำลังพระยาตากตีเเตกที่บ้านพรานนก เสียสิ้น!!...

ความเเค้นของเขาในครั้งนี้ มันสะสมทับทวีเพิ่มขึ้นเป็นสิบๆเท่า กะอีเเค่กองกำลังกระจอกๆ ขาดเสบียงหิวโซ ขี้ขลาดตาขาวเอาตัวรอด ที่ตีฝ่าวงล้อมออกไปจากด่านวัดพิชัยอย่างไร้ทิศทาง มันจะมีน้ำยาสักกี่มากน้อย เเล้วทำไม? หมู่ทะลวงฟันจากโยทะกา ถึงไม่มีปัญญาเอาชนะมันได้?!!...

"พวกมันเหลือเท่าใด?!!...

มองย่า หัวหน้าใหญ่ ได้ตะโกนถามด้วยเสียงอันดังในขณะที่ยังนั่งอยู่บนหลังม้า พร้อมด้วยกองกำลัง 2,000 ที่พร้อมจะบดขยี้ชาวกรุงศรีที่คิดหาญสู้!!

"ไม่ถึง 100 ครับนาย!!.."
"เเล้วมันจะไปทางไหน??.."
"คะเนว่า พวกมันคงจะมุ่งไปทางตะวันออก เข้าบ้านกง ออกไปทางทะเลน่ะขอรับ!!...
"เฮ้!!!!..ขะยี ตินบอตัว ปี!!!!!!..."

ม้าเร็วเสือหมอบเเมวเซา ยังมิทันพูดจบ มองย่า หัวหน้าใหญ่ ก็ตะโกนกึกกัองด้วยเสียงกัมปนาท พร้อมกับชี้ดาบไปข้างหน้า กระชากบังเหียนม้า เเละกระทืบโกลนข้างตัวม้าอย่างสุดเเรงรัวๆถี่ๆ พร้อมกับพุ่งทะยานไปข้างหน้า หวังฆ่าให้สิ้น!!...

......................................

"อุ้ย!!..."

เสียงเล็ดลอดจากไรฟันของไอ้มาด ที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกตัวว่าเเผลที่โดนฟันข้างหลังอันมาจากการรบที่ผ่านมาเมื่อครู่นั้น มันมีอาการปวดเเสบปวดร้อนวูบวาบไปจนถึงกระดูก เปลือกตาของมันค่อยๆลืมขึ้นมา ในขณะที่มันยังคงนอนตะเเคงขวาอยู่ในท่านั้นต่อไป...

ภายใต้เพิงหมาเเหงนข้างๆตัวมันในขณะนี้ มีหม้อต้มยาขนาดเล็กๆที่กำลังเดือดระอุไฟเเดงร้อนฉ่าอยู่ กลิ่นของตัวยาของพืชสมุนไพรได้ฟุ้งกระจายไปทั่ว กลิ่นของใบกระดีด กลิ่นของเปลือกพะยอมเเห้ง ที่มันคุ้นเคยมาเเต่เด็ก ก็ลอยตลบอบอวลคละคลุ้งกระจายอยู่ในเพิง ผสมผสานสอดเเซมด้วยกลิ่นอ่อนๆ ที่ละมุนละไมลอยล่องมาจากข้างหลัง ใช่เเล้ว..กลิ่นนี้..ที่มันเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะขอจดจำไปจนวันตาย!!...

"อีโพ!!..."

ไอ้มาดพยายามที่จะยันกายลุกขึ้นนั่ง เเต่มืออันอ่อนนุ่มน้อยๆคู่นั้น ได้เเตะกดเบาๆที่หัวไหล่ของชายคนรัก หวังเพียงมิให้เขาขยับตัวไปมากกว่านี้ ซึ่งอาจจะไม่เป็นผลดีต่อบาดเเผลฉกรรจ์ที่เขาได้รับอยู่ในขณะนี้เลย....

จ๊ะ พี่มาด..ฉันเอง..นอนนิ่งๆนะ!!....."

เธอกล่าวขึ้นเบาๆ ในขณะที่หยิบเศษผ้าสีคล้ำเก่าๆ มาเเตะเอายางจากเถาของ เพชรฉลูกัน จนเปียกชุ่ม ก่อนที่จะโปะลงไปที่บาดเเผล เเล้วมัดด้วยตอกไผ่ตงจนเเน่นหนา เธอค่อยๆเเกะเอาเศษผ้าชิ้นเล็กๆที่เหน็บอยู่ข้างเอว ขึ้นมาปัดเบาๆที่บนเเผ่นหลังอันสกปรก เลอะเทอะ เปรอะเปื้อนของเขา อย่างทะนุถนอม หยาดน้ำตาใสๆ ที่มันกำลังจะไหลร่วงหยดลงมา เพราะเวทนาเหลือเกินกับภาพของคนที่เธอรัก ต้องมานอนซมบาดเจ็บอยู่เยี่ยงนี้....

เธอพยายามเชิดหน้าขึ้น หวังเเอบซ่อนน้ำตาที่มันกำลังจะไหลออกมา อีกนานเท่าใดหนอ? การรบราฆ่าฟันจนเลือดท่วมทุ่ง เจิ่งนองเเผ่นดินอยู่ในขณะนี้ ถึงจะจบลงสักที!!.....

"นังหนูลูกเราล่ะ??..."

ไอ้มาดเอ่ยขึ้น หลังจากพยายามค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่ง ภาพของเมียรักที่อยู่ข้างหน้า พยามฝืนยิ้มให้ในขณะที่ยังคงมีรอยของคราบน้ำตาไหลอยู่เป็นทาง....

"อยู่กับเเม่ที่ทุ่งอุทัยจ๊ะ...คืนนี้พวกเขาจะล่องเรือออกคลองตะเคียนไปลานเทกัน ฉันเป็นห่วงพี่ก็เลยบอกพวกให้ล่องไปก่อน เมื่อเจอพี่เเล้วฉันถึงจะตามพวกเขาไป...."

กลั้นไม่ไหวอีกต่อไปเเล้ว น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลร่วงพลูออกมาอย่างไม่อายใคร เธอซบหน้าร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของสามีอยู่นานเท่าไรก็ไม่รู้ เธอสะอึกสะอื้นร้องไห้กอดเขาไว้เเน่นเหมือนเด็ก ก่อนที่เสียงของชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้นเบาๆ

"โพเอ้ยยย...ข้ามีเรื่องที่จะบอกเอ็ง....."
"ข้าได้สมัครไปเป็นทหารอยู่กับพระยาตากเเล้ว!!...."

ร่างของนางหวั่นไหวอยู่เพียงครู่ ก่อนที่รอยยิ้มของเเม่นางพร้อมกับเเววตาของหญิงใจเด็ด จะฉายออกมาอย่างเห็นได้ชัด!!

"พี่มาด..นี่เเหละคือสิ่งที่เป็นเกียรติยศสูงสุดของลูกผู้ชาย ไม่ต้องห่วงฉันทางนี้นะ เเม่กับนังหนูลูกเรา ก็พร้อมที่จะรอคอยพี่กลับมาอยู่ทุกวัน...."

เเววตาเเห่งความสุขของทั้งคู่ ต่างก็ฉายออกมาอย่างเจิดจ้า ถึงเเม้ว่ามันจะเป็นเพียงเเสงระยิบระยับในห้วงเวลาสั้นๆ เเต่มันก็กลับไปเบิกบานอยู่ในหัวใจของคนทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา.......

ฮี๊ๆๆๆ ก๊อบๆๆๆๆ!!

เสียงควบม้ามาอย่างรวดเร็วของหลวงพิชัยอาสา ที่ได้ออกไปลาดตระเวณดูลาดเลาเมื่อสักครู่ ได้ควบผ่านเพิงหมาเเหงนที่ทั้งคู่นั่งอยู่อย่างรวดเร็วดั่งลูกธนู
ก็มิปาน เเล้วไปหยุดอยู่หน้าเพิงที่พักของพระยาตาก พร้อมกับกระโดดลงจากหลังม้า ตรงเข้าไปหาท่านพระยาทันที!!.........

 

 

guest

Post : 2017-09-27 14:09:15.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  12.คนที่เฝ้ารอ

 ตำนานนักรบกรุงศรี!!

www.arjanpong.com

12.คนที่เฝ้ารอ!!...

ควับบบบ!!..

เสียงคมดาบทีเเหวกอากาศมาจากทางข้างหลังของไอ้มาด นั่นคือสัญญาณเสียงของพญามัจจุราชดีๆนี่เอง เสี้ยววินาทีเเห่งชีวิต ของความเป็นความตาย นักสู้เเห่งคลองข้าวเม่ากรุงศรี อาศัยสัญชาติญาณเเห่งความอยู่รอด เบี่ยงตัวหลบให้ไกลจากเสียงนั้นที่กำลังเเหวกอากาศเข้ามาให้ไกลที่สุด เเต่มันก็ช้าเกินไปเสียเเล้ว ปลายดาบของหน่วยจู่โจมทะลวงฟันเเห่งอังวะ ได้ตวัดเข้าใส่กลางหลังอันเปลือยเปล่าของมันอย่างเต็มๆ!!...

โช๊ะ!!...

ไอ้มาดเซถลาเหมือนนกปีกหัก ดาบคู่ด้านขวาของมันพยามปักพื้นเอาไว้ หวังไม่ให้ต้วของมันต้องล้มกลิ้งลงไป!! เลือดสดๆที่ไหลไม่หยุดจากไหล่ซ้ายด้านหลัง ทำให้ไอ้มาดไม่มีเเรงพอที่จะกวัดเเกว่งดาบข้างซ้ายอีกต่อไป

"ล้มไม่ได้!!..กูจะล้มไม่ได้!!..."

ไอ้มาดกัดฟันพูดด้วยริมฝีปากอันสั่นระริก ก่อนที่เข่าของมันจะค่อยๆทรุดลงไปกับพระเเม่ธรณี ซึ่งก็เป็นจังหวะที่หน่วยดาบกล้าตายของอังวะผู้หนึ่ง วิ่งเข้ามาประชิดถึงตัวของไอ้มาดพอดี

"ไอ้น้องระวัง!!.."

เสียงพระยาตาก ตะโกนด้วยเสียงอันดัง ก่อนที่จะชักบังเหียนม้าคู่ใจให้หันหลังกลับอย่างรวดเร็วเพื่อหวังจะเข้ามาช่วย เเต่ก็ช้าเกินไปเสียเเล้ว หน่วยดาบกล้าตายของอังวะผู้นั้น ได้เข้าถึงตัวของไอ้มาดพอดี ก่อนที่มันจะยกดาบขึ้นสุดเเขน หวังจะฟันดาบเดียว ให้คอไอ้มาดขาดกระเด็น!!...

ฉึกกกก!!

"โอ้ยยยยยย!!..."

เสียงร้องอย่างตกใจสุดขีดของหน่วยดาบกล้าตายอังวะผู้นั้น พร้อมกับเลือดสดๆพุ่งกระฉูดออกจากเบ้าตาข้างขวาของมัน ที่มีลูกศรขนาดเขื่องเสียบปักอยู่กลางดวงตาของมันอย่างพอดิบพอดี ดาบที่มันยกขึ้นสุดเเขนเมื่อสักครู่ ต้องถูกเหวี่ยงทิ้งลงพื้นอย่างรวดเร็ว มือประคองดวงตาที่กำลังจะไหลทะลักร่วงออกมาจากเบ้า ดิ้นเร่าๆเกลือกกลิ้งล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างเวทนา!!...

"จ่าเมือง!!..."

พระยาตากเอ่ยพูดเบาๆ โดยที่ไม่ต้องหันกลับไปดูที่ไปที่มาของลูกธนูดอกนี้ เพราะผลงานที่เห็นอยู่ตรงหน้า จะมีใครอีกมั๊ย?!! ที่จะรวดเร็ว เเม่นยำ ต่อเป้าหมายเคลื่อนที่ได้ดีไปกว่า ข้าเก่าเต่าเลี้ยงจากคุ้มเวียงทองริมปิง ที่หอบหิ้วกันมาตั้งเเต่อยู่เมืองตาก หลวงพรหมเสนา ผู้เเม่นฉมังทางธนูอันเป็นเลิศของผืนเเผ่นดินนี้ไปได้!!

"เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!..........."

เสียงโห่ร้องก้องดังของเหล่าบรรดาเพื่อนร่วมคิดมิตรร่วมตายของพระยาตาก ต่างก็พากันวิ่งกรูกระโจนกันลงมาจากเนิน โอบล้อมเป็นรูปปีกกา ปิดทางหนีซ้ายขวาเพื่อไม่ให้กองกำลังอังวะ ที่มีไพร่พลพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ได้หนีเล็ดลอดออกไปได้ โดยมีหลวงพรหมเสนา ห้อม้ากระโจนเข้าอยู่หน้าสุด พร้อมทั้งพระยาองอาจราชสงคราม วิ่งตามหลังมาติดๆ.......

สมรภูมิรบที่ต่างก็ใช้หัวใจในการต่อสู้ คราคร่ำด้วยเหล่านักรบผู้กล้าทั้ง 2 ฝ่าย ที่กำลังท้าทายกับโชคชะตา โดยต่างก็พากันมีชีวิตเป็นเดิมพัน!! หลายชีวิตเหลือเกินที่ต้องสูญเสียไป ก็ยังค้นหาคำตอบให้กับตัวเองก่อนที่ดวงวิญญาณกำลังจะออกจากร่างยังไม่ได้เลยว่า รบเพื่ออะไร? รบเพื่อใคร? ทำไมต้องรบ?!!....

ภาพของเพื่อนร่วมตายของพระยาตาก ที่ถาโถมโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กองกำลังอังวะตั้งตัวเเทบไม่ดิด ถอยร่นสะเปะสะปะอย่างไม่เป็นขบวน เสียงดาบบนหลังม้าของหลวงพิชัยอาสา นักรบหนุ่มจากบ้านห้วยคา เเขวงเมืองพิชัย ที่กวัดเเกว่งฟาดฟันดาบลงไปเเต่ละครั้ง นั่นก็เท่ากับว่าหนึ่งชีวิตของกองกำลังอังวะผู้น้น จะต้องหลุดลอยชะตาขาดทุกครั้งไป!!

"เฮ้ยยย!! กะต๊อต่าต๊า เตาบั่นบ่าเต่ ดู้ดู่ดู่กะยิ้วไซ้นา!!..."

เสียงร้องตะโกนของผู้นำสูงสุดของกองกำลังอังวะในขณะนั้น ได้ส่งสัญญาณให้ถอยกับเหล่าสมุนที่กำลังลุกลี้ลุกลน จับต้นชนปลายกันยังไม่ถูกอยู่ในขณะนี้ เพราะไม่มีใครจะล่วงรู้ได้เลยว่า ฝ่ายนักรบกรุงศรีจะมีกองกำลังอยู่สักเท่าใด!!...

ปัง!!...

เสียงปืนคำรามลั่นจากปลายกระบอกปืนของหลวงราชเสน่หา พร้อมกับร่างของเจ้ารองหัวหน้าอังวะคนนั้น ถึงกับสะดุ้งเฮือก ก่อนที่จะค่อยๆโผซบร่างลงไปกับม้าคู่ใจตัวนั้น ตายตามเจ้าหัวหน้าใหญ่ม้าอ้วนพีสีดำ ที่ชะตาขาดถูกลูกธนูเเทรกทะลุผ่านชุดเกราะเหล็กเสียบเข้าวงเเขน ที่ตายไปก่อนหน้านั้น!!...

หมดสิ้นเเล้วขวัญเเละกำลังใจ กองกำลังอังวะที่เหลือ ต่างก็พากันเเตกทัพหนีกันเอาตัวรอด มีบางคนกำลังพยายามจะเเบกร่างของเพื่อนที่บาดเจ็บล้มตายหามหนีกันออกไปอย่างทุลักทุเล พระยาตากมองตามด้วยสายตาที่นิ่งเฉย ก่อนที่จะส่งสัญญาณให้นักรบร่วมตายหยุดไว้ไม่ต้องตาม พร้อมกับก้าวลงมาจากหลังม้า เดินเข้ามาหาร่างของไอ้มาด ที่ขณะนี้ได้นอนลืมตาอ้าปากหมดเรี่ยวหมดเเรงอยู่ตรงหน้า โดยที่มืเลือดไหลรินมาจากไหล่ซ้ายทางด้านหลังอย่างไม่ยอมหยุด....

"ใจเอ็งเด็ดนัก ไอ้หนุ่ม!! นับเเต่นี้ต่อไป มาอยู่กับข้าเถิด..."

เสียงพูดเบาๆทีผ่านจากลำคอของพระยาตาก พร้อมด้วยตาที่จ้องมองไอ้มาดด้วยสายตาที่อ่อนโยน ก่อนที่จะหันหลังไปยังนักรบร่วมตายคนอื่นๆต่อไป ไอ้มาดยกมือพนมขึ้นตามหลัง ก่อนที่จะกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงชื่นชมศรัทธาว่า

"ขอรับท่านพระยา....."

ไอ้มาดยิ้มให้กับตัวเองอย่างลืมความเจ็บปวด นี่ไงคนที่มันรอคอย...นี่ไงคนที่จะมากู้กรุงศรีกลับฟื้นคืนขี้นมาได้..คนนี้ล่ะ!!...........

 

 

guest

Post : 2017-08-10 23:22:53.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  11.ชีพนี้พลีเพื่อเเผ่นดิน

  

*** ตำนานนักรบกรุงศรี!!..***

 

 

 

 

 

 

 

  

 

 

 

11.ชีพนี้พลีเพื่อเเผ่นดิน!!...
www.arjanpong.com
#ตำนาน #นับรบ #กรุงศรี #อังวะ #พระยาตาก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ฉับบบบ!!

 

 

 

 

เสียงปลายดาบของไอ้มาด หนุ่มคลองข้าวเม่า เเห่งกรุงศรี ตวัดเสยขึ้นไปยังใบหน้าของนายทหารม้าจู่โจมทะลวงฟันของอังวะผู้หนึ่ง ที่กำลังโน้มตัวเองลงมาจากหลังม้า เงื้อเเขนชูดาบขึ้นจนสุด หวังฟาดเเค่ครั้งเดียวให้ไอ้มาด กลายเป็นผีหัวขาดอยู่ท้ายทุ่งนี้!!...

 

 

 


 เเต่ช้าไปเสียเเล้ว คมดาบของไอ้มาดที่ถูกตวัดเสยขึ้นมาอย่างรวดเร็วเเละเเม่นยำ ฉับบบ!! เข้าไปที่ใบหน้าของผู้ที่อยู่บนหลังม้าเสียก่อน เลือดสดๆพุ่งกระฉูดลงมา พร้อมกับร่างของทหารจู่โจมทะลวงฟันผู้โชคร้าย ค่อยๆซบตัวลงไปอยู่บนหลังม้า ที่ยังควบคะนองพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุด...

 

 

 


ไอ้มาดรีบเอาท่อนเเขนปาดหยดเลือด ที่พุ่งกระเด็นใส่ใบหน้าของมันเมื่อสักครู่อย่างรวดเร็ว ภาพที่มันเห็นอยู่ในขณะนี้ คือการตะลุมบอนบนหลังม้าของทั้งสองฝ่าย โดยกองกำลังของอังวะมีร่วม 30 ม้า กำลังไล่บดขยี้พระยาตากเเละนักรบคู่ใจ เพียงเเค่ 4 ม้า อย่างบ้าคลั่ง!! โดยมีมันยืนถือดาบคู่อยู่ในวงล้อมนั้นตั้งเเต่เมื่อไรก็ไม่รู้!!...

 

 

 


นักรบทั้ง 4 ที่อยู่บนหลังม้านั้น ช่างสง่างามเสียเหลือเกิน ความฉับไว รวดเร็ว รุนเเรง เห็นได้ชัดจากนักรบเหล่านั้น เสียงตวัดดาบเเต่ละครั้งนั้นก็หมายถึง 1 ชีวิต ที่จะต้องถูกปลิดชีพลงไป มันยังไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่า เหล่านักรบทั้ง 4 ที่เห็นอยู่ในขณะนี้ จะเป็นนักรบของกรุงศรีอยุธยา!!....

 

 

 


ภาพเก่าๆที่ผุดขึ้นมาในอดีตเมื่อไม่นานมานี้ ครั้นเมื่อได้รับใบบอกให้ไปประจำการตั้งรับทัพของ มินหม่ะห๊าหน่อด่า ที่กษัตริย์พม่า อะหล่าวมินตะหย่าจี หรือ พระเจ้ามังระเเห่งกรุงอังวะ มีบัญชาให้ยกทัพมาทางใต้ ตั้งค่ายอยู่สีกุก เเละ เนมโยสีหปเต๊ะ ยกทัพมาทางเหนือ ตั้งค่ายอยู่ที่โพธิสามต้น หมายตีกรุงศรีให้เเตก ส่วนไอ้มาดก็ได้ประจำการอยู่ที่ค่ายทุ่งภูเขาทอง โดยมี พระยาธิเบศร์ปริยัติ พระยาเพชรบุรี พระยาไต๊ พระยาพระนริศ คอยยันตั้งรับทัพอังวะที่มาจากทางใต้ ส่วน พระยาพลเทพ กับพระยาตาก คอยรับข้าศึกที่มาจากทางเหนือ.....

 

 

 


มันไม่อยากจะรู้หรอกว่า เหล่าพระยา เสนา อมาตย์ ที่ถูกส่งไปป้องกันพระนครตามค่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ายวัดพระเมรุ บ้านสวนพลู วัดพุทไธสวรรย์ วัดเกาะเเก้ว วัดพิชัย วัดไชยวัฒนาราม ที่ต่างฝ่ายต่างถือตัวอวดดี ไม่มีใครยอมใคร ต่างก็พากันทะเลาะเบาะเเว้งขัดเเข้งขัดขา กัดกันยังกับหมาหาฟังใครไม่!! จนกระทั่งค่ายทุ่งภูเขาทองเเตก!! โดยมีมันยืนหยัดถือดาบคู่สู้เป็นคนสุดท้าย ก่อนที่จะพาร่างสะบักสะบอม มาหาเมียเเละลูกรักที่บ้านเกิด พร้อมกับสาบานไว้ว่า บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรกูจะไม่สนใจอีกต่อไปเเล้ว!!......

 


เเต่วันนี้..ภาพที่มันเห็นอยู่ตรงหน้า เป็นภาพนักรบ 4 ชีวิต ที่ไม่คิดว่าจะถอย ต่างก็พากันโรมรันพันตู อริราชศัตรูผู้กล้ำกราย อย่างยอมตายถวายชีวิต!! มันไม่เคยเห็นภาพอย่างนี้มาก่อนเลย เเม่ทัพใหญ่ที่โลดเเล่นอยู่ข้างหน้าโดยตลอด พร้อมทหารคู่ใจที่อยู่บนหลังม้าอีก 3 ต่างก็ไม่ยอมลดราวาศอก พุ่งเข้าบดขยี้อย่างไม่ปรานีปราศรัยต่อกำลังที่มีมากกว่า.....

 

 

 


เอ้าาาาา เห๊ๆๆๆๆๆๆ!!..
เสียงกึกก้องกัมปนาทของเหล่าทหารอังวะ ทั้งหน่วยดาบ หน่วยโล่ หน่วยธนู ต่างวิ่งกรูชูธงปลิวไสว ร่วม 200 คน ต่างก็พากันตะโกนโห่ร้องวิ่งตามหลังกันเข้ามา หมายจะช่วยเหล่าทหารม้าจู่โจมทะลวงฟันของพวกตน ที่กำลังบดขยี้พระยาตากกับนักรบคู่ใจอย่างเมามัน ซึ่งเหล่าทหารม้า เมื่อเห็นพวกมันสมทบกันเข้ามาช่วย ต่างก็ชูดาบโห่ร้องต้อนรับอย่างยินดี ที่จะได้จบกันเสียทีกับเหล่าเสี้ยนหนามสี่ซ้าห้าตัว ที่สร้างความหงุดหงิดรำคาญให้กับพวกมันเสียเหลือเกิน.....

 

 

 


พระยาตาก หยุดม้าไว้ชั่วอึดใจ ก่อนทีจะหันไปมองเพื่อนร่วมตายที่อยู่บนหลังม้าทั้ง 3 ด้วยสายตาที่สงบนิ่งเฉย....

 

 

 


"สู้มัน!!.."

 

 

 


สิ้นเสียงคำรามของพระยาตาก เหล่านักรบเดนตายบนหลังม้าทั้งหมด ต่างก็พากันกระตุกม้าโจนทะยานไปข้างหน้า พร้อมตวัดกวัดเเกว่งดาบในมืออย่างไม่หยุดยั้ง เเม้จะสุดกำลังจวนเจียนจะหมดเเรง เเต่ไอ้เรื่องถอยเรื่องหนี ไม่มีอยู่ในหัวใจ!!.....

 

 

 


"รอฉันด้วย ท่านพระยา!!....."

 

 

 


เสียงพูดผ่านลำคอเบาๆของไอ้มาด ก่อนที่มันจะกระชับดาบคู่อันเป็นมรดกตกทอดของพ่อมันไว้เเน่น เเล้ววิ่งตรงเข้าหาศัตรูที่อยู่ข้างหน้าตามหลังม้าทั้ง 4 อย่างยอมตาย!!.......

guest
พลังภูผา
- Guest -

Post : 2017-08-10 22:29:59.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >   กระบะอัดท้าย จยย.!! หนูน้อยกระเด็น ออกจากอ้อมกอดเเม่!!.....

  

 

 

               

 

           กระบะอัดท้าย จยย.!! หนูน้อยกระเด็น ออกจากอ้อมกอดเเม่!!.....


www.arjanpong.com
#กระบะ #จยย.#หนูน้อย #อุทัย #บางปะอิน


Credit : สมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา
วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม 2560 เวลา 22:55 น.
ศูนย์รวมใจอุทัยจัดกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยออกตรวจสอบอุบัติเหตุบนสะพานข้ามสี่แยก อุทัย-บางปะอิน จากการตรวจสอบพบ รถจำนวน 2 คัน

1.รถยนต์กระบะ เชฟโนเลต สีเทา บย 9571 พระนครศรีอยุธยา
2.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ฮอนด้าคลิก สีดำ 1กธ9182 เชียงใหม่

จากการตรวจสอบเบื้องต้นรถยนต์กระบะได้ชนท้ายรถจักรยานยนต์ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ชาย 1 หญิง 2 (เด็ก 1 ราย ) ทั่ง 3 ราย ได้กระเด็นออกจากตัวรถจักรยานยนต์อาการสาหัส ทั่ง 3 ราย ให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนขอสนับสนุนทีมกู้ชีพ โรงพยาบาลอุทัย,พระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 คัน เข้าให้การสนับสนุนและเคลื่อนย้ายนำส่ง โรงพยาบาลราชธานี 1 ราย โดยกู้ชีพ โรงพยาบาลอุทัย อีก 1 ราย ชาย นำส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาโดยกู้ชีพโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ส่วนเด็กทารก เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

ทราบชือ 
1.นาย สิทธิชัย แซ่โค้ว 22 ปี
2.น.ส.กัลยาณี สาตร์เวช
113 ม.17 ต.สันทราย
อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
ส่วนเด็กไม่ทราบชือและเเม่หนูน้อยก็ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา....

 

guest

Post : 2017-08-07 23:35:04.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  10.พระยาตากต้องภัย..

  

*** ตำนานนักรบกรุงศรี!!..***

 

                                   

 

10. พระยาตากต้องภัย!!...
www.arjanpong.com
#อังวะ #พระยาตาก #นักรบ #กรุงศรี #อยุธยา


"อูยยยย!! เบาๆหน่อยซิวะไอ้ทองงงง ไอ้ฉิบหาย!!...."

 เสียงโอดโอยพร้อมหน้าตาบิดเบี้ยว เเบบบอกบุญไม่รับของพระยาองอาจราชสงคราม ที่เห็นไอ้ทอง กำลังเอาเกลือผสมน้ำค่อยๆราดลงที่ต้นเเขนข้างซ้ายของตนเอง ซึ่งเป็นเเผลมาจากการที่ตีฝ่าวงล้อมเเหกค่ายพิชัยออกมาพร้อมกับนักรบเดนตายทั้งหลาย ที่เวลานี้ต่างคนต่างก็ทอดกายใต้ร่มไม้ที่พอหาได้ เพื่อพักเอาเเรง ก่อนที่จะคิดการอื่นใดต่อไป ซึ่งบาดเเผลนี้มันกำลังเริ่มเป็นหนอง มีเเมลงวัน 2-3 ตัว บินตอมบาดเเผลอยู่ไม่ห่าง.... 

"ตัวใหญ่ใจมด!!.."
"มึงว่าอะไรนะ ไอ้ทอง!!..."
"ป่าวววววว!!..ข้าว่า เทราดเเผลอีกนิด มันก็จะหมดเเล้ว พี่อาจ!!.."
"เเต่หูกูไม่ได้ยินดั่งนั้น..."
"งั้น เดี๋ยวข้าเหลือน้ำเกลือสัก 3 หยด ไว้ล้างหูพี่อาจก็เเล้วกัน เผื่อจะได้ฟังอะไรๆให้มันชัดๆ ก่อนที่หูมันจะบอดไปเสียก่อน...""
"นี่เเหนะ!! หูบอด..ไอ้บ้า!!..."
พลั่กกกก!!
"โอ๊ยยยย!!..."

สิ้นเสียงของเจ้าทอง ร่างของมันก็กระเด็นเด้งดึ๋งไปครึ่งวา พร้อมทั้งใบตองรองน้ำเกลือ ก็กระเด็นกระจายหายไปคนละทาง 

"โอยยยยยยย!!..."
"มึงไม่ต้องมาคราง ไอ้ห่า!! รีบมาโปะยาให้กูได้เเล้ว!!.." 

เจ้าทองค่อยๆลุกขึ้น คลานไปหยิบเอาย่ามยาที่วางอยู่ใกล้ๆดาบประจำตัวของมัน ทีอยู่ภายในเพิงเล็กๆ มีทางมะพร้าวเอามาทำเป็นหลังคาหมาเเหงน สำหรับใส่เเผลทายารักษากันไปตามมีตามเกิด เป็นโรงหมอเล็กๆของทัพนักรบเดนตายเหล่านี้ 

เจ้าทอง หมอยาจำเป็น!! ค่อยๆหยิบเอาวัชพืชเหี่ยวๆ ที่มีดอกสีขาวคล้ายๆกับดอกดาวเรืองเเต่เล็กกว่า ดอกขนาดเท่าปลายก้อย
ได้มาพอขยุ้ม เเล้วขยี้พอเเต่มีน้ำเยิ้มๆออกมา พอได้ที่ เจ้าทองก็หยิบเอาเกลือมาโรยพอเเต่ซึมๆเข้าไปในตัวยา พร้อมทั้งหลับตาว่ากล่าวคาถาด้วยเสียงอันดัง

"พุทธัง อาราธนานัง รักษา ธัมมัง อาราธนานัง รักษา สังฆัง อาราธนานัง รักษา....อะสังวิสุโลปุสะพุภะ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ....จัตตาโร ปัตเตยะถา อะธิฎฐาหิ...สาธุ เพี้ยงงง!!.."

พี่อาจ ที่ขณะนี้กำลังกัดฟันกลั้นลมหายใจหันหน้าไปทางอื่น ถึงกับต้องสะดุ้งเฮือกกก!! เมื่อยาโปะเเผลของเจ้าทองที่เย็นเเว๊บเเสบถึงหัว ได้มาสัมผัสบาดเเผลที่กำลังเเสดงอาการจะเป็นหนองเน่าอยู่ในไม่ช้านี้ ก่อนที่พี่อาจจะค่อยๆผ่อนลมหายใจยาวๆออกมาอย่างโล่งอก เมื่ออาการเเสบจิ๊ดเมื่อสักครู่นี้ค่อยๆทุเลาลงไป พร้อมกับเจ้าทองก็ค่อยๆมัดยาโปะเเผลนั้น ด้วยตอกไผ่ตงที่เตรียมมาอย่างคล่องเเคล่ว 

"มึงเอายาอะไรมาโปะให้กู ไอ้ทอง!!..."
"กะเม็งตัวเมีย!!..."
"อ้าววววว ทำไมมึงไม่ใช้สาปเสือ.."
"ใครเขาใช้กันล่ะพี่อาจ!! ไอ้นั่นมันสำหรับเเผลสดๆ เเต่ถ้าเป็นเเผลเน่า เป็นหนอง สกปรกโสโครก เเมลงวันบินตอมไม่ห่าง ท่าทางต้องตัดเเขนทิ้งเป็นเเน่ ถึงจะมาใช้กะเม็งตัวเมีย..โอ๊ยย!!"
"ย๊างงงง!! กูยังไม่ได้ถีบมึงเลยนะไอ้ท้องงงง!!.."

พี่อาจ ตวาดเสียงสูง เเต่ก็อดยิ้มกับนิสัยทะเล้น ชอบเล่นชอบเเหย่ของเจ้าทองไม่ได้ บางครั้งก็โมโห เเต่พอเห็นหน้าเเละเเววตาใสซื่อของเจ้าหนุ่มจากคุ้มเวียงทอง ริมปิง คนนี้ ก็นึกเอ็นดูทุกครั้ง เพราะฝืไม้ลายมือในเชิงรบไม่ได้เรื่องไม่เป็นท่า เเต่เรื่องหยูกยาล่ะไม่เป็นรอง!!... 

"ไอ้ทอง..ไอ้นี่ กะเม็งตัวเมียเหรอ?..."
"จ๊ะ...."
"เเล้วตัวผู้ล่ะ?.."
"อ๋ออออ...ตัวผู้มันจะดอกสีเหลือง ตัวเมียมันจะดอกสีขาวจ๊ะ พี่อาจ..."
"อืมมม เเล้วกะเม็งตัวลูกล่ะ?.."
"อ๋อออ..ไม่มีหรอกจ๊ะ กะเม็งตัวผู้มันเป็นหมันน่ะพี่อาจ...โอ๊ยย!!.."
"มึงจะร้องทำห่าอะไร? กูถีบมึงเเล้วหรือยัง?!!.."

เสียงหัวเราะของชายหนุ่มต่างวัยสองคนในยามนี้ เป็นสิ่งที่วิเศษสุดที่หาที่ไหนไม่ได้อีกเเล้ว ในยามที่ไม่รู้ชะตากรรมสักนิดเลยว่า ต่อเเต่นี้จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของพวกเขา เเม้เเต่ชะตากรรมของบ้านของเมืองที่มืดอึมครึมอยู่ในขณะนี้ จะมีโอกาสกลับมาเป็นราชธานีเฉกเช่นเดิมต่อไปอีกหรือไม่? มันดูมืดมนไปเสียทุกทิศทุกทาง ไม่ว่า ไพร่ ฟ้า ประชา ขุนนาง ต่างก็เเบ่งเเยกกันเป็นก๊กเป็นเหล่า ไม่มีใครคิดที่จะสู้ โดยเฉพาะกรมขุนพรพินิต นักรบเบอร์หนึ่งของเเผ่นดิน กลับฝังตัวเงียบรายล้อมด้วยราชองครักษ์นับพันที่วัดราชประดิษฐ์ ไอ้หรืออีหน้าไหนห้ามกล้ำกรายเข้าไปเด็ดขาด ไม่เคยคิดสู้เพี่อกรุงศรีเลยเเม้เเต่น้อย ลูกเด็กเล็กเเดงทั่วทั้งเเผ่นดิน อยากจะคลานเข้าไปกราบก้มหน้ายังเบื้องพระบาท เเล้วอยากจะถามคำเดียวว่า เหตุไฉนใยพระองค์ท่านไม่คิดสู้!!... 

เสียงฝีเท้าม้าควบมาอย่างเร็วพร้อมฝุ่นคลุ้งกระจายของหลวงพรหมเสนา ได้มาหยุดกึกลงทันที!! ท่ามกลางเหล่านักรบเดนตาย ยังรอดเหลือราว 100 กว่าคน ที่ร่วมกันเเหกค่ายวัดพิชัยกันมา พร้อมกับเสียงตะโกนอันดังว่า 

"เฮ้ยยยย!! ไปช่วยกันหน่อยเว้ยยย พระยาตาก ลุยกับพวกอังวะที่ท้ายทุ่งโน่น!! ไปเว้ยยยย!!....."

 พอสิ้นเสียง หลวงพรหมเสนา ก็ชักบังเหียนกลับหลังทันที พร้อมกับกระทืบโกลนม้าด้วยส้นเท้ารัวๆถี่ๆสุดเเรงเกิด เจ้าม้าคู่ใจก็พุ่งไปยังทิศทางเดิมในเดี๋ยวนั้น พร้อมด้วยไพร่พลที่เหลือทั้งหมด ต่างก็พากันลุกขึ้นวิ่งโห่ร้องก้องตามหลังมา โดยมี พระยาองอาจราชสงคราม วิ่งถือดาบนำหน้าสุด ทั้งที่ลืมไปเลยว่า ยากะเม็งโปะเเผล มัดด้วยตอกไผ่ตง ได้หลุดร่วงหล่นลง ไปตั้งเเต่เมื่อไรก็ไม่รู้?!!..... 

 

guest

Post : 2017-08-05 19:33:42.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >   ระทึก!! โบสถ์วัดกรุงเก่าพังครืน!! อัศจรรย์พระพุทธรูปศักดสิทธิ์ไม่เสียหาย!!...

  

         

 

 

ระทึก!! โบสถ์วัดกรุงเก่าพังครืน!! 

อัศจรรย์พระพุทธรูปศักดสิทธิ์ไม่เสียหาย!!...1/2
www.arjanpong.com
#โบสถ์พัง #วัดสันติธรรม #วังน้อย #อยุธยา

 

วันที่ 3 ส.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า อุโบสถของ วัดสันติธรรมมาราม(วัดตาลเดียว) อยู่ที่ หมู่ 3 ต.วังน้อย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ติดกับถนน คันคลองชลประทาน 26 ห่างจาก สภ วังน้อย1กม และค่ายทหารศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ 1 อ.วังน้อย จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบอุโบสถอายุกว่า 30 ปีทรุดยุบตัวพังถล่มมาทั้งหลัง พระพุทธรูปภายในโบสถ์ยังเอาออกไม่ไม่ได้ เกรงว่าจะพังเสียหาย และเกิดอันตราย มีชาวบ้านมาแกะเอากระดูกของผู้เสียชีวิต ที่ติดไว้ข้างกำแพงรอบพระอุโบสถออกเพื่อไปทำพิธีลอยอังคาร

 

พระครูสังฆรักษ์ ศุภพงษ์สุจิต เจ้าอาวาส วัดสันติธรรมมาราม (ตาลเดียว) เปิดเผยว่า เมื่อวานได้ออกไปธุระข้างนอก กลับมา ได้เดินตรวจตราภายในวัด จึงมองไปที่อุโบสถ แล้วได้ยินสียงลั่นของหลังคาโบสถ์ สักพักเอียงทรุดตัวพังพาบลงไปทั้งหลัง จึงได้แจ้งคณะกรรมการวัด ให้มาช่วยกันดูแลเก็บของ ภายในโบสถ์ออกมา แต่ทุกคนกลัวอันตรายไม่กล้ากลัวหลังคาโบสถ์จะพังถล่มทรุดตัวลงมาทับร่าง และในวันนี้ พระครูวิสิฐพัฒนพิธาน ธมุมทตุโต เจ้าคณะอำเภอวังน้อย ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีชาวบ้านนำอุปกรณ์มาแกะเอากระดูกของญาติที่เสียชีวิตไปแล้วที่ข้างกำแพงอุโบสถ์ออก เพราะเกรงว่าอุโบสถจะพังถล่มลงมาอีก โดยได้สั่งการให้ พระพรปณต เขมจาโล พระลูกวัด ที่ดูแลการก่อสร้างพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ ให้ดูแลเก็บข้าวของภายในโบสถ์ออกให้หมด เพราะกลัวว่าโบสถ์จะพังทลายลงมาอีก โดยได้รับการสนับสนุนกำลังทหารจากค่ายทหารศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ 1 อ.วังน้อย กว่า 100 นาย

 

นายสำเริง ถวายธูป ไวยาวัจกรวัด กล่าวว่า วัดนี้สร้างขึ้นมานานกว่า 30ปี โดยเจ้าอาวาส องค์เก่าที่ได้มรณะไปนานแล้ว และพระครูสังฆรักษ์ เจ้าอาวาส องค์ใหม่ได้ดูแลแทน โดยบอกว่า อุโบสถที่ทรุดตัวพังลงมา สาเหตุอาจจะเกิดจากการสถานที่ก่อสร้างอุโบสถในสมัยก่อนเป็นบ่อน้ำลึก ตอน ก่อสร้างโบสถ์ เจ้าอาวาส องค์เก่า ไม่ได้ถมดิน แต่ตอกเสาเข็มไม้เลย โดยสมัยก่อนใช้เข็มเป็นไม้ยูคาลิปตัส ไม่ได้ใช้เสาเข็มที่เป็นปูนเหมือนสมัยนี้ แล้วพื้นของชั้นใต้ดินเกิดยุบตัว จึงทำให้ เสาเข็มไม้ที่ผุกร่อนตามอายุ ขัย และ ฝนตกหนักทุกวัน จึงอาจเป็นสาเหตุให้อุโบสถ์ รับน้ำหนักไว้ไม่ไหวเลยเกิดทรุดตัวพังถล่มลงมาดังกล่าว

 

น.ส.เนาวรัตน์ อัจจาครุ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.วังน้อย กล่าวว่า วันนี้ ได้มีชาวบ้านมาเก็บกระดูกที่บรรจุอยู่ข้างกำแพงอุโบสถออก ไปไว้ที่อื่น เพื่อนำบำเพ็ญกุศล และลอยอังคาร เพราะอุโบสถมีแนวโน้มจะพังเพิ่ม และคงต้องรื้อหมดทั้งหลังแล้วสร้างหลังใหม่ขึ้นมาแทนที่ เพื่อพระภิกษุสงฆ์จะได้ปฏิบัติกิจของสงฆ์ได้ วัดยังสร้างพระไสยาสน์องค์ใหญ่ยังไม่ทันเสร็จเลย ต้องหางบมาสร้างอุโบสถหลังใหม่อีกคงต้องใช้เงินอีกจำนวนมาก

 

Credit : ภาพ/ข่าว เกียรติยศ ศรีสกุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

 

        

 

 

         

guest

Post : 2017-08-04 14:35:20.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  ถนนปราบเซียน!!

  

 

  

 

 

                *** ถนนปราบเซียน!!... ***

www.arjanpong.com
#อุทัย #จอมพลปอ #อาป๋า #ยุธยา

Credit : ศูนย์วิทยุรวมใจอุทัย อยุธยา


01/08/2560 : 22.10 น ศูนย์วิทยุรวมใจอุทัย อยุุธยา
รับแจ้งมีอุบัติเหตุเส้นทางถนนจอมพล ปอ ใกล้เคียง หน้าร้าน อาป๋าหมูกระทะ 
เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบ รถจักรยานยนต์ เฉี่ยวชนกับ รถจักรยานยนต์ พบผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือก่อนนำส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา กู้ภัย 1243 รับดำเนินการผู้บาดเจ็บ ขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยาทุกนายที่ให้การช่วยเหลือ.........

 

            

 

          

 

          

 

          

 

          

 

          

 

        

guest
ป้อง
- Guest -

Post : 2017-08-03 13:22:41.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  ลืมในรถ 8 ช.ม 5 ขวบโคม่ีา!! สลดที่บางไทร รถรับนักเรียน!!

  

 

 

                

  

 

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 1 ส.ค.60 นายบุญเลิศ วัฒกี อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 4 ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา คนขับรถยนต์โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ สีบรอนทอง หมายเลขทะเบียน บย 1114 พระนครศรีอยุธยา ส่งนักเรียนแล้วลืมเด็กไว้ในรถอาการสาหัส เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.ช้างใหญ่ และร.ต.ท เสวต ศรีแก้ว รองสว.(สอบสวน)สภ.ช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา

 

นายบุญเลิศ เล่าว่า มีอาชีพขับรถรับส่งเด็กนักเรียนมานาน 4 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ก.ค. เวลา 07.30 น. ได้รับนักเรียนตามปกติคือเที่ยวแรกได้รับนักเรียนจำนวน 30 คนไปส่งที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 2 และกลับไปรับเด็กนักเรียนชุดที่ 2 จำนวน 8 คน โดยมีเด็กชายชนะชัย หรือน้องกาก้า อายุ 6 ปี ชั้น ป.1 โรงเรียนวัดเชิงเลน ได้นั่งอยู่ในแค็ปหลัง เพื่อนำไปส่งโรงเรียนวัดเชิงเลนหลังจากส่งเสร็จตนก็ได้ขับรถไปจอดที่บ้านตามปกติ

 

จนกระทั่งเวลา 13.00 น. นางมะลิวัลย์ พิมพ์เอี่ยม อายุ 40 ปี คนงานในบ้าน ได้เดินไปที่รถเพื่อจะไปเอาของจึงพบเด็กชายกาก้า นอนขดหมดสติอยู่ที่เบาะหลัง ตนจึงได้รีบนำส่งโรงพยาบาลบางปะอินและอาการสาหัสนำตัวส่งต่อโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จากนั้นได้แจ้งให้นายสุทธิชัย คงผล อายุ 33 ปี และนางขวัญตา บุญงาม อายุ 33 ปี พ่อแม่ของน้องกาก้า อยู่บ้านเลขที่ 5 ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ไปดูอาการน้อง นอนรักษาตัวที่ห้องไอซียู แพทย์บอกว่าอาการไม่ตอบสนอง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

 

นายบุญเลิศ กล่าวต่อว่า ปกติส่งเด็กนักเรียนเสร็จจะนำรถมาจอดที่บ้านแล้วทำความสะอาดลดกระจกลง แต่เมื่อวานพอกลับมาบ้านท้องฟ้ามืดครื้มตนจึงรีบจอดรถแล้วเข้าบ้านเลยไม่ได้ตรวจสอบ ตนรู้สึกเสียใจและขอโทษพ่อแม่และญาติน้องกาก้า ยอมรับว่าประมาทจึงยอมรับผิดและจะบวชให้น้องกาก้าต่อไป

 

พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.ช้างใหญ่ กล่าวว่า ทางตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และประกอยการขนส่งประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถตู้ที่โรงพักไปรับเด็กนักเรียนแทนนายบุญเลิศก่อนในวันนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ปกครอง เพราะพนักงานสอบสวนสอบปากคำนำส่งศาลไม่ทัน ต้องส่งฟ้องพรุ่งนี้และประกันตัวชั้นศาลแล้วแต่ศาลพิจารณาอีกครั้ง

 

Credit : คมชัดลึก/เอทีวี อยุธยา

 

 

 

 

 

 

guest

Post : 2017-08-02 14:18:47.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  9.ทหารเสือคู่ใจ..

 *** ตำนานนักรบกรุงศรี!!..***

(เขตปลอดวิชาการ..)

 

                                               
9.ทหารเสือคู่ใจ!!
www.facebook.com/arjanpong123
#ตำนาน #อยุธยา #อังวะ #พระยาตาก

ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าของไอ้มาดหนุ่มคลองข้าวเม่า มันเเทบไม่อยากจะเชื่อในสายตาของมันเลย!! ฝูงม้าทั้ง 5 ที่พุ่งทะยานเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง พุ่งตรงเข้าใส่ หมายบดขยี้กองกำลังทหารม้าจู่โจมทะลวงฟันของอังวะ ที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่า พร้อมยังมีกองกำลังอังวะเหล่าราบคะเนไม่ต่ำกว่ำ 200 ไม่ว่าจะเป็นหน่วยดาบ หน่วยโล่ หน่วยธนู ที่กรูตามกันเข้ามาประชิดตามหลังอยู่ชูธงปลิวไสว ไม่ไกลจากหน่วยม้าจู่โจมทะลวงฟันนี้เลย!!...

ม้าตัวเเรกของพระยาตากเข้าถึงก่อน ฟันโช๊ะ!! ฟาดเฉียงลงไปอย่างรวดเร็ว ที่คอของทหารอังวะคนนั้น ที่ยังไม่ได้ขยับคิดจะทำอะไรเลย!! ส่วนทางปีกซ้ายถัดออกไป พระเชียงเงิน อดีตเจ้าเมืองเชียงเงิน ที่เป็นเมืองจัตวาขึ้นกับเมือง ตาก-ระเเหง ก็ถือว่ามีไพร่พลบริวารอยู่ไม่ใช่น้อย อีกทั้งบรรดาศักดิ์ที่เป็นพระ ก็สูงกว่าบริวารทั้งหมดของพระยาตากในขณะนี้ ก็ได้เข้าโรมรันพันตู เสียบดาบเข้าไปที่ท้องของทหารอังวะอย่างสุดเเรงเกิด พร้อมกระชากกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกระตุกบังเหียนกระทืบโกลนอย่างรุนเเรงตลอดเวลา หวังพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนใจร่างทหารอังวะคนที่ถูกเเทงท้อง ค่อยๆร่วงลงจากหลังม้าอย่างช้าๆ...

"จ่า!! ตามพวกเรามา จัดกำลังปีกกา โอบล้อมบดขยี้มัน!!.."
"ครับนาย!!..."

"สิ้นเสียงตะโกนสั่งของพระยาตาก หลวงพรหมเสนา ขุนศึกเเม่นธนูผู้ระวังหลัง ก็กระชากบังเหียนหันกลับหลังตามคำสั่งของพระยาตากทันที!! ไม่มีอะไรจะเคลือบเเคลงสงสัยในความเชื่อใจของ บ่าว-นาย คู่นี้อีกเเล้ว หลวงพรหมเสนา หรือ จ่าเมือง ทหารชั้นประทวนจากคุ้มเชียงทอง เนินเขาเตี้ยๆริมฝั่งเเม่น้ำปิง ที่รับใช้ใกล้ชิดพระยาตาก มาเเต่ครั้งที่อยู่เมืองตาก เป็นคนที่ชอบทางด้านไสยศาสตร์ วิชาคาถาอาคม เป็นหมอสักยันต์ให้เเก่บรรดาทหารทั้งหลายของพระยาตาก เเถมยังเก่งการใช้ธนูเป็นเลิศ!!....

"ควับบบ!!.."
"อ๊ากกกกกกก!!.."

เสียงดาบอันคมกริบของ หลวงพิชัยอาสา ระคนไปพร้อมกับเสียงร้องอันดังของทหารอังวะที่อยู่ทางด้านขวาของพระยาตาก ลอบกัดในขณะที่กำลังสั่งงานหลวงพรหมเสนา โดยที่มิทันได้ระวังตัว เเขนข้างที่ถือดาบของมัน หลุดกระเด็นไปพร้อมกับเสียงดาบที่ฟันลงไปอย่างสุดกำลังของ หลวงพิชัยอาสา พร้อมเลือดที่พุ่งกระฉุด!! พร้อมๆกับร่างของไอ้คนลอบกัด ก็ค่อยๆฟุบตัวอยู่บนหลังของมันอย่างช้าๆ....

"ขอบใจ..จ้อย!!..."

เสียงพูดเบาๆผ่านลำคอของพระยาตาก พร้อมกับสายตาที่ชื่นชม
หลวงพิชัยอาสา หรือ จ้อย เด็กหนุ่มจากบ้านห้วยคา เมืองพิชัย ลูกศิษย์ครูเที่ยง ครูมวยชื่อดัง ที่ครบเครื่องทั้งเรื่องศัตราวุธ เเละเชิงหมัดเชิงมวยก็ไม่เป็นสองรองใคร พระยาตากชักชวนให้มาเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยง ตั้งเเต่เอาชนะครูหมีก ยอดมวยเมืองตากเสียจนราบคาบ เป็นที่ถูกอกถูกใจพระยาตากสมัยยังเป็นเจ้าเมืองตากเป็นยิ่งนัก!!...

"ปังงง!!..."

เสียงปืนดังขึ้น 1 นัด พร้อมกับร่างของทหารอังวะคนหนึ่งที่กำลังเข้าประชิดทางด้านหลังของพระยาตาก ร่วงจากหลังม้าทันที!! พร้อมกับ หลวงราชเสน่หา ก็รีบเหน็บปืนที่บรรจุกระสุนลูกกลมๆ ได้เพียงครั้งละนัดเข้าข้างเอวอย่างรีบเร่ง พร้อมกับมือขวาที่ยังคงถือดาบอยู่ ก็เริ่มกวัดเเกว่งอยู่ข้างกายพระยาตากต่อไป เพราะนี่คือปราการด่านสุดท้ายเเล้ว ถ้าอริศัตรูหลุดเข้ามาเมื่อไร ก็จะถึงตัวนายทันที!!....

อนาถเหลือเกิน ทัพพระยาตาก ที่หาญกล้าตีฝ่าวงล้อมเเหกด่านวัดพิชัยออกมา ในสภาพอดมื้อผอมโซ อาวุธส่วนใหญ่ก็ได้มาจากชาวบ้านที่หยิบยื่นให้ ไม่มีกำลังทรัพย์ ไม่มีกำลังหนุน มีเเต่ใจล้วนๆ ที่ทุกคนจะไม่ยอมตกเป็นขี้ข้าของพวกอังวะ!!
ข้างหน้ายังไม่ล่วงรู้ชะตากรรมเลยว่า จะต้องไปเจอกับศัตรู ที่มีทั้ง ช้าง ม้า ไพร่พล ปืนใหญ่-ปืนยาว เรือรบ-ธนูไฟ อีกสักเท่าไร?!! ในขณะที่ทัพของพระยาตาก มีปืนบรรจุกระสุนยิงทีละนัด เหลือเพียงเเค่กระบอกเดียว!!............

 

 

guest
ArjanPong
- Guest -

Post : 2017-07-28 15:26:09.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  8.จะไม่ขอทนอีกต่อไป

*** ตำนานนักรบกรุงศรี!!..***
(เขตปลอดวิชาการ)

                               

                                 

 

8.จะไม่ขอทนอีกต่อไป!!


www.facebook.com/arjanpong123
#ตำนาน #นักรบ #อังวะ #พระยาตาก

 

กองกำลังอังวะ ที่มีทหารม้าจู่โจมทะลวงฟัน 30 ม้า พร้อมทั้งกองกำลังนักรบอีก 200 นาย ของ เมขะระโบ กับ เเนกวนจอโบ ที่บดขยี้กองกำลังของ กรมหมื่นเทพพิพิธ ที่ปากน้ำโยทะกา ปราจีน จนเเตกพ่ายหนีไปยังเมืองพิมาย ด้วยสภาพเสือลำบาก จนสามารถควบคุมสถาณการณ์ กวาดต้อนชาวบ้านละเเวกใกล้เคียง ไม่ให้กระด้างกระเดื่องต่อกองทัพของอังวะต่อไปได้..

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ กองกำลังบางส่วนของอังวะ ก็สลับสับเปลื่ยนกำลังกัน ที่ผ่านศึกโชกโชนจากการเข้าตีปากน้ำโยทะกา กับสมรภูมิบางคาง เเขวงเมืองปราจีน ก็ถึงคราได้พักผ่อนบ้าง โดยนำกำลังบางส่วนมุ่งหน้ากลับค่ายโพธิสามต้น เพื่อพักรบให้หายล้า หวังมุ่งหน้าตีกรุงศรีให้เเตกต่อไป!!..

ครั้นลุ วันเสาร์ เเรม 9 ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา พ.ศ 2309 ในขณะที่ใกล้จะถึงค่ายโพธิ์สามต้น ก็บังเอิญได้มาเจอกับเฒ่าคำ ที่กำลังออกมาล่านก ตกปลา อยู่พอดี จึงหมายจะบดขยี้เสียให้สิ้นซากตามวิสัยของผู้มีชัย กองกำลังอังวะก็เลยชักม้าพุ่งมาข้างหน้า หวังจะฆ่าทิ้งเสีย!! โดยมีไอ้โชติ พรานกระต่ายที่เคราะห์ร้ายอีกคนที่อยู่เเถวนั้น วิ่งหนีเอาชีวิตรอดไม่ทัน จบชีวิตลงที่ตรงท้ายทุ่งนั่นเอง!!
ไอ้มาด!! รีบตะโกนบอกเมียรักให้รีบอุ้มลูกสาวตัวเล็กวิ่งหนีเข้าป่าไปก่อน ส่วนตัวของมันก็กระโดดขึ้นไปบนกระท่อม คว้าดาบคู่ 2 เล่ม เเล้วลงเข้าวิ่งไปหา เหล่าม้าจู่โจมทะลวงฟันของอังวะอย่างไม่กลัวตาย!!....

หน่วยจู่โจมทะลวงฟันของกรุงอังวะ ที่กำลังควบม้าฝุ่นตลบกลบรอยเท้าของเฒ่าคำที่วิ่งหนีกลับเข้ามาอย่างสุดชีวิต ต้องค่อยๆชลอฝีเท้าม้าลง เมื่อเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าคนบ้าหรือดี? ที่วิ่งปรี่เข้าหาพญามัจจุราชอย่างไม่กลัวตายเช่นนั้น?!!..

หัวหน้าใหญ่ที่นั่งอยู่บนหลังม้าสีดำตัวเขื่องอ้วนพี ก็ได้ให้สัญญาณเหล่าจู่โจมทะลวงฟันที่ควบม้าตามหลังมา ให้หยุดดูท่าทีของชายหนุ่มที่ถือดาบคู่วิ่งตรงดิ่งเข้ามาเสียก่อนว่า เป็นกลลวงอุบายอย่างไรหรือเปล่า? เพราะเเต่ไหนเเต่ไร ก็จะเห็นเเต่พวกขี้ขลาดตาขาว ยอมอ่อนน้อมถ่อมตนหรือไม่ก็คิดหลบหนี ทิ้งค่ายทิ้งคูเอาตัวรอดด้วยกันทั้งสิ้น น้อยเหลือเกินที่จะเอาชีวิตเข้าเเลกชนิดเลือดหลั่งโลมชโลมลงดิน ยอมสิ้นเเม้กระทั่งตัวตายเหมือนกับไอ้หนุ่มคนนี้...

เเล้วเจ้าหัวหน้าใหญ่ ก็หันหน้ามาทางลูกน้อง พร้อมกับเเสยะยิ้มส่ายหัวอย่างดูหมิ่นดูเเคลนเสียเต็มประดากับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นเหลือเกิน พลางขยับชิดหัวอาน หัวพร้อมกับลำตัวตั้งตรง ตามองที่หมายเสมอตา ยืดอก ไหล่เเบะไปข้างหลัง เข่าด้านในเเนบชิดติดเเผงอานม้า พร้อมทั้งกระเเทกส้นเท้าลงไปที่โกลนเเบบรัวถี่ๆๆไม่ยั้ง ตวัดสายบังเหียนด้วยมือซ้ายเป้าหมายคือศัตรูที่อยู่ข้างหน้า เจ้าอาชาสีดำอ้วนพีคู่ใจไม่ต้องพูดถึง ขณะนี้หูของมันทั้งสองข้างได้ลู่ไปข้างหลังด้วยอาการโกรธ พุ่งทะยานออกไป หมายบดขยี้เป้าหมายให้พินาศสิ้น..

ทั้งสองต่างก็ทะยานพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ไอ้มาดกระชับดาบคู่ไว้มั่นวิ่งเข้าหาอย่างไม่กลัวตาย ส่วนเจ้าหัวหน้าใหญ่ที่อยู่บนหลังม้า ก็ยกดาบยาวขึ้นสูงเหนือหัวด้วยมือขวา กะดาบเดียวให้คอขาดกระจุยเลยทีเดียว!!..

"ฉึกกกก!!.."

เสียงลูกธนูเเหวกอากาศ เเทรกผ่านชุดเกราะเหล็ก พุ่งทะยานเสียบเข้าไปใต้หัวไหล่ภายในวงเเขนของเจ้าตัวหัวหน้าใหญ่อย่างพอดีเป๊ะ!! เลือดพุ่งกระฉูดพร้อมกับร่างของมันก็ค่อยๆร่วงหล่นลงมายังพื้นดิน ก่อนที่คมดาบของมัน จะบั่นคอของไอ้มาดอย่างหวุดหวิด ห่างกันเเค่เพียงสามช่วงตัวเท่านั้น!!..

สายตาทุกคู่ ต่างก็หันไปมองยังทิศทางที่มาของลูกธนูดอกนั้นโดยมิได้นัดหมาย ภาพที่เห็นอยู่นั่น ม้าศึก 5 ม้า ที่ยืนสงบนิ่งอยู่ไม่ไกลภายใต้ต้นไทรต้นใหญ่ กำลังจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ด้วยอาการสงบ บุรุษที่นั่งอยู่บนหลังม้าตัวสีขาว ที่อยู่ตรงกลางอันโดดเด่น ได้จ้องมองเหตุการณ์ที่เหล่านักรบอังวะ รุมไล่บดขยี้ชาวบ้านกรุงศรี ที่มีเพียงหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง!! สายตาของบุรุษคนนั้นจ้องมองด้วยเเววตาเเห่งเสือ ฟันที่ขบกันจนกรามนูนขึ้น อันเเสดงออกถึงอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด ที่เห็นการต่อสู้ของเหล่านักรบอังวะกับไอ้หนุ่มคนนี้ ที่มีจิตใจอันกล้าหาญ ทีมันไม่มีทีท่าว่าจะถอยไปเลยเเม้เเต่ก้าวเดียว!!...

"พระยาตาก!!.."

เสียงของไอ้มาด กระซิบผ่านลำคอออกมาเบาๆ พร้อมกับภาพที่มันเห็น ม้าทั้ง 5 ที่ยืนสงบนิ่งอยู่นั้น ต่างก็พากันพุ่งทะยานออกมา กระโจนข้าหากองกำลังอังวะที่มีมากกว่าอย่าบ้าคลั่ง!!...

guest
ArjanPong
- Guest -

Post : 2017-07-22 22:31:50.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  ึ7. กูยอมตาย!!

 

                                 

 

7. กูยอมตาย!!..

 

"พี่มาด..ตกลงพี่ไม่ไปช่วยพระยาตากดอกหรือ?!..."

 

เสียงถามเบาๆจากเมียรัก ที่เอ่ยทักหลังจากไอ้มาดกลับมาจากหาปลาตั้งเเต่เช้ามืดด้วยเหงื่อโทรมกาย ก่อนที่มันจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆกับเเคร่ไม้ไผ่ ใต้ต้นมะขามข้างบ้าน โดยที่มันไม่ได้สนอกสนใจคำถามเมื่อสักครู่จากเมียรักของมันเลยเเม้เเต่น้อย...

 

อีจู้ดักปลาไหลไม้ไผ่ ที่มีปลาไหลขนาดเขื่อง 7-8 ตัว ดิ้นขลุกขลักอยู่ในกะพล้อด้านใน โดยมีงาเเซงเเยงเหยื่อ ล่อเอาไว้ให้เจ้าปลาไหลหลงกลตายใจ ครั้นจะมุดหัวออกทางปลายก็ไปติดเศษฟางเศษหญ้า อุดทางปิดปากซะเเน่น รอให้เจ้ามาดจับออกมาทีละตัวๆ

 

เมียรักรู้ใจ ยกน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ พร้อมด้วยกะลามะพร้าวขัดมัน เทน้ำมาให้เกือบเต็มกะลา เเล้วก็วางไว้ข้างๆ ก่อนที่จะไปสาละวนตระเตรียม ข้าวเหนียวหัวหงอก ที่เป็นข้าวเหนียวคล้ายข้าวเหนียวหน้าปลาเเห้ง เเต่มีการโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด มีความเค็มหวานอยู่ในตัว ซึ่งเป็นของโปรดของนังหนูลูกสาวคนเดียวของคนทั้งสอง ให้นังหนูมันได้กินซะก่อน...

 

"เสร็จเเล้วมาเปิบข้าวเช้ากันนะพี่..."

 

กล่าวจบ เมียรักก็เเอบถอนหายใจลึกๆเสียมิได้ กับท่าทีอันเฉยเมยของผู้เป็นผัว เเต่ถึงกระนั้น ข้าวอวบเม็ดยาวคล้ายข้าวเหนียว พร้อมน้ำพริกปลาเเห้ง ก็วางไว้อยู่บนเเคร่อย่างเรียบร้อย

 

"อีโพ!!..มึงขึ้นไปบนเรือน หยิบเอา ปูน เอาเกลือ ยาฉุนกับพลู มาให้กูหน่อย!!..."

 

พูดจบ ไอ้มาดก็หยิบเอาใบอีเทิน ที่ห่อด้วยผ้าคาดเอวสีเทาเก่าๆของมัน ซึ่งไปหาเด็ดเก็บมาจากท้ายทุ่งเมื่ออิตอนหาปลา ได้มาประมาณสักสอง-สามกำมือ เกลี่ยวางไว้บนเเคร่ หลังจากจัดการเจ้าปลาไหลในอีจู้เป็นที่เรียบร้อย

 

"พี่ไปโดนอะไรมาหรือ? ถึงต้องบดยาห้ามเลือด!!.."

"มึงขึ้นไปหยิบมาเหอะ กูเเค่ทำเตรียมไว้เฉยๆ..."

 

เมียรักก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ถามกวนอกกวนใจอะไรต่อไป ให้มันเพิ่มคำยาวสาวคำยืด หันหลังก้าวขึ้นกระท่อมไม้ไผ่หลังคามุงจาก ที่มีกระไดไม้ไผ่พาดสูงขนาดน้ำท่วมพอพ้น ไปหยิบเอา ปูน เอาเกลือ ยาฉุนกับพลู มาให้ผัวซะก่อน เเล้วจึงค่อยย้อนกลับมาปลุกนังหนูขึ้นมาเปิบข้าวเช้าพร้อมๆกัน

 

เธอเองก็ได้เเต่ภาวนาคุณพระคุณเจ้า ว่าเมื่อไหร่เหตุการณ์ร้ายๆของบ้านของเมือง มันถึงจะจบถึงจะสิ้นกันเสียที พ่อของเธอถูกทหารอังวะฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยมที่บ้านข้าวเม่า ในขณะที่ผัวโดนเกณฑ์ใบบอกอยู่ทุ่งภูเขาทอง พวกทหารอังวะพวกนี้ช่างโหดร้ายอำมหิตเสียเหลือเกิน บุกเข้าเผาหมู่บ้านซะจนราพณาสูร เด็ก คนเเก่ พวกมันฆ่าทิ้งหมด!! ถ้าเป็นชายมันก็จับไปเป็นเชลย ถ้าเป็นหญิงมีน้ำมีนวลหน่อย ก็จะถูกข่มเหงรังเเกข่มขืนอยู่ตรงนั้นนั่นเอง หากขัดขืนไม่สบอารมณ์ ก็หมดลมหายใจกันอยู่ตรงนั้น!! โชคดีที่เธอคว้านังหนูลูกสาวไว้ได้ เเละเเม่ก็หนีเตลิดเปิดเปิงไปกับน้องสาว ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร?

 

"เฮ้ยยยย!! หนีเร๊ววววว!!..ไอ้โชติ ไอ้มาด พวกอังวะ มันควบม้ามาทางนี้เเล้วเว้ยยย!!!.."

 

สิ้นเสียงตาคำ เฒ่าล่านกมือฉมังเเห่งคลองข้าวเม่า ที่่วิ่งกระหืดกระหอบอย่างไม่คิดชีวิตพร้อมกับหน้าไม้ อาวุธประจำกายสะพายเเล่งไว้เเน่น ร้องตะโกนบอกทุกคนให้รีบหนีเอาชีวิตรอด!! เเต่ก็ช้าเกินไปเสียเเล้ว ไอ้โชติที่กระท่อมอยู่ติดกัน ที่เห็นยืนเก้ๆกังอยู่ปลายทุ่ง ทำท่าจะกลับหลังหันวิ่งหนีเข้ามาทางกระท่อม ก็ถูกทหารม้า 30 กว่าม้า ควบฝุ่นตลบไล่ตามหลังมาทัน

 

ควับบบ!!

 

เสียงดาบอันคมกริบ ดังเเหวกอากาศพร้อมกับเเขนข้างหนึ่งของไอ้โชติ หลุดขาดกระเด็นเลือดสาดพุ่งร่วงหล่นอยู่ตรงนั้นนั่นเอง เเล้วร่างของมันก็ทรุดฮวบกองอยู่กับพื้นตรงนั้น!!

 

"อีโพ!! อุ้มนังหนูหนีไป เร๊ววว!!."

 

ไอ้มาดได้ตะโกนให้ลูกเมียรีบหนีไป ส่วนมันก็กระโจนขึ้นไปบนกระท่อม หยิบเอาดาบคู่ที่เป็นอาวุธประจำกาย กระโดดลงมายืนปักหลักอยู่หน้ากระท่อม ขวางทางหมู่ม้าทะลวงฟันของพวกอังวะ โดยไอ้มาดจะไม่ยอมหนีอีกต่อไปเเล้ว มันขอตายอยู่ตรงนี้!!

 

" มึงเรียงหน้ากันเข้ามาเลย ไอ้พวกสัตว์นรก!!...."

 

มือที่กุมดาบคู่ไว้มั่น พร้อมสายตาที่จ้องเขม็งไปข้างหน้า ไอ้มาด..มันก็สาวเท้าเดินเข้าหาทัพม้าของพวกอังวะอย่างไม่กลัวเลยเเม้เเต่น้อย มันพร้อมเเล้วที่จะเอาชีวิตของมันเข้าเเลก เพื่อให้คนอื่นได้หนีรอดปลอดภัย!!.....

guest
ArjanPong
- Guest -

Post : 2017-07-21 00:16:02.0     Forum: นิยาย ตำนานนักรบกรุงศรี  >  6.เด็ดหัวให้สิ้นซาก!!

 

 

                                        

 

6.เด็ดหัวให้สิ้นซาก!!    

 

 โครม!!   

 

 เสียงกระบอกไม้ไผ่ ที่บรรจุเหล้าป่าเกือบเต็มกระบอก ถูกเจ้าของขว้างด้วยโทสะอย่างสุดขีด  เฉียดหัวของนักรบเดนตาย 3 คน ในกองม้าทะลวงฟันของกรุงอังวะ ที่เหลือรอดกลับมาได้  หลังจากได้ติดตามกองกำลังพระยาตาก ที่เเหกด่านวัดพิชัยมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก  เเล้วพลาดท่าเสียที ตายเกือบหมด!!     

 

เนมโยสีหปเต๊ะ เเม่ทัพใหญ่ของกรุงอังวะ ค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ จากูบหลังช้าง ที่วางอยู่ภายในค่ายโพธิสามต้น เเล้วมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าของนักรบกองม้าทะลวงฟันทั้งสาม ที่ยังหมอบก้มหน้า ด้วยเนื้อตัวอันสั่นเทา...    

 

 ควับบบ!!   

 

 เสียงดาบในมือของ เนมโยสีหปเต๊ะ เเหวกอากาศโช๊ะลงไป!! พร้อมทั้งหัวที่หลุดออกจากบ่า ของนักรบผู้พ่ายเเพ้คนหนี่ง กลิ้งกระเด็นตกลงมาพร้อมทั้งเลือดที่พุ่งกระฉูด ไหลนองเปรอะเปื้อนอยู่ตรงนั้น ก่อนที่นักรบที่เหลืออีกสองคน จะถูกองครักษ์ของท่านเเม่ทัพ เข้าประกบเเล้วลากตัวออกไปข้างนอกทันที่!!   

 

 ท่านเเม่ทัพเดินกลับไปที่กูบหลังช้างอย่างช้าๆ โดยที่ไม่ได้หันกลับมามองเลยเเม้เเต่น้อย ปล่อยให้ร่างของนักรบชะตาขาดคนนั้น เป็นหน้าที่ขององครักษ์ที่เหลือ เร่งรีบในการทำความสะอาดคราบเลือดที่กระเด็นเซ็นซ่านกันอย่างรวดเร็ว เเล้วท่านเเม่ทัพก็หยิบเอาหนังกระต่ายสีเทาขนาดฝ่ามือ ที่วางอยู่บนโต๊ะ เช็ดปาดคราบเลือดที่ดาบเล่มนั้น ก่อนที่จะเสียบดาบเก็บเข้าฝักไว้ตามเดิม

 

 "ไอ้เมขะระโบ กับ ไอ้เเนกวนจอโบ ที่กูให้ไปบดขยี้ กรมหมื่นเทพพิพิธ ที่ปากน้ำโยทะกา ปราจีน ผลเป็นยังไง?!!.."

 

 เสียงทุ้มต่ำของเนมโยสีหปะเต๊ะ ทำให้เลือดในกายของเหล่าเสนาอำมาตย์ ที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านเเม่ทัพ มาไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยสมรภูมิ ต่างพากันนั่งก้มหน้านิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เต็ง ที่ตั้งรายล้อมโต๊ะเเผนที่จำลองขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ด้วยหัวใจที่หวาดหวั่น เพราะทุกคนรู้ดีว่า ถ้าท่านเเม่ทัพพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆต่ำๆช้าๆคราใด ไม่ใครก็ก็ใครมีอันต้องเลือดตกยางออกกันบ้าง!!

 

 "กูถามมึง!! ไอ้มองย่า!!..."

 

 เสียงทุ้มต่ำของท่านเเม่ทัพ ยิ่งลดโทนเสียงลงไปอีก เกือบจะเป็นเสียงกระซิบกระซาบจากผีพรายตายโหง ก่อนที่จะเดินตรงไปยังสัปคับคชาธาร ที่มี ทวน ง้าว โตมร ปืน หอกซัด วางเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบง้าว ค่อยๆดึงออกมาจากซอง เเล้วจ้องหน้าผู้ที่ถูกถาม ด้วยดวงตาประกายดุจเเววตาเสือ!!

 

 "ขะๆขอรับ ท่านเเม่ทัพ!!..."

 

น้ำเสียงตะกุกตะกัก ของ มองย่า หัวหน้าหมู่ทะลวงฟัน นักรบคนสนิทที่รู้ใจ เนมโยสีหปะเต๊ะ มากที่สุดอีกคนหนึ่ง ถึงกับสะดุ้งเฮือกสุดตัว กับคำถามเสียงต่ำๆนั้น!!

 

"ขะๆ คือว่า..เอ่ออออ..ฝ่ายมะๆม้าาาาเร็ว ของเรา ได้เเจ้งมาว่า ท่านเมขะระโบ กับท่าน เเนกวนจอโบ นำทหาร 3,000 นาย ไปยังปากน้ำโยทะกา สามารถตีทัพหน้าของ กรมหมื่นเทพพิพิธ เเตกเเล้วขอรับท่านเเม่ทัพ!!....

 

"อืมมมม..."

 

รอยเเสยะยิ้มทางมุมปากข้างขวา ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้หนวดเครารุงรังของ เนมโยสีหปะเต๊ะ พร้อมเเววตาเสีอคู่นั้น เริ่มอ่อนโยนลง พร้อมทั้งเสียงเเอบถอนหายใจของนักรบคู่บารมี ดังขึ้นอย่างเงียบๆ โดยที่มิได้มีการนัดหมาย

 

"เเล้วไอ้หมื่นเก้า กับหมื่นศรีนาวา ทหารเอกของมันล่ะ?.."

 

"ตายในที่รบ!! ขอรับ..."

 

"เเล้วตัวหัวหน้ามันล่ะ?!..."

 

"เอ่อออ..ตัวกรมหมื่นเทพพิพิธ ได้หนีไปทางพิมาย ส่วนกองทัพอาสาชาวปากน้ำโยทะกา ก็สลายตัวไปจนหมดสิ้นเเล้วล่ะขอรับ ท่านเเม่ทัพ!!...."

 

"ดี!!.."

 

เสียงคำรามสั้นๆของ เนมโยสีหปะเต๊ะ ที่บ่งบอกถึงอาการเเสดงความสะใจ!! ก่อนที่จะเสียบง้าวเข้าไปในซอง เเล้วก็วางไว้ที่ สัปคับคชาธาร ตามเดิม

 

"เเล้วเมื่อคืน มันผู้ใดเเหกด่านวัดพิชัยออกไป?!!

 

"เจ้าเมืองตาก พร้อมทหารไพร่เลว คะเนไม่เกิน 500 คน คาดว่าขี้ขลาดตาขาว กลัวตาย ก็เลยไม่มีกะจิตกะใจจะคิดต่อสู้ ขอรับกระผม..."

 

เเม่ทัพเเห่งกรุงอังวะ มองจ้องหน้า มองย่า หัวหน้าหมู่ทะลวงฟัน ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงอันดังว่า....

 

"มึงจัด เสือหมอบเเมวเซา เเทรกซึมสังเกตุการณ์ความเคลื่อนไหว ที่ไอ้กลุ่มพวกนี้มันตีฝ่าวงล้อมออกไป ว่ามีชาวบ้านกลุ่มไหนบ้างที่จะไปเข้าร่วมกับมัน เเล้วเอากองกำลังไป 2,000 ให้ผ่านพ้นเจ็ดราตรี ค่อยบดขยี้มันทั้งหมด!! เเล้วมึง ไอ้มองย่า!!..มึงจะต้องเอาหัวของไอ้เจ้าเมืองตากคนนี้ มาสังเวยกูให้ได้!!.."

 

สิ้นเสียงคำสั่ง เนมโยสีหปะเต๊ะ เเม่ทัพใหญ่เเห่งกรุงอังวะ ก็ผละออกไปจากที่ประชุมวางเเผนเหล่าทัพ ด้วยสายตามีเเววเเห่งความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด!!.....

 

 

guest

Post : 2017-06-29 19:16:58.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  รู้ตัว!! เดรัจฉานที่ฆ่า น้องฝ้าย เด็กเสริฟปราณบุรี!!...

 

*** รู้ตัวเเล้ว!! เดรัจฉานฆ่าน้องฝ้าย เด็กเสริฟปราณบุรี!!..***
www.arjanpong.com
ภาพวงจรปิดมัดตัวชายต้องสงสัยขี่รถจักรยานยนต์น้องฝ้ายไปตามถนนเพชรเกษม ผู้การประจวบฯ สั่งเร่งล่าตัว คาดบ่ายนี้ออกหมายจับได้

(29 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า คดีฆ่าเปลือย น้องฝ้าย อายุ 25 ปี ชาวบ้านแพรกตระคร้อ ต.บึงนคร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยน้องฝ้ายเป็นหญิงสาวหน้าดี ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารอีสานชื่อดังใน อ.ปราณบุรี โดยพบศพน้องฝ้ายในห้องเช่า ม.2 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา โดยคดีฆ่าเปลือยน้องฝ้ายนี้ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญของ อ.ปราณบุรี และประชาชนต่างให้ความสนใจติดตามความคืบหน้าของคดีกันอย่างใกล้ชิด

สำหรับความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.15 น. พล.ต.ต.ประเสริฐ ศิริพรรณาภิรัตน์ ผู้บังคับการ(ผบก.)ประจำกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ประชุมทีมสืบสวนและชุดคลี่คลายคดี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ที่ สภ.ปราณบุรี โดยมี พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปราณบุรี และทีมสอบสวนภูธรประจวบคีรีขันธ์ ร่วมรายงานความคืบหน้าของคดีด้วย

สำหรับความคืบหน้าในทางคดีนั้น พบว่า มีพยานหลักฐานสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ตรวจพบบนถนนเพชรเกษมตามเส้นทางกลับบ้านของชายต้องสงสัย อายุประมาณ 25 ปี และมีพยานบุคคลเห็น ชายต้องสงสัยคนเดียวกับที่มีเพื่อนบ้านพบเห็นว่าขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าสกูปปี้ ไอ ของน้องฝ้าย ออกจากห้องเช่าเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งตำหนิรูปพรรณของชายต้องสงสัย และเสื้อผ้าการแต่งกายของชายต้องสงสัย ทั้งเสื้อลายทหารและกางเกงขาสั้นแบบเจเจ ตรงกับพยานที่เห็นเหตุการณ์

โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมเวลาที่ปรากฎ มาประกอบและเชื่อมโยงข้อมูลกับเหตุการณ์ในช่วงเกิดเหตุ โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ตามประกบตัวชายต้องสงสัยแล้ว โดยในขณะนี้ชายต้องสงสัยได้หลบหนีออกนอกจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปกบดานอยู่ในพื้นที่ข้างเคียงแล้ว ส่งหมายจับชายต้องสงสัย คาดว่าจะสามารถออกได้ในภาคบ่ายวันนี้.........

guest

Post : 2017-06-28 13:47:58.0     Forum: Live : เฟสบุ๊ค สถานที่จริง  >  ลลลล

เรียกได้ว่าเป็นคลิปที่ส้รางความสะเทือนใจหนักในโลกโชเซี่ยล โดยเป็นคลิปที่มีวัยรุ่นสองคนที่อาจจะทนไม่ไหว พฤติกรรมถีงกับต้องบุกไปห้ามอาจารย์คนดังกล่าว โดยเมื่อไปถึงพบอาจารย์คนดังกล่าวนั้นได้กำลังตีพ่อแท้ๆของตัวเองจนไม้หัก โดยหลังจากที่เข้าไปห้ามก็ได้มีการเถียงและถามถึงเหตุผลที่อาจารย์คนดังกล่าวนั้นตีพ่อของตนเอง โดยอาจารย์ได้อ้างเหตุผล โดยระบุว่าพ่อทำน้ำท่วมบ้าน 

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Paiboon Jarungkitkul ได้มีการโพสต์คลิปการมีปาก

เสียงกันระหว่างหนุ่มและหญิงคนหนึ่งที่เป็นอาจารย์ เนื่องจากฝ่ายหญิงนั้นได้ใช้

ไม้ตีพ่อวัยชราที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ จนฝ่ายที่ถ่ายคลิปซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้อง

รีบเข้ามาห้าม โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ครายดังกล่าวได้ระบุว่า ตีพ่อทุกวันเข้าใจนะครับว่า

เครียดพ่อเป็นอัลไซเมอร์ พิกัดจรัญ65ข้างปั๊มpt พร้อมคอมเม้นเพิ่มเติมระบุว่า

มันมีวิธีที่ดีกว่านี้มั้ยคุณเป็นถึงอาจารย์สอนนักศึกษาในมหาลัย..พ่อแม่ผมก็ป่วย

เข้าใจว่าเครียดดูแลคนเดียวแต่ควรมีสติหน่อยสิครับ.........

 

           

처음 이전 ... 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 ... 다음 끝

 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_jUHKM1YHcc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>